วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2019, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอฟัง คคห. จาก คุณโรส, เมโลกสวย กบนอกกะลา บิ๊กทู่ ปฤษฎี student ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น :b10:

อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


จาก
https://www.facebook.com/10001460574405 ... 830588736/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2019, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หายไปไหนกันหมด คุณโรสก็ไม่เห็น ไหนๆก็ไหนๆแล้วอย่าท้อขอรับ ท้อได้บ้างเล็กน้อยแต่อย่าถอย เราถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้วถอยไปอีกก็ตกทะเล :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2019, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งานถวายสังฆทาน ดูแล้วไม่น่าใช่ ปทท.

รูปภาพ

https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/ ... e=5DD43098

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสไม่มานี่ ก็เอา คคห.ด้านหนึ่งมาที่นี่ :b32:

อ้างคำพูด:
Rosarin

เป็นบุญของพระเจ้าพิมพิสารที่อธิษฐานจิตมาด้วยปัญญาของตัวท่านเอง
เพราะท่านรู้จักตนเองว่าไม่เหมาะที่จะบวชเข้าใจไหมคะ
พระเจ้าพิมพิสารต้องการอยู่ในเพศคฤหัสถ์สูงสุด
ที่มีทั้งยศศักดิ์อำนาจวาสนามีบุญญาธิการ
ได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าและได้
ฟังพระพุทธพจน์จากพระโอษฐ์
ณ ขณะนั้นเวลานั้นคือเวลา
ปัจจุบันของพระเจ้าพิมพิสาร
:b20:
ส่วนเราน่ะสะสมอะไรมาถึงไม่สะสมการฟังคำสอนให้เข้าใจถูก
รู้ตัวไหมคะว่าเดี๋ยวนี้คือปัจจุบันของคุณที่รู้ตัวแล้วว่าเป็นคน
และไม่ได้พบพระพุทธเจ้าตัวเป็นๆแต่พระพุทธพจน์ยังอยู่
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าได้พบแล้ว
มัวแต่ไปสร้างวัตถุลืมว่า คำสอนสำหรับฟังเข้าใจนะคะ
ไม่ใช่การสร้างวัตถุตามๆ กันทำตามๆ กันขาดกาลามาสูตร10

ทำไมไม่ทำปัจจุบันขณะของตนให้เกิดปัญญาตรงตามคำสอนได้
เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าละเอียดตรงปัจจุบันขณะตรงกับทุกคำ
มีแล้วไม่ได้ทำอะไรก็มีแล้วเพราะที่รู้ว่าเป็นคนแล้วนี้แหละถึงจะฟังคำสอนรู้เรื่อง
https://youtu.be/XpfXWI75YrY

viewtopic.php?f=1&t=57621&p=450871#p450871



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2019, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขอฟัง คคห. จาก คุณโรส, เมโลกสวย กบนอกกะลา บิ๊กทู่ ปฤษฎี student ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น :b10:

อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


จาก
https://www.facebook.com/10001460574405 ... 830588736/


พระพุทธองค์ ก็ยังสอนพระสาวกแต่ละพระองค์ ด้วยธรรมะ ต่างบท ต่างภาษิตกันเรยค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2019, 02:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขอฟัง คคห. จาก คุณโรส, เมโลกสวย กบนอกกะลา บิ๊กทู่ ปฤษฎี student ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น :b10:

อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


จาก
https://www.facebook.com/10001460574405 ... 830588736/




สมัยนี้พระสัทธรรม ไม่ได้เจริญอย่างสมัยพุทธกาล ผู้ที่รู้ธรรมก็น้อยลงไปมาก คนสมัยนี้ปัญญาก็เสื่อมถอยลง ความเลื่อมใสก็ไม่มั่นคง

การที่จะศึกษาพระพุทธศาสนา และเข้าใจในอรรถถะต้องอาศัยความสนใจ อาศัยความเพียร การพิจารณามาก

Quote Tipitaka:
ธรรมที่เป็นไปเพื่อความลบเลือน เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม

๑. ภิกษุไม่ฟังธรรม ไม่เล่าเรียนธรรม ไม่ทรงจำธรรม โดยเคารพ

๒. ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ

๓. รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ

๔. ภิกษุในธรรมไม่เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ

๕. ภิกษุไม่แสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๖. ภิกษุไม่บอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๗. ภิกษุไม่ทำการสาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๘. ภิกษุไม่ตรึกตรองไม่เพ่งดูด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร

๙. ภิกษุเล่าเรียนพระสูตรที่ทรงจำไว้ไม่ดี ด้วยบทและพยัญชนะ
ที่ตั้งไว้ไม่ดี แม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ไม่ดี ย่อมเป็นเนื้อความมีนัยไม่ดี

๑๐. ภิกษุเป็นผู้ว่ายาก ประกอบด้วยธรรมกระทำให้เป็นผู้ว่ายาก เป็นผู้ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยไม่เคารพ

๑๑. ภิกษุที่เป็นพหูสูต มีการเล่าเรียนมาก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรง
มาติกา ไม่บอกพระสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นล่วงลับไป พระสูตรย่อมขาดเค้ามูล ไม่มีหลัก

๑๒. ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด ทอดธุระในทางวิเวก ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ประชุมชนรุ่นหลังย่อมถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง

๑๓. สงฆ์เป็นผู้แตกกัน เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว ย่อมมีการด่ากันและกัน
บริภาษกันและกัน แช่งกันและกัน ทอดทิ้งกันและกัน ในเหตุการณ์เช่นนั้น คนผู้ไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส และคนบางพวกที่เลื่อมใสแล้วย่อมเหินห่าง


สัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๑-๓ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ ข้อที่ [๑๕๔] ถึงข้อที่ [๑๕๖] หน้าที่ ๑๘๐-๑๘๒

ttps://www.uttayarndham.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2019, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขอฟัง คคห. จาก คุณโรส, เมโลกสวย กบนอกกะลา บิ๊กทู่ ปฤษฎี student ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น :b10:

อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


จาก
https://www.facebook.com/10001460574405 ... 830588736/




สมัยนี้พระสัทธรรม ไม่ได้เจริญอย่างสมัยพุทธกาล ผู้ที่รู้ธรรมก็น้อยลงไปมาก คนสมัยนี้ปัญญาก็เสื่อมถอยลง ความเลื่อมใสก็ไม่มั่นคง

การที่จะศึกษาพระพุทธศาสนา และเข้าใจในอรรถถะต้องอาศัยความสนใจ อาศัยความเพียร การพิจารณามาก

Quote Tipitaka:
ธรรมที่เป็นไปเพื่อความลบเลือน เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม

๑. ภิกษุไม่ฟังธรรม ไม่เล่าเรียนธรรม ไม่ทรงจำธรรม โดยเคารพ

๒. ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ

๓. รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ

๔. ภิกษุในธรรมไม่เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ

๕. ภิกษุไม่แสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๖. ภิกษุไม่บอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๗. ภิกษุไม่ทำการสาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๘. ภิกษุไม่ตรึกตรองไม่เพ่งดูด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร

๙. ภิกษุเล่าเรียนพระสูตรที่ทรงจำไว้ไม่ดี ด้วยบทและพยัญชนะ
ที่ตั้งไว้ไม่ดี แม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ไม่ดี ย่อมเป็นเนื้อความมีนัยไม่ดี

๑๐. ภิกษุเป็นผู้ว่ายาก ประกอบด้วยธรรมกระทำให้เป็นผู้ว่ายาก เป็นผู้ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยไม่เคารพ

๑๑. ภิกษุที่เป็นพหูสูต มีการเล่าเรียนมาก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรง
มาติกา ไม่บอกพระสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นล่วงลับไป พระสูตรย่อมขาดเค้ามูล ไม่มีหลัก

๑๒. ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด ทอดธุระในทางวิเวก ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ประชุมชนรุ่นหลังย่อมถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง

๑๓. สงฆ์เป็นผู้แตกกัน เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว ย่อมมีการด่ากันและกัน
บริภาษกันและกัน แช่งกันและกัน ทอดทิ้งกันและกัน ในเหตุการณ์เช่นนั้น คนผู้ไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส และคนบางพวกที่เลื่อมใสแล้วย่อมเหินห่าง


สัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๑-๓ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ ข้อที่ [๑๕๔] ถึงข้อที่ [๑๕๖] หน้าที่ ๑๘๐-๑๘๒

ttps://www.uttayarndham.org



เขาถามว่า
อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขอฟัง คคห. จาก คุณโรส, เมโลกสวย กบนอกกะลา บิ๊กทู่ ปฤษฎี student ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น :b10:

อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


จาก
https://www.facebook.com/10001460574405 ... 830588736/




สมัยนี้พระสัทธรรม ไม่ได้เจริญอย่างสมัยพุทธกาล ผู้ที่รู้ธรรมก็น้อยลงไปมาก คนสมัยนี้ปัญญาก็เสื่อมถอยลง ความเลื่อมใสก็ไม่มั่นคง

การที่จะศึกษาพระพุทธศาสนา และเข้าใจในอรรถถะต้องอาศัยความสนใจ อาศัยความเพียร การพิจารณามาก

Quote Tipitaka:
ธรรมที่เป็นไปเพื่อความลบเลือน เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม

๑. ภิกษุไม่ฟังธรรม ไม่เล่าเรียนธรรม ไม่ทรงจำธรรม โดยเคารพ

๒. ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ

๓. รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ

๔. ภิกษุในธรรมไม่เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ

๕. ภิกษุไม่แสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๖. ภิกษุไม่บอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๗. ภิกษุไม่ทำการสาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร

๘. ภิกษุไม่ตรึกตรองไม่เพ่งดูด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมาโดยพิสดาร

๙. ภิกษุเล่าเรียนพระสูตรที่ทรงจำไว้ไม่ดี ด้วยบทและพยัญชนะ
ที่ตั้งไว้ไม่ดี แม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ไม่ดี ย่อมเป็นเนื้อความมีนัยไม่ดี

๑๐. ภิกษุเป็นผู้ว่ายาก ประกอบด้วยธรรมกระทำให้เป็นผู้ว่ายาก เป็นผู้ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยไม่เคารพ

๑๑. ภิกษุที่เป็นพหูสูต มีการเล่าเรียนมาก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรง
มาติกา ไม่บอกพระสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นล่วงลับไป พระสูตรย่อมขาดเค้ามูล ไม่มีหลัก

๑๒. ภิกษุผู้เถระ เป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด ทอดธุระในทางวิเวก ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ประชุมชนรุ่นหลังย่อมถือเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง

๑๓. สงฆ์เป็นผู้แตกกัน เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว ย่อมมีการด่ากันและกัน
บริภาษกันและกัน แช่งกันและกัน ทอดทิ้งกันและกัน ในเหตุการณ์เช่นนั้น คนผู้ไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส และคนบางพวกที่เลื่อมใสแล้วย่อมเหินห่าง


สัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๑-๓ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ ข้อที่ [๑๕๔] ถึงข้อที่ [๑๕๖] หน้าที่ ๑๘๐-๑๘๒

ttps://www.uttayarndham.org



เขาถามว่า
อ้างคำพูด:
วัดของชาวพุทธมีเยอะ..เเต่ทำไมสอนไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีอาจารย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า


ก็ตอบชัดเจนแล้วนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 03:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นขยายความให้ว่า ที่พระแต่ละวัดสอนไม่เหมือนกัน เพราะความเห็นต่างกัน ความรู้ต่างกัน

แต่ตรงกับที่พระพุทธเจ้ากล่าวแสดงรึเปล่า
เป็นความจริงรึเปล่า

ถ้าไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดง ก็เพราะว่า ไม่ได้เรียนพระพุทธพจน์ ไม่ได้พิจารณา ไตร่ตรองจนเกิดความเห็นที่ถูกต้อง แล้วนำความจริงนั้นมาแสดงต่อ

ซึ่งในสมัยพุทธกาล พระภิกษุที่เป็นพระมหาสาวกแม้จะมีภูมิรู้ต่างกันแต่ก็กล่าวแสดงธรรมเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

แต่สมัยนี้ พระภิกษุแสดงธรรมตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า คือเราไม่ได้สนใจว่า พระแต่ละวัดจะแสดงธรรมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่สนใจที่ว่าตรงกับพระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า

เพราะถ้าไม่ได้ศึกษาพุทธพจน์ หรือศึกษาแล้วแต่ศึกษาไม่ดี ก็ทำให้เห็นผิดได้ แล้วก็นำมาแสดงผิด

พระวินัย สิกขาบทต่างๆ ย่อหย่อนรึเปล่า
เพราะภิกษุสมัยนี้ข้อวินัยบางข้อ แม้นำพระพุทธพจน์มาแสดง ก็อ้างเหตุผลนานาประการเพื่อไม่ประพฤติตาม คือรู้แต่ไม่ทำตาม

พระสูตรได้ศึกษารึเปล่า

พระอภิธรรมได้ศึกษาบ้างมั้ย เพราะบางท่านก็ไม่นับว่าพระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ แล้วก็ไม่ได้สนใจศึกษา ซึ่งพลาดมาก

อรรถกถาได้ศึกษารึเปล่า

และยังมีนิรุติ คือ บาลีได้ศึกษามั้ย เพราะเป็นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ไว้

ถึงแม้ศึกษาดีแล้วหมดตามที่กล่าวมา แต่มีความเห็นผิด ก็สามารถนำธรรม มาแสดงแบบผิดๆได้

ถึงตรงนี้ สรุปคือ พระแต่ละรูปแสดงเหมือนไม่เหมือนกันเราไม่ได้สนใจตรงนั้น แต่เข้าได้กับพระพุทธพจน์รึเปล่า พิจารณาแล้วเกิดปัญญามั้ย ถ้าพิจารณาแล้วไม่ได้เกิดปัญญาหรือความเข้าใจอะไร ก็ไม่ใช่คำสอนที่ถูกต้อง ก็พึงละคำเหล่านั้นเสีย สำคัญคือจริงมั้ยแล้วจริง แค่ไหน จริงแบบโลกๆ ซึ่งใครๆก็พูดได้ หรือจริงถึงที่สุดซึ่งเป็นคำของพระสัมมสัมพุทธเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
งั้นขยายความให้ว่า ที่พระแต่ละวัดสอนไม่เหมือนกัน เพราะความเห็นต่างกัน ความรู้ต่างกัน

แต่ตรงกับที่พระพุทธเจ้ากล่าวแสดงรึเปล่า
เป็นความจริงรึเปล่า

ถ้าไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดง ก็เพราะว่า ไม่ได้เรียนพระพุทธพจน์ ไม่ได้พิจารณา ไตร่ตรองจนเกิดความเห็นที่ถูกต้อง แล้วนำความจริงนั้นมาแสดงต่อ

ซึ่งในสมัยพุทธกาล พระภิกษุที่เป็นพระมหาสาวกแม้จะมีภูมิรู้ต่างกันแต่ก็กล่าวแสดงธรรมเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

แต่สมัยนี้ พระภิกษุแสดงธรรมตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า คือเราไม่ได้สนใจว่า พระแต่ละวัดจะแสดงธรรมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่สนใจที่ว่าตรงกับพระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า

เพราะถ้าไม่ได้ศึกษาพุทธพจน์ หรือศึกษาแล้วแต่ศึกษาไม่ดี ก็ทำให้เห็นผิดได้ แล้วก็นำมาแสดงผิด

พระวินัย สิกขาบทต่างๆ ย่อหย่อนรึเปล่า
เพราะภิกษุสมัยนี้ข้อวินัยบางข้อ แม้นำพระพุทธพจน์มาแสดง ก็อ้างเหตุผลนานาประการเพื่อไม่ประพฤติตาม คือรู้แต่ไม่ทำตาม

พระสูตรได้ศึกษารึเปล่า

พระอภิธรรมได้ศึกษาบ้างมั้ย เพราะบางท่านก็ไม่นับว่าพระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ แล้วก็ไม่ได้สนใจศึกษา ซึ่งพลาดมาก

อรรถกถาได้ศึกษารึเปล่า

และยังมีนิรุติ คือ บาลีได้ศึกษามั้ย เพราะเป็นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ไว้

ถึงแม้ศึกษาดีแล้วหมดตามที่กล่าวมา แต่มีความเห็นผิด ก็สามารถนำธรรม มาแสดงแบบผิดๆได้

ถึงตรงนี้ สรุปคือ พระแต่ละรูปแสดงเหมือนไม่เหมือนกันเราไม่ได้สนใจตรงนั้น แต่เข้าได้กับพระพุทธพจน์รึเปล่า พิจารณาแล้วเกิดปัญญามั้ย ถ้าพิจารณาแล้วไม่ได้เกิดปัญญาหรือความเข้าใจอะไร ก็ไม่ใช่คำสอนที่ถูกต้อง ก็พึงละคำเหล่านั้นเสีย สำคัญคือจริงมั้ยแล้วจริง แค่ไหน จริงแบบโลกๆ ซึ่งใครๆก็พูดได้ หรือจริงถึงที่สุดซึ่งเป็นคำของพระสัมมสัมพุทธเจ้า


พ่ะน่ะ พูดเหมือนว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้พูดเรื่องโลกๆสอนเรื่องโลกๆยังงั้นแหละ :b13:

แล้วคำสอนในสิงคาลกสูตรล่ะเป็นทางโลกไหม เช่น ให้คนในครอบครัวปฏิบัติหน้าที่ต่อกัน เช่น หน้าที่ระหว่างสามีกับภรรยา ภรรยากับสามี หน้าที่ ระหว่างพ่อแม่ กับ หน้่าของบุตรธิดาๆ กับ พ่อแม่ เป็นต้น เป็นทางโลกมั้ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
งั้นขยายความให้ว่า ที่พระแต่ละวัดสอนไม่เหมือนกัน เพราะความเห็นต่างกัน ความรู้ต่างกัน

แต่ตรงกับที่พระพุทธเจ้ากล่าวแสดงรึเปล่า
เป็นความจริงรึเปล่า

ถ้าไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดง ก็เพราะว่า ไม่ได้เรียนพระพุทธพจน์ ไม่ได้พิจารณา ไตร่ตรองจนเกิดความเห็นที่ถูกต้อง แล้วนำความจริงนั้นมาแสดงต่อ

ซึ่งในสมัยพุทธกาล พระภิกษุที่เป็นพระมหาสาวกแม้จะมีภูมิรู้ต่างกันแต่ก็กล่าวแสดงธรรมเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

แต่สมัยนี้ พระภิกษุแสดงธรรมตรงกับที่พระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า คือเราไม่ได้สนใจว่า พระแต่ละวัดจะแสดงธรรมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่สนใจที่ว่าตรงกับพระพุทธเจ้าแสดงรึเปล่า

เพราะถ้าไม่ได้ศึกษาพุทธพจน์ หรือศึกษาแล้วแต่ศึกษาไม่ดี ก็ทำให้เห็นผิดได้ แล้วก็นำมาแสดงผิด

พระวินัย สิกขาบทต่างๆ ย่อหย่อนรึเปล่า
เพราะภิกษุสมัยนี้ข้อวินัยบางข้อ แม้นำพระพุทธพจน์มาแสดง ก็อ้างเหตุผลนานาประการเพื่อไม่ประพฤติตาม คือรู้แต่ไม่ทำตาม

พระสูตรได้ศึกษารึเปล่า

พระอภิธรรมได้ศึกษาบ้างมั้ย เพราะบางท่านก็ไม่นับว่าพระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ แล้วก็ไม่ได้สนใจศึกษา ซึ่งพลาดมาก

อรรถกถาได้ศึกษารึเปล่า

และยังมีนิรุติ คือ บาลีได้ศึกษามั้ย เพราะเป็นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ไว้

ถึงแม้ศึกษาดีแล้วหมดตามที่กล่าวมา แต่มีความเห็นผิด ก็สามารถนำธรรม มาแสดงแบบผิดๆได้

ถึงตรงนี้ สรุปคือ พระแต่ละรูปแสดงเหมือนไม่เหมือนกันเราไม่ได้สนใจตรงนั้น แต่เข้าได้กับพระพุทธพจน์รึเปล่า พิจารณาแล้วเกิดปัญญามั้ย ถ้าพิจารณาแล้วไม่ได้เกิดปัญญาหรือความเข้าใจอะไร ก็ไม่ใช่คำสอนที่ถูกต้อง ก็พึงละคำเหล่านั้นเสีย สำคัญคือจริงมั้ยแล้วจริง แค่ไหน จริงแบบโลกๆ ซึ่งใครๆก็พูดได้ หรือจริงถึงที่สุดซึ่งเป็นคำของพระสัมมสัมพุทธเจ้า



จาก คคห. คุณปฤษฎีทั้งหมดนั้น สรุปได้ในเบื้องต้นว่า เข้าใจพุทธธรรมแง่เดียวด้านเดียว หรือจะเถียง

พุทธธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าท่านสอนคน แล้วธรรมะเมื่อแยกแล้วมีสองระดับ คือ โลกียธรรม กับ โลกุตรธรรม จริงไม่จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ต้นไม้ประกอบด้วยกิ่ง ใบ เปลือก กะพี้ แก่น ราก ทุกส่วนมีความสำคัญอยู่ในตัวของมันเอง ใบก็มีความสำคัญอย่างใบ ขาดใบต้นไม้ก็ตาย ไม่มีแก่นต้นไม่นั้นก็ไม่แข็งแรง หักโค่นง่าย ฯลฯ

พระพุทธศาสนาก็ฉันนั้น ประกอบด้วยศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนธรรมคำสอน มีขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งบอกให้รู้ว่านี่คือพระพุทธศาสนา เห็นหลังคาโบสถ์ก็อ้อนั่นโบสถ์ในทางพระพุทธศาสนา

อุโบสถก็เป็นวัตถุ วัดก็เป็นวัตถุ พระพุทธรูป (พุทธปฏิมา) ก็เป็นวัตถุ แต่เห็นแล้วก็อ้อนี่รูปเปรียบพระศาสดา เรากราบไว้ก็ระลึกถึงพระคุณของพระศาสดา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2019, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็ใช่เทียบได้

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2019, 02:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ใช่เทียบได้

รูปภาพ

อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาคนหนึ่งของไทย ผู้บุกเบิกการศึกษาพระพุทธศาสนามหายาน และอดีตเลขาธิการคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2472 .................................

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80 ... 7%E0%B8%B0

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2019, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เพราะรู้เห็นคำสอนกันคนละที่คนละแห่ง

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 65 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร