วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2020, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา ตัวตน, อาตมัน, ปุถุชนย่อมยึดมั่นมองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือ ยึดถือว่า มีอัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง

อนัตตา ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดูอนัตตลักษณะ)

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา, ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตนโดยอรรถต่างๆ เช่น

๑ เป็นของสุญ คือ ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ (ในแง่ของสังตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย)

๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง

๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ

๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นไปตามธรรมดาของมัน (ในแง่สังขตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไมมีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่ กับ สิ่งอื่นๆ)

๕. โดยสภาวะของมันเองก็แย้ง หรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา


ทุกอย่างมันแยกกันอยู่แล้วต่างอันต่างเกิดต่างอันต่างดับทีละ1แต่ละ1ตรงสัจจะตรงทาง
คำว่าดับแปลว่าไม่มีมันว่างเปล่าจากตัวตนอยู่แล้วดับแล้วคือไม่มีเอาอะไรมายึดเป็นเจ้าของ
จะไปบังคับให้มันมีตลอดคงทนไม่ดับไปนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะมันเกิดดับเองตรงตามเหตุปัจจัย
และเราน่ะหลงอยู่ไม่รู้ว่าไม่มีเราคิดเอาว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆนั้นเป็นความหลงผิดเข้าใจผิดค่ะ
ขณะนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่เขาไม่ใช่สิ่งใดทั้งสิ้นไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่กำลังเกิดดับเข้าใจไหมคะ
เดี๋ยวนี้ถ้าเข้าใจความจริงถูกแล้วก็จะเข้าใจทั้ง5ข้อข้างบนนี้มันคือขณะนี้เป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตา
:b16:
:b4: :b4:


นั่นแหละเขาเรียกว่าคิดเอาเอง :b32:

:b20:
เดี๋ยวนี้ธัมมะทั้งหลายเกิดโดยอนัตตา
ใครจะยังมีอัตตาตัวตนอยู่ก็ปกติมีกิเลสมาก
ใครจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็ตามอัธยาศัยตามที่สะสม
เป็นความประพฤติเป็นไปของจิตไม่มีเราในความเห็นผิดของตัวเองด้วย
:b12:
ตถาคตตรัสรู้ว่าไม่มีเรา
ถ้าคุณคิดว่ายังมีตาเราหูเรา
แขนขาเรารถเราบ้านเรากุฏิเรา
555อะไรที่เป็นตัวเราของเราหรือคะ(=มีอุปาทานขันธ์=สะสมอวิชชาแล้ว)
ตถาคตบอกว่าไม่มีเราคือไม่มีตถาคตด้วยเข้าใจว่างัยคะ
:b32: :b32:



ชัดยิ่งกว่าชัดเตาปูนอีก ก็คือ ยกเอาศัพท์แสงทางพุทธศาสนามาพูดแล้วมโนนั่นนี่ไป ชัดจริงๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2020, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา ตัวตน, อาตมัน, ปุถุชนย่อมยึดมั่นมองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือ ยึดถือว่า มีอัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง

อนัตตา ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดูอนัตตลักษณะ)

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา, ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตนโดยอรรถต่างๆ เช่น

๑ เป็นของสุญ คือ ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ (ในแง่ของสังตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย)

๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง

๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ

๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นไปตามธรรมดาของมัน (ในแง่สังขตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไมมีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่ กับ สิ่งอื่นๆ)

๕. โดยสภาวะของมันเองก็แย้ง หรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา


ทุกอย่างมันแยกกันอยู่แล้วต่างอันต่างเกิดต่างอันต่างดับทีละ1แต่ละ1ตรงสัจจะตรงทาง
คำว่าดับแปลว่าไม่มีมันว่างเปล่าจากตัวตนอยู่แล้วดับแล้วคือไม่มีเอาอะไรมายึดเป็นเจ้าของ
จะไปบังคับให้มันมีตลอดคงทนไม่ดับไปนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะมันเกิดดับเองตรงตามเหตุปัจจัย
และเราน่ะหลงอยู่ไม่รู้ว่าไม่มีเราคิดเอาว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆนั้นเป็นความหลงผิดเข้าใจผิดค่ะ
ขณะนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่เขาไม่ใช่สิ่งใดทั้งสิ้นไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่กำลังเกิดดับเข้าใจไหมคะ
เดี๋ยวนี้ถ้าเข้าใจความจริงถูกแล้วก็จะเข้าใจทั้ง5ข้อข้างบนนี้มันคือขณะนี้เป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตา
:b16:
:b4: :b4:


นั่นแหละเขาเรียกว่าคิดเอาเอง :b32:

:b20:
เดี๋ยวนี้ธัมมะทั้งหลายเกิดโดยอนัตตา
ใครจะยังมีอัตตาตัวตนอยู่ก็ปกติมีกิเลสมาก
ใครจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็ตามอัธยาศัยตามที่สะสม
เป็นความประพฤติเป็นไปของจิตไม่มีเราในความเห็นผิดของตัวเองด้วย
:b12:
ตถาคตตรัสรู้ว่าไม่มีเรา
ถ้าคุณคิดว่ายังมีตาเราหูเรา
แขนขาเรารถเราบ้านเรากุฏิเรา
555อะไรที่เป็นตัวเราของเราหรือคะ(=มีอุปาทานขันธ์=สะสมอวิชชาแล้ว)
ตถาคตบอกว่าไม่มีเราคือไม่มีตถาคตด้วยเข้าใจว่างัยคะ
:b32: :b32:



ชัดยิ่งกว่าชัดเตาปูนอีก ก็คือ ยกเอาศัพท์แสงทางพุทธศาสนามาพูดแล้วมโนนั่นนี่ไป ชัดจริงๆ :b32:

cool
ภาษาไทยเนี่ยไม่ต้องแปลนะคะ
ถ้าไม่เข้าใจคำว่าไม่มีเรางั้นเอาใหม่เข้าใจคำนี้ดีกว่า
บวชแล้วรับเงินไม่ได้เข้าใจถูกมั๊ย
โรคไม่รู้จักกิเลสตัวเองมันเต็มโลกเลย
โดยเฉพาะคิดอะไรไม่เป็นเลยเอาแต่ตัวตนไปทำคือไม่เคยทำปัญญาถูกตามคำสอนเลย
ปัญญาแรกที่ทำถูกตามคำสอนนะคือสุตมยปัญญาเนี่ยมันมีตัวตนอยู่ก็ฟังสิฟังจนกว่าไม่มีตัวตนถึงหยุดฟัง
แล้วขณะนี้คิดเอาแต่ตัวตนไปทำมันก็ผิดปกติไงในเมื่อคิดเฉยๆยังมีตัวตนยิ่งไปทำยิ่งเพิ่มความมีตัวตนใหญ่
ไม่พึ่งคำของพระพุทธเจ้าคือไม่มีการคิดตามให้ถูกก่อนถ้าคิดตามไม่ถูกก็อย่าหวังว่าจะไปทำอะไรถูกเลยนะ
ทำอะไรไม่ได้เลยที่ว่าทำยังไงถึงจะหมดตัวตนนั้นน่ะดูง่ายๆเลยเห็นเงินแล้วตาโตแล้วก็อยากได้ไม่รู้จักตัวเอง
ว่าฐานะไหนจึงเป็นผู้ควรแก่การเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาถ้าบวชแล้วยังหิวเงินหาเงินคือโจรปล้นคำสอน
เพราะไม่เข้าใจคำสอนไม่สามารถคิดได้ด้วยตนเองว่าบวชแล้วรับเงินทองไม่ได้ต้องให้ชาวบ้านออกมากล่าว
แล้วก็ไม่สำนึกรับผิดชอบในความผิดที่ทำรู้มั๊ยจ๊ะว่าให้เงินคนขอทานคนขอทานไม่ตกนรกแต่ให้เงินคนที่บวช
ตามพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนาเนี่ยพระพุทธเจ้าบัญญัติความผิดไว้ว่าตกนรกเชื่อแต่เรื่องนั่งทำฌาน
555ไม่เชื่อว่าบวชแล้วรับเงินอาบัติปลงอาบัติก็ไม่ได้เพราะรับด้วยกันหมดเลยโจรในคราบจีวรเต็มโลกเลย
ทำอะไรได้ไหมเพราะทำนิสัยแบบชาวบ้านแล้วขาดจากภิกษุไปแล้วเรียกว่าโกหกหลอกชาวบ้านไปวันๆรู้ยัง
:b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2020, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา ตัวตน, อาตมัน, ปุถุชนย่อมยึดมั่นมองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือ ยึดถือว่า มีอัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง

อนัตตา ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดูอนัตตลักษณะ)

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา, ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตนโดยอรรถต่างๆ เช่น

๑ เป็นของสุญ คือ ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ (ในแง่ของสังตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย)

๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง

๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ

๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นไปตามธรรมดาของมัน (ในแง่สังขตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไมมีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่ กับ สิ่งอื่นๆ)

๕. โดยสภาวะของมันเองก็แย้ง หรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา


ทุกอย่างมันแยกกันอยู่แล้วต่างอันต่างเกิดต่างอันต่างดับทีละ1แต่ละ1ตรงสัจจะตรงทาง
คำว่าดับแปลว่าไม่มีมันว่างเปล่าจากตัวตนอยู่แล้วดับแล้วคือไม่มีเอาอะไรมายึดเป็นเจ้าของ
จะไปบังคับให้มันมีตลอดคงทนไม่ดับไปนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะมันเกิดดับเองตรงตามเหตุปัจจัย
และเราน่ะหลงอยู่ไม่รู้ว่าไม่มีเราคิดเอาว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆนั้นเป็นความหลงผิดเข้าใจผิดค่ะ
ขณะนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่เขาไม่ใช่สิ่งใดทั้งสิ้นไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่กำลังเกิดดับเข้าใจไหมคะ
เดี๋ยวนี้ถ้าเข้าใจความจริงถูกแล้วก็จะเข้าใจทั้ง5ข้อข้างบนนี้มันคือขณะนี้เป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตา
:b16:
:b4: :b4:


นั่นแหละเขาเรียกว่าคิดเอาเอง :b32:

:b20:
เดี๋ยวนี้ธัมมะทั้งหลายเกิดโดยอนัตตา
ใครจะยังมีอัตตาตัวตนอยู่ก็ปกติมีกิเลสมาก
ใครจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็ตามอัธยาศัยตามที่สะสม
เป็นความประพฤติเป็นไปของจิตไม่มีเราในความเห็นผิดของตัวเองด้วย
:b12:
ตถาคตตรัสรู้ว่าไม่มีเรา
ถ้าคุณคิดว่ายังมีตาเราหูเรา
แขนขาเรารถเราบ้านเรากุฏิเรา
555อะไรที่เป็นตัวเราของเราหรือคะ(=มีอุปาทานขันธ์=สะสมอวิชชาแล้ว)
ตถาคตบอกว่าไม่มีเราคือไม่มีตถาคตด้วยเข้าใจว่างัยคะ
:b32: :b32:



ชัดยิ่งกว่าชัดเตาปูนอีก ก็คือ ยกเอาศัพท์แสงทางพุทธศาสนามาพูดแล้วมโนนั่นนี่ไป ชัดจริงๆ :b32:

cool
ภาษาไทยเนี่ยไม่ต้องแปลนะคะ
ถ้าไม่เข้าใจคำว่าไม่มีเรางั้นเอาใหม่เข้าใจคำนี้ดีกว่า
บวชแล้วรับเงินไม่ได้เข้าใจถูกมั๊ย
โรคไม่รู้จักกิเลสตัวเองมันเต็มโลกเลย
โดยเฉพาะคิดอะไรไม่เป็นเลยเอาแต่ตัวตนไปทำคือไม่เคยทำปัญญาถูกตามคำสอนเลย
ปัญญาแรกที่ทำถูกตามคำสอนนะคือสุตมยปัญญาเนี่ยมันมีตัวตนอยู่ก็ฟังสิฟังจนกว่าไม่มีตัวตนถึงหยุดฟัง
แล้วขณะนี้คิดเอาแต่ตัวตนไปทำมันก็ผิดปกติไงในเมื่อคิดเฉยๆยังมีตัวตนยิ่งไปทำยิ่งเพิ่มความมีตัวตนใหญ่
ไม่พึ่งคำของพระพุทธเจ้าคือไม่มีการคิดตามให้ถูกก่อนถ้าคิดตามไม่ถูกก็อย่าหวังว่าจะไปทำอะไรถูกเลยนะ
ทำอะไรไม่ได้เลยที่ว่าทำยังไงถึงจะหมดตัวตนนั้นน่ะดูง่ายๆเลยเห็นเงินแล้วตาโตแล้วก็อยากได้ไม่รู้จักตัวเอง
ว่าฐานะไหนจึงเป็นผู้ควรแก่การเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาถ้าบวชแล้วยังหิวเงินหาเงินคือโจรปล้นคำสอน
เพราะไม่เข้าใจคำสอนไม่สามารถคิดได้ด้วยตนเองว่าบวชแล้วรับเงินทองไม่ได้ต้องให้ชาวบ้านออกมากล่าว
แล้วก็ไม่สำนึกรับผิดชอบในความผิดที่ทำรู้มั๊ยจ๊ะว่าให้เงินคนขอทานคนขอทานไม่ตกนรกแต่ให้เงินคนที่บวช
ตามพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนาเนี่ยพระพุทธเจ้าบัญญัติความผิดไว้ว่าตกนรกเชื่อแต่เรื่องนั่งทำฌาน
555ไม่เชื่อว่าบวชแล้วรับเงินอาบัติปลงอาบัติก็ไม่ได้เพราะรับด้วยกันหมดเลยโจรในคราบจีวรเต็มโลกเลย
ทำอะไรได้ไหมเพราะทำนิสัยแบบชาวบ้านแล้วขาดจากภิกษุไปแล้วเรียกว่าโกหกหลอกชาวบ้านไปวันๆรู้ยัง
:b32: :b32: :b32: :b32:

Kiss
พระภิกษุก็มาจากชาวบ้านไหมต่างจากชาวบ้านคือไม่ต้องการทำแบบชาวบ้านแล้วจึงบวช
กฏหมายรัชกาลที่1จับนักบวชในพระพุทธศาสนาที่รับเงินให้ติดคุกไม่มีพระภิกษุที่กล้ารับเงิน
สมควรที่ผู้นำประเทศควรให้นักกฏหมายช่วยนำเงินในวัดออกมาช่วยบ้านเมืองไม่ต้องกู้เงิน555
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2020, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา ตัวตน, อาตมัน, ปุถุชนย่อมยึดมั่นมองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือ ยึดถือว่า มีอัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง

อนัตตา ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดูอนัตตลักษณะ)

อนัตตลักษณะ ลักษณะที่เป็นอนัตตา, ลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นของมิใช่ตัวตนโดยอรรถต่างๆ เช่น

๑ เป็นของสุญ คือ ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา หรือการสมมติเป็นต่างๆ (ในแง่ของสังตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นเพียงการประชุมเข้าขององค์ประกอบที่เป็นส่วนย่อยๆ ทั้งหลาย)

๒. เป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ ไม่เป็นของใครจริง

๓. ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่เป็นไปตามความปรารถนา ไม่ขึ้นต่อการบังคับบัญชาของใครๆ

๔. เป็นสภาวธรรมที่ดำรงอยู่หรือเป็นไปตามธรรมดาของมัน (ในแง่สังขตธรรม คือ สังขาร ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นต่อเหตุปัจจัย ไมมีอยู่โดยลำพังตัว แต่เป็นไปโดยสัมพันธ์ อิงอาศัยกันอยู่ กับ สิ่งอื่นๆ)

๕. โดยสภาวะของมันเองก็แย้ง หรือค้านต่อความเป็นอัตตา มีแต่ภาวะที่ตรงข้ามกับความเป็นอัตตา


ทุกอย่างมันแยกกันอยู่แล้วต่างอันต่างเกิดต่างอันต่างดับทีละ1แต่ละ1ตรงสัจจะตรงทาง
คำว่าดับแปลว่าไม่มีมันว่างเปล่าจากตัวตนอยู่แล้วดับแล้วคือไม่มีเอาอะไรมายึดเป็นเจ้าของ
จะไปบังคับให้มันมีตลอดคงทนไม่ดับไปนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะมันเกิดดับเองตรงตามเหตุปัจจัย
และเราน่ะหลงอยู่ไม่รู้ว่าไม่มีเราคิดเอาว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆนั้นเป็นความหลงผิดเข้าใจผิดค่ะ
ขณะนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่เขาไม่ใช่สิ่งใดทั้งสิ้นไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่กำลังเกิดดับเข้าใจไหมคะ
เดี๋ยวนี้ถ้าเข้าใจความจริงถูกแล้วก็จะเข้าใจทั้ง5ข้อข้างบนนี้มันคือขณะนี้เป็นอนัตตาไม่ใช่อัตตา
:b16:
:b4: :b4:


นั่นแหละเขาเรียกว่าคิดเอาเอง :b32:

:b20:
เดี๋ยวนี้ธัมมะทั้งหลายเกิดโดยอนัตตา
ใครจะยังมีอัตตาตัวตนอยู่ก็ปกติมีกิเลสมาก
ใครจะคิดจะพูดจะทำอะไรก็ตามอัธยาศัยตามที่สะสม
เป็นความประพฤติเป็นไปของจิตไม่มีเราในความเห็นผิดของตัวเองด้วย
:b12:
ตถาคตตรัสรู้ว่าไม่มีเรา
ถ้าคุณคิดว่ายังมีตาเราหูเรา
แขนขาเรารถเราบ้านเรากุฏิเรา
555อะไรที่เป็นตัวเราของเราหรือคะ(=มีอุปาทานขันธ์=สะสมอวิชชาแล้ว)
ตถาคตบอกว่าไม่มีเราคือไม่มีตถาคตด้วยเข้าใจว่างัยคะ
:b32: :b32:



ชัดยิ่งกว่าชัดเตาปูนอีก ก็คือ ยกเอาศัพท์แสงทางพุทธศาสนามาพูดแล้วมโนนั่นนี่ไป ชัดจริงๆ :b32:

cool
ภาษาไทยเนี่ยไม่ต้องแปลนะคะ
ถ้าไม่เข้าใจคำว่าไม่มีเรางั้นเอาใหม่เข้าใจคำนี้ดีกว่า
บวชแล้วรับเงินไม่ได้เข้าใจถูกมั๊ย
โรคไม่รู้จักกิเลสตัวเองมันเต็มโลกเลย
โดยเฉพาะคิดอะไรไม่เป็นเลยเอาแต่ตัวตนไปทำคือไม่เคยทำปัญญาถูกตามคำสอนเลย
ปัญญาแรกที่ทำถูกตามคำสอนนะคือสุตมยปัญญาเนี่ยมันมีตัวตนอยู่ก็ฟังสิฟังจนกว่าไม่มีตัวตนถึงหยุดฟัง
แล้วขณะนี้คิดเอาแต่ตัวตนไปทำมันก็ผิดปกติไงในเมื่อคิดเฉยๆยังมีตัวตนยิ่งไปทำยิ่งเพิ่มความมีตัวตนใหญ่
ไม่พึ่งคำของพระพุทธเจ้าคือไม่มีการคิดตามให้ถูกก่อนถ้าคิดตามไม่ถูกก็อย่าหวังว่าจะไปทำอะไรถูกเลยนะ
ทำอะไรไม่ได้เลยที่ว่าทำยังไงถึงจะหมดตัวตนนั้นน่ะดูง่ายๆเลยเห็นเงินแล้วตาโตแล้วก็อยากได้ไม่รู้จักตัวเอง
ว่าฐานะไหนจึงเป็นผู้ควรแก่การเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาถ้าบวชแล้วยังหิวเงินหาเงินคือโจรปล้นคำสอน
เพราะไม่เข้าใจคำสอนไม่สามารถคิดได้ด้วยตนเองว่าบวชแล้วรับเงินทองไม่ได้ต้องให้ชาวบ้านออกมากล่าว
แล้วก็ไม่สำนึกรับผิดชอบในความผิดที่ทำรู้มั๊ยจ๊ะว่าให้เงินคนขอทานคนขอทานไม่ตกนรกแต่ให้เงินคนที่บวช
ตามพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนาเนี่ยพระพุทธเจ้าบัญญัติความผิดไว้ว่าตกนรกเชื่อแต่เรื่องนั่งทำฌาน
555ไม่เชื่อว่าบวชแล้วรับเงินอาบัติปลงอาบัติก็ไม่ได้เพราะรับด้วยกันหมดเลยโจรในคราบจีวรเต็มโลกเลย
ทำอะไรได้ไหมเพราะทำนิสัยแบบชาวบ้านแล้วขาดจากภิกษุไปแล้วเรียกว่าโกหกหลอกชาวบ้านไปวันๆรู้ยัง
:b32: :b32: :b32: :b32:

Kiss
พระภิกษุก็มาจากชาวบ้านไหมต่างจากชาวบ้านคือไม่ต้องการทำแบบชาวบ้านแล้วจึงบวช
กฏหมายรัชกาลที่1จับนักบวชในพระพุทธศาสนาที่รับเงินให้ติดคุกไม่มีพระภิกษุที่กล้ารับเงิน
สมควรที่ผู้นำประเทศควรให้นักกฏหมายช่วยนำเงินในวัดออกมาช่วยบ้านเมืองไม่ต้องกู้เงิน555
onion onion onion

อ้อเดี๋ยวจะมีคนสงสัยสัยว่าโรสไม่กลัวบาปเหรอ
ไม่กลัวจะกลัวทำไมก็เพราะพูดแทนพระพุทธเจ้า
คนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องกราบพระธรรมวินัย
ใครลบหลู่ไม่เคารพคำสอนของพระพุทธเจ้า
โรสก็ต้องบอกถากกิเลสให้เขารู้สึกตัว
คุณคิดว่าความโลภจะทำให้คิดได้ไหม
บอดมืดหน้ามืดตามัวเห็นผิดเป็นชอบ
คำสอนแทนตถาคต
ใครมีปัญหาก็ว่ามา
นรกขยายตามกรรมที่ทำชั่วๆ
ทุกคนกราบพระพุทธเจ้า
พระมหากษัตริย์ยังกราบพระสงฆ์
ไม่อายชาวบ้านที่เขาเข้าใจคำสอนหรือ
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามว่าลาสิกขาไม่ได้นิ๊
ทำผิดแล้วไม่รู้สึกตัวพุทธบริษัทด้วยกันไม่พูด
คนนอกศาสนาที่ไหนจะมาพูดเขาไม่รู้เรื่องศาสนาพุทธค่ะ
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 14 พ.ค. 2020, 13:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2020, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ชาตินี้มันไม่มีทหารตำรวจ
ยุคพระเจ้าตากสินมหาราช
ยุคพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กลับชาติมาเกิดกันเลยเหรอ
ทหารตำรวจยุคปัจจุบันนี้
ขี้ขลาดตาขาวปล่อยให้
โจรในคราบนักบวชเต็มชาติ
นุ่งห่มจีวรครองเมืองเหรอ555
มัวแต่หลับตานั่งสมาธิอยู่ไม่ลืมตาอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันเลยเหรอ555
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2020, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ชาตินี้มันไม่มีทหารตำรวจ
ยุคพระเจ้าตากสินมหาราช
ยุคพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กลับชาติมาเกิดกันเลยเหรอ
ทหารตำรวจยุคปัจจุบันนี้
ขี้ขลาดตาขาวปล่อยให้
โจรในคราบนักบวชเต็มชาติ
นุ่งห่มจีวรครองเมืองเหรอ555
มัวแต่หลับตานั่งสมาธิอยู่ไม่ลืมตาอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันเลยเหรอ555
onion onion onion


คิกๆๆ เข้าใจผิดคิดเอาเองแล้วก็จับไปใส่ปากพระพุทธเจ้า

คุณโรสมัวแต่ลืมตาแลซ้ายแลขวา ไม่หลับตาดู กาย เวทนา จิต ธัมม์ มั่ง

คุณโรสกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์ คือว่า ไม่เข้าใจหลักไตรสิกขาเบย
ไตรสิกขา คืออะไร ไตรสิกขาก็คือข้อที่ควรศึกษาสามอย่าง คือ ศีล สมาธิ และปัญญา นี่แหละไตรสิกขา เห็นสมาธิไหม เห็น ไม่เห็น

ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2020, 19:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ชาตินี้มันไม่มีทหารตำรวจ
ยุคพระเจ้าตากสินมหาราช
ยุคพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กลับชาติมาเกิดกันเลยเหรอ
ทหารตำรวจยุคปัจจุบันนี้
ขี้ขลาดตาขาวปล่อยให้
โจรในคราบนักบวชเต็มชาติ
นุ่งห่มจีวรครองเมืองเหรอ555
มัวแต่หลับตานั่งสมาธิอยู่ไม่ลืมตาอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันเลยเหรอ555



คุณโรสเขาเป็นอะไร

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเหมือนมีแมลงไต่ รู้สึกกลัว

เดี๋ยวนี้ไม่ได้นั่งสมาธิเลยค่ะ กลัวอะไรก็บอกไม่ถูก เมื่อก่อนเวลานั่งสักพักรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่อยู่ที่ขา ลูบดูก็ไม่มี
วันต่อๆ มาก็เป็นอีก จุดเดิม ที่เดิม เหมือนเดินไต่ไปเรื่อยๆ แต่รู้ว่ามันไม่มีอะไรไต่จริง แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไรบางครั้งก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง" ดังมากด้วย เหมือนอะไรตกบนบ้าน แต่ถามแม่ แม่กลับไม่ได้ยิน

ตอนนี้ กลับมาคิด สมัยเด็กๆ เล็กๆ ชอบจับแมลงมาหักขา พวกแมงมุมขายาวๆ ที่อยู่ตามเพดาน เจอเป็นจับมาหักขาหมด ตอนนั้นไม่รู้อะไรควรไม่ควร โตมาพอรู้ความรู้สึกแย่มากๆ ค่ะ รู้สึกผิดกับพวกเค้า เค้าคงทรมาน มากๆ ถึงจะเป็นแมลงตัวเล็กๆ แต่ก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เคยทำลงไปมากจริงๆ จะเกี่ยวกันรึเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นมาในพันทิพ หัวข้อ กท. ว่า

อ้างคำพูด:
ธรรมะขั้นต้น โดย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

https://pantip.com/topic/39901665

เนื้อหาก็เหมือนกับที่คุณโรสว่ามาทั้งเพ อีกทั้งแนบคลิปมาบ่อยครัังนั่นแล.

ตย.เล็กๆ

อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ ความคิด และ ความจำ ว่ามีตัวเรา มีแขน ขา ปอด หัวใจ ฯลฯ รวมทั้งมีคนอื่นรอบตัวเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา สัตว์ สิ่งของ

น่าคิดว่าตัวเราจริงๆ ที่มีแขน ขา ปอด หัวใจรวมทั้งอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายมีหรือไม่

พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ของเรา มีจริงและเป็นของเราจริงหรือไม่

ลองจับที่ "แขน" ของคุณดูสิว่า กระทบอะไร จะบอกว่า กระทบ "แขน" หรือเปล่า ลองหลับตา แล้วจับที่ "แขน" อีกสักครั้งว่า จริงๆแล้ว กระทบอะไรบางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอ่อนนุ่ม (ถ้าแขนของคุณ นุ่ม อย่างนั้น) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความแข็ง (ถ้าแขนของคุณไม่นุ่ม แต่ผิวแห้งแตก มีเนื้อน้อย) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความเย็น (ถ้าคุณอยู่ในห้องแอร์ เย็นเฉียบ) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอุ่น (ถ้าตัวคุณอุ่นๆ เพราะเป็นไข้ ตัวร้อน)เห็นไหมว่า คุณไม่ได้กระทบ "แขน" จริงๆ แต่เป็น ความอ่อน แข็ง เย็นหรือร้อนต่างหาก ที่เคยคิดว่า เป็น "แขน" เพราะเคยได้เห็น แล้วจำไว้ เคยได้จับต้อง แล้วจำไว้


แล้วก็ดู คคห.1 ซึ่งเขาได้กล่าวแย้งไว้ ก็จริงอย่างเขาว่า คือ มันสับสนปนเปมั่วเละเทะเลอะเทอะไปหมด :b32: ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็ยุ่งเหยิงพันกันเหมือนฝอยขัดหม้อ :b13: นึกออกไหม นึกไม่ออกกดดูฝอยขัดหม้อ

https://f.ptcdn.info/819/058/000/pceutm ... kLZu-o.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2020, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ชาตินี้มันไม่มีทหารตำรวจ
ยุคพระเจ้าตากสินมหาราช
ยุคพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
กลับชาติมาเกิดกันเลยเหรอ
ทหารตำรวจยุคปัจจุบันนี้
ขี้ขลาดตาขาวปล่อยให้
โจรในคราบนักบวชเต็มชาติ
นุ่งห่มจีวรครองเมืองเหรอ555
มัวแต่หลับตานั่งสมาธิอยู่ไม่ลืมตาอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันเลยเหรอ555



คุณโรสเขาเป็นอะไร

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเหมือนมีแมลงไต่ รู้สึกกลัว

เดี๋ยวนี้ไม่ได้นั่งสมาธิเลยค่ะ กลัวอะไรก็บอกไม่ถูก เมื่อก่อนเวลานั่งสักพักรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่อยู่ที่ขา ลูบดูก็ไม่มี
วันต่อๆ มาก็เป็นอีก จุดเดิม ที่เดิม เหมือนเดินไต่ไปเรื่อยๆ แต่รู้ว่ามันไม่มีอะไรไต่จริง แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไรบางครั้งก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง" ดังมากด้วย เหมือนอะไรตกบนบ้าน แต่ถามแม่ แม่กลับไม่ได้ยิน

ตอนนี้ กลับมาคิด สมัยเด็กๆ เล็กๆ ชอบจับแมลงมาหักขา พวกแมงมุมขายาวๆ ที่อยู่ตามเพดาน เจอเป็นจับมาหักขาหมด ตอนนั้นไม่รู้อะไรควรไม่ควร โตมาพอรู้ความรู้สึกแย่มากๆ ค่ะ รู้สึกผิดกับพวกเค้า เค้าคงทรมาน มากๆ ถึงจะเป็นแมลงตัวเล็กๆ แต่ก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เคยทำลงไปมากจริงๆ จะเกี่ยวกันรึเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ

ไม่เข้าใจหรือคะว่าเปลี่ยนตัวตนไม่ได้
เปลี่ยนได้แค่ความคิดทำอะไรไม่ได้
เพราะทำอะไรก็ผิดไปตามความคิด
คำสอนของพระพุทธเจ้าสำหรับ
คิดตามให้ตรงกับจิตปัจจุบัน
และเป็นจิตปัจจุบันตัวเอง
เพราะจิตไม่เกิดนอกกาย
เกิดตรงไหนดับตรงนั้น
ไม่ได้ทำเกิดเองดับเอง
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
มีแค่6จุดเกิดทีละจุด
ดับคือมืดสนิทเลย
โลกสว่าง1จุดที่ตา
หูจมูกลิ้นกายใจมืด
สลับกันครบ6จุด
สว่าง1จุดมืด5จุด
ชีวิตสว่างแค่1จุด
ชีวิตมีจริงๆทีละจุด
จุดๆเดียวที่เกิดที่กายคุณ
ชีวิตเป็นแค่บักจุดกะนางจุด
กิเลสตัวเองหลอกตัวเองทั้งนั้นเลย
คิดว่ามันมีลมหายใจสั้น-ยาวจริงๆมั๊ยคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2020, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นมาในพันทิพ หัวข้อ กท. ว่า

อ้างคำพูด:
ธรรมะขั้นต้น โดย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

https://pantip.com/topic/39901665

เนื้อหาก็เหมือนกับที่คุณโรสว่ามาทั้งเพ อีกทั้งแนบคลิปมาบ่อยครัังนั่นแล.

ตย.เล็กๆ

อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ ความคิด และ ความจำ ว่ามีตัวเรา มีแขน ขา ปอด หัวใจ ฯลฯ รวมทั้งมีคนอื่นรอบตัวเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา สัตว์ สิ่งของ

น่าคิดว่าตัวเราจริงๆ ที่มีแขน ขา ปอด หัวใจรวมทั้งอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายมีหรือไม่

พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ของเรา มีจริงและเป็นของเราจริงหรือไม่

ลองจับที่ "แขน" ของคุณดูสิว่า กระทบอะไร จะบอกว่า กระทบ "แขน" หรือเปล่า ลองหลับตา แล้วจับที่ "แขน" อีกสักครั้งว่า จริงๆแล้ว กระทบอะไรบางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอ่อนนุ่ม (ถ้าแขนของคุณ นุ่ม อย่างนั้น) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความแข็ง (ถ้าแขนของคุณไม่นุ่ม แต่ผิวแห้งแตก มีเนื้อน้อย) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความเย็น (ถ้าคุณอยู่ในห้องแอร์ เย็นเฉียบ) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอุ่น (ถ้าตัวคุณอุ่นๆ เพราะเป็นไข้ ตัวร้อน)เห็นไหมว่า คุณไม่ได้กระทบ "แขน" จริงๆ แต่เป็น ความอ่อน แข็ง เย็นหรือร้อนต่างหาก ที่เคยคิดว่า เป็น "แขน" เพราะเคยได้เห็น แล้วจำไว้ เคยได้จับต้อง แล้วจำไว้


แล้วก็ดู คคห.1 ซึ่งเขาได้กล่าวแย้งไว้ ก็จริงอย่างเขาว่า คือ มันสับสนปนเปมั่วเละเทะเลอะเทอะไปหมด :b32: ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็ยุ่งเหยิงพันกันเหมือนฝอยขัดหม้อ :b13: นึกออกไหม นึกไม่ออกกดดูฝอยขัดหม้อ

https://f.ptcdn.info/819/058/000/pceutm ... kLZu-o.jpg

:b12:
คุณเข้าใจโลกทางตาตรงตามคำของพระพุทธเจ้าไหมคะ
1ขณะจิตที่มีแสงไปตกกระทบที่ตานั้นไม่มีแสงมาก่อน
การกระทบมันเหมือนไฟช๊อตเลยมันมีทุกอย่างอยู่
คือมันมีที่ของมันต่างอันต่างอยู่ไม่แตะก็ไม่ช๊อต
เหมือนกันเลยตาเฉยๆเห็นไม่ได้
ต้องมีจิตเกิดมาก่อนและมีแสงนอกตา
และมีตาที่ไม่บอดพอลืมตาปุ๊บแสงพุ่งเข้าตา
จึงเกิดแสงสว่างวาบเกิดเห็นสีทันที1สีแล้วมอดดับทันที
วูบมืดทันทีตรงที่มีตานั้นเลยแล้วก็มืดต่ออีก5ทางที่มืดบอดสนิท
คิดนึกจำทำทุกอย่างคือบอดตาใสในมืดมันมีข้างนอกตาให้เห็นไหมคะ
คิดไตร่ตรองที่ตากำลังดูเทียบตามนานๆสิคะว่าที่ตัวเองเห็นว่าสว่างนานๆนอกตาตัวเองนั้นน่าาาาคืออะไร
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2020, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นมาในพันทิพ หัวข้อ กท. ว่า

อ้างคำพูด:
ธรรมะขั้นต้น โดย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

https://pantip.com/topic/39901665

เนื้อหาก็เหมือนกับที่คุณโรสว่ามาทั้งเพ อีกทั้งแนบคลิปมาบ่อยครัังนั่นแล.

ตย.เล็กๆ

อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ ความคิด และ ความจำ ว่ามีตัวเรา มีแขน ขา ปอด หัวใจ ฯลฯ รวมทั้งมีคนอื่นรอบตัวเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา สัตว์ สิ่งของ

น่าคิดว่าตัวเราจริงๆ ที่มีแขน ขา ปอด หัวใจรวมทั้งอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายมีหรือไม่

พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ของเรา มีจริงและเป็นของเราจริงหรือไม่

ลองจับที่ "แขน" ของคุณดูสิว่า กระทบอะไร จะบอกว่า กระทบ "แขน" หรือเปล่า ลองหลับตา แล้วจับที่ "แขน" อีกสักครั้งว่า จริงๆแล้ว กระทบอะไรบางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอ่อนนุ่ม (ถ้าแขนของคุณ นุ่ม อย่างนั้น) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความแข็ง (ถ้าแขนของคุณไม่นุ่ม แต่ผิวแห้งแตก มีเนื้อน้อย) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความเย็น (ถ้าคุณอยู่ในห้องแอร์ เย็นเฉียบ) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอุ่น (ถ้าตัวคุณอุ่นๆ เพราะเป็นไข้ ตัวร้อน)เห็นไหมว่า คุณไม่ได้กระทบ "แขน" จริงๆ แต่เป็น ความอ่อน แข็ง เย็นหรือร้อนต่างหาก ที่เคยคิดว่า เป็น "แขน" เพราะเคยได้เห็น แล้วจำไว้ เคยได้จับต้อง แล้วจำไว้


แล้วก็ดู คคห.1 ซึ่งเขาได้กล่าวแย้งไว้ ก็จริงอย่างเขาว่า คือ มันสับสนปนเปมั่วเละเทะเลอะเทอะไปหมด :b32: ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็ยุ่งเหยิงพันกันเหมือนฝอยขัดหม้อ :b13: นึกออกไหม นึกไม่ออกกดดูฝอยขัดหม้อ

https://f.ptcdn.info/819/058/000/pceutm ... kLZu-o.jpg

:b12:
คุณเข้าใจโลกทางตาตรงตามคำของพระพุทธเจ้าไหมคะ
1ขณะจิตที่มีแสงไปตกกระทบที่ตานั้นไม่มีแสงมาก่อน
การกระทบมันเหมือนไฟช๊อตเลยมันมีทุกอย่างอยู่
คือมันมีที่ของมันต่างอันต่างอยู่ไม่แตะก็ไม่ช๊อต
เหมือนกันเลยตาเฉยๆเห็นไม่ได้
ต้องมีจิตเกิดมาก่อนและมีแสงนอกตา
และมีตาที่ไม่บอดพอลืมตาปุ๊บแสงพุ่งเข้าตา
จึงเกิดแสงสว่างวาบเกิดเห็นสีทันที1สีแล้วมอดดับทันที
วูบมืดทันทีตรงที่มีตานั้นเลยแล้วก็มืดต่ออีก5ทางที่มืดบอดสนิท
คิดนึกจำทำทุกอย่างคือบอดตาใสในมืดมันมีข้างนอกตาให้เห็นไหมคะ
คิดไตร่ตรองที่ตากำลังดูเทียบตามนานๆสิคะว่าที่ตัวเองเห็นว่าสว่างนานๆนอกตาตัวเองนั้นน่าาาาคืออะไร
:b32: :b32:


ทั้งที่ตัวเองและเจ้าสำนักฟุ้งซ่านบ้าบอคอแตก แต่ก็อ้างพระพุทธเจ้า อ้างตถาคต คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2020, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นมาในพันทิพ หัวข้อ กท. ว่า

อ้างคำพูด:
ธรรมะขั้นต้น โดย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

https://pantip.com/topic/39901665

เนื้อหาก็เหมือนกับที่คุณโรสว่ามาทั้งเพ อีกทั้งแนบคลิปมาบ่อยครัังนั่นแล.

ตย.เล็กๆ

อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ ความคิด และ ความจำ ว่ามีตัวเรา มีแขน ขา ปอด หัวใจ ฯลฯ รวมทั้งมีคนอื่นรอบตัวเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา สัตว์ สิ่งของ

น่าคิดว่าตัวเราจริงๆ ที่มีแขน ขา ปอด หัวใจรวมทั้งอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายมีหรือไม่

พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ของเรา มีจริงและเป็นของเราจริงหรือไม่

ลองจับที่ "แขน" ของคุณดูสิว่า กระทบอะไร จะบอกว่า กระทบ "แขน" หรือเปล่า ลองหลับตา แล้วจับที่ "แขน" อีกสักครั้งว่า จริงๆแล้ว กระทบอะไรบางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอ่อนนุ่ม (ถ้าแขนของคุณ นุ่ม อย่างนั้น) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความแข็ง (ถ้าแขนของคุณไม่นุ่ม แต่ผิวแห้งแตก มีเนื้อน้อย) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความเย็น (ถ้าคุณอยู่ในห้องแอร์ เย็นเฉียบ) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอุ่น (ถ้าตัวคุณอุ่นๆ เพราะเป็นไข้ ตัวร้อน)เห็นไหมว่า คุณไม่ได้กระทบ "แขน" จริงๆ แต่เป็น ความอ่อน แข็ง เย็นหรือร้อนต่างหาก ที่เคยคิดว่า เป็น "แขน" เพราะเคยได้เห็น แล้วจำไว้ เคยได้จับต้อง แล้วจำไว้


แล้วก็ดู คคห.1 ซึ่งเขาได้กล่าวแย้งไว้ ก็จริงอย่างเขาว่า คือ มันสับสนปนเปมั่วเละเทะเลอะเทอะไปหมด :b32: ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพก็ยุ่งเหยิงพันกันเหมือนฝอยขัดหม้อ :b13: นึกออกไหม นึกไม่ออกกดดูฝอยขัดหม้อ

https://f.ptcdn.info/819/058/000/pceutm ... kLZu-o.jpg

:b12:
คุณเข้าใจโลกทางตาตรงตามคำของพระพุทธเจ้าไหมคะ
1ขณะจิตที่มีแสงไปตกกระทบที่ตานั้นไม่มีแสงมาก่อน
การกระทบมันเหมือนไฟช๊อตเลยมันมีทุกอย่างอยู่
คือมันมีที่ของมันต่างอันต่างอยู่ไม่แตะก็ไม่ช๊อต
เหมือนกันเลยตาเฉยๆเห็นไม่ได้
ต้องมีจิตเกิดมาก่อนและมีแสงนอกตา
และมีตาที่ไม่บอดพอลืมตาปุ๊บแสงพุ่งเข้าตา
จึงเกิดแสงสว่างวาบเกิดเห็นสีทันที1สีแล้วมอดดับทันที
วูบมืดทันทีตรงที่มีตานั้นเลยแล้วก็มืดต่ออีก5ทางที่มืดบอดสนิท
คิดนึกจำทำทุกอย่างคือบอดตาใสในมืดมันมีข้างนอกตาให้เห็นไหมคะ
คิดไตร่ตรองที่ตากำลังดูเทียบตามนานๆสิคะว่าที่ตัวเองเห็นว่าสว่างนานๆนอกตาตัวเองนั้นน่าาาาคืออะไร
:b32: :b32:


ทั้งที่ตัวเองและเจ้าสำนักฟุ้งซ่านบ้าบอคอแตก แต่ก็อ้างพระพุทธเจ้า อ้างตถาคต คิกๆๆ

:b32:
ไม่เอาอ่าวอะไรเลย
:b12:
ก็บอกยู๊ววววววว่าให้ดูที่กายที่จิตใจตนเอง
มันเพ่งโทษติเตียนนอกตัวตนนั้นน่าาาา
ไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่รู้ยังหลงผิดว่าไป
ว่าอะไรออกไปนั้นน่ะมันไม่มีตัวตนผู้รับ
เออน่ะเอาไปเทียบตามหัวข้อนึงได้ที่ว่า
ท่านให้รู้ท่านให้ดูตามที่เห็นตามที่เป็นจริง
ถ้ารู้จริงต้องรู้สึกตรงที่มีกายใจตนเองกำลังมี
ที่ตำหนิคนอื่นอยู่ตามตัวอักษรนั้นน๊าไม่รู้สึกตัวเองอยู่
บอกแล้วบอกอีกว่าเวลาอ่านความคิดคนอื่นให้รู้สึกตรงที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นแบบเขาว่าไหม
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2020, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ไม่เอาอ่าวอะไรเลย
:b12:
ก็บอกยู๊ววววววว่าให้ดูที่กายที่จิตใจตนเอง
มันเพ่งโทษติเตียนนอกตัวตนนั้นน่าาาา
ไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่รู้ยังหลงผิดว่าไป
ว่าอะไรออกไปนั้นน่ะมันไม่มีตัวตนผู้รับ
เออน่ะเอาไปเทียบตามหัวข้อนึงได้ที่ว่า
ท่านให้รู้ท่านให้ดูตามที่เห็นตามที่เป็นจริง
ถ้ารู้จริงต้องรู้สึกตรงที่มีกายใจตนเองกำลังมี
ที่ตำหนิคนอื่นอยู่ตามตัวอักษรนั้นน๊าไม่รู้สึกตัวเองอยู่
บอกแล้วบอกอีกว่าเวลาอ่านความคิดคนอื่นให้รู้สึกตรงที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นแบบเขาว่าไหม


อ้างอยู่นั่นแหละกายใจ กายใจ ท่องปร๋อเป็นนกแก้วนกขุนทอง อ้าวกายใจ นี่เขาเป็นอะไร

อ้างคำพูด:
แสงสว่างพุ่งใส่หน้า

อาการที่เป็นบ่อยเวลานั่งสมาธิ รู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ ผ่านตัวจนขนลุกไปทั้งตัว พร้อมกับมีแสงสว่างพุ่งเข้ามาใส่หน้าแล้วรู้สึกเหมือนตัวจะลอย ทั้งที่ผม นั่งสมาธิได้แค่สิบกว่านาที และยังมีอาการที่สองที่ผมเป็นบ่อยเหมือนกันคือ เวลาผมฟังเพลงสวดของพระแม่ทุรคา หรือเพลงสวดของเทพเจ้าฮินดู จะรู้สึกขนลุก เย็นๆ มึนๆ อยากเต้น ชาลงปลายมือ มีลมอัดตรงช่วงอก จะเรอออกมา และมีความรู้สึกอยากให้ออกมาให้หมด ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใครรู้บอกผมที ผมควรทำอย่างไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2020, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นมาอีก

อ้างคำพูด:
มหาสติปัฏฐานสูตร บรรยายโดย อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์


https://pantip.com/topic/39908878

คคห.1 ว่า

อ้างคำพูด:
ผมคลิกอ่านประวัติป้าสุจินต์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2469 เท่ากับว่าปัจจุบันอายุ 94 ปี อีกไม่กี่ปีก็ครบ 100 ปีแล้ว

เนื่องจากผมเอง ถูกเลี้ยงดู ถูกปลูกฝัง รวมถึงมีความผูกพันและใกล้ชิดกับคนสูงอายุจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคุณย่า คุณตา คุณยาย ฯลฯ พอรู้ว่าป้าสุจินต์อายุมากขนาดนี้ ผมคิดว่าหลังจากนี้ผมจะวางใจใหม่ จากเดิมที่มีโทสะ (ความไม่พอใจ) ก็จะวางใจเป็นกลาง วางเฉยมากขึ้น

เพราะสิ่งที่ป้าสุจินต์กำลังทำอยู่ ไม่ต่างอะไรกับคึกฤทธิ์ นั่นคือ เป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นทักษะความสามารถเฉพาะตน คนอื่นเลียนแบบไม่ได้ และผมพูดเสมอว่า คนที่สอนธรรมะผิด ไม่สามารถหาครูบาอาจารย์อื่นที่สอนตรงกับตนเองได้เลยแม้แต่คนเดียว ป้าสุจินต์ (และคึกฤทธิ์) ก็ไม่อยู่นอกเหนือจากนี้

และไม่ใช่เฉพาะครูบาอาจารย์เท่านั้น แม้แต่ตัวลูกศิษย์เอง หมายถึงลูกศิษย์ที่จะเป็นคนสอนสืบทอดต่อไป จะมีประเภทเข้าใจ(ผิด)ตรงกันก็จะหาไม่ได้เช่นกัน (รวมถึงกรณีคึกฤทธิ์ด้วย) ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่า เมื่อป้าสุจินต์หมดบุญเมื่อไหร่ สิ่งพวกนี้ก็คงหมดตามไปด้วย

ผมจะไม่ขอให้ป้าสุจินต์และลูกศิษย์อโหสิกรรมให้ผม ผมยินดีรับผลของวิบากกรรมทุกอย่าง (จากการทำที่ผมอาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจ) แต่ผมจะขออโหสิกรรมให้ทั้งหมด ไม่ถือโทษ ไม่ติดใจใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเป็นห่วงและกังวล ก็คือ ทำไมจึงปล่อยไว้นานขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครเตือน ทักท้วงบ้างเลย ยกตัวอย่างพระครูรูปหนึ่ง ที่ไปสนทนาธรรม ก็ดูเหมือนจะพยายามเอาชนะกันอย่างเดียว ถ้ากล้าบอกกันตรงๆ เลยว่า "ท่านอาจารย์กำลังเข้าใจธรรมะผิดนะ" ผมว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า


คิกๆๆ เขาพูดถูกนะ ตอนนี้ไม่มีใครหยุดเขาได้ ต้องรอให้ตายไปกับตัวเอง
ตายแล้วก็ไม่มีคนสืบต่อ ไม่มีคนสืบต่อก็จบ ก็เอวัง เพราะอะไร ? เพราะเป็นความเห็นเฉพาะตนเป็นความคิดส่วนตัวเป็นลัทธิเฉพาะตน ไม่มีใครเลียนแบบได้

พูดเพื่อไว้หน่อย ไม่รู้คุณโรสจะพอรับมรดกไหวไหม ถ้าไหวก็สืบต่อได้ ถ้าไม่ไหวก็จบแค่นั้นแหละ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2020, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ไม่เอาอ่าวอะไรเลย
:b12:
ก็บอกยู๊ววววววว่าให้ดูที่กายที่จิตใจตนเอง
มันเพ่งโทษติเตียนนอกตัวตนนั้นน่าาาา
ไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่รู้ยังหลงผิดว่าไป
ว่าอะไรออกไปนั้นน่ะมันไม่มีตัวตนผู้รับ
เออน่ะเอาไปเทียบตามหัวข้อนึงได้ที่ว่า
ท่านให้รู้ท่านให้ดูตามที่เห็นตามที่เป็นจริง
ถ้ารู้จริงต้องรู้สึกตรงที่มีกายใจตนเองกำลังมี
ที่ตำหนิคนอื่นอยู่ตามตัวอักษรนั้นน๊าไม่รู้สึกตัวเองอยู่
บอกแล้วบอกอีกว่าเวลาอ่านความคิดคนอื่นให้รู้สึกตรงที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นแบบเขาว่าไหม


อ้างอยู่นั่นแหละกายใจ กายใจ ท่องปร๋อเป็นนกแก้วนกขุนทอง อ้าวกายใจ นี่เขาเป็นอะไร

อ้างคำพูด:
แสงสว่างพุ่งใส่หน้า

อาการที่เป็นบ่อยเวลานั่งสมาธิ รู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ ผ่านตัวจนขนลุกไปทั้งตัว พร้อมกับมีแสงสว่างพุ่งเข้ามาใส่หน้าแล้วรู้สึกเหมือนตัวจะลอย ทั้งที่ผม นั่งสมาธิได้แค่สิบกว่านาที และยังมีอาการที่สองที่ผมเป็นบ่อยเหมือนกันคือ เวลาผมฟังเพลงสวดของพระแม่ทุรคา หรือเพลงสวดของเทพเจ้าฮินดู จะรู้สึกขนลุก เย็นๆ มึนๆ อยากเต้น ชาลงปลายมือ มีลมอัดตรงช่วงอก จะเรอออกมา และมีความรู้สึกอยากให้ออกมาให้หมด ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใครรู้บอกผมที ผมควรทำอย่างไร

cool
คุณคิดว่าพระพุทธเจ้าอยากให้พระเทวทัตตกนรกไหมคะ
พระพุทธเจ้าเกลียดพระเทวทัตเหรอถึงไม่วิ่งออกมาช่วย
ดึงพระเทวทัตไม่ให้ถูกธรณีสูบพระเทวทัตคือพระญาติ
พระพุทธเจ้าเนรคุณเหรอเพราะพระเทวทัตเคยเป็นพ่อ
หยุดคิดสักนิดไหมคิดให้มากกว่าทำเพราะคำสอนจริง
ข้างนอกที่มองเห็นน่ะเท็จไม่มีจริงแต่มีธัมมะคือสิ่งที่มีจริง
ที่ไม่ใช่เราที่ตถาคตหมายถึงไม่ใช่พระองค์ด้วยประมาทการฟัง
ความจริงรู้ได้ตรงปัจจุบันที่กำลังมีโลกนี้ทุกอย่างไม่มีเรื่องบังเอิญ
เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งที่ดับไปแล้ว
:b12:
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร