วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 07:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2019, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2019, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่า คุณโรสจะหายตามกบนอกกะลาไปอีกคน รู้สึกหายใจ เอ้ย ใจหาย s002

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2019, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2019, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้า=พระพุทธศาสนา
สอนความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำตรงๆ
ถ้าไม่มีจิตจะเข้ามาพิมพ์โพสต์ๆๆได้ไหม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมจริงๆ
ไม่ได้คิดหรือท่องจำเพื่อให้ไปท่องต่อ
แต่พระองค์ทรงตรัสทุกคำเพื่อให้ทุกคน
ฟังแล้วเข้าใจถูกตรงตามคำของพระองค์
ฟังเข้าใจตรงๆไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร
ทุกคนเดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อไต่ถามข้อสงสัยต่างๆและ
ฟังคำตอบแล้วเข้าใจทันที
ไม่ได้ไปทำค่ะเข้าใจไหม
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ฟังบ้างจะได้ปรุงแต่งถูกตรงตามคำสอนได้ตรงจริง
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b8:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2019, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้า=พระพุทธศาสนา
สอนความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำตรงๆ
ถ้าไม่มีจิตจะเข้ามาพิมพ์โพสต์ๆๆได้ไหม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมจริงๆ
ไม่ได้คิดหรือท่องจำเพื่อให้ไปท่องต่อ
แต่พระองค์ทรงตรัสทุกคำเพื่อให้ทุกคน
ฟังแล้วเข้าใจถูกตรงตามคำของพระองค์
ฟังเข้าใจตรงๆไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร
ทุกคนเดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อไต่ถามข้อสงสัยต่างๆและ
ฟังคำตอบแล้วเข้าใจทันที
ไม่ได้ไปทำค่ะเข้าใจไหม
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ฟังบ้างจะได้ปรุงแต่งถูกตรงตามคำสอนได้ตรงจริง
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b8:
:b16: :b16:



คุณโรสยกเอาคำศัพท์ทั้งหลายแหล่มาแล้วก็มโนไปตามอัธยาศัย เช่น ที่ขีดเส้นใต้ไว้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2019, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:



เอาทสพลญาณก่อน


ทสพลญาณ พระญาณเป็นกำลังของพระพุทธเจ้า ๑๐ ประการ เรียกตามบาลีว่า ตถาคตพลญาณ ๑๐ คือ

๑.ฐานาฐานญาณ
๒.กรรมวิปากญาณ
๓.สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ
๔.นานาธาตุญาณ
๕.นานาธิมุตติญาณ
๖.อินทริยปโรปริยัตตญาณ
๗. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ
๘.ปุพพนิวาสานุสติญาณ
๙.จุตูปปาตญาณ
๑๐. อาสวักขยญาณ

นิยมเขียนทศพลญาณ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2019, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่นำมา คคห.บน น้อยนักที่จะรู้ว่าแต่ละข้อๆหมายถึงอะไร ดังนั้น ให้ดูความหมายเต็มๆ หมายถึงอะไรยังไงบ้าง ดู

๑.ฐานาฐานญาณ ปรีชากำหนดรู้ฐานะ คือ สิ่งที่เป็นไปได้ เช่นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น และอฐานะ คือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เช่น ทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี เป็นต้น


๒.กรรมวิปากญาณ ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม แม้จะมีกรรมต่างๆให้ผลอยู่มากมายซับซ้อน ก็สามารถแยกแยะล่วงรู้ได้ ว่าอันใดเป็นผลของกรรมใด


๓.สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ทางที่จะนำไปสู่สุคติทั้งปวง คือ ทั้งสุคติ ทุคติ และทางแห่งนิพพาน


๔.นานาธาตุญาณ ปรีชาหยั่งรู้ธาตุต่างๆ คือ รู้จักแยกสมมติออกเป็นขันธ์ อายตนะ ธาตุต่างๆ


๕.นานาธิมุตติกญาณ ปรีชาหยั่งรู้อัธยาศัยของสัตว์ ที่โน้มเอียง เชื่อถือ สนใจ พอใจ ต่างๆกัน


๖.อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความหย่อนและยิ่งแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คือ รู้ว่า สัตว์พวกไหนมีอินทรีย์ (คือ ศรัทธาเป็นต้น)อ่อน พวกไหนมีอินทรีย์แก่กล้า พวกไหนมีจริต มีอัธยาศัย เป็นต้น อย่างไรๆ พวกไหนสอนยาก พวกไหนสอนง่าย ดังนี้ เป็นต้น


๗.ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชากำหนดรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว และการออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ ตามความเป็นจริง


๘.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้เป็นเครื่องระลึกได้ถึงปุพเพนิวาส คือ ขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ในก่อน, ระลึกชาติได้ – ใช้ว่า บุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็มี เขียนเต็มอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ


๙.จุตูปปาตญาณ ปรีชารู้จุติ และอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย, มีจักษุทิพย์มองเห็นสัตว์กำลังจุติบ้าง กำลังเกิดบ้าง มีอาการดีบ้าง เลวบ้าง เป็นต้น ตามกรรมของตน เรียกอีกอย่างว่า ทิพพจักขุ


๑๐. อาสวักขยญาณ ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ, ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย, ความตรัสรู้ (เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าได้ในยามสุดท้ายแห่งราตรี วันตรัสรู้)



ข้อสุดท้าย อาสวักขยญาณ มีแก่ พระอรหันต์ทุกรูปทุกนาม เมื่อปฏิบัติถูกต้องถึงที่สุดแล้วอาสวกิเลสก็หมดสิ้นไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2019, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้า=พระพุทธศาสนา
สอนความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำตรงๆ
ถ้าไม่มีจิตจะเข้ามาพิมพ์โพสต์ๆๆได้ไหม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมจริงๆ
ไม่ได้คิดหรือท่องจำเพื่อให้ไปท่องต่อ
แต่พระองค์ทรงตรัสทุกคำเพื่อให้ทุกคน
ฟังแล้วเข้าใจถูกตรงตามคำของพระองค์
ฟังเข้าใจตรงๆไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร
ทุกคนเดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อไต่ถามข้อสงสัยต่างๆและ
ฟังคำตอบแล้วเข้าใจทันที
ไม่ได้ไปทำค่ะเข้าใจไหม
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ฟังบ้างจะได้ปรุงแต่งถูกตรงตามคำสอนได้ตรงจริง
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b8:
:b16: :b16:



คุณโรสยกเอาคำศัพท์ทั้งหลายแหล่มาแล้วก็มโนไปตามอัธยาศัย เช่น ที่ขีดเส้นใต้ไว้

รสแห่งพระธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
เข้าใจไหมว่ามีแค่รสเดียวจริงๆ
รสแห่งความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ติดไม่ต้องการเพิ่มขึ้น
อันที่ติดท่องจำบัญญัติ
เป็นการมีเพิ่มได้เพิ่ม
ทรงสอนให้ละกิเลส
หลุดพ้นจากการไม่รู้
ฟังเพื่อเข้าใจถูก/ตรง/ตามได้
นึกออกไหมฟังเข้าใจทันทีแล้วก็วางลง
ไม่ใช่ไปท่องคำได้มากๆนั่นปัญญาของตถาคต
ปัญญาตัวเองเกิดจากฟังแล้วก็ฟังเพิ่มอีกซ้ำๆบ่อยๆเพื่อเข้าใจละเอียดๆไม่เข้าใจเหรอ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2019, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้า=พระพุทธศาสนา
สอนความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำตรงๆ
ถ้าไม่มีจิตจะเข้ามาพิมพ์โพสต์ๆๆได้ไหม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมจริงๆ
ไม่ได้คิดหรือท่องจำเพื่อให้ไปท่องต่อ
แต่พระองค์ทรงตรัสทุกคำเพื่อให้ทุกคน
ฟังแล้วเข้าใจถูกตรงตามคำของพระองค์
ฟังเข้าใจตรงๆไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร
ทุกคนเดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อไต่ถามข้อสงสัยต่างๆและ
ฟังคำตอบแล้วเข้าใจทันที
ไม่ได้ไปทำค่ะเข้าใจไหม
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ฟังบ้างจะได้ปรุงแต่งถูกตรงตามคำสอนได้ตรงจริง
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b8:
:b16: :b16:



คุณโรสยกเอาคำศัพท์ทั้งหลายแหล่มาแล้วก็มโนไปตามอัธยาศัย เช่น ที่ขีดเส้นใต้ไว้



รสแห่งพระธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
เข้าใจไหมว่ามีแค่รสเดียวจริงๆ
รสแห่งความไม่ยึดมั่นถือมั่น

ไม่ติดไม่ต้องการเพิ่มขึ้น
อันที่ติดท่องจำบัญญัติ
เป็นการมีเพิ่มได้เพิ่ม
ทรงสอนให้ละกิเลส
หลุดพ้นจากการไม่รู้
ฟังเพื่อเข้าใจถูก/ตรง/ตามได้
นึกออกไหมฟังเข้าใจทันทีแล้วก็วางลง
ไม่ใช่ไปท่องคำได้มากๆนั่นปัญญาของตถาคต
ปัญญาตัวเองเกิดจากฟังแล้วก็ฟังเพิ่มอีกซ้ำๆบ่อยๆเพื่อเข้าใจละเอียดๆไม่เข้าใจเหรอ
:b12:
:b16: :b16:


ก็ติดฟังอยู่นั่นไง :b32: ฟังแม่สุจินจนติด ติดแม่สุจิน วางแม่สุจินไม่ลง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2019, 01:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
อริยสัจจธรรมสำหรับอริยบุคคลมี
เสขะ7จำพวกและอเสขะ1จำพวก
รวมมี8จำพวกคืออัฏฐปุริสะปุคลา
ในขณะนี้ทุกอย่างมีจริงๆตามปกติ
เป็นปกติทุกอย่างตามพระพุทธพจน์
แต่ความไม่รู้ที่ปรุงแต่งจิตต่างหากที่มี
ไม่ผิดเพี๊ยนไปจากคำที่พระพุทธเจ้าตรัส
ทุกคำที่ตถาคตทรงแสดงเป็นปัญญาทศพลญาณ
ทศพลญาณคือความรู้ที่มีสำหรับพระพุทธเจ้าเท่านั้น
และพระพุทธเจ้ามีได้กาลละ1พระองค์ในจักรวาลนี้ที่ยังมีคำสอนรุ่งเรืองอยู่
มนุษย์หน้าไหนหรือคะจะมีทศพลญาณได้อีกในปัจจุบันนี้ใครบอกว่ารู้แล้วแสดงว่าโกหกหลอกลวงกล่าวเท็จ
https://youtu.be/rNZfkm-Nn24
:b12:
:b16: :b16:


พูดอะไรจับประเด็นไม่ได้ พันกันไปหมด

:b12:
คำสอนของพระพุทธเจ้า=พระพุทธศาสนา
สอนความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกคำตรงๆ
ถ้าไม่มีจิตจะเข้ามาพิมพ์โพสต์ๆๆได้ไหม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจจธรรมจริงๆ
ไม่ได้คิดหรือท่องจำเพื่อให้ไปท่องต่อ
แต่พระองค์ทรงตรัสทุกคำเพื่อให้ทุกคน
ฟังแล้วเข้าใจถูกตรงตามคำของพระองค์
ฟังเข้าใจตรงๆไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร
ทุกคนเดินทางไปเข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อไต่ถามข้อสงสัยต่างๆและ
ฟังคำตอบแล้วเข้าใจทันที
ไม่ได้ไปทำค่ะเข้าใจไหม
ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ฟังบ้างจะได้ปรุงแต่งถูกตรงตามคำสอนได้ตรงจริง
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b8:
:b16: :b16:



คุณโรสยกเอาคำศัพท์ทั้งหลายแหล่มาแล้วก็มโนไปตามอัธยาศัย เช่น ที่ขีดเส้นใต้ไว้



รสแห่งพระธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
เข้าใจไหมว่ามีแค่รสเดียวจริงๆ
รสแห่งความไม่ยึดมั่นถือมั่น

ไม่ติดไม่ต้องการเพิ่มขึ้น
อันที่ติดท่องจำบัญญัติ
เป็นการมีเพิ่มได้เพิ่ม
ทรงสอนให้ละกิเลส
หลุดพ้นจากการไม่รู้
ฟังเพื่อเข้าใจถูก/ตรง/ตามได้
นึกออกไหมฟังเข้าใจทันทีแล้วก็วางลง
ไม่ใช่ไปท่องคำได้มากๆนั่นปัญญาของตถาคต
ปัญญาตัวเองเกิดจากฟังแล้วก็ฟังเพิ่มอีกซ้ำๆบ่อยๆเพื่อเข้าใจละเอียดๆไม่เข้าใจเหรอ
:b12:
:b16: :b16:


ก็ติดฟังอยู่นั่นไง :b32: ฟังแม่สุจินจนติด ติดแม่สุจิน วางแม่สุจินไม่ลง

cool
สติเจตสิกและปัญญาเจตสิกไม่เกิดตลอดเวลา
เวลาที่ยึดถือตัวตนไปทำสมาธินั้นคือสักกายทิฏฐิ
เวลายึดถือว่ามีตัวตนคนอื่นสัตว์วัตถุคืออัตตานุทิฏฐิ
และทั้งสักกายทิฏฐิและอัตตานุทิฏฐิคือมิจฉาทิฏฐิ
พอทำสมาธิเลยเป็นมิจฉาสมาธิไงคะและ
ขณะที่ละตัวตนไม่ได้จึงมีกิเลสคือละไม่รู้ไม่ได้
เลยไม่รู้สึกตัวว่าไม่รู้ว่าไม่รู้คือปะทะปะระมะ
ฝึกหัดดัดนิสัยจากการฟังให้มันตรงทางก่อนนะคะ
จะได้รู้ว่ากิเลสเกิดตอนไหนและเกิดได้ยังไง
เพราะถ้าไม่ฟังก็ไม่มีทางรู้อะไรได้เลยค่ะ
https://youtu.be/V1Z0uYdA1rw
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2019, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
รู้ไหมคะว่าไม่รู้ว่าไม่รู้
แปลว่าไปไหนก็ไม่รู้
จนกว่าจะฟังจนรู้
ว่าไม่รู้ว่ามีไม่รู้
คือกำลังมี
อวิชชา
:b4: :b4:
https://youtu.be/6xK81toRQ6Q


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2019, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
รู้ไหมคะว่าไม่รู้ว่าไม่รู้
แปลว่าไปไหนก็ไม่รู้
จนกว่าจะฟังจนรู้
ว่าไม่รู้ว่ามีไม่รู้
คือกำลังมี
อวิชชา
:b4: :b4:
https://youtu.be/6xK81toRQ6Q



ไปเห็นที่เขาพูด เขานั่งฟังกัน เลยเอามาให้คุณโรสดู/ฟัง

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/



คุณโรสดู/ฟังแล้ว มคคห. (มีความคิดเห็น) ยังไงขอรับ ขอฟัง คคห. :b13:

เราจะรู้ได้ยังไงว่าจิตสฮบ (สงบ) :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2019, 01:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2019, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2019, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 50 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร