วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2019, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคนมีตา
ดูแล้วก็ไม่รู้ซักที
แต่ฟังเพื่อจะได้ยินเพื่อรู้ตามได้นะคะ
ทุกคนครั้งพุทธกาลตามไปเฝ้าเพื่อฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ไม่ได้ไปสำนักอื่นค่ะ
สำนักแปลว่าที่อยู่เช่นสำนักช่างหม้อพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ทรงเสด็จไปแสดงพระธรรมให้ใครฟังน๊า
onion onion onion
ปานได๋สิพากันคิดได่ซักทีเวลาบ่รอไผเด้อจร้า
(แปลว่าเมื่อไฟร่จะพากันคิดได้สักทีเวลาไม่รอใครเด้อจร้า555)
:b32: :b32:
https://youtu.be/Xwt3mu5Dt_E



ถ้าตาไม่มีประโยชน์อย่างนั้น ก็เอาไม้แทงตาสะให้บอดสิ เอาแต่หูไว้ฟังอย่างเดียวพอ


:b32:
ตาเอาไวดูตอนฟังว่าเห็นอะไร
คิดไปเท๊อะ...มุสาน่ะบาป
คิดว่าคนตาบอดอยากเห็นมั๊ย
อยู่ดีๆก็อยากจะตาบอด...
แถมโง่จะเอาไม้ทิ่มตาอีก...
จริงใจต่อสิ่งที่คิดไหม...
มีปกติจิตคิดอกุศลตามปกติเป็นปกติ555...
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2019, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
อยากคิดอะไรก็คิดไปนะคะ
ความจริงไม่เป็นไปตามความคิดของใคร
โยฯคำสอนมาใส่ตัวให้มันตรงจะได้เข้าใจถูกตรงทางตามคำสอนได้
ไม่ใช่เหมาเอาว่าที่ไปอ่านพระไตรปิฎกมาแล้วท่องจำทุกคำได้เป็นปัญญาของตัวเอง555
เข้าใจไหมว่ากำลังเห็นผิดมีสัญญาจำผิดตามตัวอักษรว่าตัวเองรู้สภาวะล่วงหน้าจะได้เลือกทำได้ตามที่อ่าน
:b32:
ปัญญาเจตสิกไม่ใช่สัญญาเจตสิกและความจริงตรงสัจจะไม่ใช่เวทนาเจตสิกเพราะเวทนาไม่ใช่สังขารขันธ์
ปัญญาคือสังขารขันธ์/ความจำคือสัญญาขันธ์/และทุก1ขณะจิตมีครบทั้ง5ขันธ์มีแล้ว...ฮู้บ่อ...ตัวตนไม่ได้ทำ
ทุกอย่างตามคำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังมีและกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยตรงตามที่ทรงตรัสรู้ทุกคำ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่มีอยู่แล้วที่ไม่มีใครสามารถคิดได้เองต้องรอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วมาสั่งสอน
ทรงสั่งไว้ว่าให้ฟังด้วยความไม่ประมาทเพราะธัมมะกำลังเกิดดับตั้งมั่นตรงทางเป็นไปตามที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
:b8:
:b12: :b12:



คุณยายโรสค๊ะ
ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้

จู่ๆปัญญาเกิดขึ้นโด่ๆ อันนั้นคุณยายคิดไปเอง ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนมหันต์ อีกแล้วค่ะ

smiley

:b12:
เรียนหนังสือฟังยังไงล่ะ
ขำคนไม่รู้จักฟังตามคำสอน
สุตมยปัญญาทำยังไงฟังเป็นไหม555
https://youtu.be/E3Mndb1H-pQ
:b32: :b32:


คริคริ

ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้
แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า พระธรรมที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก เป็นศาสดาแทนพระองค์
ไม่ใช่ ยู๊ทู๊ป


คุณยายโรสฟังเป้นมั๊ยค๊ะ

ว่ายู๊ทู๊ป ไม่ใช่พระศาสดา สอนมาผิดๆๆ จำมาผิดๆๆ ขัดแย้งพระอภิธรรม

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2019, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
อยากคิดอะไรก็คิดไปนะคะ
ความจริงไม่เป็นไปตามความคิดของใคร
โยฯคำสอนมาใส่ตัวให้มันตรงจะได้เข้าใจถูกตรงทางตามคำสอนได้
ไม่ใช่เหมาเอาว่าที่ไปอ่านพระไตรปิฎกมาแล้วท่องจำทุกคำได้เป็นปัญญาของตัวเอง555
เข้าใจไหมว่ากำลังเห็นผิดมีสัญญาจำผิดตามตัวอักษรว่าตัวเองรู้สภาวะล่วงหน้าจะได้เลือกทำได้ตามที่อ่าน
:b32:
ปัญญาเจตสิกไม่ใช่สัญญาเจตสิกและความจริงตรงสัจจะไม่ใช่เวทนาเจตสิกเพราะเวทนาไม่ใช่สังขารขันธ์
ปัญญาคือสังขารขันธ์/ความจำคือสัญญาขันธ์/และทุก1ขณะจิตมีครบทั้ง5ขันธ์มีแล้ว...ฮู้บ่อ...ตัวตนไม่ได้ทำ
ทุกอย่างตามคำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังมีและกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยตรงตามที่ทรงตรัสรู้ทุกคำ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่มีอยู่แล้วที่ไม่มีใครสามารถคิดได้เองต้องรอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วมาสั่งสอน
ทรงสั่งไว้ว่าให้ฟังด้วยความไม่ประมาทเพราะธัมมะกำลังเกิดดับตั้งมั่นตรงทางเป็นไปตามที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
:b8:
:b12: :b12:



คุณยายโรสค๊ะ
ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้

จู่ๆปัญญาเกิดขึ้นโด่ๆ อันนั้นคุณยายคิดไปเอง ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนมหันต์ อีกแล้วค่ะ

smiley

:b12:
เรียนหนังสือฟังยังไงล่ะ
ขำคนไม่รู้จักฟังตามคำสอน
สุตมยปัญญาทำยังไงฟังเป็นไหม555
https://youtu.be/E3Mndb1H-pQ
:b32: :b32:


คริคริ

ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้
แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า พระธรรมที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก เป็นศาสดาแทนพระองค์
ไม่ใช่ ยู๊ทู๊ป


คุณยายโรสฟังเป้นมั๊ยค๊ะ

ว่ายู๊ทู๊ป ไม่ใช่พระศาสดา สอนมาผิดๆๆ จำมาผิดๆๆ ขัดแย้งพระอภิธรรม

tongue

:b32:
แค่เห็นยังไม่มีปัญญารู้เลยว่าตัวเองเห็นอะไร
ยังเอาแต่คิดผิดๆท่องบัญญัติคำเอามาเขียนให้ดูเหมือนมีปัญญา
สัญญาจำทุกอย่างที่เห็นแต่ที่กำลังเห็นไม่มีตัวอักษรให้คิดเห็นตามที่อ่านได้ยินมันมืด
ก็การอ่านคือการคิดตามตาเนื้อกิเลสเห็นว่ามีตัวอักษรแล้วคิดตามตัวอักษรท่องจำไว้เยอะ
จนไม่รู้ว่าปัญญาเจตสิกเกิดตรงขณะพร้อมจิตได้ยินตอนเข้าใจความจริงตรงตามคำสอนที่กายใจกำลังมี
ไม่ใช่การท่องเรื่องราวที่ไปอ่านแล้วเก็บเอามาคิดว่าต้องมีตัวตนของเราไปทำตามหนังที่เขาฉายภาพให้เห็น
ดาราแสดงว่าเป็นพระพุทธเจ้านั่งหลับตาทำสมาธิเลยเลียนแบบตามตามกันเสียยกใหญ่เห็นผิดจำผิดคิดผิด
จะให้ว่าไงดีคะ...แถมมีบางคนตั้งตนเป็นตถาคตองค์ที่2ทำนายว่าพระอรหันตสาวกตรัสรู้ได้โดยไปนั่งหลับตา
โอ๊ยขำกลิ้งนอกจากจะไม่รู้ยังจำทุกคำแค่สัญญาน่ะ...ตัวจริงธัมมะดับไป1ล้านดวงจิตตั้งแสนครั้งแล้วนะจ๊ะ
ศึกษาคำสอนเพื่อเข้าใจตัวจริงธัมมะตรงจริงที่กายตนเองทีละ1ทางจากการตามรู้สัจจะที่กายใจมีตามเสียง
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
อยากคิดอะไรก็คิดไปนะคะ
ความจริงไม่เป็นไปตามความคิดของใคร
โยฯคำสอนมาใส่ตัวให้มันตรงจะได้เข้าใจถูกตรงทางตามคำสอนได้
ไม่ใช่เหมาเอาว่าที่ไปอ่านพระไตรปิฎกมาแล้วท่องจำทุกคำได้เป็นปัญญาของตัวเอง555
เข้าใจไหมว่ากำลังเห็นผิดมีสัญญาจำผิดตามตัวอักษรว่าตัวเองรู้สภาวะล่วงหน้าจะได้เลือกทำได้ตามที่อ่าน
:b32:
ปัญญาเจตสิกไม่ใช่สัญญาเจตสิกและความจริงตรงสัจจะไม่ใช่เวทนาเจตสิกเพราะเวทนาไม่ใช่สังขารขันธ์
ปัญญาคือสังขารขันธ์/ความจำคือสัญญาขันธ์/และทุก1ขณะจิตมีครบทั้ง5ขันธ์มีแล้ว...ฮู้บ่อ...ตัวตนไม่ได้ทำ
ทุกอย่างตามคำสอนของพระพุทธเจ้ากำลังมีและกำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยตรงตามที่ทรงตรัสรู้ทุกคำ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่มีอยู่แล้วที่ไม่มีใครสามารถคิดได้เองต้องรอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วมาสั่งสอน
ทรงสั่งไว้ว่าให้ฟังด้วยความไม่ประมาทเพราะธัมมะกำลังเกิดดับตั้งมั่นตรงทางเป็นไปตามที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
:b8:
:b12: :b12:



คุณยายโรสค๊ะ
ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้

จู่ๆปัญญาเกิดขึ้นโด่ๆ อันนั้นคุณยายคิดไปเอง ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ผิดพลาดคลาดเคลื่อนมหันต์ อีกแล้วค่ะ

smiley

:b12:
เรียนหนังสือฟังยังไงล่ะ
ขำคนไม่รู้จักฟังตามคำสอน
สุตมยปัญญาทำยังไงฟังเป็นไหม555
https://youtu.be/E3Mndb1H-pQ
:b32: :b32:


คริคริ

ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม คือ
ปัญญาเจตสิก จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยสัญญาเจตสิก เป็น อัญญมัญญะปัจจัย ค่ะ
ถึงเกิดขึ้นได้
แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า พระธรรมที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก เป็นศาสดาแทนพระองค์
ไม่ใช่ ยู๊ทู๊ป


คุณยายโรสฟังเป้นมั๊ยค๊ะ

ว่ายู๊ทู๊ป ไม่ใช่พระศาสดา สอนมาผิดๆๆ จำมาผิดๆๆ ขัดแย้งพระอภิธรรม

tongue

:b32:
แค่เห็นยังไม่มีปัญญารู้เลยว่าตัวเองเห็นอะไร
ยังเอาแต่คิดผิดๆท่องบัญญัติคำเอามาเขียนให้ดูเหมือนมีปัญญา
สัญญาจำทุกอย่างที่เห็นแต่ที่กำลังเห็นไม่มีตัวอักษรให้คิดเห็นตามที่อ่านได้ยินมันมืด
ก็การอ่านคือการคิดตามตาเนื้อกิเลสเห็นว่ามีตัวอักษรแล้วคิดตามตัวอักษรท่องจำไว้เยอะ
จนไม่รู้ว่าปัญญาเจตสิกเกิดตรงขณะพร้อมจิตได้ยินตอนเข้าใจความจริงตรงตามคำสอนที่กายใจกำลังมี
ไม่ใข่การท่องเรื่องราวที่ไปอ่านแล้วเอาเก็บมาคิดว่าต้ิงมีตัวตนของเราไปทำตามหนังที่เขาฉายภาพให้เห็น
ดาราแสดงว่าเป็นพระพุทธเจ้านั่งหลับตาทำสมาธิเลยเลียนแบบตามตามกันเสียยกใหม่เห็นผิดจำผิดคิดผิด
จะให้ว่าไงดีคะ...แถมมีบางคนตั้งตนเป็นตถาคตองค์ที่2ทำนายว่าพระอรหันตสาวกตรัสรู้ได้โดยไปนั่งหลับตา
โอ๊ยขำกลิ้งนอกจากจะไม่รู้ยังจำทุกคำแค่สัญญาน่ะ...ตัวจริงธัมมะดับไป1ล้านดวงจิตตั้งแสนครั้งแล้วนะจ๊ะ
:b32: :b32: :b32:


คริคริ
คุณยายโรสเอาอีกแล้ว นี่แหละไม่รู้จริงๆเรย ว่า ตาทำหน้าที่อะไร

แถมท่องจำยูท๊ปมาผิดๆ ไม่ตรงตามพระอภิธรรม ผิดมหันต์อีกแวัว

ตัวจริงธรรมะ น่ะ เกิดไป1 ล้านดวงจิตแสนครั้ง แล้วจึงดับไป
เม ขำๆๆ กลิ้งเรย สอนมาได้แต่ ดับ ๆๆๆ
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ดูก็ปกตินะ
กำลังเห็นอยู่
เป็นเราเห็นผิด
จำผิดว่ามีตัวอักษร
คิดตามตาเห็นผิดอยู่ค่ะ
ตอนคิดมืด...ตอนเห็นสว่าง
คิดตามตัวอักษรมีแสงตาไม่บอดไม่เห็นเหรอคะ555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 00:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ดูก็ปกตินะ
กำลังเห็นอยู่
เป็นเราเห็นผิด
จำผิดว่ามีตัวอักษร
คิดตามตาเห็นผิดอยู่ค่ะ
ตอนคิดมืด...ตอนเห็นสว่าง
คิดตามตัวอักษรมีแสงตาไม่บอดไม่เห็นเหรอคะ555
:b32: :b32:


ไม่ใช่ค่ะยาย

ตาเห็น ไม่ใช่ความปกติ
แต่ผิดปกติ

จำไม่ใช่ความปกติ แต่ผิดปกติ

คิดตามตา มีสองแบบ คือ คิดถูก และคิดผิด

ตอนคิดน่ะจิตเกิดสว่าง
แต่ตอนเห็นจิตดับมืด

แต่ใจสว่างเพราะไม่มีไรบดบัง

แบบนี้ค่ะ

เอาหละเมจะเดินทาง คงไม่ได้เข้ามาค่ะ
จุ๊ฟๆ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลัทธิ ความเชื่อถือ, ความรู้และประเพณีที่ได้รับ และปฏิบัติสืบต่อกันมา

ลัทธิสมัย สมัยคือลัทธิ หมายถึงลัทธินั่นเอง

ลัฏฐิวัน สวนตาลหนุ่ม (ลัฏฐิ แปลว่า ไม้ตะพด ก็ได้ บางท่านจึงแปลว่า ป่าไม้รวก) อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่นั่น พระเจ้าพิมพิสารไปเฝ้าพร้อมด้วยราชบริพารจำนวนมาก ทรงสดับพระธรรมเทศนา ได้ธรรมจักษุ ประกาศพระองค์เป็นอุบาสกที่นั่น

ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม คือ ปัญญารู้เห็นความจริงว่า สิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
พระพุทธเจ้านิยามเรียกว่าธัมมะ
ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่ามีชั่วคราวสั้นแสนสั้นและดับหายไปในจิต
เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลาที่ไม่มีความจำอันเก่าแต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่าเป็นอัตตา
ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิตแต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่ามีตัวตนคิดพูดทำแปลกออกไปจากปกติที่จำผิด
วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัยและยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ
https://youtu.be/sp895DPPRHI
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
พระพุทธเจ้านิยามเรียกว่าธัมมะ
ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่ามีชั่วคราวสั้นแสนสั้นและดับหายไปในจิต
เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลาที่ไม่มีความจำอันเก่าแต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่าเป็นอัตตา
ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิตแต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่ามีตัวตนคิดพูดทำแปลกออกไปจากปกติที่จำผิด
วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัยและยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ
https://youtu.be/sp895DPPRHI


สมแล้วที่เป็นลัทธิหลุมดำ คือเอาทิฏฐิความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากพระพุทธเจ้า :b32:



ธรรม สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง, เหตุ, ต้นเหตุ, สิ่ง, ปรากฎการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด, คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ, หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่, ความชอบ, ความยุติธรรม, พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฎขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เทศนา การแสดงธรรมสั่งสอนในทางศาสนา, การชี้แจงให้รู้จักดีรู้จักชั่ว,
คำสอน มี ๒ อย่าง คือ

๑. บุคคลาธิษฐาน เทศนา เทศนามีบุคคลเป็นที่ตั้ง

๒.ธรรมาธิษฐาน เทศนา เทศนามีธรรมเป็นที่ตั้ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุดท้ายคุณโรสจะไม่ได้อะไรจากลัทธิความเชื่อของตนที่ว่า (นอกจากภาพเบลอๆในใจ) นี้

Rosarin เขียน:

ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ พระพุทธเจ้า นิยามเรียกว่า ธัมมะ

ธัมมะ คือ สิ่งที่มีจริง ที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น

แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่า มีชั่วคราว สั้นแสนสั้น และดับหายไปในจิต

เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลา ที่ไม่มีความจำอันเก่า แต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่า เป็นอัตตา

ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิต แต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่า มีตัวตน คิด พูด ทำ แปลกออกไปจากปกติที่จำผิด

วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัย และยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ

https://youtu.be/sp895DPPRHI



ครั้งหนึ่ง อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่า ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า

พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน กล่าวคือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา สมชีวิตา

๑) อุฏฐานสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี พาณิชยกรรม ก็ดี โครักขกรรม ก็ดี ราชการทหาร ก็ดี ราชการพลเรือน ก็ดี ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี
เธอเป็นผู้ขยัน ชำนิชำนาญ ไม่เกียจคร้าน ในงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ สามารถทำ สามารถจัดการ นี้เรียกว่า อุฏฐานสัมปทา

๒) อารักขสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรมีโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม
เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น โดยพิจารณาว่า ทำอย่างไร ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย ไฟไม่พึงไหม้เสีย น้ำไม่พึงพาไปเสีย ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา

๓) กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย ถกถ้อยปรึกษา กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง บุตรคหบดีบ้าง พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง ผู้ประกอบด้วยศรัทธา ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยจาคะ ประกอบด้วยปัญญา
เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา

๔) สมชีวิตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเลี้ยงชีวิตพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์ ว่าทำอย่างนี้ รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้
เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น หรือเกินไปเท่านี้

“ถ้าหากกุลบุตร นี้ รายได้น้อย แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ ...กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ
ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า สมชีวิตา

"ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว
เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...

“ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน
เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”

จากนั้น ตรัสแสดงธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเบื้องหน้า หรือประโยชน์ล้ำเลยตาเห็น (สัมปรายิกัตถะ) คือ สัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา *(องฺ.อฏฺฐก.23/145/294)

นั่นใช่ธรรมะไหม ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป ถ้าใช้ก็ลองเทียบกับคคห.คุณโรส ดู

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 23:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
พระพุทธเจ้านิยามเรียกว่าธัมมะ
ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่ามีชั่วคราวสั้นแสนสั้นและดับหายไปในจิต
เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลาที่ไม่มีความจำอันเก่าแต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่าเป็นอัตตา
ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิตแต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่ามีตัวตนคิดพูดทำแปลกออกไปจากปกติที่จำผิด
วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัยและยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ
https://youtu.be/sp895DPPRHI


สมแล้วที่เป็นลัทธิหลุมดำ คือเอาทิฏฐิความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากพระพุทธเจ้า :b32:



ธรรม สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง, เหตุ, ต้นเหตุ, สิ่ง, ปรากฎการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด, คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ, หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่, ความชอบ, ความยุติธรรม, พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฎขึ้น

:b32:
คุณกรัชกายมีทั้งสมองแล้วก็ตาไม่ได้บอด
ไม่รู้จักคิดถึงความปกติตามคำสอน
เนี่ยคุณมีครบตาหูจมูกลิ้นกายใจ
กำลังเกิดสลับกันครบทั้ง6ทาง
ตามปกติตามเหตุตามปัจจัย
มีแล้วไม่ได้มีใครทำขึ้นมา
มันมีเป็นขันธ์ห้าครบแล้ว
คือจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
ทรงรู้ถึงนิพพาน
และแสดงความจริง
ให้เข้าใจถูกว่ามันดับแล้ว
ถึง1ล้านดวงจิตแสนครั้งแล้ว
ไม่เข้าใจหรือคะว่าจิต89-121ประเภท
กำลังมีและกำลังวิปลาสคลาดเคลื่อนไปต่างๆกัน
ทุกคนที่คิดเห็นผิดไม่ได้คิดตามคำสอนอยู่ต้องคิดตามอยู่
ถ้าคุณไม่ได้กำลังคิดตามคำสอนแสดงว่าคุณคิดตามตาเนื้อคุณเห็นผิด
เห็นขณะแรกที่มีแสงสลับกับจิตที่ไม่เห็นอีก5ทางในความมืดมันสว่าง1มืดต่ออีก5
ดูไม่ชัดเหรอคุ๊นคุณเห็นสว่างตาแต่จิตคิดนึกมันมืดก็คุณคิดผิดว่าคุณเห็น+คิด/เห็นกับคิดคนละขณะจิตเด่วนี้
:b34:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
พระพุทธเจ้านิยามเรียกว่าธัมมะ
ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่ามีชั่วคราวสั้นแสนสั้นและดับหายไปในจิต
เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลาที่ไม่มีความจำอันเก่าแต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่าเป็นอัตตา
ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิตแต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่ามีตัวตนคิดพูดทำแปลกออกไปจากปกติที่จำผิด
วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัยและยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ
https://youtu.be/sp895DPPRHI


สมแล้วที่เป็นลัทธิหลุมดำ คือเอาทิฏฐิความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากพระพุทธเจ้า :b32:



ธรรม สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง, เหตุ, ต้นเหตุ, สิ่ง, ปรากฎการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด, คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ, หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่, ความชอบ, ความยุติธรรม, พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฎขึ้น

:b32:
คุณกรัชกายมีทั้งสมองแล้วก็ตาไม่ได้บอด
ไม่รู้จักคิดถึงความปกติตามคำสอน
เนี่ยคุณมีครบตาหูจมูกลิ้นกายใจ
กำลังเกิดสลับกันครบทั้ง6ทาง
ตามปกติตามเหตุตามปัจจัย
มีแล้วไม่ได้มีใครทำขึ้นมา
มันมีเป็นขันธ์ห้าครบแล้ว
คือจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
ทรงรู้ถึงนิพพาน
และแสดงความจริง
ให้เข้าใจถูกว่ามันดับแล้ว
ถึง1ล้านดวงจิตแสนครั้งแล้ว
ไม่เข้าใจหรือคะว่าจิต89-121ประเภท
กำลังมีและกำลังวิปลาสคลาดเคลื่อนไปต่างๆกัน
ทุกคนที่คิดเห็นผิดไม่ได้คิดตามคำสอนอยู่ต้องคิดตามอยู่
ถ้าคุณไม่ได้กำลังคิดตามคำสอนแสดงว่าคุณคิดตามตาเนื้อคุณเห็นผิด
เห็นขณะแรกที่มีแสงสลับกับจิตที่ไม่เห็นอีก5ทางในความมืดมันสว่าง1มืดต่ออีก5
ดูไม่ชัดเหรอคุ๊นคุณเห็นสว่างตาแต่จิตคิดนึกมันมืดก็คุณคิดผิดว่าคุณเห็น+คิด/เห็นกับคิดคนละขณะจิตเด่วนี้
:b34:
:b32: :b32:


คุณโรสตอบตรงๆคำถามนะ คือ คุณคิดว่า คุณได้อะไรจากความคิดความเห็นที่ว่ามาทั้งหมดนี่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2019, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
พระพุทธเจ้านิยามเรียกว่าธัมมะ
ธัมมะคือสิ่งที่มีจริงที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น
แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่ามีชั่วคราวสั้นแสนสั้นและดับหายไปในจิต
เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลาที่ไม่มีความจำอันเก่าแต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่าเป็นอัตตา
ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิตแต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่ามีตัวตนคิดพูดทำแปลกออกไปจากปกติที่จำผิด
วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัยและยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ
https://youtu.be/sp895DPPRHI


สมแล้วที่เป็นลัทธิหลุมดำ คือเอาทิฏฐิความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากพระพุทธเจ้า :b32:



ธรรม สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง, เหตุ, ต้นเหตุ, สิ่ง, ปรากฎการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด, คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ, หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่, ความชอบ, ความยุติธรรม, พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฎขึ้น

:b32:
คุณกรัชกายมีทั้งสมองแล้วก็ตาไม่ได้บอด
ไม่รู้จักคิดถึงความปกติตามคำสอน
เนี่ยคุณมีครบตาหูจมูกลิ้นกายใจ
กำลังเกิดสลับกันครบทั้ง6ทาง
ตามปกติตามเหตุตามปัจจัย
มีแล้วไม่ได้มีใครทำขึ้นมา
มันมีเป็นขันธ์ห้าครบแล้ว
คือจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
ทรงรู้ถึงนิพพาน
และแสดงความจริง
ให้เข้าใจถูกว่ามันดับแล้ว
ถึง1ล้านดวงจิตแสนครั้งแล้ว
ไม่เข้าใจหรือคะว่าจิต89-121ประเภท
กำลังมีและกำลังวิปลาสคลาดเคลื่อนไปต่างๆกัน
ทุกคนที่คิดเห็นผิดไม่ได้คิดตามคำสอนอยู่ต้องคิดตามอยู่
ถ้าคุณไม่ได้กำลังคิดตามคำสอนแสดงว่าคุณคิดตามตาเนื้อคุณเห็นผิด
เห็นขณะแรกที่มีแสงสลับกับจิตที่ไม่เห็นอีก5ทางในความมืดมันสว่าง1มืดต่ออีก5
ดูไม่ชัดเหรอคุ๊นคุณเห็นสว่างตาแต่จิตคิดนึกมันมืดก็คุณคิดผิดว่าคุณเห็น+คิด/เห็นกับคิดคนละขณะจิตเด่วนี้
:b34:
:b32: :b32:


คุณโรสตอบตรงๆคำถามนะ คือ คุณคิดว่า คุณได้อะไรจากความคิดความเห็นที่ว่ามาทั้งหมดนี่

:b12:
นั่งดูนั่งอ่านอยู่เนี่ยอ่ะค่ะ
ไม่รู้จักความรู้สึกตามปกติ
ที่กำลังเป็นไปตรงตามคำสอนรึ
คิดช้าๆนะจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนแปลว่า
ไม่มีใครนับได้คือทำได้แค่ทำความคิดเห็นให้ตรงตามคำสอน
คือเพียรฟังเพื่อเข้าใจความจริงมีศรัทธาในการทำมรรคแรกตามคำสอนเริ่มมีปัญญายังไงล่ะคะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 06:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สุดท้ายคุณโรสจะไม่ได้อะไรจากลัทธิความเชื่อของตนที่ว่า (นอกจากภาพเบลอๆในใจ) นี้

Rosarin เขียน:

ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ พระพุทธเจ้า นิยามเรียกว่า ธัมมะ

ธัมมะ คือ สิ่งที่มีจริง ที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น และปัจจัยที่ปรุงแต่งนั้นกำลังมีจริงๆไม่มีใครทำขึ้น

แต่มันเกิดขึ้นแล้วปรากฏว่า มีชั่วคราว สั้นแสนสั้น และดับหายไปในจิต

เกิดธัมมะใหม่ตลอดเวลา ที่ไม่มีความจำอันเก่า แต่ความยึดติดจำทุกอย่างเอาไว้ว่า เป็นอัตตา

ไม่มีเราในปัจจัยที่กำลังปรุงแต่งจิต แต่เป็นอุปาทานขันธ์ว่า มีตัวตน คิด พูด ทำ แปลกออกไปจากปกติที่จำผิด

วิปลาสไปจากความจริงตามเหตุปัจจัย และยึดมั่นทุกอย่างที่ตัวตนจดจำปรุงแต่งกิเลสให้มีกำลังโดยขาดสุตะ

https://youtu.be/sp895DPPRHI



ครั้งหนึ่ง อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่า ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า

พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน กล่าวคือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา สมชีวิตา

๑) อุฏฐานสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี พาณิชยกรรม ก็ดี โครักขกรรม ก็ดี ราชการทหาร ก็ดี ราชการพลเรือน ก็ดี ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี
เธอเป็นผู้ขยัน ชำนิชำนาญ ไม่เกียจคร้าน ในงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ สามารถทำ สามารถจัดการ นี้เรียกว่า อุฏฐานสัมปทา

๒) อารักขสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรมีโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม
เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น โดยพิจารณาว่า ทำอย่างไร ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย ไฟไม่พึงไหม้เสีย น้ำไม่พึงพาไปเสีย ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา

๓) กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย ถกถ้อยปรึกษา กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง บุตรคหบดีบ้าง พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง ผู้ประกอบด้วยศรัทธา ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยจาคะ ประกอบด้วยปัญญา
เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา

๔) สมชีวิตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเลี้ยงชีวิตพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์ ว่าทำอย่างนี้ รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้
เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น หรือเกินไปเท่านี้

“ถ้าหากกุลบุตร นี้ รายได้น้อย แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ ...กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ
ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า สมชีวิตา

"ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว
เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...

“ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน
เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”

จากนั้น ตรัสแสดงธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเบื้องหน้า หรือประโยชน์ล้ำเลยตาเห็น (สัมปรายิกัตถะ) คือ สัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา *(องฺ.อฏฺฐก.23/145/294)

นั่นใช่ธรรมะไหม ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป ถ้าใช้ก็ลองเทียบกับคคห.คุณโรส ดู

Kiss
สุดท้ายคุณโรสจะไม่ได้อะไร...คืออะไร...พูดทุกคำที่ไม่รู้จักเลยนะ
ถ้าทุกคนอ่านท่องจำคำสอนได้หมดแบบที่คุณก๊อปแปะมีปัญญาเท่าพระพุทธเจ้าหรือคะ555
ไปท่องจำตัวอักษรทำไมก็บอกแล้วอรรถบัญญัติต้องอาศัยฟังเสียงคือสัททะบัญญัติเพื่อเข้าถึงธัมมะ
ไม่ใช่มีตัวตนของเราไปนั่งทำหลับตาเพราะตาไม่บอดหลับตานั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้สึกตัวไปตามสัททะบัญญัติ
แล้วทำไมไม่ฟังเพื่อเพิ่มปัญญาให้คิดเห็นถูกเข้าใจถูกตรงตามคำสอนได้ตามปกติทีละ1ทางตามเป็นจริงก่อน
การอ่านเป็นการคิดนึกเกินเห็นตรง1ขณะตามคำสอนเป็นการ1เห็นผิด2จำผิด3ไม่รู้ตรงตามคำสอนทีละคำ
ตาดูหูฟังดูความจริงเทียบตามตำราโดยไม่ขาดการคิดตามตรงคำตรงสัจจะที่กายใจกำลังมีคือพึ่งคำตถาคต
เพื่อทำความคิดเห็นให้ตรงตามคำสอนทีละ1ทางเพราะตัวจริงธัมมะแต่ละทางไม่เกิดปนกันไม่เกิดพร้อมกัน
มันเกิดดับทีละ1ขณะจิตและเป็นคนละขณะจิตมี6ทางการสิกขาต้องคิดตรงตามทีละ1ทางตอนฟังคำตถาคต
พึ่งคำสอนเพื่อให้รู้สึกตัวเกิดความคิดเห็นถูกตรงตามคำสอนตรง1สัจจะของแต่ละ1ทางที่มีไม่ปนทางกันทันที
พึ่งคิดตามตรงคำตรงจริงตรงขณะตามคำสอนตรงกับตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีจริงๆที่กายใจตน
เดี๋ยวนี้ทุกคำในพระไตรปิฎกกำลังมีเพราะมันเกิดดับถึงแสนล้านขณะจิตอยู่ตอนนี้คุณรู้สึกตัวตรง1ทางไหน
:b12:
:b9: :b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร