วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา
จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ
ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี
https://youtu.be/RF7rZMud1sU
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา
จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ
ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี
https://youtu.be/RF7rZMud1sU
:b12:
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ

นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด :b32:

บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา
จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ
ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี
https://youtu.be/RF7rZMud1sU
:b12:
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ

นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด :b32:

บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน :b13:

:b12:
อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท
:b11:
เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว
คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม
คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ
แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม
:b32: :b32:
ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ
เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ
จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ
ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่
อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง
ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ
ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา
จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ
ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี
https://youtu.be/RF7rZMud1sU
:b12:
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ

นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด :b32:

บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน :b13:

:b12:
อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท
:b11:
เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว
คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม
คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ
แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม
:b32: :b32:
ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ
เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ
จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ
ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่
อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง
ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ
ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
:b12:
:b32: :b32:

ยกตัวอย่างนะ
คุณเปิดคลิปวิดีโอบ้านธัมมะฟังพร้อมกับตุ๊กแกบนเพดานใครที่จะเข้าใจตามปรโตโฆสะ(เสียงคำจริงในคลิป)
เพราะความจริงคือ2ภพภูมิฟังเสียงเดียวกันถ้าคุณฟังไม่เข้าใจคุณก็ไม่ต่างจากตุ๊กแกจึงประเสริฐไม่ได้งัยคะ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา
จะเข้าใจความจริงนี้ได้ต่อเมื่อฟังจนจิตจำแม่นยำมั่นคงว่าไม่มีเราไปทำ
ปัญญาคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นอกจากปัญญาที่สะสมมาพาฟังคำจริงที่มี
https://youtu.be/RF7rZMud1sU
:b12:
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นโดยความเป็น...อนัตตาไม่ใช่เราทำ

นี่คือการตีความผิด เพียงความคิดจากการตั้งหัวข้อ กท. ก็บอกแล้วว่า เข้าใจผิด :b32:

บอกไม่เชื่อ ดื้อจริงๆเออ บอกไม่ฟัง ว่าให้กลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจากไหน จากตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน ปิดทองฝังลูกนิมิต เป็นจิตอาสากวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ ปล่อยนก ปล่อยเต่า เป็นต้นเอาก่อน :b13:

:b12:
อันที่คิดเองอยู่คือความคิดเห็นของคุณเองแต่ตถาคตบอกว่าสีกระทบประสาทตาดับทันทีมืดสนิท
:b11:
เพราะไม่รู้ว่าตามองเห็นเพราะกรรมในอดีตกำหนดไว้แล้ว
คนตาบอดเพราะจักขุปสาทะรูปพิการเป็นวิบากกรรม
คุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดทำตาที่บอดแล้วให้เห็นรึ
แล้วคนที่ตามองเห็นเนี่ยไปทำให้เกิดมองเห็นอันเก่าซ้ำได้ไหม
:b32: :b32:
ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสแยกออกไปจากปกติค่ะเพราะเกิดแล้วดับแล้วด้วยค่ะ
เป็นเราคิดนึกปรุงแต่งรู้สึกนึกคิดเอาตามชอบใจไม่ชอบใจคือคิดตามกิเลสตนเองค่ะ
จนกว่าจะเริ่มฟังคนอื่นกล่าวความจริงที่ตัวเองกำลังมีให้เข้าใจถูกตัวว่ามีกิเลสค่ะ
ปัญญาต้องรู้จักตัวจริงของกิเลสที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตอนลืมตาดูแล้วคิดตามได้อยู่
อันที่ไปไหนๆเพื่อไปทำนั้นน่ะแปลว่าเอาตัวตนที่มีกิเลสคิดตามกิเลสตัวเอง
ไม่ฟังคนอื่นกล่าวตรงสัจจะที่ว่าตัวเองกำลังมีกิเลสแปลว่าหลงทำไปตามเห็นผิดของตัวเองอยู่อ่ะค่ะ
ถ้ามัวแต่เพลินคิดเองไปเรื่อยๆโดยประมาทการฟังก็คือปล่อยเวลาผ่านไม่พึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
:b12:
:b32: :b32:

ยกตัวอย่างนะ
คุณเปิดคลิปวิดีโอบ้านธัมมะฟังพร้อมกับตุ๊กแกบนเพดานใครที่จะเข้าใจตามปรโตโฆสะ(เสียงคำจริงในคลิป)
เพราะความจริงคือ2ภพภูมิฟังเสียงเดียวกันถ้าคุณฟังไม่เข้าใจคุณก็ไม่ต่างจากตุ๊กแกจึงประเสริฐไม่ได้งัยคะ
:b32:



จับแพะชนแกะ พูดมั่วไปเรื่อย นึกอะไรได้ก็พืดๆไป ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวพุทธนำไปเทียบกับพุทธปฏิมาได้เลย

[๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล

ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ชาวพุทธนำไปเทียบกับพุทธปฏิมาได้เลย

[๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก เป็นไฉน คือ

พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง

พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ

ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล

ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0


รูปภาพ

cool
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคะว่า
บุคคลที่เป็นถูปารหบุคคลคือบุคคลสำคัญตามกาลนั้นๆ
ที่เป็นบุคคลอันคนทั่วไปเคารพสูงสุดเป็นแต่ละ1บุคคล
ที่เข้าใจว่าสู่สุคติเนี่ยต้องสมบูรณ์ด้วยคุณความดีจริงๆ
ที่บุคคลต่างๆสร้างสถูปเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ในความดี
ลองไปศึกษาพระเตมีย์ใบ้ดูสิว่าทำไมที่จริงไม่ได้ใบ้นะ
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้


อ้างคำพูด:
เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ

ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว

ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ


https://pantip.com/topic/39562487

ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง :b32:

อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน

ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร :b13:

รูปภาพ

https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้


อ้างคำพูด:
เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ

ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว

ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ


https://pantip.com/topic/39562487

ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง :b32:

อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน

ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร :b13:

https://f.ptcdn.info/707/067/000/q434pw ... FQlR-o.jpg

https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg



ที่ชอบพูดๆกันทั่วๆไป (พูดแต่ไม่ทำ ไม่ทำก็พูดไปเรื่อย เหมือนคนพูดถึงผีตอนกลางวัน บอกไม่กลัวผี พอตกกลางคืนดึกสงัด นึกถึงผี ใครพูดถึงผี ขนลุกไปทั้งตัว :b14: ) บ้างก็พูดว่ากายใจไม่ใช่เรามันเป็นอนัตตา บ้างก็พูดว่าปล่อยวางวางเฉยอุเบกขา บ้างก็พูดว่าไม่ควรยึดมั่นมั่น ฯลฯ

นำตัวอย่างคนทำมาให้เทียบ

อ้างคำพูด:
ปัญหาในการนั่งสมาธิค่ะ เพิ่งจะเกิดอาการตอนปีนี้ เป็นทุกครั้งที่นั่งสมาธิเลยรู้สึกกลัวที่จะนั่งไปเลย
คือว่าพอนั่งไปสักพัก พอจิตเริ่มจะนิ่งๆ แขนซ้ายเราก็จะขยับได้เอง แรกๆเราก็ตกใจสงสัยว่าจะขยับไปไหน
เราเลยปล่อยให้มันขยับแล้วส่งจิตตามดูค่ะ ปรากฏว่ามือขยับไปปิดหู เลื่อนมาปิดปาก จมูก ตา แล้ววนมาปิดหู
วนไปวนมาอย่างนั้นไม่ยอมหยุด เราเมื่อยมากค่ะ บางทีครึ่งชั่วโมงผ่านไปแขนเราก็ยังไม่ยอมหยุดหมุน
เราเคยใช้มืออีกข้างดึงมือซ้ายเราลงมาทำท่านั่งสมาธิใหม่ แต่พอเราปล่อยมือ มือเรามันก็เหมือนโดนปัดกลับไปทำแบบเดิมๆอีก
บางทีเราเริ่มโมโหดึงแขนเรากลับมา แต่มันก็ปัดกลับไปปิดหูตาจมูกปากเราเหมือนเดิม ซึ่งตัวเราเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ เราว่าเราก็คงมีปัญหาตรงที่จิตไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายของร่างกายได้ สรุปว่า เราเป็นผู้ป่วยโรคจิต??
ถ้ามองแบบศาสนาการฝึกปฏิบัติธรรม: อุปสรรคระหว่างนั่ง จิตปรุง เกิดได้กับทุกคน?? เราอยากทราบว่าอาการแบบนี้หมายถึงอะไร
เราควรหยุดชั่วคราวก่อน หรือฝึกต่อไป ทำอย่างไรดี??

ตอนนั่งเราก็พิจารณาคิดถึงลมหายใจเข้าออกๆ พอมันเป็นแบบนี้เราก็กลัว เพราะเรามั่นใจว่ากายเรามันไม่ได้ไปด้วยกันกับจิต
เราสวดมนต์นั่งสมาธิเดินจงกรมตลอด อาจไม่ได้ทำทุกวันแต่ก็ฝึกตลอดสม่ำเสมอมาสิบกว่าปี
ยิ่งตอนนี้เราปฏิบัติเองอยู่ที่บ้านเรายิ่งกลัว ไม่ทราบว่าเราควรแก้ไขอย่างไรดีคะ
ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ดูว่าจะทำไปได้แค่ไหน หรือว่าถ้าเป็นแบบนี้อีกให้ลืมตารีบออกจากสมาธิเลย



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปุถุชนคิดเรื่องอนัตตา เรื่องกายใจ ไม่ใช่เรา เป็นต้น จะคิดไปทางนี้


อ้างคำพูด:
เมื่อกายนี้ ใจนี้ไม่ใช่เรา แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวทุกข์อีกต่อไปใช่หรือไม่ครับ

ตามหลักพระพุทธศาสนาเมื่อกายและใจไม่ใช่เรา ไม่มีอะไรเป็นเราเลย แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์อีกแล้วใช่หรือไม่ครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็ได้หมดเลยสิครับ ไม่ต้องคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษอะไรกันอีกแล้ว

ขอท่านผู้รู้ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ


https://pantip.com/topic/39562487

ในลานนี้มีคุณโรสเป็นบุคคลตัวอย่าง :b32:

อย่าคิดเลยธง ทำอย่างที่บอกนั่นแหละไปก่อน

ถ้าจะทำต้องมือทำลงมือปฏิบัติแล้วให้สภาวะให้ประสบการณ์จากการประสบกับสภาวธรรมนั้นสอน ทีนี้แหละแม่คุลเอ้ยจะได้รู้กันว่า ที่พูดว่า อนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ตามที่พูดกันทั่วๆไป กับ ที่ทำต่างกันตรงไหนอย่างไร :b13:

รูปภาพ

https://f.ptcdn.info/707/067/000/q43490 ... 7a7F-o.jpg

:b32:
ไหนลองคิดตามสิว่ารู้สึกตัวมั๊ยว่าหนาขนาดไหน
ลืมตาอยู่เนี่ยยกแขนขึ้นมาดูบอกมาสิว่าตัวเองเห็นอะไร
บอกให้ตรงกะที่ตาเนื้อเห็นตรงกะที่กำลังคิดด้วยนะเอาให้ตรงจริงๆจะจะ
:b32:
ทีนี้เอามาเทียบกับคำที่ตถาคตสอนนะ...เห็นเพียงสีกระทบตาดับในตาดำมืดทันทีมีแขนเราไหม
แขนน่ะคือมหาภูตรูปมองด้วยตาไม่เห็นค่ะเพราะมหาภูตรูปรู้ได้ทางประสาทกายไม่ใช่ประสาทตา
หมายเหตุสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้คือสี เรียกสีว่า อุปาทายรูป (ที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นจึงมีสีกลิ่นรสโอชา)
เวลาจับแขนเนี่ยไม่มีแขนเป็นเราหลงตัวตนว่ามีแขนคือปุถุชนคนหนาแน่นด้วยความไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไงคะ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2020, 22:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ทบทวนรูปที่เป็นตัวจริงธัมมะที่ตถาคตแยกย่อยให้รู้อย่างละเอียดแต่ละ1จริงๆ
รูปตามพระอภิธรรมมี28รูป (สีคือรูปเดียวที่เห็นได้พร้อมแสง/รูปอื่นๆเกิดในมืดมิด)มาจาก2ประเภทคือ
1.มหาภูตรูป4คือประธานมีลักษณะปรากฏปกติมีธาตุดินลมไฟโดยมีธาตุน้ำซึมซาบเกาะกลุ่มกันแตกหักได้
2.อุปาทายรูป24คือรูปประกอบที่มหาภูตรูปมี24รูปแต่มีวิสยรูป7ที่ปรากฏให้รู้ตามปกติตอนลืมตาตื่นรู้ปกติค่ะ
https://youtu.be/8g5lswAXM58
onion onion onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร