วันเวลาปัจจุบัน 27 มี.ค. 2024, 12:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2019, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กดดู

https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5D44F496



:b13: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2019, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b12: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้ นักธรรมะคงรู้จักชีวิตร่างกายจิตใจ รูปนาม รูปธรรมนามธรรม ขันธ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ชัดขึ้นบ้าง ลึกลงไปอีกอาจเห็นเค้าอริยสัจ ๔ ข้อ บ้าง ก็อาจเป็นไปได้ :b32:

คำศัพท์ทั้งหมดนั้น ก็คนนี่แหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นคำถามแค่อากาศที่

viewtopic.php?f=1&t=57345&start=90

อ้างคำพูด:
แค่อากาศ

ชอบๆๆๆแบบทา่น LUNA งั้นมาคุยกันพอให้เจริญใจครับ

1. รูปธรรม นามธรรม หมายเอาที่ใด การแยกรูปแยกนามแยกยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร

2. ความเสมิอด้วยกันเป็นแบบไหน สำหรับท่าน ความเสมอกันท่านเห็นยังไง ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร

3. ความไม่มีตัวตน คือ อะไร ท่านเห็นจริง หรือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นลงธรรม หากเห็นจริงแล้วที่เห็นนั้นเป็นไฉน การเข้าไปรู้เห็นจริงท่านรู้เห็นอย่างไร

ความว่าธาตุ ๔ อันกอปรกันเกิดขึ้นแต่กายนี้

ท่านเห็นเป็นธาตุจริง คือคิดอนุมานตามเอาจากสิ่งที่เห็นรับรู้ลงในธรรม

ก็เมื่อเห็นเป็นธาตุแล้ว ยังจะมีธาตุที่ทำท่านั่งสมาธิอยู่อีกหรือไม่ หรือที่เห็นนั้นคือความคิด ไม่ได้เห็นเป็นธาตุจริง

อรูปที่เข้าได้ก็ดี จิตที่จรออกจากร่างได้ก็ดี เมื่อมองดูกายเห็นเป็นแค่ธาตุจริง หรือยังเห็นเป็นตัวตนบุคคลอันนั่ง หรือ นอนอยู่ท่านั้นๆนี้ๆ



มาคุยกันตรงนี้สิ

ลูนาท่านถนัดมหายาน แต่สิ่งที่แค่อากาศถามเป็นเถรวาท ผสมผสานปนเปกับความเข้าใจผิดของตัวเอง :b32:

ถ้าคุยกันเอาแค่เจริญใจก็ไม่ต้องมา อยู่นั่นแหละ คุยกับกรัชกายคุยกันให้เข้าใจ ไม่ใช่แค่เจริญใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


คริคริ
ไม่ชวนเม หรอ คุณลุง

กาทู้จะได้แล่นฝ่าคลื่นลมมรสุมได้
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
คริคริ
ไม่ชวนเม หรอ คุณลุง

กาทู้จะได้แล่นฝ่าคลื่นลมมรสุมได้
tongue


พูดถึงคลื่นลม ต้องนี่

https://www.youtube.com/watch?v=2lq84Fbcnjg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ
ไม่ชวนเม หรอ คุณลุง

กาทู้จะได้แล่นฝ่าคลื่นลมมรสุมได้
tongue


พูดถึงคลื่นลม ต้องนี่

https://www.youtube.com/watch?v=2lq84Fbcnjg


คริคริ อันนั้นไม่กว้างเรย

อันนี้ตะหาก กว้างกว่าทุกตารางนิ้ว

https://www.youtube.com/watch?v=4FIRkbPvOp8


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ
ไม่ชวนเม หรอ คุณลุง

กาทู้จะได้แล่นฝ่าคลื่นลมมรสุมได้
tongue


พูดถึงคลื่นลม ต้องนี่

https://www.youtube.com/watch?v=2lq84Fbcnjg


คริคริ อันนั้นไม่กว้างเรย

อันนี้ตะหาก กว้างกว่าทุกตารางนิ้ว

https://www.youtube.com/watch?v=4FIRkbPvOp8


อันนี้ กว้างเพียงวา หนาเพียงคืบ แต่รวมทุกสิ่งไว้

https://www.youtube.com/watch?v=X5dPMwKSYF8

ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่ ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กฎธรรมชาติ มี ๕ อย่าง แต่นำมาเพียง ๒ กฎ ก่อน

นิยาม แปลว่า กำหนดอันแน่นอน ทำนองหรือแนวทางที่แน่นอน หรือ ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอน เพราะปรากฏให้เห็นว่า เมื่อมีเหตุปัจจัยอย่างนั้นๆแล้ว ก็จะมีความเป็นไปอย่างนั้นๆแน่นอน

@ จิตตนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต เช่น เมื่ออารมณ์ (สิ่งเร้า) กระทบประสาท จะมีการรับรู้เกิดขึ้น จิตจะทำงานอย่างไร คือ มีการไหวแห่งภวังคจิต ภวังคจิตขาดตอน แล้วก็อาวัชชนะ แล้วมีการเห็น การได้ยิน ฯลฯ สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ ฯลฯ หรือ เมื่อจิตมีคุณสมบัติอย่างนี้เกิดขึ้น จะมีเจตสิกอะไรบ้างประกอบได้ หรือประกอบไม่ได้ เป็นต้น

@ กรรมนิยาม กฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คือ กระบวนการก่อการกระทำ และการให้ผลของการกระทำ หรือ พูดให้จำเพาะลงไปอีกว่า กระบวนการแห่งเจตจำนง หรือ ความคิดปรุงแต่งสร้างสรรค์ต่างๆ พร้อมทั้งผลที่สืบเนื่องออกไปอันสอดคล้องสมกัน เช่น ทำกรรมดี มีผลดี ทำกรรมชั่ว มีผลชั่ว เป็นต้น

เจตนา ความตั้งใจ, ความมุ่งใจหมายจะทำ, เจตจำนง, ความจำนง, ความจงใจ, เป็นเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกดวง เป็นตัวนำในการคิดปรุงแต่ง หรือเป็นประธานในสังขารขันธ์ และเป็นตัวการในการทำกรรม หรือ กล่าวได้ว่า เป็นตัวกรรมทีเดียว ดังพุทธพจน์ที่ว่า “เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา, ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม เพราะว่า บุคคลคิดแล้ว ย่อมกระทำกรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รวบรัดตัดเอาแต่ใจความ

กรรมนิยาม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับจิตนิยาม และสมมตินิยาม (กฎที่มนุษย์ร่างขึ้น) และความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี้ อาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจสับสนได้ง่าย ดังนั้น การที่จะเข้าใจเรื่องกรรม และความดีความชั่วให้ชัดเจน จะต้องแยกขอบเขตระหว่างนิยามเหล่านี้ให้ได้ก่อน

กรรมนิยาม อาศัยจิตนิยาม เหมือนซ้อนอยู่บนจิตนิยามนั่นเอง แต่จุดตัดแยกระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามก็ชัดเจน กล่าวคือ เจตนาเป็นเนื้อหาสาระ และเป็นตัวทำการของกรรมนิยาม ทำให้กรรมนิยามเป็นอิสระออกมาเป็นนิยามหนึ่งต่างหาก หรือ ทำให้มนุษย์เป็นอิสระ มีบทบาทเป็นของตนเองต่างจากนิยามอื่นๆ สามารถสร้างโลกแห่งเจตจำนงของตนเองขึ้นมาได้ จนถึงกับยกตนขึ้นเทียม เท่าหรือแข่งขันกับธรรมชาติ และแบ่งแยกว่าตนมีโลกแห่งการประดิษฐ์สร้าง สรรค์ต่างหากจากโลกของธรรมชาติ


เจตนาอาศัยกลไกของจิตนิยามเป็นเครื่องมือในการทำงาน และเมื่อเจตนาทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นแล้ว กระบวนการก่อผลก็ต้องอาศัยจิตนิยามนั่นแหละดำเนินไป

รูปภาพ

เปรียบได้กับคนขับเรือยนต์ คนขับเหมือนเจตนาที่อยู่ฝ่ายกรรมนิยาม เครื่องเรือทั้งหมดเหมือนกลไก และ องค์ประกอบต่างๆ ของจิตที่อยู่ฝ่ายจิตนิยาม
คนขับเรือต้องอาศัยเครื่องเรือ แต่เครื่องเรือจะพาเรือ คือ ชีวิต ที่พร้อมด้วยร่างกายไปสู่ที่ไหนอย่างไร คนขับเรือเป็นอิสระที่จะทำ และเป็นผู้รับผิดชอบทำให้เป็นไป
คนขับทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากเรือ แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของเรือที่พร้อมทั้งเครื่องเรือ และตัวเรือด้วย
เหมือนกรรมนิยาม ทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากจิตนิยาม แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตที่พร้อมทั้งจิต และกายด้วย


ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามนี้ ไม่สู้มีปัญหา เพราะไม่สู้มีเรื่องที่มนุษย์เอาใจใส่ และไม่ว่ามนุษย์จะใส่ใจรู้เรื่องของมัน หรือ แม้แต่รู้ตัว หรือ ไม่ก็ตาม มันก็เป็นไปตามปกติของมันเรื่อยไปอย่างมองไม่เห็นตัว

(คิกๆๆๆ :b16: )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รวบรัดตัดเอาแต่ใจความ

กรรมนิยาม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับจิตนิยาม และสมมตินิยาม (กฎที่มนุษย์ร่างขึ้น) และความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี้ อาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจสับสนได้ง่าย ดังนั้น การที่จะเข้าใจเรื่องกรรม และความดีความชั่วให้ชัดเจน จะต้องแยกขอบเขตระหว่างนิยามเหล่านี้ให้ได้ก่อน

กรรมนิยาม อาศัยจิตนิยาม เหมือนซ้อนอยู่บนจิตนิยามนั่นเอง แต่จุดตัดแยกระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามก็ชัดเจน กล่าวคือ เจตนาเป็นเนื้อหาสาระ และเป็นตัวทำการของกรรมนิยาม ทำให้กรรมนิยามเป็นอิสระออกมาเป็นนิยามหนึ่งต่างหาก หรือ ทำให้มนุษย์เป็นอิสระ มีบทบาทเป็นของตนเองต่างจากนิยามอื่นๆ สามารถสร้างโลกแห่งเจตจำนงของตนเองขึ้นมาได้ จนถึงกับยกตนขึ้นเทียม เท่าหรือแข่งขันกับธรรมชาติ และแบ่งแยกว่าตนมีโลกแห่งการประดิษฐ์สร้าง สรรค์ต่างหากจากโลกของธรรมชาติ


เจตนาอาศัยกลไกของจิตนิยามเป็นเครื่องมือในการทำงาน และเมื่อเจตนาทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นแล้ว กระบวนการก่อผลก็ต้องอาศัยจิตนิยามนั่นแหละดำเนินไป

รูปภาพ

เปรียบได้กับคนขับเรือยนต์ คนขับเหมือนเจตนาที่อยู่ฝ่ายกรรมนิยาม เครื่องเรือทั้งหมดเหมือนกลไก และ องค์ประกอบต่างๆ ของจิตที่อยู่ฝ่ายจิตนิยาม
คนขับเรือต้องอาศัยเครื่องเรือ แต่เครื่องเรือจะพาเรือ คือ ชีวิต ที่พร้อมด้วยร่างกายไปสู่ที่ไหนอย่างไร คนขับเรือเป็นอิสระที่จะทำ และเป็นผู้รับผิดชอบทำให้เป็นไป
คนขับทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากเรือ แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของเรือที่พร้อมทั้งเครื่องเรือ และตัวเรือด้วย
เหมือนกรรมนิยาม ทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากจิตนิยาม แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตที่พร้อมทั้งจิต และกายด้วย


ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามนี้ ไม่สู้มีปัญหา เพราะไม่สู้มีเรื่องที่มนุษย์เอาใจใส่ และไม่ว่ามนุษย์จะใส่ใจรู้เรื่องของมัน หรือ แม้แต่รู้ตัว หรือ ไม่ก็ตาม มันก็เป็นไปตามปกติของมันเรื่อยไปอย่างมองไม่เห็นตัว

(คิกๆๆๆ :b16: )


คริคริ

สารถีผู้ล้ำเลิศ ผู้ฝึกเหล่าบุรุษ มีอยู่


ใยต้องให้สัตว์โลกด้วยกันแจวเรือให้ค๊ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 05:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
รวบรัดตัดเอาแต่ใจความ

กรรมนิยาม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับจิตนิยาม และสมมตินิยาม (กฎที่มนุษย์ร่างขึ้น) และความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี้ อาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจสับสนได้ง่าย ดังนั้น การที่จะเข้าใจเรื่องกรรม และความดีความชั่วให้ชัดเจน จะต้องแยกขอบเขตระหว่างนิยามเหล่านี้ให้ได้ก่อน

กรรมนิยาม อาศัยจิตนิยาม เหมือนซ้อนอยู่บนจิตนิยามนั่นเอง แต่จุดตัดแยกระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามก็ชัดเจน กล่าวคือ เจตนาเป็นเนื้อหาสาระ และเป็นตัวทำการของกรรมนิยาม ทำให้กรรมนิยามเป็นอิสระออกมาเป็นนิยามหนึ่งต่างหาก หรือ ทำให้มนุษย์เป็นอิสระ มีบทบาทเป็นของตนเองต่างจากนิยามอื่นๆ สามารถสร้างโลกแห่งเจตจำนงของตนเองขึ้นมาได้ จนถึงกับยกตนขึ้นเทียม เท่าหรือแข่งขันกับธรรมชาติ และแบ่งแยกว่าตนมีโลกแห่งการประดิษฐ์สร้าง สรรค์ต่างหากจากโลกของธรรมชาติ


เจตนาอาศัยกลไกของจิตนิยามเป็นเครื่องมือในการทำงาน และเมื่อเจตนาทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นแล้ว กระบวนการก่อผลก็ต้องอาศัยจิตนิยามนั่นแหละดำเนินไป

รูปภาพ

เปรียบได้กับคนขับเรือยนต์ คนขับเหมือนเจตนาที่อยู่ฝ่ายกรรมนิยาม เครื่องเรือทั้งหมดเหมือนกลไก และ องค์ประกอบต่างๆ ของจิตที่อยู่ฝ่ายจิตนิยาม
คนขับเรือต้องอาศัยเครื่องเรือ แต่เครื่องเรือจะพาเรือ คือ ชีวิต ที่พร้อมด้วยร่างกายไปสู่ที่ไหนอย่างไร คนขับเรือเป็นอิสระที่จะทำ และเป็นผู้รับผิดชอบทำให้เป็นไป
คนขับทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากเรือ แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของเรือที่พร้อมทั้งเครื่องเรือ และตัวเรือด้วย
เหมือนกรรมนิยาม ทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากจิตนิยาม แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตที่พร้อมทั้งจิต และกายด้วย


ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามนี้ ไม่สู้มีปัญหา เพราะไม่สู้มีเรื่องที่มนุษย์เอาใจใส่ และไม่ว่ามนุษย์จะใส่ใจรู้เรื่องของมัน หรือ แม้แต่รู้ตัว หรือ ไม่ก็ตาม มันก็เป็นไปตามปกติของมันเรื่อยไปอย่างมองไม่เห็นตัว

(คิกๆๆๆ :b16: )


คริคริ

สารถีผู้ล้ำเลิศ ผู้ฝึกเหล่าบุรุษ มีอยู่


ใยต้องให้สัตว์โลกด้วยกันแจวเรือให้ค๊ะ

tongue


เรือใครเรือมัน (เจตนาใครเจตนามัน=กรรมใครกรรมมัน) แจวเองต่างคนต่างแจวพายงัดๆเอง จะแจวไปนรกไปสวรรค์นิพพานก็แจวไปตามอัธยาศัย จะแจวไปที่เจริญ แจวไปที่เสื่อมก็แจวไป แจวไปวัด แจวไปคุก เป็นต้น ก็แจวไป :b1: พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ชี้บอก ส่วนการเดินทางนั้นเธอทั้งหลายต้องเดินเองทำกันเอง

ตัวอย่าง

https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5D44F496

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
รวบรัดตัดเอาแต่ใจความ

กรรมนิยาม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับจิตนิยาม และสมมตินิยาม (กฎที่มนุษย์ร่างขึ้น) และความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี้ อาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจสับสนได้ง่าย ดังนั้น การที่จะเข้าใจเรื่องกรรม และความดีความชั่วให้ชัดเจน จะต้องแยกขอบเขตระหว่างนิยามเหล่านี้ให้ได้ก่อน

กรรมนิยาม อาศัยจิตนิยาม เหมือนซ้อนอยู่บนจิตนิยามนั่นเอง แต่จุดตัดแยกระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามก็ชัดเจน กล่าวคือ เจตนาเป็นเนื้อหาสาระ และเป็นตัวทำการของกรรมนิยาม ทำให้กรรมนิยามเป็นอิสระออกมาเป็นนิยามหนึ่งต่างหาก หรือ ทำให้มนุษย์เป็นอิสระ มีบทบาทเป็นของตนเองต่างจากนิยามอื่นๆ สามารถสร้างโลกแห่งเจตจำนงของตนเองขึ้นมาได้ จนถึงกับยกตนขึ้นเทียม เท่าหรือแข่งขันกับธรรมชาติ และแบ่งแยกว่าตนมีโลกแห่งการประดิษฐ์สร้าง สรรค์ต่างหากจากโลกของธรรมชาติ


เจตนาอาศัยกลไกของจิตนิยามเป็นเครื่องมือในการทำงาน และเมื่อเจตนาทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นแล้ว กระบวนการก่อผลก็ต้องอาศัยจิตนิยามนั่นแหละดำเนินไป

รูปภาพ

เปรียบได้กับคนขับเรือยนต์ คนขับเหมือนเจตนาที่อยู่ฝ่ายกรรมนิยาม เครื่องเรือทั้งหมดเหมือนกลไก และ องค์ประกอบต่างๆ ของจิตที่อยู่ฝ่ายจิตนิยาม
คนขับเรือต้องอาศัยเครื่องเรือ แต่เครื่องเรือจะพาเรือ คือ ชีวิต ที่พร้อมด้วยร่างกายไปสู่ที่ไหนอย่างไร คนขับเรือเป็นอิสระที่จะทำ และเป็นผู้รับผิดชอบทำให้เป็นไป
คนขับทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากเรือ แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของเรือที่พร้อมทั้งเครื่องเรือ และตัวเรือด้วย
เหมือนกรรมนิยาม ทั้งอาศัย และทั้งเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากจิตนิยาม แล้วรับผิดชอบต่อความเป็นไปของชีวิตที่พร้อมทั้งจิต และกายด้วย


ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างกรรมนิยาม กับ จิตนิยามนี้ ไม่สู้มีปัญหา เพราะไม่สู้มีเรื่องที่มนุษย์เอาใจใส่ และไม่ว่ามนุษย์จะใส่ใจรู้เรื่องของมัน หรือ แม้แต่รู้ตัว หรือ ไม่ก็ตาม มันก็เป็นไปตามปกติของมันเรื่อยไปอย่างมองไม่เห็นตัว

(คิกๆๆๆ :b16: )


คริคริ

สารถีผู้ล้ำเลิศ ผู้ฝึกเหล่าบุรุษ มีอยู่


ใยต้องให้สัตว์โลกด้วยกันแจวเรือให้ค๊ะ

tongue


เรือใครเรือมัน (เจตนาใครเจตนามัน=กรรมใครกรรมมัน) แจวเองต่างคนต่างแจวพายงัดๆเอง จะแจวไปนรกไปสวรรค์นิพพานก็แจวไปตามอัธยาศัย จะแจวไปที่เจริญ แจวไปที่เสื่อมก็แจวไป แจวไปวัด แจวไปคุก เป็นต้น ก็แจวไป :b1: พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ชี้บอก ส่วนการเดินทางนั้นเธอทั้งหลายต้องเดินเองทำกันเอง

ตัวอย่าง

https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5D44F496



คริคริ

เรือเม มีทั้งสารถีผู้ล้ำเลิศ

แถมยังมีต้นหนผู้เจนจบรู้สิ่งทั้งปวง คอยดูทิศทางให้

เรยไม่ต้องแจวเอง

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรือใครเรือมัน (เจตนาใครเจตนามัน=กรรมใครกรรมมัน) แจวเองต่างคนต่างแจวพายงัดๆเอง จะแจวไปนรกไปสวรรค์นิพพานก็แจวไปตามอัธยาศัย จะแจวไปที่เจริญ แจวไปที่เสื่อมก็แจวไป แจวไปวัด แจวไปคุก เป็นต้น ก็แจวไป :b1: พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ชี้บอก ส่วนการเดินทางนั้นเธอทั้งหลายต้องเดินเองทำกันเอง


อ้างคำพูด:
โลกสวยว่า
คริคริ

เรือเม มีทั้งสารถีผู้ล้ำเลิศ

แถมยังมีต้นหนผู้เจนจบรู้สิ่งทั้งปวง คอยดูทิศทางให้

เรยไม่ต้องแจวเอง


ถ้ายังงั้นก็ดี มือจะได้ว่างจิบเบียร์ คริกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 16:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรือใครเรือมัน (เจตนาใครเจตนามัน=กรรมใครกรรมมัน) แจวเองต่างคนต่างแจวพายงัดๆเอง จะแจวไปนรกไปสวรรค์นิพพานก็แจวไปตามอัธยาศัย จะแจวไปที่เจริญ แจวไปที่เสื่อมก็แจวไป แจวไปวัด แจวไปคุก เป็นต้น ก็แจวไป :b1: พระพุทธเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ชี้บอก ส่วนการเดินทางนั้นเธอทั้งหลายต้องเดินเองทำกันเอง


อ้างคำพูด:
โลกสวยว่า
คริคริ

เรือเม มีทั้งสารถีผู้ล้ำเลิศ

แถมยังมีต้นหนผู้เจนจบรู้สิ่งทั้งปวง คอยดูทิศทางให้

เรยไม่ต้องแจวเอง


ถ้ายังงั้นก็ดี มือจะได้ว่างจิบเบียร์ คริกๆๆ


ก็ดีสิค๊ะ ล่วงเจตนาแจวไป ก็เรยทำกิจของปุถุชนได้ ทุกอย่างในเรือ

คริคริ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร