วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2019, 23:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดฉันทะในการเจริญอนุสติ ๑๐ อย่างไร

พุทธนานุสติ - ผมรู้สึกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะแต่งขึ้นเองได้ถ้าไม่ได้รู้ได้เห็นด้วยตนเอง เพราะรู้ได้เห็นได้ด้วยตนเอง และยังสั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ตามเห็นตามได้นั่นแหละจึงเป็นพระพุทธเจ้า แม้ผมจะเกิดไม่ทัน ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แต่พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เอง ทั้งเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตาม พระองค์นั้นแหละ ผมขอน้อบน้อม เคารพ บูชา

ธรรมานุสติ - พระธรรมคำสอนลึกซึ้งมาก ยากที่ใครจะรู้ได้เห็นได้ ควรสนใจอ่าน สนใจฟัง สนใจศักษา ใคร่ครวญพิจารณา ปฏิบัติตาม เพื่อความดับทุกข์ ผมนอบน้อมเคารพ บูชา พระธรรม

สังฆานุสติ - พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติตามคำสอนมีอยู่ ผู้เจริญอริยมรรคมีอยู่ ศาสนาจึงยังมีอยู่ ผมนอบน้อม เคารพ บูชา พระสงฆ์ แล้วก็ระลึกถึงครูบาร์อาจารย์

สีลานุสติ - การฆ่า การลักขโมย การผิดลูกผิดเมีย การโกหก การดื่มเหล้า เป็นบาปอกุศลมีผลเป็นโทษ งดเว้นได้ก็ภูมิอก ภูมิใจ ระลึกถึงก็ปิติยินดี ตรงกันข้าม ถ้าทำบาปอกุศลจะเศร้าหมองใจทันที

จาคานุสติ - เห็นคนอื่นยังตระหนี่ถี่เหนียว ย้อนมองตัวเองยินดีในการให้ ในการเสียสละ ระลึกถึงก็ปิติยินดี

เทวดานุสติ - การกระทำใดทำให้ถึงเความเป็นเทวดา ผมสรรเสริญการกระทำนั้นและโมทนาผู้กระทำกรรมนั้น

มรณานสุติ - ความตายเป็นธรรม คนเราตายได้ทุกเมื่อ ถ้าเราต้องตายอย่าได้อาลัยอาวร โลกนี้ไม่ได้มีสาระแก่นสารอะไร

อุปสมานุสติ - ความดับ นิโรธ นิพพาน นี้สงบ ละเอียด ปราณีต รู้เลยว่าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วเป็นอย่างไร

อานาปานสติ - ว่างก็ทำ ไม่ว่านอน นั่น ยืน เดิน

กายคตานุสติ - รู้ลมหายใจ รู้กายมันใกล้ ๆ กัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
แถ :b32: ไปเรื่อย


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


พ่ะน่ะ หมดอุปาทานอีก เอาเข้าไปเอา :b32:

ผึ้งบินหาเกษรมาทำน้ำหวาน


ถามเนื้อความให้ดีก่อนอย่าพึ่งสรุป ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น


อธิบายหน่อยสิ มันยังไง


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


คุณกรัชกายจะว่าผมแถ ก็ตามแต่คุณกรัชกายจะว่า แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นพูดตามความเป็นจริง ผมเป็นอย่างไรก็พูดไปตามนั้น ทั้งสิ่งที่ผมเป็นนั้นก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น เป็นสิ่งถูกรู้ ถูกดู ถูกฝึก ถูกอบรม


อ้อ มันเป็นยังงี้นี่เอง ไม่ยึดมั่นถือมั่น อืมม :b1: ไม่อุปาทาน
s

ผมเคยเห็นว่าไม่มีที่เกิดใดจะตั้งมั่นเที่ยงแท้ให้อาศัพพักพิงหลบลอดปลอดภัยได้ แล้วก็เห็นความดับ
ผมเคยเห็นทุกข์ที่ใจเป็นของปรุงแต่ง อุปาทานไปเองควรละแล้วก็เห็นความดับ จากนั้นมาผมรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา เพราะเห็นอย่างนั้นผมจึงบอกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่จะบอกว่าผมไม่มีอุปาทาน ผมปฏิเสธเพราะผมยังทุกข์อยู่แสดงว่าผมต้องยังมีอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ ตัวตนผมนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้ารู้ เฝ้าดู เฝ้าฝึกอบรม เพื่อถอดถอนออุปาทาน เพื่อความดับทุกข์ นั่นคงเป็นเหตุให้ผมมีความชอบ ความสนใจ ในการเจริญอนุสติ ๑๐



คริคริ

เจอพระอรหันต์ ซะแล้ว


ความไม่ยึดมั่นถือมั่น อย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
เนาะค๊ะ


smiley


โสดาบัน สกิทาคามี อาจใช่ พระอรหันต์คงไม่ใช่เพราะยังทุกข์อยู่
ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
พระอภิธรรม ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ความดับนั้นผมไม่ได้ทำข้อสอบ
ตอบถูกแล้วจึงเห็น


คริคริ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน ตั้งมาอย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

จึง ไม่ใช่ความเห็นคุณ ที่จะปลบล้าง ตั้งแบบของตัวเองขึ้นมา ว่า
"ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
นั่นคือ ยึดไปเต็มเปา ว่าแบบของตน ถูกต้อง"

ทั้งๆที่ยกพระอภิธรรมมาให้แล้ว

จึงเป็นได้แค่พระโสดาบัน แบบตน สกิทามีแบบตน
ทฤษฎีตน ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน

ไม่ตรง พระปริยัติพระอภิธรรม ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว


smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 00:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley[/quote]

โสดาบัน สกิทาคามี อาจใช่ พระอรหันต์คงไม่ใช่เพราะยังทุกข์อยู่
ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
พระอภิธรรม ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ความดับนั้นผมไม่ได้ทำข้อสอบ
ตอบถูกแล้วจึงเห็น[/quote]

คริคริ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน ตั้งมาอย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

จึง ไม่ใช่ความเห็นคุณ ที่จะปลบล้าง ตั้งแบบของตัวเองขึ้นมา ว่า
"ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
นั่นคือ ยึดไปเต็มเปา ว่าแบบของตน ถูกต้อง"

ทั้งๆที่ยกพระอภิธรรมมาให้แล้ว

จึงเป็นได้แค่พระโสดาบัน แบบตน สกิทามีแบบตน
ทฤษฎีตน ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน

ไม่ตรง พระปริยัติพระอภิธรรม ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว


smiley[/quote]

ผมไม่ได้ลบล้างอะไร ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างนี้ ๆ ถ
ผมไม่รู้หรอกว่า คำนี้ ตามพระอภิธรรมหมายถึงสิ่งใด ปริยัติว่าอย่างไรก็ตามนั้นผมไม่คิดเปลี่ยนแปลง
ผมไม่ได้บอกว่าแบบนี้ถูกต้อง เพียงแต่อธิบายว่าผมเคยเห็นสภาวะอย่างนี้ จึงมีความเห็นอย่างนี้
ผมจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือ ปุถุชน ผมก็ไม่เห็นว่าสิ่งใดเป็นเรา เราเป็นสิ่งใด
เพราะสิ่งทั้งหลาย มีได้เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อริยมรรคมีองค์ ๘ คือปฏิปทาเพื่อ
ละความยึดมั่นถือมั่น เพื่อญาณทัศนะ เพื่อวิชชาวิมุติ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม


แก้ไขล่าสุดโดย Love J. เมื่อ 31 มี.ค. 2019, 02:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
smiley


โสดาบัน สกิทาคามี อาจใช่ พระอรหันต์คงไม่ใช่เพราะยังทุกข์อยู่
ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
พระอภิธรรม ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ความดับนั้นผมไม่ได้ทำข้อสอบ
ตอบถูกแล้วจึงเห็น[/quote]

คริคริ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน ตั้งมาอย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

จึง ไม่ใช่ความเห็นคุณ ที่จะปลบล้าง ตั้งแบบของตัวเองขึ้นมา ว่า
"ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
นั่นคือ ยึดไปเต็มเปา ว่าแบบของตน ถูกต้อง"

ทั้งๆที่ยกพระอภิธรรมมาให้แล้ว

จึงเป็นได้แค่พระโสดาบัน แบบตน สกิทามีแบบตน
ทฤษฎีตน ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน

ไม่ตรง พระปริยัติพระอภิธรรม ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว


smiley[/quote]

ผมไม่ได้ลบล้างอะไร ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างนี้ ๆ ถ
ผมไม่รู้หรอกว่า คำนี้ ตามพระอภิธรรมหมายถึงสิ่งใด ปริยัติว่าอย่างไรก็ตามนั้นผมไม่คิดเปลี่ยนแปลง
ผมไม่ได้บอกว่าแบบนี้ถูกต้อง เพียงแต่อธิบายว่าผมเคยเห็นสภาวะอย่างนี้ จึงมีความเห็นอย่างนี้
ผมจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือ ปุถุชน ผมก็ไม่เห็นว่าสิ่งใดเป็นเรา เราเป็นสิ่งใด
เพราะสิ่งทั้งหลาย มีได้เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อริยมรรคมีองค์ ๘ คือปฏิปทาเพื่อ
ละความยึดมั่นถือมั่น เพื่อญาณทัศนะ เพื่อวิชชาวิมุติ[/quote]

ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

" ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม "

แทนที่จะใช้ ตามที่พระบรมศาสดา สมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

นี่หรือคะ คือการไม่ยึดมั่นถือมั่น ของตน
ตัวตนล้นฟ้าเต็มๆ



smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 02:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
smiley


โสดาบัน สกิทาคามี อาจใช่ พระอรหันต์คงไม่ใช่เพราะยังทุกข์อยู่
ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
พระอภิธรรม ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ความดับนั้นผมไม่ได้ทำข้อสอบ
ตอบถูกแล้วจึงเห็น


คริคริ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน ตั้งมาอย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

จึง ไม่ใช่ความเห็นคุณ ที่จะปลบล้าง ตั้งแบบของตัวเองขึ้นมา ว่า
"ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
นั่นคือ ยึดไปเต็มเปา ว่าแบบของตน ถูกต้อง"

ทั้งๆที่ยกพระอภิธรรมมาให้แล้ว

จึงเป็นได้แค่พระโสดาบัน แบบตน สกิทามีแบบตน
ทฤษฎีตน ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน

ไม่ตรง พระปริยัติพระอภิธรรม ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว


smiley[/quote]

ผมไม่ได้ลบล้างอะไร ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างนี้ ๆ ถ
ผมไม่รู้หรอกว่า คำนี้ ตามพระอภิธรรมหมายถึงสิ่งใด ปริยัติว่าอย่างไรก็ตามนั้นผมไม่คิดเปลี่ยนแปลง
ผมไม่ได้บอกว่าแบบนี้ถูกต้อง เพียงแต่อธิบายว่าผมเคยเห็นสภาวะอย่างนี้ จึงมีความเห็นอย่างนี้
ผมจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือ ปุถุชน ผมก็ไม่เห็นว่าสิ่งใดเป็นเรา เราเป็นสิ่งใด
เพราะสิ่งทั้งหลาย มีได้เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อริยมรรคมีองค์ ๘ คือปฏิปทาเพื่อ
ละความยึดมั่นถือมั่น เพื่อญาณทัศนะ เพื่อวิชชาวิมุติ[/quote]

ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

" ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม "

แทนที่จะใช้ ตามที่พระบรมศาสดา สมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

นี่หรือคะ คือการไม่ยึดมั่นถือมั่น ของตน
ตัวตนล้นฟ้าเต็มๆ



smiley[/quote]

ผมใช้คำพูดเพื่อสื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ถ้าคำนี้สื่อไม่เข้าใจก็หาคำที่เขาเข้าใจมาสื่อ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

ต้องแบบนี้เท่านั้น แบบนั้นผิด นั่นแหละความยึดมั่นถือมั่น

แม้พระศาสดาไม่ได้ใช้ภาษาไทย ก็เทียบแปลมาเป็นภาษาไทยตามที่ผู้แปลเข้าใจ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 02:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาไปตรองดูให้ดีๆ

รู้แล้วยังหล่ะค๊ะ
ว่า ที่ยกพระธรรมมาให้ คำว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น
หมายถึงสิ่งใด

คุณคิดมา ด้วยความคิดของตน ไม่ตรงที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว
กลับไปคิดใหม่ซะให้ตรง
กลับไปศึกษาใหม่เสียให้ตรง

จะได้เห็นเอง ว่า ตนเองมั่วไปแล้วขนาดไหน

และสิ่งที่คุณพยายามแสดงนี้ ขัดกับพื้นฐาน สังโยชน์สามเบื้องต้นไว้ด้วยขนาดไหน
อย่าไปไกลถึงพระโสดาบันเรย

เอาพื่นฐานให้ตรงเสียก่อน

คุยกะเม น่ะยากหน่อย เพราะเม จะไม่บอกตรงๆ

เชิญคุณไปคุยต่อ กะลุงกรัชกาย เด็กในสังกัดเม แระกันค่ะ

แนะนำน๊ะคะ หัดสวด และหัดแปลเบื้องต้นให้ได้ก่อนน๊ะค๊ะ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก


ไม่ใช่ เอาตน ความเห้นตนเป็นที่ระลึก
ไม่ใช่เอาธรรมฉบับที่ตนคิด เป็นที่พึ่ง ทีระลึก
ไม่ใช่ สร้างอรรถกถาขึ้นใหม่ ตามสำนัก ตน

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
smiley


โสดาบัน สกิทาคามี อาจใช่ พระอรหันต์คงไม่ใช่เพราะยังทุกข์อยู่
ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
พระอภิธรรม ว่าอย่างไรก็ตามนั้น ความดับนั้นผมไม่ได้ทำข้อสอบ
ตอบถูกแล้วจึงเห็น


คริคริ

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน ตั้งมาอย่างลอยๆ ไม่มีสภาวะใดรองรับ
ไม่ตรงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

จึงไม่รู้ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์
ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

จึง ไม่ใช่ความเห็นคุณ ที่จะปลบล้าง ตั้งแบบของตัวเองขึ้นมา ว่า
"ไม่ยึดมั่นถือมั่นที่นี้ ผมหมายถึง ไม่เห็นว่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา
นั่นคือ ยึดไปเต็มเปา ว่าแบบของตน ถูกต้อง"

ทั้งๆที่ยกพระอภิธรรมมาให้แล้ว

จึงเป็นได้แค่พระโสดาบัน แบบตน สกิทามีแบบตน
ทฤษฎีตน ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แบบตน

ไม่ตรง พระปริยัติพระอภิธรรม ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว


smiley


ผมไม่ได้ลบล้างอะไร ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างนี้ ๆ ถ
ผมไม่รู้หรอกว่า คำนี้ ตามพระอภิธรรมหมายถึงสิ่งใด ปริยัติว่าอย่างไรก็ตามนั้นผมไม่คิดเปลี่ยนแปลง
ผมไม่ได้บอกว่าแบบนี้ถูกต้อง เพียงแต่อธิบายว่าผมเคยเห็นสภาวะอย่างนี้ จึงมีความเห็นอย่างนี้
ผมจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ หรือ ปุถุชน ผมก็ไม่เห็นว่าสิ่งใดเป็นเรา เราเป็นสิ่งใด
เพราะสิ่งทั้งหลาย มีได้เพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อริยมรรคมีองค์ ๘ คือปฏิปทาเพื่อ
ละความยึดมั่นถือมั่น เพื่อญาณทัศนะ เพื่อวิชชาวิมุติ[/quote]

ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

" ผมใช้คำนี้เพื่ออธิบาย ความคิดเห็นของผม "

แทนที่จะใช้ ตามที่พระบรมศาสดา สมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

นี่หรือคะ คือการไม่ยึดมั่นถือมั่น ของตน
ตัวตนล้นฟ้าเต็มๆ



smiley[/quote]

ผมใช้คำพูดเพื่อสื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ถ้าคำนี้สื่อไม่เข้าใจก็หาคำที่เขาเข้าใจมาสื่อ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

ต้องแบบนี้เท่านั้น แบบนั้นผิด นั่นแหละความยึดมั่นถือมั่น

แม้พระศาสดาไม่ได้ใช้ภาษาไทย ก็เทียบแปลมาเป็นภาษาไทยตามที่ผู้แปลเข้าใจ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม[/quote]


ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

ต้องเป็นแบบ ที่พระพุทธองค์ตรัสเท่านั้น เนาะค๊ะ

ไม่ใช่กล่าวมา อย่างมั่วๆ โดยไม่มีสภาวะรองรับ แบบคุณ

มิจฉาทิฎฐิแท้ๆ จึงเห็นว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ควรแก่การเป็นสรณะ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 02:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมใช้คำพูดเพื่อสื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ถ้าคำนี้สื่อไม่เข้าใจก็หาคำที่เขาเข้าใจมาสื่อ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

ต้องแบบนี้เท่านั้น แบบนั้นผิด นั่นแหละความยึดมั่นถือมั่น

แม้พระศาสดาไม่ได้ใช้ภาษาไทย ก็เทียบแปลมาเป็นภาษาไทยตามที่ผู้แปลเข้าใจ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม[/quote]
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


คำกล่าวอ้างมั่วๆ ลอยๆ ส่งเดชของคุณ

ในความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ตรงกับพระปริยัติ และพระไตรปิฎก
ที่สามารถย้อนกลับไปยื่นยัน ตามบาลี ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ก็ไม่ได้

แต่ พระอภิธรรม พระไตรปิฎก ย้อนกลับไป เป็นบาลีได้
แปลกลับไปเป็นบาลีได้ ตรงตามที่พระพุทืธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

และเป็นหลักฐาน ได้ แม้ คณาจารย์ และผู้สังคยานา พระไตรปิฎกในไทย
จะแปลมาเป็นภาษาไทย ก็ตาม
และยังถูกแปล เป็นหลายภาษา อย่างภาษาเมียนม่า
แต่ก็ สามารถแปลกลับไปยังบาลีได้
ถูกต้อง ตรงตาม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์




smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 02:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ผมใช้คำพูดเพื่อสื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ถ้าคำนี้สื่อไม่เข้าใจก็หาคำที่เขาเข้าใจมาสื่อ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

ต้องแบบนี้เท่านั้น แบบนั้นผิด นั่นแหละความยึดมั่นถือมั่น

แม้พระศาสดาไม่ได้ใช้ภาษาไทย ก็เทียบแปลมาเป็นภาษาไทยตามที่ผู้แปลเข้าใจ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


คำกล่าวอ้างมั่วๆ ลอยๆ ส่งเดชของคุณ

ในความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ตรงกับพระปริยัติ และพระไตรปิฎก
ที่สามารถย้อนกลับไปยื่นยัน ตามบาลี ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ก็ไม่ได้

แต่ พระอภิธรรม พระไตรปิฎก ย้อนกลับไป เป็นบาลีได้
แปลกลับไปเป็นบาลีได้ ตรงตามที่พระพุทืธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

และเป็นหลักฐาน ได้ แม้ คณาจารย์ และผู้สังคยานา พระไตรปิฎกในไทย
จะแปลมาเป็นภาษาไทย ก็ตาม
และยังถูกแปล เป็นหลายภาษา อย่างภาษาเมียนม่า
แต่ก็ สามารถแปลกลับไปยังบาลีได้
ถูกต้อง ตรงตาม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์




smiley[/quote]

ใครกล่าวอ้างใคร ใครกล่าวอ้างลอย ๆ
มีแต่คุณไม่ใช่หรอ อ้างสิ่งนั้น อ้างสิ่งนี้
อ้างอภิธรรม อ้างพระพุทธเจ้า ไปกล่าว
จาบจ้วงคนนั้น กล่าวจาบจ้วงคนนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 03:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
ผมใช้คำพูดเพื่อสื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ถ้าคำนี้สื่อไม่เข้าใจก็หาคำที่เขาเข้าใจมาสื่อ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

ต้องแบบนี้เท่านั้น แบบนั้นผิด นั่นแหละความยึดมั่นถือมั่น

แม้พระศาสดาไม่ได้ใช้ภาษาไทย ก็เทียบแปลมาเป็นภาษาไทยตามที่ผู้แปลเข้าใจ

ปล .หากยกพระอภิธรรมมาแสดง มาเผยแผ่ ด้วยการจวบจ้วง ดูหมิ่น ดูแคลน ผู้อื่นอย่างนี้อย่าเผยแผ่เลย ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อม

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


คำกล่าวอ้างมั่วๆ ลอยๆ ส่งเดชของคุณ

ในความไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ตรงกับพระปริยัติ และพระไตรปิฎก
ที่สามารถย้อนกลับไปยื่นยัน ตามบาลี ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ก็ไม่ได้

แต่ พระอภิธรรม พระไตรปิฎก ย้อนกลับไป เป็นบาลีได้
แปลกลับไปเป็นบาลีได้ ตรงตามที่พระพุทืธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว

และเป็นหลักฐาน ได้ แม้ คณาจารย์ และผู้สังคยานา พระไตรปิฎกในไทย
จะแปลมาเป็นภาษาไทย ก็ตาม
และยังถูกแปล เป็นหลายภาษา อย่างภาษาเมียนม่า
แต่ก็ สามารถแปลกลับไปยังบาลีได้
ถูกต้อง ตรงตาม ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

ว่า ที่ถุกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ ดีแล้ว

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์




smiley


ใครกล่าวอ้างใคร ใครกล่าวอ้างลอย ๆ
มีแต่คุณไม่ใช่หรอ อ้างสิ่งนั้น อ้างสิ่งนี้
อ้างอภิธรรม อ้างพระพุทธเจ้า ไปกล่าว
จาบจ้วงคนนั้น กล่าวจาบจ้วงคนนี้[/quote]

คริคริ

ใครกล่าวส่งเดช อ้างว่า มันไม่ยึดมั่นถือมั่น

โดยกล่าวมั่วๆ ลอยๆ ไม่มีสภาวะปรมัตถ์รองรับ ก็มันผู้นั้นแหละ


โดยกล่าวบิดเบือน ไม่ตรงกับ คำสอนของพระพุทธองค์ ที่ตร้สไว้ในพระอภิธรรมดีแล้ว ว่า
ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์


และมันผู้นั้น ก็แถมแถ ว่า คิดเอาเอง ตามใจตน ไม่ตรงกะที่พระพุทธองค์ทรงแสดง
ก็มันคนนั้นแหละ

และมันผู้นั้น ก็อ้างต่อ ว่า พระปริยัติ เป็นภาษาไทย แปลมา แต่มันก็ไม่รู้ว่า พระอรรถาจารย์ แปลจากบาลี
และแปลกลับเป็นบาลี ได้ถูกต้อง มีหลักฐานทางบาลี ตรงตามที่พระพุทธองค์แสดง

ก็มันผู้นั้นแหละ


ใครมีตน คนนั้นก็โดนจ้วงตน รู้สึกว่าตนโดนจ้วง ก็มันผู้นั้นน่ะแหละ

แต่พอโดนลุงกรัชกายทักว่า ก็ไม่มีอุปทาน
มันก็หน้าแตก
เพราะมันคิดว่า มันเป็นพระอรหันต์ เรยหน้าแตก

ก็มันผู้นั้นแหละ ที่ใช้ชื่อว่า LOVE J

555

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะมันผู้นั้น บอกว่า มันไม่ยึดมั่นถือมั่น

เพราะ มันไม่รู้ว่า ตรวจสอบความไม่ยึดมั่นถือมั่น ของมันได้อย่างง่ายๆ

ด้วยพระปริยัติ

เพราะว่า

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

มันผู้นั้น ที่อ้างว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น เรยหน้าแตก
เพราะมันก็สารภาพเองว่ายังมี อุปทานเพียบ



กั๊กๆๆ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 05:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เพราะมันผู้นั้น บอกว่า มันไม่ยึดมั่นถือมั่น

เพราะ มันไม่รู้ว่า ตรวจสอบความไม่ยึดมั่นถือมั่น ของมันได้อย่างง่ายๆ

ด้วยพระปริยัติ

เพราะว่า

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หมายถึง อาการที่เป็นกลาง ของ ตัตตรมัชฌัตตาเจตสิก
ในมหากริยาจิต ของพระอรหันต์

มันผู้นั้น ที่อ้างว่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น เรยหน้าแตก
เพราะมันก็สารภาพเองว่ายังมี อุปทานเพียบ



กั๊กๆๆ

smiley


รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ . เหล่านี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา ควรหรือที่จะตามเห็นว่า
นี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา ผมเห็นดังนั้นแล้วจึงบอกว่าผมไม่ยึดมั่นถือมั่น ผมไปกล่าวอ้างใคร ผม
ไปกล่าวอ้างอะไร ผมยกพระอภิธรรมขึ้นมาอ้างหรอว่าพระอภิธรรมว่าอย่างนี้ ผมยกพระพุทธเจ้ามาอ้าง
หรอว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ผมบอกว่ากับร่างกาย จิตใจผมนี้ ผมไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น ผมพูดในส่วนของ
ผม คุณมาจาบจ้วงผมด้วยเรื่องอะไร ?

แล้วทำไมผมต้องหน้าแตกด้วย เพราะผมเปิดเผยความเห็นของผมตามเป็นจริงนี้หรอ ?
ผมไม่เคยอายเรื่องความโง่ ความไม่รู้ ความหลงผิด เพราะผมไม่เคยคิดไปแข่งกับใคร ไม่เคยไปว่าใครมั่ว
ว่าใครโง่ ว่าใครไม่มีปัญญา ไม่เคยไปอวดตัวเองว่ารู้พระอภิธรรม รู้พระปริยัติ ผมจึงไม่เคยกลัวว่าจะหน้าแตกเวลาพูดเรื่องกายนี้ใจนี้ เข้าใจอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ผิดก็แก้ไม่เคยอาย ไม่ต้องนั่งแถ

ปล ถ้าเผยแผ่คำสอนด้วยการกล่าวจาบจ้วงผู้อื่น มันไม่รู้ธรรมะ มันไม่รู้พระอภิธรรม มันไม่รู้ปริยัติ อย่าเผยแผ่เลยไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
แถ :b32: ไปเรื่อย


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


พ่ะน่ะ หมดอุปาทานอีก เอาเข้าไปเอา :b32:

ผึ้งบินหาเกษรมาทำน้ำหวาน


ถามเนื้อความให้ดีก่อนอย่าพึ่งสรุป ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น


อธิบายหน่อยสิ มันยังไง


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


คุณกรัชกายจะว่าผมแถ ก็ตามแต่คุณกรัชกายจะว่า แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นพูดตามความเป็นจริง ผมเป็นอย่างไรก็พูดไปตามนั้น ทั้งสิ่งที่ผมเป็นนั้นก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น เป็นสิ่งถูกรู้ ถูกดู ถูกฝึก ถูกอบรม


อ้อ มันเป็นยังงี้นี่เอง ไม่ยึดมั่นถือมั่น อืมม :b1: ไม่อุปาทาน
s

ผมเคยเห็นว่าไม่มีที่เกิดใดจะตั้งมั่นเที่ยงแท้ให้อาศัพพักพิงหลบลอดปลอดภัยได้ แล้วก็เห็นความดับ
ผมเคยเห็นทุกข์ที่ใจเป็นของปรุงแต่ง อุปาทานไปเองควรละแล้วก็เห็นความดับ จากนั้นมาผมรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา เพราะเห็นอย่างนั้นผมจึงบอกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่จะบอกว่าผมไม่มีอุปาทาน ผมปฏิเสธเพราะผมยังทุกข์อยู่แสดงว่าผมต้องยังมีอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ ตัวตนผมนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้ารู้ เฝ้าดู เฝ้าฝึกอบรม เพื่อถอดถอนออุปาทาน เพื่อความดับทุกข์ นั่นคงเป็นเหตุให้ผมมีความชอบ ความสนใจ ในการเจริญอนุสติ ๑๐


พูดถึงหลบๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์ของ อ.ปราโมทย์ :b1: ทำให้กรัชกายนึกวิธีหลบคลื่นลมของชาวตังเก คือว่า ครั้นเมื่อท้องทะเลมีมรสุมคลื่นลมโหมกระหน่ำ ชาวเรือก็พาเรือไปหลบตามเกาะแก่งเพื่อบังคลื่นลม พอคลื่นสงบท้องฟ้าโปร่ง ก็ออกหาปลาใหม่ ฯลฯ ครั้นทะเลปั่นป่วนอีก ก็พาเรือไปหลบคลื่นลมอีก ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น :b13:

ทำไปปฏิบัติไป ถูกถีนมิทธนิวรณ์ครอบงำจิตใจง่วงนอนไม่ไหวแล้ว ก็แนะนำไปนอนสะก่อน หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนหายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ หลบหลบ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 08:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
แถ :b32: ไปเรื่อย


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


พ่ะน่ะ หมดอุปาทานอีก เอาเข้าไปเอา :b32:

ผึ้งบินหาเกษรมาทำน้ำหวาน


ถามเนื้อความให้ดีก่อนอย่าพึ่งสรุป ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น


อธิบายหน่อยสิ มันยังไง


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


คุณกรัชกายจะว่าผมแถ ก็ตามแต่คุณกรัชกายจะว่า แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นพูดตามความเป็นจริง ผมเป็นอย่างไรก็พูดไปตามนั้น ทั้งสิ่งที่ผมเป็นนั้นก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น เป็นสิ่งถูกรู้ ถูกดู ถูกฝึก ถูกอบรม


อ้อ มันเป็นยังงี้นี่เอง ไม่ยึดมั่นถือมั่น อืมม :b1: ไม่อุปาทาน
s

ผมเคยเห็นว่าไม่มีที่เกิดใดจะตั้งมั่นเที่ยงแท้ให้อาศัพพักพิงหลบลอดปลอดภัยได้ แล้วก็เห็นความดับ
ผมเคยเห็นทุกข์ที่ใจเป็นของปรุงแต่ง อุปาทานไปเองควรละแล้วก็เห็นความดับ จากนั้นมาผมรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา เพราะเห็นอย่างนั้นผมจึงบอกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่จะบอกว่าผมไม่มีอุปาทาน ผมปฏิเสธเพราะผมยังทุกข์อยู่แสดงว่าผมต้องยังมีอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ ตัวตนผมนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้ารู้ เฝ้าดู เฝ้าฝึกอบรม เพื่อถอดถอนออุปาทาน เพื่อความดับทุกข์ นั่นคงเป็นเหตุให้ผมมีความชอบ ความสนใจ ในการเจริญอนุสติ ๑๐


พูดถึงหลบๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์ของ อ.ปราโมทย์ :b1: ทำให้กรัชกายนึกวิธีหลบคลื่นลมของชาวตังเก คือว่า ครั้นเมื่อท้องทะเลมีมรสุมคลื่นลมโหมกระหน่ำ ชาวเรือก็พาเรือไปหลบตามเกาะแก่งเพื่อบังคลื่นลม พอคลื่นสงบท้องฟ้าโปร่ง ก็ออกหาปลาใหม่ ฯลฯ ครั้นทะเลปั่นป่วนอีก ก็พาเรือไปหลบคลื่นลมอีก ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น :b13:

ทำไปปฏิบัติไป ถูกถีนมิทธนิวรณ์ครอบงำจิตใจง่วงนอนไม่ไหวแล้ว ก็แนะนำไปนอนสะก่อน หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนหายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ หลบหลบ :b12:


ผมฉลาดน้อย อุปมาชาวตังเก เปรียบกับสิ่งใด รบกวนคุณกรัชกายช่วยชี้แนะ

กรัชกาย เขียน:
ทำไปปฏิบัติไป ถูกถีนมิทธนิวรณ์ครอบงำจิตใจง่วงนอนไม่ไหวแล้ว ก็แนะนำไปนอนสะก่อน หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนหายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ หลบหลบ

อ่อข้อนั้นผมยอมรับ ง่วงก็เอนตัวนอนไม่ได้ฝืนได้ข่มอะไรเท่าไหร่ แต่ไม่เกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์ ผมไม่เคยได้ยินหลวงพ่อปราโมทย์สอนว่าง่วงก็ให้นอน


แก้ไขล่าสุดโดย Love J. เมื่อ 31 มี.ค. 2019, 08:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
แถ :b32: ไปเรื่อย


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


พ่ะน่ะ หมดอุปาทานอีก เอาเข้าไปเอา :b32:

ผึ้งบินหาเกษรมาทำน้ำหวาน


ถามเนื้อความให้ดีก่อนอย่าพึ่งสรุป ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น


อธิบายหน่อยสิ มันยังไง


อ้างคำพูด:
Love J.
ก็ตามแตจะว่า
พูดตามความเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น แค่ไหนก็แค่นั้น ทั้งความจริงนั้น ผมก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น


คุณกรัชกายจะว่าผมแถ ก็ตามแต่คุณกรัชกายจะว่า แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นพูดตามความเป็นจริง ผมเป็นอย่างไรก็พูดไปตามนั้น ทั้งสิ่งที่ผมเป็นนั้นก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น เป็นสิ่งถูกรู้ ถูกดู ถูกฝึก ถูกอบรม


อ้อ มันเป็นยังงี้นี่เอง ไม่ยึดมั่นถือมั่น อืมม :b1: ไม่อุปาทาน
s

ผมเคยเห็นว่าไม่มีที่เกิดใดจะตั้งมั่นเที่ยงแท้ให้อาศัพพักพิงหลบลอดปลอดภัยได้ แล้วก็เห็นความดับ
ผมเคยเห็นทุกข์ที่ใจเป็นของปรุงแต่ง อุปาทานไปเองควรละแล้วก็เห็นความดับ จากนั้นมาผมรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา เพราะเห็นอย่างนั้นผมจึงบอกว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น

แต่จะบอกว่าผมไม่มีอุปาทาน ผมปฏิเสธเพราะผมยังทุกข์อยู่แสดงว่าผมต้องยังมีอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ ตัวตนผมนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้ารู้ เฝ้าดู เฝ้าฝึกอบรม เพื่อถอดถอนออุปาทาน เพื่อความดับทุกข์ นั่นคงเป็นเหตุให้ผมมีความชอบ ความสนใจ ในการเจริญอนุสติ ๑๐


พูดถึงหลบๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์ของ อ.ปราโมทย์ :b1: ทำให้กรัชกายนึกวิธีหลบคลื่นลมของชาวตังเก คือว่า ครั้นเมื่อท้องทะเลมีมรสุมคลื่นลมโหมกระหน่ำ ชาวเรือก็พาเรือไปหลบตามเกาะแก่งเพื่อบังคลื่นลม พอคลื่นสงบท้องฟ้าโปร่ง ก็ออกหาปลาใหม่ ฯลฯ ครั้นทะเลปั่นป่วนอีก ก็พาเรือไปหลบคลื่นลมอีก ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น :b13:

ทำไปปฏิบัติไป ถูกถีนมิทธนิวรณ์ครอบงำจิตใจง่วงนอนไม่ไหวแล้ว ก็แนะนำไปนอนสะก่อน หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนหายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ หลบหลบ :b12:


ผมฉลาดน้อย อุปมาชาวตังเก เปรียบกับสิ่งใด รบกวนคุณกรัชกายช่วยชี้แนะ


กรัชกายเห็น "หลบ" ตัวนั้น ซึ่งเป็นสำนวนที่ได้ยินได้ฟังบ่อย เลยถึงชาวตังเกหลบมรสุม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 189 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร