วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 148 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b32:
มีแก้ไขก็อปมาแปะใหม่ด้วย555...เข้าใจไหมคุณกรัชกายว่าเสียงเกิดในความมืดคิดก็มืดมืดสนิท
แสดงว่าอ่านไม่มีการไตร่ตรองเลยอ่ะคนเรา...การฟังไม่มีเสียงอนาคตมาวางเรียงลำดับไว้ล่วงหน้า
แล้วเมื่อไหร่จะคิดถูกตามได้การคิดตามเนี่ยต้องตาดูหูฟังคิดตามเสียงตรงความหมายของเสียงทีละคำ
:b32: :b32:
แก้ใหม่ตามนี้...อ่านทีละคำ คิดตามตรงคำ ตรงความหมายของเสียงทีละเสียง พิจารณาตาที่เห็นไปด้วย
Rosarin เขียน:

การคิดถึงตัวตนว่ามีจริงคือไม่เคยคิดถึงความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
การรู้สึกตัวตรงสัจจะตามคำสอนคือการระลึกถึงสิ่งที่กำลังมีที่ตัวไม่มีสิ่งที่เห็นนอกดวงตา
เพราะจักขุวิญญาณเกิดที่ข้างในที่จักขายตนะที่เป็นอายตนะภายในกายตรงลึกๆในตาดำดับคือมืด
โลกมืดเพราะคนระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยตรงถูกที่ตัวตรงตามทีละ1ทางตรง1ดวงตรงจริง
คิด ให้ ถูก ตัว ตรง ที ละ 1 ทาง มี 6 ทาง เกิด และ ดับ ใน ตรง ที่ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ส่วนข้างนอกไม่มี
ไม่ว่าจะเป็นนักปรัชญา นอสตราดามุส ไอร์สไตน์ที่ว่าเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีใครรู้อย่างพระพุทธเจ้า
คิดมันมืดอ่านไปก็มโนเดาไปเอาเองตามที่ตาส่งออกไปตามเห็นผิดของตัวตนตัวเองบอกว่าคิดมันมืดเห็นแจ้งคิดเองไม่ได้เข้าใจไหมคะว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทำได้แค่คิดถูกตรงตามได้เท่านั้นจึงจะไม่ทำผิด
คือการไม่ไปเพื่อทำตามใจตัวเอง คือการคิดก่อนพูด คือการคิดก่อนทำ คือคิดก่อนไปไหนต่อไหนๆ คือฟังๆๆ


ที่พูดมาทั้งหมดนั้นแหละเรียกมโนคิดวาดภาพ เสมือนคนสูบกัญชาเข้าไปสามบ้องจนหูตาลายแล้วลงนอนมองไปบนท้องฟ้าเห็นก้อนเมฆลอยมาไปลอยมา ก็เรียกให้คนมาดูว่า นี่หล่อน เมฆก้อนนั้นเหมือนภูเขานางนอน :b32: ก้อนนั้นเหมือนเกาะแก้วพิสดาร ก้อนนั้นเหมือนไก่ ฯลฯ ฉันใด คุณโรสและสมาชิกก็ฉันนั้นแล.

จบข่าว :b13:

ก่อนเห็นนั้นไม่เห็นค่ะ
พอเห็นปุ๊บรูปกระทบตาดับมืด
คิดอะไรที่เห็นนอกตาแปลว่ามีความคิดเห็นผิด
ขณะนี้คุณกำลังมีความคิดเห็นผิด ตรงกับภาษาบาลีว่า มิจฉาทิฏฐิ
เพราะคุณลืมพึ่งคิดตามคำสอนคิดไม่ตรงสัจจะตามคำสอนอยู่เดี๋ยวนี้เลยไม่มีเรามีแต่สัจจะธัมมะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b32:
มีแก้ไขก็อปมาแปะใหม่ด้วย555...เข้าใจไหมคุณกรัชกายว่าเสียงเกิดในความมืดคิดก็มืดมืดสนิท
แสดงว่าอ่านไม่มีการไตร่ตรองเลยอ่ะคนเรา...การฟังไม่มีเสียงอนาคตมาวางเรียงลำดับไว้ล่วงหน้า
แล้วเมื่อไหร่จะคิดถูกตามได้การคิดตามเนี่ยต้องตาดูหูฟังคิดตามเสียงตรงความหมายของเสียงทีละคำ
:b32: :b32:
แก้ใหม่ตามนี้...อ่านทีละคำ คิดตามตรงคำ ตรงความหมายของเสียงทีละเสียง พิจารณาตาที่เห็นไปด้วย
Rosarin เขียน:

การคิดถึงตัวตนว่ามีจริงคือไม่เคยคิดถึงความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
การรู้สึกตัวตรงสัจจะตามคำสอนคือการระลึกถึงสิ่งที่กำลังมีที่ตัวไม่มีสิ่งที่เห็นนอกดวงตา
เพราะจักขุวิญญาณเกิดที่ข้างในที่จักขายตนะที่เป็นอายตนะภายในกายตรงลึกๆในตาดำดับคือมืด
โลกมืดเพราะคนระลึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยตรงถูกที่ตัวตรงตามทีละ1ทางตรง1ดวงตรงจริง
คิด ให้ ถูก ตัว ตรง ที ละ 1 ทาง มี 6 ทาง เกิด และ ดับ ใน ตรง ที่ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ส่วนข้างนอกไม่มี
ไม่ว่าจะเป็นนักปรัชญา นอสตราดามุส ไอร์สไตน์ที่ว่าเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีใครรู้อย่างพระพุทธเจ้า
คิดมันมืดอ่านไปก็มโนเดาไปเอาเองตามที่ตาส่งออกไปตามเห็นผิดของตัวตนตัวเองบอกว่าคิดมันมืดเห็นแจ้งคิดเองไม่ได้เข้าใจไหมคะว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทำได้แค่คิดถูกตรงตามได้เท่านั้นจึงจะไม่ทำผิด
คือการไม่ไปเพื่อทำตามใจตัวเอง คือการคิดก่อนพูด คือการคิดก่อนทำ คือคิดก่อนไปไหนต่อไหนๆ คือฟังๆๆ


ที่พูดมาทั้งหมดนั้นแหละเรียกมโนคิดวาดภาพ เสมือนคนสูบกัญชาเข้าไปสามบ้องจนหูตาลายแล้วลงนอนมองไปบนท้องฟ้าเห็นก้อนเมฆลอยมาไปลอยมา ก็เรียกให้คนมาดูว่า นี่หล่อน เมฆก้อนนั้นเหมือนภูเขานางนอน :b32: ก้อนนั้นเหมือนเกาะแก้วพิสดาร ก้อนนั้นเหมือนไก่ ฯลฯ ฉันใด คุณโรสและสมาชิกก็ฉันนั้นแล.

จบข่าว :b13:

ก่อนเห็นนั้นไม่เห็นค่ะ
พอเห็นปุ๊บรูปกระทบตาดับมืด
คิดอะไรที่เห็นนอกตาแปลว่ามีความคิดเห็นผิด
ขณะนี้คุณกำลังมีความคิดเห็นผิด ตรงกับภาษาบาลีว่า มิจฉาทิฏฐิ
เพราะคุณลืมพึ่งคิดตามคำสอนคิดไม่ตรงสัจจะตามคำสอนอยู่เดี๋ยวนี้เลยไม่มีเรามีแต่สัจจะธัมมะ
:b32: :b32:

ฟังบ้างนะ...ตายแล้วจะให้ฟื้นมานั่งฟังไม่ได้น๊า...เดี๋ยวนี้คุณกำลังรู้อะไรที่กายกำลังมีตรงแค่1เดียวเท่านั้น
https://youtu.be/-k7IO4gTk-g


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

อวิชชาพาให้เกิด
ตัวตนคุณพาไปทำอวิชชาเพิ่ม
โรสบอกให้คุณทำปัญญาแรกตรงปัจจุบันขณะ
ตั้งแต่เกิดมาจนรู้ความคุณไม่เคยทำปัญญาตรงทางหูจริงๆเลย
คุณเอาแต่อ่านตำราเชื่อตำราแล้วก็เชื่อความคิดตัวเองตามที่กำลังคิดเห็นผิด
คุณเห็นผิดว่ามีคนเป็นครูอาจารย์มาบอกให้ทำอะไรคุณก็ทำตามเขาสั่งหมดมาแต่เกิดแล้ว
โรสไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อและบอกคุณว่าให้เริ่มต้นฟังแล้วดูพฤติกรรมทุกๆคนตามคำสอนว่าผิดหรือถูก
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดแล้วให้ฟังจนกว่าจะเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงปัจจุบันไม่ได้ให้ไปหลงทำผิด
เออบอกไม่ฟัง...ก็บอกว่าให้ฟังก่อนเป็นผู้ว่ายาก...การฟังไม่ทำให้เข้าใจผิดไม่ทำให้หลงไปทำผิดๆตามใครสั่ง
พระพุทธเจ้าเทศนาธรรมถึง45ปีแล้วมีคนจดบันทึกว่ามีคนมาฟังที่ไหนบ้างพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังก่อนทำผิด
https://youtu.be/26_5h2sccFs


คุณโรสและเจ้าสำนักนี่ไปเอาศัพท์นั่นนี่มาแล้วก็มาคิดมโนวาดภาพไป อวิชชาพาให้เกิดบ้าง ไปทำอวิชชาเพิ่มบ้าง เป็นต้น โดยเข้าใจไปว่าฟังศาสดีแม่สุจินและคณะพูดแล้วอวิชชาจะหมดไปสิ้นไป :b32: อย่างนี้ใช่ไหมขอรับ ตอบ

1.ใช่
2.ไม่ใช่ต้องปฏิบัติด้วย

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2 :b13:

:b12:
ตะกี้นี้เองทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่คุณมีตอนนี้เป็นอันใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้ไม่มีสัญญาเดิมคือความจำบัญญัติคำใดๆแล้วค่ะ
เพราะทุกวินาทีอันเก่าไม่มีเป็นขันธ์5อันใหม่ทั้งหมด
จิตเกิดดับแต่ละครั้งมีเพียงขณะจิตเดียวตรงทาง
คุณไม่เข้าใจหรือคะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้านับให้=แสนล้าน
แสนโกฏิขณะจิตที่ดับไปไม่มีแล้ว
คุณยังหลงไปทำตามใจตัวเอง
คุณไม่มีศรัทธาในการฟัง
คุณไม่รู้ว่าจิตได้ยินคือ
ทางเดียวที่มีเสียง
ที่ทำให้รู้จัก
จิตอื่นๆได้
นอกนั้น
ไม่มี
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังจะอ้างแต่ตำราอยู่นั่นแหละตัวตนและทิฏฐิเยอะ
ฟังก็ไม่ฟังตรงปัจจุบันรู้ไหมปัญญาคุณนั้นมันมีไม่พอ
จิตเกิดดับได้ทีละ1ทางและเกิดทีละ1ขณะดับหมดก่อน
จิตทางอื่นแค่1ทางจึงจะเกิดต่อไปได้คือเอก=เอกา=ทีละหนึ่ง
เดี๋ยวนี้คุณมีครบ6ทางที่ไม่ได้เกิดตรงกันและไม่เกิดพร้อมกันเลย
เวลาคุณคิดคือมโนทวารวิถีมันมืดส่วนตอนเห็นคือจักขุทวารวิถีมีแสง
คิดไม่ได้เกิดพร้อมเห็นดังนั้นขณะนี้คุณคิด+เห็นมันจึงเป็นคิดเห็นผิดจริงๆ
เข้าใจไหมอ่านทบทวนการคิดและการเห็นของตาตัวเองให้ตรงตามความคิดโรส
จนกว่าจะคิดตรงคิดเพราะคิดเป็นคิดและตอนคิดมันไม่มีจิตเห็นปรากฏรู้มั๊ยอะไรกำลังปรากฏ


พ่ะน่ะ เอาหลักมาให้ดูก็ไม่เข้าใจ จะเอาจิตเกิดดับ คิกๆๆ นี่เกิดดับไหม


อ้างคำพูด:
ได้ยินเสียงสวดมนต์ทั้งนั่งสมาธิและเดินจงกรม

ปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมาค่ะ

แล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องนั่งสมาธิ เกิดปวดขาอย่างมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ทนนั่งจนหมดเวลา ... ระหว่างที่ปวดมากๆ ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา และสู้เนื่องจากเคยได้ยินว่า "ไม่เคยมีใครตายจากการนั่งสมาธิ" รวมทั้งประโยคที่ว่า "นิพพานอยู่ฝั่งตาย" (จำไม่ได้ว่าเป็นของหลวงพ่อท่านไหนค่ะ) และคิดว่าตายเป็นตายแต่จะไม่ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถก่อนหมดเวลาแน่นอน (ใจก็นึกถึงแต่พระพุทธเจ้าตลอดเวลาค่ะ)

เมื่อนาฬิกาดังหมดเวลา เราก็ลืมตาเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อคลายอาการปวดขา แต่เรารู้สึกว่า...ทันทีที่เราลืมตา เราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหู ทั้งๆที่เวลานั้นไม่ได้มีพระสวดมนต์อยู่ใกล้ๆค่ะ

ก่อนหน้านี้....เมื่อครั่งที่เราไปปฏิบัติธรรมครั้งแรก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เราก็สวดแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลที่บ้านเราก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังอยู่ในหูอีกเหมือนกัน ทั้งๆที่ใกล้ๆบ้านก็ ไม่มีวัด และไม่มีใครเปิดวิทยุค่ะ (ตอนแรกนึกว่ามีพระสวดทำวัตรเย็นอยู่ใกล้ๆ แต่บ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้วัด)

แล้วก็เคยมีอีกครั้งนึง เราคุยกับแม่ แนะนำแม่เรื่องการไปปฎิบัติธรรม และชวนแม่ให้ไปปฏิบัติ ธรรมด้วยกัน ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังแว่วในหูอีก

เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน2 ครั้งแรก จะได้ยินเพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงชม. แต่ครั้งล่าสุดได้ยิน (หลังจาก
นั่งสมาธิ) ดังนานหลาย ชม. ตั่งแต่ประมาณเกือบ 4 โมงเย็น จนถึงเวลานอนตอน 4 ทุ่มเลย

เสียงสวดมนต์ดังกล่าว เป็นเสียงเหมือนพระสวดมนต์ ฟังจับใจความได้เป็นบางคำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นบทสวดอะไร

บางครั้งก็จะได้ยินเป็นเสียงดนตรีไทยบรรเลงอยู่ ระหว่างสวดมนต์และตอนเดินจงกรม ทั้งที่ วัดและที่บ้าน ถามเพื่อนที่ไปด้วยกันว่าได้ยินไหม เค้าบอกว่าไม่ เห็นได้ยินอะไรเลย เราก็เลยไม่กล้าถามเค้าต่อ กลัวเขาว่าเราสติไม่ดี อ่ะค่ะ

เลยอยากถามผู้มีความรู้หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์ว่าเคยมีใครได้ยินเป็นลักษณะนี้บ้างหรือ
ไม่ แล้วเป็นเสียงของใครเหรอคะ หรือว่าเราคิดมากไปเอง



นี่จิตเกิดดับไหม ตอบ

1. ไม่เกิดดับ
2.เกิดดับ

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

cool
บัญญัติทุกคำในพระไตรปิฏก
คุณมีตรงได้แค่1คำค่ะคุณกรัชกาย
ทุกคนเลยมีจิตตรงสัจจะได้ทีละ1ดวงตรงจริงเรียกว่าสัจจะธัมมะ
เพราะแสนล้านดวงจิตที่ทุกคนกำลังมีคือ1ขณะจิตที่กำลังเกิดดับเป็น1ในจิต89-121ประเภทค่ะ
มีแล้วเป็นไปแล้วตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วอะไรที่ยังไม่เกิดก็คือรู้ไม่ได้อะไรที่ผ่านไปก็ไม่รู้ไปแล้วรู้คือตื่นรู้ตัวเดี๋ยวนี้
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

บัญญัติทุกคำในพระไตรปิฏก
คุณมีตรงได้แค่1คำค่ะคุณกรัชกาย
ทุกคนเลยมีจิตตรงสัจจะได้ทีละ1ดวงตรงจริงเรียกว่าสัจจะธัมมะ
เพราะแสนล้านดวงจิตที่ทุกคนกำลังมีคือ1ขณะจิตที่กำลังเกิดดับเป็น1ในจิต89-121ประเภทค่ะ
มีแล้วเป็นไปแล้วตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วอะไรที่ยังไม่เกิดก็คือรู้ไม่ได้อะไรที่ผ่านไปก็ไม่รู้ไปแล้วรู้คือตื่นรู้ตัวเดี๋ยวนี้



เหมือนเราพูดกันคนละเรื่องเดียวกันน้อ ถามอย่างตอบอย่าง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ตะกี้นี้เองทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่คุณมีตอนนี้เป็นอันใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้ไม่มีสัญญาเดิมคือความจำบัญญัติคำใดๆแล้วค่ะ
เพราะทุกวินาทีอันเก่าไม่มีเป็นขันธ์5อันใหม่ทั้งหมด
จิตเกิดดับแต่ละครั้งมีเพียงขณะจิตเดียวตรงทาง
คุณไม่เข้าใจหรือคะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้านับให้=แสนล้าน
แสนโกฏิขณะจิตที่ดับไปไม่มีแล้ว
คุณยังหลงไปทำตามใจตัวเอง
คุณไม่มีศรัทธาในการฟัง
คุณไม่รู้ว่าจิตได้ยินคือ
ทางเดียวที่มีเสียง
ที่ทำให้รู้จัก
จิตอื่นๆได้
นอกนั้น
ไม่มี


ที่มองเห็นความในใจคุณโรสอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือความตั้งใจพิมพ์ประดิษฐ์ประดอยร้อยเรียงตัวอักษรให้เป็นเหลี่ยมเป็นคูจากมากไปหาน้อย ค่อยๆลดลงๆ เหลืออยู่สองคำ "ไม่มี" คิกๆๆ แค่นี้แหละ นอกนั้นฟุ้งซ่าน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

บัญญัติทุกคำในพระไตรปิฏก
คุณมีตรงได้แค่1คำค่ะคุณกรัชกาย
ทุกคนเลยมีจิตตรงสัจจะได้ทีละ1ดวงตรงจริงเรียกว่าสัจจะธัมมะ
เพราะแสนล้านดวงจิตที่ทุกคนกำลังมีคือ1ขณะจิตที่กำลังเกิดดับเป็น1ในจิต89-121ประเภทค่ะ
มีแล้วเป็นไปแล้วตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วอะไรที่ยังไม่เกิดก็คือรู้ไม่ได้อะไรที่ผ่านไปก็ไม่รู้ไปแล้วรู้คือตื่นรู้ตัวเดี๋ยวนี้



เหมือนเราพูดกันคนละเรื่องเดียวกันน้อ ถามอย่างตอบอย่าง :b1:


พระพุทธเจ้าบอกตรงไปตรงมา
ไม่มีอ้อมไปทำก่อนค่อยจะรู้
เพราะรู้คิดตรงตามได้ทันที
ไม่มีปลีกตัวไปทำอะไรอีก
ไปอยากคาดคั้นทำๆๆๆ
การทำนั้นมันปิดกั้นปัญญา
ยิ่งไปทำยิ่งอยากยิ่งยุ่งยากขึ้น
เพราะนิพพานถึงด้วยหมดอยากถึง
รวยปัญญาแล้วจะไปอยากอะไร
อันพวกที่อยากได้อยากดีอยู่นั้น
เป็นประเภทที่ไม่รู้สึกตัวว่าไม่ดีแล้วที่ทำตัวตนให้ยึดติดการกระทำ555
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ตะกี้นี้เองทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่คุณมีตอนนี้เป็นอันใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้ไม่มีสัญญาเดิมคือความจำบัญญัติคำใดๆแล้วค่ะ
เพราะทุกวินาทีอันเก่าไม่มีเป็นขันธ์5อันใหม่ทั้งหมด
จิตเกิดดับแต่ละครั้งมีเพียงขณะจิตเดียวตรงทาง
คุณไม่เข้าใจหรือคะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้านับให้=แสนล้าน
แสนโกฏิขณะจิตที่ดับไปไม่มีแล้ว
คุณยังหลงไปทำตามใจตัวเอง
คุณไม่มีศรัทธาในการฟัง
คุณไม่รู้ว่าจิตได้ยินคือ
ทางเดียวที่มีเสียง
ที่ทำให้รู้จัก
จิตอื่นๆได้
นอกนั้น
ไม่มี


ที่มองเห็นความในใจคุณโรสอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือความตั้งใจพิมพ์ประดิษฐ์ประดอยร้อยเรียงตัวอักษรให้เป็นเหลี่ยมเป็นคูจากมากไปหาน้อย ค่อยๆลดลงๆ เหลืออยู่สองคำ "ไม่มี" คิกๆๆ แค่นี้แหละ นอกนั้นฟุ้งซ่าน


พระพุทธเจ้าสอนความจริงให้รอบรู้ตรงคำ
เช่น ธรรม คือทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำสภาพธรรมไม่เก็ตเหรอ
เออที่พากันหลงผิดเอาตัวตนไปทำมานับไม่ถ้วน
นั่นแหละมันยิ่งทำให้ตัวตนเพิ่มมากขึ้นไปอีกไม่รู้รึ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้นิพพานและสิ่งที่จิตทุกดวงทั้ง31ภพภูมิกำลังมีกำลังเป็น
ตามที่ทรงบัญญัติคำต่างๆไว้มากมายนั้นน่ะตัวเองเป็นแล้วตามที่ตถาคตตรัสรู้ไม่ได้ทำ
พระพุทธเจ้าทรงบอกให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อตามหลักกาลามสูตร10ฮิ้วววววๆๆๆๆบอกไม่ฟังกิ้วๆๆๆจ้างให้ก็ไม่รู้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ตะกี้นี้เองทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่คุณมีตอนนี้เป็นอันใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้ไม่มีสัญญาเดิมคือความจำบัญญัติคำใดๆแล้วค่ะ
เพราะทุกวินาทีอันเก่าไม่มีเป็นขันธ์5อันใหม่ทั้งหมด
จิตเกิดดับแต่ละครั้งมีเพียงขณะจิตเดียวตรงทาง
คุณไม่เข้าใจหรือคะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้านับให้=แสนล้าน
แสนโกฏิขณะจิตที่ดับไปไม่มีแล้ว
คุณยังหลงไปทำตามใจตัวเอง
คุณไม่มีศรัทธาในการฟัง
คุณไม่รู้ว่าจิตได้ยินคือ
ทางเดียวที่มีเสียง
ที่ทำให้รู้จัก
จิตอื่นๆได้
นอกนั้น
ไม่มี


ที่มองเห็นความในใจคุณโรสอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือความตั้งใจพิมพ์ประดิษฐ์ประดอยร้อยเรียงตัวอักษรให้เป็นเหลี่ยมเป็นคูจากมากไปหาน้อย ค่อยๆลดลงๆ เหลืออยู่สองคำ "ไม่มี" คิกๆๆ แค่นี้แหละ นอกนั้นฟุ้งซ่าน


พระพุทธเจ้าสอนความจริงให้รอบรู้ตรงคำ
เช่น ธรรม คือทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำสภาพธรรมไม่เก็ตเหรอ
เออที่พากันหลงผิดเอาตัวตนไปทำมานับไม่ถ้วน
นั่นแหละมันยิ่งทำให้ตัวตนเพิ่มมากขึ้นไปอีกไม่รู้รึ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้นิพพานและสิ่งที่จิตทุกดวงทั้ง31ภพภูมิกำลังมีกำลังเป็น
ตามที่ทรงบัญญัติคำต่างๆไว้มากมายนั้นน่ะตัวเองเป็นแล้วตามที่ตถาคตตรัสรู้ไม่ได้ทำ
พระพุทธเจ้าทรงบอกให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อตามหลักกาลามสูตร10ฮิ้วววววๆๆๆๆบอกไม่ฟังกิ้วๆๆๆจ้างให้ก็ไม่รู้
:b32: :b32:


คิกๆๆ มาอีกแระกาลามสูตร

นั่นล้วนแต่ตีความผิดทั้งสิ้น ถึงได้บอกว่า คุณโรสต้องกลับไปเริ่มต้นจากสิ่งที่มองเห็นเป็นรูปธรรมก่อน เช่น การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ไหว้พระสวดมนต์ท่องบ่นสาธยาย ปล่อยปลาปล่อยเต่าลงน้ำ เป็นต้นเอาก่อน

แต่บอกให้ทำแบบเห็นๆ ก็ว่า ไปสร้างพระอิฐพระปูนพระโลหะกันทำไมเยอะแยะ อ้าวไปโน่นอีก :b32:

ผู้ที่อ่านหนังสืออ่านตำราทางศาสนาแล้วตีความผิดอย่างน่าขัน ก็คือ ไปอ่านข้อความว่า "ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า" ตีความน้ำมูตรเน่าเป็นเยี่ยว แล้วก็ชักชวนกันดื่มเยี่ยวตัวเองเพื่อรักษาโรค

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ตะกี้นี้เองทั้งทางตาหูจมูกลิ้นกายใจที่คุณมีตอนนี้เป็นอันใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้ไม่มีสัญญาเดิมคือความจำบัญญัติคำใดๆแล้วค่ะ
เพราะทุกวินาทีอันเก่าไม่มีเป็นขันธ์5อันใหม่ทั้งหมด
จิตเกิดดับแต่ละครั้งมีเพียงขณะจิตเดียวตรงทาง
คุณไม่เข้าใจหรือคะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้านับให้=แสนล้าน
แสนโกฏิขณะจิตที่ดับไปไม่มีแล้ว
คุณยังหลงไปทำตามใจตัวเอง
คุณไม่มีศรัทธาในการฟัง
คุณไม่รู้ว่าจิตได้ยินคือ
ทางเดียวที่มีเสียง
ที่ทำให้รู้จัก
จิตอื่นๆได้
นอกนั้น
ไม่มี


ที่มองเห็นความในใจคุณโรสอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือความตั้งใจพิมพ์ประดิษฐ์ประดอยร้อยเรียงตัวอักษรให้เป็นเหลี่ยมเป็นคูจากมากไปหาน้อย ค่อยๆลดลงๆ เหลืออยู่สองคำ "ไม่มี" คิกๆๆ แค่นี้แหละ นอกนั้นฟุ้งซ่าน


พระพุทธเจ้าสอนความจริงให้รอบรู้ตรงคำ
เช่น ธรรม คือทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำสภาพธรรมไม่เก็ตเหรอ
เออที่พากันหลงผิดเอาตัวตนไปทำมานับไม่ถ้วน
นั่นแหละมันยิ่งทำให้ตัวตนเพิ่มมากขึ้นไปอีกไม่รู้รึ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้นิพพานและสิ่งที่จิตทุกดวงทั้ง31ภพภูมิกำลังมีกำลังเป็น
ตามที่ทรงบัญญัติคำต่างๆไว้มากมายนั้นน่ะตัวเองเป็นแล้วตามที่ตถาคตตรัสรู้ไม่ได้ทำ
พระพุทธเจ้าทรงบอกให้ฟังไม่ใช่ให้เชื่อตามหลักกาลามสูตร10ฮิ้วววววๆๆๆๆบอกไม่ฟังกิ้วๆๆๆจ้างให้ก็ไม่รู้
:b32: :b32:


คิกๆๆ มาอีกแระกาลามสูตร

นั่นล้วนแต่ตีความผิดทั้งสิ้น ถึงได้บอกว่า คุณโรสต้องกลับไปเริ่มต้นจากสิ่งที่มองเห็นเป็นรูปธรรมก่อน เช่น การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ไหว้พระสวดมนต์ท่องบ่นสาธยาย ปล่อยปลาปล่อยเต่าลงน้ำ เป็นต้นเอาก่อน

แต่บอกให้ทำแบบเห็นๆ ก็ว่า ไปสร้างพระอิฐพระปูนพระโลหะกันทำไมเยอะแยะ อ้าวไปโน่นอีก :b32:

ผู้ที่อ่านหนังสืออ่านตำราทางศาสนาแล้วตีความผิดอย่างน่าขัน ก็คือ ไปอ่านข้อความว่า "ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า" ตีความน้ำมูตรเน่าเป็นเยี่ยว แล้วก็ชักชวนกันดื่มเยี่ยวตัวเองเพื่อรักษาโรค

:b32:
ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก
ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะดูพระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดยิบโดยไม่ให้ไปคิดแต่งต่อเติมเองอีกเลยฟังซะสิจะได้รู้สำนึกว่ากำลังทำอะไร
https://youtu.be/S6gX3sbPhA8
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก

ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะได้พระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
:b32: :b32:


ปัจจุบันจะเอาถ้ำที่ไหน ถ้ำก็เป็นเขตป่าสงวนห้ามเข้า :b13: ใครขืนเดินทะเร่อทะร่ากันเข้าไปถูกจับติดคุกอีก :b32:
นั่นแหละคือการตีความแบบทื่อๆโด่ๆ ตำราเขาว่าอย่างนั้น แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อมมันไม่เอื้อ ก็ต้องผลิกแพลงกันไป เช่น ไปตั้งสำนักปฏิบัติ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก
ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะดูพระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดยิบโดยไม่ให้ไปคิดแต่งต่อเติมเองอีกเลยฟังซะสิจะได้รู้สำนึกว่ากำลังทำอะไร
https://youtu.be/S6gX3sbPhA8
:b32: :b32:


อวิชชา คุณโรสนำมาพูดบ่อยๆ ไหนลองบอกความหมาย อวิชชา ดิ ว่ามันหมายถึงอะไร ยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก
ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะดูพระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดยิบโดยไม่ให้ไปคิดแต่งต่อเติมเองอีกเลยฟังซะสิจะได้รู้สำนึกว่ากำลังทำอะไร
https://youtu.be/S6gX3sbPhA8
:b32: :b32:


อวิชชา คุณโรสนำมาพูดบ่อยๆ ไหนลองบอกความหมาย อวิชชา ดิ ว่ามันหมายถึงอะไร ยังไง

:b12:
มีตามีหัวใจกันทุกคนดูพฤติกรรมที่แต่ละคนทำตามคำสอนเข้าใจมั๊ยคะ
เข้าใจคำนี้ไหม
สมัยพุทธกาลจำเป็นต้องบวชเพราะบรรลุอรหัตตผลแล้ว
พันปีที่3ไม่มีพระอรหันต์แล้วเป็นพระอนาคามีได้โดยไม่ต้องบวช
พันปีที่1คือพศ.......0-1000
พันปีที่2คือพศ.1001-2000
พันปีที่3คือพศ.2001-3000
ปีนี้2563อยู่ในพันปีที่3แล้วใครจะไปพูดว่ารู้จักพระอรหันต์ผิดไหม
พระพุทธเจ้าบอกว่าคนที่มีบรรลุปัญญาเท่ากันถึงจะรู้ว่าเป็นอริยะระดับไหน
สมัยนี้ชอบพูดว่าคนนั้นเป็นอรหันต์ตัวคนพูดปัญญาถึงอรหันต์แล้วเหรอ555
พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดรู้จักว่าอะไรถูกอะไรผิดคนที่ไม่รู้ว่าผิดก็จะไม่เลิกทำ
คนที่จะบอกได้ว่าใครคือพระอรหันต์ต้องมีปัญญาระดับอรหันต์ค่ะคุณ
และปัญญารู้เท่ากันจึงจะรู้ว่าตัวเองมีปัญญาเป็นอริยบุคคลระดับไหน
ไม่ใช่ไปรู้ที่คนอื่นที่พูดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอริยะแล้วนั้นคือพูดด้วยไม่รู้
โลกเขาสิกขาตามคำสอนส่วนบวชทำแบบโลกใช้เงินตายแล้วไปอบายภูมิรู้มั๊ย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใครไม่ให้ทำอะไรแต่ทรงบัญญัติความผิดไว้ว่าอาบัติสำหรับใครคะรู้สึกตัวกันมั๊ยคะ
ไม่รู้ว่าผิดอ้างได้ว่าไม่รู้เออแค่ชาวบ้านตำหนิติเตียนให้รู้ตัว555ยังๆๆจะอ้างว่าไม่รู้หรือว่ากิเลสหนาขนาด555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก
ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะดูพระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดยิบโดยไม่ให้ไปคิดแต่งต่อเติมเองอีกเลยฟังซะสิจะได้รู้สำนึกว่ากำลังทำอะไร
https://youtu.be/S6gX3sbPhA8
:b32: :b32:


อวิชชา คุณโรสนำมาพูดบ่อยๆ ไหนลองบอกความหมาย อวิชชา ดิ ว่ามันหมายถึงอะไร ยังไง

:b12:
มีตามีหัวใจกันทุกคนดูพฤติกรรมที่แต่ละคนทำตามคำสอนเข้าใจมั๊ยคะ
เข้าใจคำนี้ไหม
สมัยพุทธกาลจำเป็นต้องบวชเพราะบรรลุอรหัตตผลแล้ว
พันปีที่3ไม่มีพระอรหันต์แล้วเป็นพระอนาคามีได้โดยไม่ต้องบวช
พันปีที่1คือพศ.......0-1000
พันปีที่2คือพศ.1001-2000
พันปีที่3คือพศ.2001-3000
ปีนี้2563อยู่ในพันปีที่3แล้วใครจะไปพูดว่ารู้จักพระอรหันต์ผิดไหม
พระพุทธเจ้าบอกว่าคนที่มีบรรลุปัญญาเท่ากันถึงจะรู้ว่าเป็นอริยะระดับไหน
สมัยนี้ชอบพูดว่าคนนั้นเป็นอรหันต์ตัวคนพูดปัญญาถึงอรหันต์แล้วเหรอ555
พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดรู้จักว่าอะไรถูกอะไรผิดคนที่ไม่รู้ว่าผิดก็จะไม่เลิกทำ
คนที่จะบอกได้ว่าใครคือพระอรหันต์ต้องมีปัญญาระดับอรหันต์ค่ะคุณ
และปัญญารู้เท่ากันจึงจะรู้ว่าตัวเองมีปัญญาเป็นอริยบุคคลระดับไหน
ไม่ใช่ไปรู้ที่คนอื่นที่พูดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอริยะแล้วนั้นคือพูดด้วยไม่รู้
โลกเขาสิกขาตามคำสอนส่วนบวชทำแบบโลกใช้เงินตายแล้วไปอบายภูมิรู้มั๊ย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใครไม่ให้ทำอะไรแต่ทรงบัญญัติความผิดไว้ว่าอาบัติสำหรับใครคะรู้สึกตัวกันมั๊ยคะ
ไม่รู้ว่าผิดอ้างได้ว่าไม่รู้เออแค่ชาวบ้านตำหนิติเตียนให้รู้ตัว555ยังๆๆจะอ้างว่าไม่รู้หรือว่ากิเลสหนาขนาด555
:b32: :b32:



คุณโรสต้องศึกษาหลักธรรมจากสำนักส่วนกลางรับรองทดสอบความรู้ :b1: ไม่ใช่ไปเรียนจากคลิปแม่สุจินแห่งเดียวตะพึดตะพือ :b32: ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ถามอย่างตอบอย่าง เพราะอะไร ? เพราะไม่รู้ความหมายของศัพท์ที่ตัวพูด
ถ้าเปรียบก็เหมือนนกแก้วนกขุนทองพูดภาษาคนได้ แต่นกไม่เข้าใจเลยว่าเขาใช้สื่อสารถึงเรื่องอะไรกัน

https://www.youtube.com/watch?v=pVo0ozL_FT0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ...โง่=มีอวิชชา...โง่จริงๆไม่ใช่คำหยาบเข้าใจมั๊ย?
พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วให้ไปอยู่โน่นถ้ำโน่นภูเขาโน่นป่าช้าป่ารกชัก
ไม่ได้บอกให้บวชแล้วมารีดไถชาวบ้านไปสร้างโน่นสร้างหนี้มาเป็นภาระ
พระพุทธเจ้าทำให้ดูว่าบริสุทธิ์คืออย่างไรอย่าทำไม่รู้ไม่ชี้หูหนวกตาบอด
:b34:
จะใช้เงินอยู่ก็บวชไม่ได้...พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์พระองค์ไปเอาเงินทองมาให้ใช้ไหม
ถ้าบวชแล้วรู้สึกแล้วว่าบาปที่รับเงิน...ทำตัวไม่เหมาะสมไม่ทำตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน
ก็ลาสิกขาลาออกกลับมาทำงานอย่าอยู่เยี่ยงโจรปล้นข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านเขาฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจแล้วอายเขาไหมพระภิกษุรูปใดที่ไม่รับเงินมีมั๊ย555
:b32:
ตาไม่บอดดูพฤติกรรมพระเณรเถรชีไม่ออกเหรอว่าพยามจะทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองดีเหลือเกิน ประมาท
พอฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วรู้ทันทีเลยค่ะห่มจีวรก็ตกนรกได้ค่ะดูพระเทวทัตได้สมาบัติก็ตกนรก555
พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ละเอียดยิบโดยไม่ให้ไปคิดแต่งต่อเติมเองอีกเลยฟังซะสิจะได้รู้สำนึกว่ากำลังทำอะไร
https://youtu.be/S6gX3sbPhA8
:b32: :b32:


อวิชชา คุณโรสนำมาพูดบ่อยๆ ไหนลองบอกความหมาย อวิชชา ดิ ว่ามันหมายถึงอะไร ยังไง

:b12:
มีตามีหัวใจกันทุกคนดูพฤติกรรมที่แต่ละคนทำตามคำสอนเข้าใจมั๊ยคะ
เข้าใจคำนี้ไหม
สมัยพุทธกาลจำเป็นต้องบวชเพราะบรรลุอรหัตตผลแล้ว
พันปีที่3ไม่มีพระอรหันต์แล้วเป็นพระอนาคามีได้โดยไม่ต้องบวช
พันปีที่1คือพศ.......0-1000
พันปีที่2คือพศ.1001-2000
พันปีที่3คือพศ.2001-3000
ปีนี้2563อยู่ในพันปีที่3แล้วใครจะไปพูดว่ารู้จักพระอรหันต์ผิดไหม
พระพุทธเจ้าบอกว่าคนที่มีบรรลุปัญญาเท่ากันถึงจะรู้ว่าเป็นอริยะระดับไหน
สมัยนี้ชอบพูดว่าคนนั้นเป็นอรหันต์ตัวคนพูดปัญญาถึงอรหันต์แล้วเหรอ555
พระพุทธเจ้าสอนให้ฉลาดรู้จักว่าอะไรถูกอะไรผิดคนที่ไม่รู้ว่าผิดก็จะไม่เลิกทำ
คนที่จะบอกได้ว่าใครคือพระอรหันต์ต้องมีปัญญาระดับอรหันต์ค่ะคุณ
และปัญญารู้เท่ากันจึงจะรู้ว่าตัวเองมีปัญญาเป็นอริยบุคคลระดับไหน
ไม่ใช่ไปรู้ที่คนอื่นที่พูดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอริยะแล้วนั้นคือพูดด้วยไม่รู้
โลกเขาสิกขาตามคำสอนส่วนบวชทำแบบโลกใช้เงินตายแล้วไปอบายภูมิรู้มั๊ย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใครไม่ให้ทำอะไรแต่ทรงบัญญัติความผิดไว้ว่าอาบัติสำหรับใครคะรู้สึกตัวกันมั๊ยคะ
ไม่รู้ว่าผิดอ้างได้ว่าไม่รู้เออแค่ชาวบ้านตำหนิติเตียนให้รู้ตัว555ยังๆๆจะอ้างว่าไม่รู้หรือว่ากิเลสหนาขนาด555
:b32: :b32:



คุณโรสต้องศึกษาหลักธรรมจากสำนักส่วนกลางรับรองทดสอบความรู้ :b1: ไม่ใช่ไปเรียนจากคลิปแม่สุจินแห่งเดียวตะพึดตะพือ :b32: ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ถามอย่างตอบอย่าง เพราะอะไร ? เพราะไม่รู้ความหมายของศัพท์ที่ตัวพูด
ถ้าเปรียบก็เหมือนนกแก้วนกขุนทองพูดภาษาคนได้ แต่นกไม่เข้าใจเลยว่าเขาใช้สื่อสารถึงเรื่องอะไรกัน

:b32:
บวชคือสละได้...ตาไม่บอดก็ดูสิ...
บวชแล้วเรี่ยไรเงินไปติดแอร์บ้างเออเงินไม่มี
ไม่เข้าใจเหรอพระพุทธเจ้ากลับไปอยู่ในปราสาท3ฤดูมั๊ย
ใครจะโง่ทำตามกิเลสคนอื่นสั่งก็คือไม่ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
:b32:
บวชแล้วใช้ได้แค่ปัจจัย4และอัฏบริขาร8
กุฏิศาลาวัดชาวโลกสร้างไว้รอให้ไปอยูฟรีอาหารไม่ได้ทำ
ให้เดินบิณฑบาตรับอาหารที่ปรุงสุกแล้วเดินผ่านตามบ้านไม่ใช่นั่งปักหลักรอที่ตลาดแล้วกลับไปฉันที่วัด
อ่ะ...ทีนี้เทียบสิ่งที่อ่านกับพฤติกรรมนักบวชสิทำถูกตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนมั๊ยกิเลสถลอกไหมรับเงินน่ะ
:b32: :b32: :b32:
บอกยังไงก็คิดไม่ได้เพราะปัญญามีน้อยกว่ากิเลส
ที่ลับก็ไม่มีเพราะจิตเกิดดับอยู่ภายในตัวตนของคุณ
ที่แจ้งคือสว่างตาที่มองเห็นเป็นสถานที่นั้นก็ไม่มีค่ะ
เพราะแสงแค่กระทบไปตรงตาดำดับในลูกกระตาดำ
คิดนึกจำทำทุกอย่างในความมืดมาทุกชาติแล้วเมื่อไหร่จะเริ่มต้นฟังกันบ้างคะ555
:b12:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 148 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร