วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2019, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2019, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2019, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กระแสธรรม ที่รับรู้ด้วยทิฏฐิถือเอาหลักคำสอนในพุทธศาสนาครับ เหตุผล การเข้าใจธรรมชาติ ไม่มีทิฏฐิอื่นมาเจือปน เช่นพระเจ้าสร้างโลก เมื่อความเห็นถูกปรับ การรับรู้สภาวะธรรมก็เข้าใจเด่นชัดขึ้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2019, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กาย ใจ ก็คือภาษาสมมุติครับ ย่อจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พุทธศาสนาไม่ห้ามใช้ภาษาสมมุติครับ ตั้งแต่หน้าแรกของพระไตรปิฎกก็บอกอย่างชัดเจน

อะไรคือกาย อะไรคือใจ มันขึ้นอยู่กับทิฏฐิของคนอ่านครับ มันอาจจะหมายถึง ร่างกายสำหรับผู้ที่ยังมีความเห็นตัวเราตัวเขาอยู่ หรืออาจจะหมายถึงธาตุที่ประชุมกันสำหรับผู้ที่กำลังฝึกวิปัสสนา

ใจก็อาจจะหมายถึงอารมณ์ ความคิด มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ตีความหมายภาษาสมมุตินี้ครับ ว่าทิฏฐิความเห็นในวิปัสสนาเขาไปถึงขั้นไหน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กาย ใจ ก็คือภาษาสมมุติครับ ย่อจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พุทธศาสนาไม่ห้ามใช้ภาษาสมมุติครับ ตั้งแต่หน้าแรกของพระไตรปิฎกก็บอกอย่างชัดเจน

อะไรคือกาย อะไรคือใจ มันขึ้นอยู่กับทิฏฐิของคนอ่านครับ มันอาจจะหมายถึง ร่างกายสำหรับผู้ที่ยังมีความเห็นตัวเราตัวเขาอยู่ หรืออาจจะหมายถึงธาตุที่ประชุมกันสำหรับผู้ที่กำลังฝึกวิปัสสนา

ใจก็อาจจะหมายถึงอารมณ์ ความคิด มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ตีความหมายภาษาสมมุตินี้ครับ ว่าทิฏฐิความเห็นในวิปัสสนาเขาไปถึงขั้นไหน



ที่ถามก็ไม่ได้เอามาจากไหนเลย :b13: ก็นำมาจากคำพูดของ จขกท.นั่นเอง ทวนอีกที

อ้างคำพูด:
มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กระแสธรรม มันเป็นยังไง บอกสิ

แล้วทำยังไงกายใจ ถึงตกไปอยู่ในกระแสธรรมนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กาย ใจ ก็คือภาษาสมมุติครับ ย่อจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พุทธศาสนาไม่ห้ามใช้ภาษาสมมุติครับ ตั้งแต่หน้าแรกของพระไตรปิฎกก็บอกอย่างชัดเจน

อะไรคือกาย อะไรคือใจ มันขึ้นอยู่กับทิฏฐิของคนอ่านครับ มันอาจจะหมายถึง ร่างกายสำหรับผู้ที่ยังมีความเห็นตัวเราตัวเขาอยู่ หรืออาจจะหมายถึงธาตุที่ประชุมกันสำหรับผู้ที่กำลังฝึกวิปัสสนา

ใจก็อาจจะหมายถึงอารมณ์ ความคิด มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ตีความหมายภาษาสมมุตินี้ครับ ว่าทิฏฐิความเห็นในวิปัสสนาเขาไปถึงขั้นไหน



ที่ถามก็ไม่ได้เอามาจากไหนเลย :b13: ก็นำมาจากคำพูดของ จขกท.นั่นเอง ทวนอีกที

อ้างคำพูด:
มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กระแสธรรม มันเป็นยังไง บอกสิ

แล้วทำยังไงกายใจ ถึงตกไปอยู่ในกระแสธรรมนั้น


กระแสธรรมจะเข้าไปสัมผัสต้องมีเจตนาครับ
เมื่อมีเจตนา ก็ต้องดูความศรัทธาของเรา ว่าเรานั้น ศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าแค่ไหน
ใจมีความศรัทธา กายก็พร้อมครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา


เขามองหาความสงบครับ

ผมพูดเรื่องกระแสธรรมครับ

ผมไม่ได้บอว่าผมสงบ ผมบอกว่าผมมีความรู้สึกว่าอยากบอกคนว่าฝึกธรรมนั้นดีอย่างไร
จิตใจพัฒนาขึ้นแค่ไหน หรือว่าความสงบอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณว่าดี

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
บางทีช่วงเวลาที่ใจกายอยู่กับกระแสธรรม
กลับมีความอยากจะบอกคนนั้นคนนี้ว่าการฝึกธรรมนั้น
ดีอย่างไรบ้าง จิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน พัฒนาแค่ไหน
แต่ส่วนมากก็จะตัดความคิด การบอกคนนั้นคนนี้มันจะกลายเป็นว่า
ขี้อวดขี้คุย จบลงที่เงียบๆไป แต่พอฝึกกายใจ ความรู้สึกก็มาอีก
เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก


บอกวิธีแก้เบี้องต้นง่ายๆให้ คือให้ คุณ student ระบายความอยากดังว่าลงที่ กท.นี้ :b13: อยากพูดอยากระบายอะไร เอาเลยเต็มเหนี่ยวไปเลย :b1:

แล้วเมื่อทำอย่างว่าแล้ว มีคนมาขัดมาถามนั่นถามนี่เรา ก็เท่ากับสอบอารมณ์เรา พอเราตอบไม่ได้ ตอบไม่ตรงความคิดอยากบอกนั่นก็ดับ

เอาเลยครับ บอกมาเลยมีอะไรจะบอก :b8:

ทดสอบให้หน่อยที่ว่า

อ้างคำพูด:
บางทีช่วงเวลาที่ ใจ กายอยู่กับกระแสธรรม


มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กาย ใจ ก็คือภาษาสมมุติครับ ย่อจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พุทธศาสนาไม่ห้ามใช้ภาษาสมมุติครับ ตั้งแต่หน้าแรกของพระไตรปิฎกก็บอกอย่างชัดเจน

อะไรคือกาย อะไรคือใจ มันขึ้นอยู่กับทิฏฐิของคนอ่านครับ มันอาจจะหมายถึง ร่างกายสำหรับผู้ที่ยังมีความเห็นตัวเราตัวเขาอยู่ หรืออาจจะหมายถึงธาตุที่ประชุมกันสำหรับผู้ที่กำลังฝึกวิปัสสนา

ใจก็อาจจะหมายถึงอารมณ์ ความคิด มันขึ้นอยู่กับผู้ที่ตีความหมายภาษาสมมุตินี้ครับ ว่าทิฏฐิความเห็นในวิปัสสนาเขาไปถึงขั้นไหน



ที่ถามก็ไม่ได้เอามาจากไหนเลย :b13: ก็นำมาจากคำพูดของ จขกท.นั่นเอง ทวนอีกที

อ้างคำพูด:
มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น


กระแสธรรม มันเป็นยังไง บอกสิ

แล้วทำยังไงกายใจ ถึงตกไปอยู่ในกระแสธรรมนั้น


กระแสธรรมจะเข้าไปสัมผัสต้องมีเจตนาครับ
เมื่อมีเจตนา ก็ต้องดูความศรัทธาของเรา ว่าเรานั้น ศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าแค่ไหน
ใจมีความศรัทธา กายก็พร้อมครับ



ให้ จขทก.เล่าตามที่ว่านั้น ทวนอีกที :b13:

อ้างคำพูด:
มันยังไงครับ ที่ว่า "ใจกายอยู่ในกระแสธรรม" กระแสธรรมที่ว่านี่มันยังไงอ่ะ ทำยังไง กายใจจึงเข้าไปในกระแสนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2019, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา


เขามองหาความสงบครับ

ผมพูดเรื่องกระแสธรรมครับ

ผมไม่ได้บอว่าผมสงบ ผมบอกว่าผมมีความรู้สึกว่าอยากบอกคนว่าฝึกธรรมนั้นดีอย่างไร
จิตใจพัฒนาขึ้นแค่ไหน หรือว่าความสงบอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณว่าดี



ผมยกตัวอย่างให้ จขกท.ดู ว่าเขาเล่าได้เห็นภาพ คุณก็เล่าตามที่บอกตามที่อยากเล่าให้ชัดทำนองนี้ เล่าถึงวิธีทำ ทำทำจนใจกายเข้าไปสู่กระแสธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2019, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นแค่ความฟุ้งซ่าน ไม่มีอะไร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2019, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา


เขามองหาความสงบครับ

ผมพูดเรื่องกระแสธรรมครับ

ผมไม่ได้บอว่าผมสงบ ผมบอกว่าผมมีความรู้สึกว่าอยากบอกคนว่าฝึกธรรมนั้นดีอย่างไร
จิตใจพัฒนาขึ้นแค่ไหน หรือว่าความสงบอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณว่าดี



ผมยกตัวอย่างให้ จขกท.ดู ว่าเขาเล่าได้เห็นภาพ คุณก็เล่าตามที่บอกตามที่อยากเล่าให้ชัดทำนองนี้ เล่าถึงวิธีทำ ทำทำจนใจกายเข้าไปสู่กระแสธรรม


การทำให้สัจธรรมความจริงปรากฏชัดขึ้นนั่นแหละครับด้วยการอาศัยกาย-ใจเข้าไปรู้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2019, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา


เขามองหาความสงบครับ

ผมพูดเรื่องกระแสธรรมครับ

ผมไม่ได้บอว่าผมสงบ ผมบอกว่าผมมีความรู้สึกว่าอยากบอกคนว่าฝึกธรรมนั้นดีอย่างไร
จิตใจพัฒนาขึ้นแค่ไหน หรือว่าความสงบอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณว่าดี



ผมยกตัวอย่างให้ จขกท.ดู ว่าเขาเล่าได้เห็นภาพ คุณก็เล่าตามที่บอกตามที่อยากเล่าให้ชัดทำนองนี้ เล่าถึงวิธีทำ ทำทำจนใจกายเข้าไปสู่กระแสธรรม


การทำให้สัจธรรมความจริงปรากฏชัดขึ้นนั่นแหละครับด้วยการอาศัยกาย-ใจเข้าไปรู้



จากกระแสธรรม ไปสัจธรรม :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2019, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
student เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ความในใจของ จขกท.นะ

อ้างคำพูด:
ทำไมมีความรู้สึกว่า ควรบอกคนอื่น เมื่อฝึกธรรมะในแต่ละวัน


ทีนี้ จะให้ดูคำบอกเล่าของคนหนึ่ง


อ้างคำพูด:

ความเงียบสงบ ทำให้ฉันทำสมาธิได้สำเร็จ ซึ่งเมื่ออยู่เมืองไทย พยายามทำแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อตอนเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ให้เราไปเรียนวิปัสสนา โดยมีแม่ชีมาสอน นั่งเรียงแถวจ้องเทียน ยุบหนอพองหนอ กำหนดลมหายใจ พอตกกลางคืน ฉันร้องกรี๊ดเอะอะโวยวายขึ้นมาขณะนอนหลับ
ฉันรู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงบนหัว เสียงเหมือนระเบิดดังเปรี๊ยะ พร้อมกับเหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาอย่างน่ากลัว ฉันผวาลุกขึ้น ตัวสั่นเหงื่อแตกด้วยความกลัว



ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่ยอมไปนั่งวิปัสสนาอีกเลย คงเป็นเพราะฉันยังเป็นคนมีบาป ไม่มีบารมีพอที่จะรับบุญนี้ จึงบันดาลให้เกิดอาการประหลาดนี้ขึ้น



แต่พอมาอยู่อเมริกาคนเดียวในที่สงบ ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะทำสมาธิ

ฉันเริ่มจากการเพ่งจุดที่เพดาน ขณะที่นอน จุดอะไรก็ได้ ให้จิตรวมเป็นจุดเดียว
ขณะที่นั่งก็จะหาจุดอะไรก็ได้ที่อยู่ตรงหน้า จนรู้สึกว่า จิตเกือบจะรวมได้แล้ว ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ



จนวันหนึ่ง มีญาติมาจากเมืองไทย ฉันพาเขาไปซื้อของที่ห้าง ฉันขี้เกียจเดินขอนั่งรอในรถ
ขณะที่รอ ฉันก็ใช้เวลาที่รอ เพ่งจุดขี้ผึ้ง นานเป็นชั่วโมง ฉันรู้สึกเหมือนตัวจะลอยได้ มันเบาหวิว ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นอะไรเลย มันว่างเปล่า ฉันจึงรู้ว่าฉันทำได้แล้ว มันเป็นความสบายโล่งอย่างบอกไม่ถูก บุญกุศลคงจะสนองฉัน ฉันดีใจมากที่ทำสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา ฉันอยากจะทำสมาธิเมื่อไหร่ก็ทำได้ แม้เพียงนั่งอยู่แค่ไม่กี่นาทีก็ทำได้


ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย เครียด ฉันก็จะหยุดจิตนั่งสมาธิแค่ ๑๕ นาทีก็หายเหนื่อย ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็ได้ จะได้เป็นกุศลมาถึงฉันด้วย คุณไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกที่วัด แค่เพียง ทำจิตให้นิ่งได้ สักวันหนึ่ง คุณก็จะพบความสุขที่แท้จริง

viewtopic.php?f=1&t=57705&p=449527#p449527


เขาบอกเล่าวิธีทำ โดยที่ไม่ต้องถามซ้ำอีกเลย เพราะเห็นภาพจากการฝึกจากการกระทำนั่นชัด

โดยที่ไม่ต้องไปอ้าง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อะไรตามแบบตามตำราเบย นี่แหละคือการพูดตามตำรา


เขามองหาความสงบครับ

ผมพูดเรื่องกระแสธรรมครับ

ผมไม่ได้บอว่าผมสงบ ผมบอกว่าผมมีความรู้สึกว่าอยากบอกคนว่าฝึกธรรมนั้นดีอย่างไร
จิตใจพัฒนาขึ้นแค่ไหน หรือว่าความสงบอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณว่าดี



ผมยกตัวอย่างให้ จขกท.ดู ว่าเขาเล่าได้เห็นภาพ คุณก็เล่าตามที่บอกตามที่อยากเล่าให้ชัดทำนองนี้ เล่าถึงวิธีทำ ทำทำจนใจกายเข้าไปสู่กระแสธรรม


การทำให้สัจธรรมความจริงปรากฏชัดขึ้นนั่นแหละครับด้วยการอาศัยกาย-ใจเข้าไปรู้



จากกระแสธรรม ไปสัจธรรม :b32:


ครับ
กระแสธรรมไปสัจธรรม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร