วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2018, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
เออนะคนเรา...รู้จักคำว่าตามปกติเป็นปกติไหมคะ

คุณพูดคำว่า...ธัมมะ...ตามคำสอนได้...แต่ไม่รู้ไง

ธัมมะเป็นภาษาบาลี แปลว่า สิ่งที่มีจริงในภาษาไทย

ทีนี้ก็พูดคำว่าสิ่งที่มีจริงจะได้เข้าใจในภาษาที่ใช้
ทีนี้คุณก็ตอบคำถามตัวเองสิเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงไหม
ปัจจุบันขณะมีอะไรที่จริงตรงสัจจะแค่1สัจจะที่ควรรู้ตรงสัจจะ
ไม่ใช่คิดไปแต่ในอดีตที่ไม่ใช่เหตุการณ์จริงของตัวเองเดี๋ยวนี้

คุณคิดเอาเองว่า คน สัตว์ วัตถุมีจริง คอมพิวเตอรมีจริง มือถือ มีจริง คือ ความเห็นผิดไงคะ

คุณต้องกำลังคิดตามคำสอนว่าไม่มีเราไม่มีเขาไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแต่สิ่งที่มีจริงตรง1สัจจะตรงๆ

ก็ปัจจุบันขณะเนี่ย มันเร็วเป็นอณูวินาที คุณรู้ไม่ทันตามคำสอนก็ คือ มีกิเลสปรากฏกับจิตคุณ รู้จักสัจจะไหมคะ

viewtopic.php?f=1&t=56199&start=45



คุณโรส ยังแยก สมมติบัญญัติ กับ ปรมัตถ์ ไม่เป็น ซึ่งก็คือไม่เข้าใจพุทธธรรมนั่นเอง

อ้างคำพูด:
คุณคิดเอาเองว่า คน สัตว์ วัตถุมีจริง คอมพิวเตอรมีจริง มือถือมีจริง คือ ความเห็นผิดไงคะ



คนน่ะมีอยู่ แต่คนหามีไม่ สัตว์, วัตถุ มีอยู่ แต่สัตว์,วัตถุหามีไม่ คอมพิวเตอร์,มือถือ มีอยู่ แต่คอมพิวเตอร์ มือถือหามีไม่

ความท่อนหน้าๆ พูดตามนัยสมมติ ส่วนความท่อนหลังๆ พูดตามนัยปรมัตถ์

การดำเนินชีวิตทุกวี่ทุกวันตั้งแต่เกิดจนตายเนี่ย เราใช้สมมติ (ข้อรู้ร่วมกัน, ข้อตกลง) กันนะ ถ้าไม่มีสมมติ จะพูดจะสื่อสารกันยังไงจึงเข้าใจรู้เรื่องกัน อือๆอ้าๆ หรอ ไม่ได้ ไปไม่เป็น

นี่เขาสมมติเรียกกันว่า มือถือ ก็มือถือดิ

รูปภาพ

น้องจ๋า ซื้อมือเครื่องหนึ่งซิคะ รับเครื่องไหนดีคะ ? เอาเครื่องไหนก็บอกน้องเค้า เครื่องละกี่พันกี่หมื่นก็จ่ายเงินเค้าไป (ไม่ใช่อย่างที่มีข่าว สั่งมือถือเป็นร้อยๆเครื่อง (อวดรวย) แต่ไม่มีตังค์จ่าย) นี่ไปได้เลย สำเร็จประโยชน์

ถ้านักธรรมะบ้านเราไม่เอาสมมติ จะเอาแต่ปรมัตถ์ แล้วจะไปยังไง ซอยตันเลยไปไม่ถูก

สมมติเรารู้เอาไว้ใช้สื่อสารกันในโลก ปรมัตถ์รู้เข้าใจไว้เพื่อดับทุกข์พ้นทุกข์ (ของสิ่งเดียวกันนั่นแหละแต่ต้องมองสองชั้น)

จะว่ามือถือไม่มีได้ไหม ไม่ได้ ก็นั่นไงมือถือ

จะว่าคนไม่มีได้ไหม ไม่ได้ ก็นั่นไงคน คิกๆๆ



คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริงตรงขณะ
คิดตรงๆไม่ต้องคิดมากซับซ้อนอะไรเลย
มีคือมีจริงๆไม่มีคือไม่มีจริงๆแปลว่า
ที่มีจริงๆตรงขณะทุกขณะ
ที่ไม่มีจริงๆตามคำสอน
คือไม่มีตัวตนนะคะ
คิดว่าไปเพื่อทำ
เอาตัวไปทำ
แต่ทรงบอกให้ฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกตามได้
:b32: :b32:


แล้วมือถือซับซ้อนนักหรือไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
เออนะคนเรา...รู้จักคำว่าตามปกติเป็นปกติไหมคะ

คุณพูดคำว่า...ธัมมะ...ตามคำสอนได้...แต่ไม่รู้ไง

ธัมมะเป็นภาษาบาลี แปลว่า สิ่งที่มีจริงในภาษาไทย

ทีนี้ก็พูดคำว่าสิ่งที่มีจริงจะได้เข้าใจในภาษาที่ใช้
ทีนี้คุณก็ตอบคำถามตัวเองสิเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงไหม
ปัจจุบันขณะมีอะไรที่จริงตรงสัจจะแค่1สัจจะที่ควรรู้ตรงสัจจะ
ไม่ใช่คิดไปแต่ในอดีตที่ไม่ใช่เหตุการณ์จริงของตัวเองเดี๋ยวนี้

คุณคิดเอาเองว่า คน สัตว์ วัตถุมีจริง คอมพิวเตอรมีจริง มือถือ มีจริง คือ ความเห็นผิดไงคะ

คุณต้องกำลังคิดตามคำสอนว่าไม่มีเราไม่มีเขาไม่มีคนไม่มีสัตว์มีแต่สิ่งที่มีจริงตรง1สัจจะตรงๆ

ก็ปัจจุบันขณะเนี่ย มันเร็วเป็นอณูวินาที คุณรู้ไม่ทันตามคำสอนก็ คือ มีกิเลสปรากฏกับจิตคุณ รู้จักสัจจะไหมคะ

viewtopic.php?f=1&t=56199&start=45



คุณโรส ยังแยก สมมติบัญญัติ กับ ปรมัตถ์ ไม่เป็น ซึ่งก็คือไม่เข้าใจพุทธธรรมนั่นเอง

อ้างคำพูด:
คุณคิดเอาเองว่า คน สัตว์ วัตถุมีจริง คอมพิวเตอรมีจริง มือถือมีจริง คือ ความเห็นผิดไงคะ



คนน่ะมีอยู่ แต่คนหามีไม่ สัตว์, วัตถุ มีอยู่ แต่สัตว์,วัตถุหามีไม่ คอมพิวเตอร์,มือถือ มีอยู่ แต่คอมพิวเตอร์ มือถือหามีไม่

ความท่อนหน้าๆ พูดตามนัยสมมติ ส่วนความท่อนหลังๆ พูดตามนัยปรมัตถ์

การดำเนินชีวิตทุกวี่ทุกวันตั้งแต่เกิดจนตายเนี่ย เราใช้สมมติ (ข้อรู้ร่วมกัน, ข้อตกลง) กันนะ ถ้าไม่มีสมมติ จะพูดจะสื่อสารกันยังไงจึงเข้าใจรู้เรื่องกัน อือๆอ้าๆ หรอ ไม่ได้ ไปไม่เป็น

นี่เขาสมมติเรียกกันว่า มือถือ ก็มือถือดิ

รูปภาพ

น้องจ๋า ซื้อมือเครื่องหนึ่งซิคะ รับเครื่องไหนดีคะ ? เอาเครื่องไหนก็บอกน้องเค้า เครื่องละกี่พันกี่หมื่นก็จ่ายเงินเค้าไป (ไม่ใช่อย่างที่มีข่าว สั่งมือถือเป็นร้อยๆเครื่อง (อวดรวย) แต่ไม่มีตังค์จ่าย) นี่ไปได้เลย สำเร็จประโยชน์

ถ้านักธรรมะบ้านเราไม่เอาสมมติ จะเอาแต่ปรมัตถ์ แล้วจะไปยังไง ซอยตันเลยไปไม่ถูก

สมมติเรารู้เอาไว้ใช้สื่อสารกันในโลก ปรมัตถ์รู้เข้าใจไว้เพื่อดับทุกข์พ้นทุกข์ (ของสิ่งเดียวกันนั่นแหละแต่ต้องมองสองชั้น)

จะว่ามือถือไม่มีได้ไหม ไม่ได้ ก็นั่นไงมือถือ

จะว่าคนไม่มีได้ไหม ไม่ได้ ก็นั่นไงคน คิกๆๆ



คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริงตรงขณะ
คิดตรงๆไม่ต้องคิดมากซับซ้อนอะไรเลย
มีคือมีจริงๆไม่มีคือไม่มีจริงๆแปลว่า
ที่มีจริงๆตรงขณะทุกขณะ
ที่ไม่มีจริงๆตามคำสอน
คือไม่มีตัวตนนะคะ
คิดว่าไปเพื่อทำ
เอาตัวไปทำ
แต่ทรงบอกให้ฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกตามได้
:b32: :b32:


แล้วมือถือซับซ้อนนักหรือไง

:b32:
ก็บอกว่าให้คิดให้ตรง
เห็นสีกระทบตาดับ
มือถือน่ะมันมีไหม
สัจจะอยู่ที่รู้สึก
ว่ามีอะไรที่กาย
ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ชัดไหม
เห็นแค่สีไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นไม่มีอะไรปนมีมือถือไหม
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2019, 18:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin
เข้าวัดจิตวัดใจตนเองว่าพึ่งคำจริงของตถาคตที่ทำให้เข้าใจถูกคิดถูกตามได้ค่ะ
ที่ไหนไม่เลือกกาลเวลาและสถานที่ค่ะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ฟังเพราะศรัทธาเลื่อมใส
ในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเข้าใจความจริงแต่ละขณะที่กำลังเป็นไปถูกต้อง
ดีกว่าไปถวายดอกไม้ธูปเทียนเดินเวียนโบสถ์3รอบกราบ3ครั้งแต่ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร
คือทำไปตามประเพณีโดยไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลยมีแต่ความเห็นผิดต้องรู้จักเลือกทำสิ่งที่ถูก
งานยุ่งมากเลยค่ะไม่มีเวลาไปเดินเวียนเทียนหรอกค่ะแค่เดินวนเวียนดแลคนเจ็บไข้ก็จะไม่ไหวแล้วเพลีย


คุณโรสเข้าใจยังครับว่า "คน" น่ะ มีอยู่ แต่คนหามีไม่ :b12:

"เดิน" เรียก อิริยาบถ หนึ่งในบรรดาอิริยาบถใหญ่

:b32:
ก็บอกว่าตามคำสอนของพระพุทธเจ้าน่ะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดรวมกันได้เลยค่ะ
มีแต่ธัมมะแต่ละ1ตัวธัมมะหลากหลายตามการสะสมที่ดับแล้วไม่กลับมาให้รู้อีก
ตายจากชาติที่เป็นกรัชกายปุ๊บไม่รู้ไปเกิดเป็นหัวเหน่งที่ไหนแล้วหากรัชกายไม่มี
จะไปค้นทั้งจักรวาลก็ไม่มีเพราะดับจิต1ขณะสุดท้ายแล้วกลับมาเป็นกรัชกายไม่ได้
:b32: :b32:



ใช่ครับธรรมทั้งปวงไม่ใช่ตัวใช่ตน แต่กิเลส ตัณหา อุปาทาน ยังไมสิ้นเพียงใดจิตยังมีภพ ชาติต่อไป
ต้องเสวยวิบาก กายนี้แตกทำลายย่อมเข้าถึงคติ ตามกรรมที่ได้ก่อเอาไว้ สิ่งที่พูดนั้นอาจนำทุกข์ นำ
เวรภัยสู่ทั้งตนเอง และผู้อื่นได้นะครับ

คนบ้าเสียสติเค้าก็ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นใด ๆ ระลึกไม่ได้ทั้งส่วนอดีต ปัจุบัน อนาคต แต่เค้ายังมีผัสสะ
เมื่อมีผัสสะย่อมมี เวทนา สัญญา เจตนา นำพาให้ทำกรรม ก่อวิบาก ภพ และต้องทะยานไปทุกข์อย่างไม่รู้ต้นรู้ปลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2019, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตเป็นของเราเลือกได้ใช้ซะ จริงหรือ?




เคยบอกคุณโรสครั้งสองครั้ง ว่า ชอบลีลาการพูดของแม่สุจิน คือ พูดเป็นวรรคเป็นตอน น้ำเสียงลีลาพูดฟังง่าย สมกับที่ว่าเคยเป็นครูเป็นอาจารย์มาก่อน แค่เนี่ยที่นึกชอบ ส่วนเนื้อหาที่พูด ยังตีคลุม :b12: ยังแยกสมมติ กับ ปรมัตถ์ไม่เป็น คือ แยกไม่ออก

ตัวอย่างคลิปนี้ เริ่มต้นก็เรื่องคน กับ ธัมมะ คุณแม่ว่า...1 ธัมมะ ไม่ใช่ 1 คนนะคะ เห็นเป็น 1 ได้ยินเป็น 1 เกิดดับเร็วมาก ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2019, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คคห.นี้ จะให้พิจารณาแยก คน กับ ธัมมะ :b1: ด้วยภาคปฏิบัติดู

จะคุณโรสหรือใครที่เป็นศิษย์ติดตามฟังคุณแม่สุจินพูดจนติดแล้ว เห็นนี่แล้วหงุดหงิดใจ จะโต้เถียงแทนท่าน เชิญเข้ามาสนทนากัน ส่วนคุณโรสคงคิดว่าเหมือนยาขมส่ายหัวไม่เข้าใกล้แล้ว
:b13: นำมาหลายครั้งแล้ว ดู


@ นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาที เริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัว จึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเอง จนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว
เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนา ทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้ว เข้าใจแล้ว จะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

(ลองแยก คน กับ ธัมมะออกจากกันดู)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2019, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อุปาทะ ฐีติ ภังคะ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ว่าโดยขณะหยาบๆ

รูปภาพ

https://campus.campus-star.com/variety/ ... dN7eK-oIxA


ยังมีชีวิตอยู่ เขาสมมติบัญญัติเรียกว่า คนบ้าง ว่ามนุษย์บ้าง ครั้นสิ้นลมเข้า ลมออก สิ้น อานาปานะ เขาก็เรียกว่า ศพ บ้าง ว่าผี บ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555


คิกๆๆ มาแระ 1 ที่อดรนทนไม่ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:



อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา
สารญฺจ สาโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา.


(แปลว่า) ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน 6 คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:


ที่เดียวกันยังพูดกันคนละเรื่อง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555


คุณปฤษฎีลองว่ามาสิ อะไรยังไงตรงไหนที่มันเป็นสาระน่ะ ยกมาสิ แล้วตรงไหนที่กรัชกายยกมามันไร้สาระน่ะ ตรงไหน นำมาสิ เพื่อที่จะได้ทำให้มีให้เป็นสาระ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:



อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา
สารญฺจ สาโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา.


(แปลว่า) ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ.

:b12:
ชื่อกระทู้ก็ลงท้ายว่าคนน่ะหามีไม่
แล้วมีอะไรจริงบอกมาเลย
คนหามีไม่อะไรที่มีคะ
เด่วนี้ขาดปัญญา
เพราะไม่ทำฟัง
ตรงปัจจุบัน
เข้าใจไหม
พอไม่ฟัง
ไม่รู้อะไรเลยก็รีบกุลีกุจอไปทำไม่รู้เพิ่มอีกงัยคะ
ถึงได้บอกงัยว่า...บอก ก็ ไม่ ฟัง ไม่ฟังอยู่เด่วนี้เลยคือปัจจุบันรู้สึกตัวมั๊ยคะ
เอาแต่ตัวตนไปทำตามที่ตนเองต้องการและตามที่คนอื่นขอให้ทำไม่ฟังคำสอนเพื่อให้คิดถูกตามได้งัยคะุ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2019, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:



อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา
สารญฺจ สาโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา.


(แปลว่า) ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ.

:b12:
ชื่อกระทู้ก็ลงท้ายว่าคนน่ะหามีไม่
แล้วมีอะไรจริงบอกมาเลย
คนหามีไม่อะไรที่มีคะ
เด่วนี้ขาดปัญญา
เพราะไม่ทำฟัง
ตรงปัจจุบัน
เข้าใจไหม
พอไม่ฟัง
ไม่รู้อะไรเลยก็รีบกุลีกุจอไปทำไม่รู้เพิ่มอีกงัยคะ
ถึงได้บอกงัยว่า...บอก ก็ ไม่ ฟัง ไม่ฟังอยู่เด่วนี้เลยคือปัจจุบันรู้สึกตัวมั๊ยคะ
เอาแต่ตัวตนไปทำตามที่ตนเองต้องการและตามที่คนอื่นขอให้ทำไม่ฟังคำสอนเพื่อให้คิดถูกตามได้งัยคะุ


ไปดูหน้า 1 ให้เข้าใจ พูดไว้ชัดแล้ว :b1: แต่มีบาง คคห. รูปภาพหายไป เดี๋ยวจะแก้ไขเอารูปภาพไปใส่ให้ใหม่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2019, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:



อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา
สารญฺจ สาโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา.


(แปลว่า) ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ.

:b12:
ชื่อกระทู้ก็ลงท้ายว่าคนน่ะหามีไม่
แล้วมีอะไรจริงบอกมาเลย
คนหามีไม่อะไรที่มีคะ
เด่วนี้ขาดปัญญา
เพราะไม่ทำฟัง
ตรงปัจจุบัน
เข้าใจไหม
พอไม่ฟัง
ไม่รู้อะไรเลยก็รีบกุลีกุจอไปทำไม่รู้เพิ่มอีกงัยคะ
ถึงได้บอกงัยว่า...บอก ก็ ไม่ ฟัง ไม่ฟังอยู่เด่วนี้เลยคือปัจจุบันรู้สึกตัวมั๊ยคะ
เอาแต่ตัวตนไปทำตามที่ตนเองต้องการและตามที่คนอื่นขอให้ทำไม่ฟังคำสอนเพื่อให้คิดถูกตามได้งัยคะุ


ไปดูหน้า 1 ให้เข้าใจ พูดไว้ชัดแล้ว :b1: แต่มีบาง คคห. รูปภาพหายไป เดี๋ยวจะแก้ไขเอารูปภาพไปใส่ให้ใหม่

:b32:
ไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ
เอาแต่เรี่ยไรเงินสร้างวัตถุขึ้นมาเป็นภาระ
สร้างไม่เคยเสร็จไม่เคยหยุดเรี่ยไรเงิน
ชาวบ้านประกอบอาชีพบ้านก็ต้องเช่า
ข้าวก็ต้องซื้อบวชแล้วเอาแต่เบียดเบียนผู้อื่น
เนี่ยเรียกว่าทำสิ่งที่ไร้สาระสิ้นดี
บวชแล้วไม่มีเงินสร้างทำไม
ทำไมไม่สอนชาวบ้านว่า
อาตมาอยู่โดยไม่ใช้เงิน
มีฉันอาหารได้จากบิณฑบาต
ได้ไม่เกินเที่ยงไม่ต้องเก็บสะสมวัตถุสิ่งของ
มีอารามที่สงบผู้คนไม่พลุกพล่าน
ไม่ต้องมาสร้างวัตถุใหญ่โต
ให้เป็นภาระเสียค่าน้ำค่าไฟ
สีกาไม่มีกิจเกี่ยวข้องกับอาตมา
กลับไปดูแลบ้านเป็นแม่ศรีเรือน
อาตมามีกุฏิมีร่มไม้ชายคาพอบังแดดบังฝนเท่านั้น
ญาติโยมทั้งหลายมีกิจหน้าที่ประกอบกิจการงาน
ใช้ทรัพย์สินเงินทองจ้างคนงานต้องดูแลครอบครัว
อาตมาปากท้องเดียวมีเงินเดือนวันละ1บาตรฉันให้พุงแตกตายยังได้
ไร้สาระไหมให้ชาวบ้านขนแต่เงินไปบำรุงกิเลสนักบวชจอมปลอมทำสิ่งไม่มีสาระให้กิเลสพองขน
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร