วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 289 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 20  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
[

ดีๆๆ ชอบมากเรยค่ะ
ฟังแล้วค่อยชื่นใจหน่อยค่ะ

การไม่เปลื้องอาลัยในอนาคต จะไปทำในยุคพระศรีอาริยเมตไตร
จึงแสดงเหลวไหล
เพราะไม่อยู่ในปัจจุบัน และปัจจุบัน จะแสดงให้เห็นทั้งคุณธรรมและสภาวะธรรม
ในภูมิของสมถะ เป็นภูมิที่มีมาก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้
พระองค์ ปรับเปลี่ยน เสริมขึ้นเป็น สมถะกัมฐาน ซึ่งต้องเห็น แยกความแตกต่างให้ได้
และต่อไปยิ่งไปเป็นวิปัสสนากัมฐาน

อิทธิวิธีเกิดขี้นตามฌานได้ แต่การอาศัยลาภสักการะ
หรือการแสดงอุตริไม่ใช่สิ่งที่ทรงปราถนาที่สั่งสอน

พุทธะและปุถุชน มีความแตกต่างกัน คือ อย่างที่เรียกว่า พุทธะ และสรรพสัตว์
แต่เนื้อแท้ ของความสิ่นสุด ไม่ต่างกัน ปราศจากอวิชชา และกิเลส ตัณหา

การดำเนินไปเป็นขั้นๆ เหมาะสำหรับบุคคลในทุกระดับ
ไม่ใช่สำหรับเด่น ในประเภทเด่น แต่เป็นเด่น สำหรับในทุกประเภท
การจะไปเอาเปลือกมาย่อยที่ละส่วนๆ เพื่อจะทำความเข้าใจ
เรื่องราวปรากฎการณ์ทั้งหลายในโลก
ในแต่ละมิติ แต่ละดวงดาว ทำให้เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ
เพราะไม่ลงในปรมัตถ์ธรรม ที่พระพุทธองค์ ทรงรวมเป็นหมวดหมู่
ทรงแสดงถึงแก่นแท้
แต่ด้วยจริตและบุพกรรมของผู้คนที่ต่างกัน
จึงแสดงจำแนก ออกเป็นแปดหมื่นสี่พันวิธี
ตามฐานะของแต่ละคน บัวแต่ละเหล่า
ที่ต้องเดินไปจนถึงที่สุดในแนวและเมื่อไปต่อไม่ได้
การเปลี่นแปลงปรับเปลี่ยนสภาพธรรมไปวิธีอื่นๆ
แต่ทั้งหมด ต้องเดินลงที่ทางสายเอกสายเดียว
คือมหาสติปัฎฐานเท่านั้นค่ะ

เอ่? แล้วมองเห็นหม้อเม เป็นยังไงบ้างหล่ะค๊ะ
พอดีไม่ค่อยเรียบร้อย ...ประจำ

คริคริ

อันที่จริงอยากให้ท่านเข้าใจว่า
เมื่อ อนาคตไม่มีอยู่จริง อดีตไม่มีอยู่จริง ปัจจุบันธรรมไม่มีอยู่จริง
เมื่อนั้นท่านจะหมดความรับผิดชอบในการเฝ้าดูจิตอีกต่อไป หมดงานความเพียรพยายามที่จะละกิเลสอีกต่อไป

เพราะไม่ติดอยู่ในเงื้อนไขทั้งสามคือ
อดีต อนาคต ปัจจุบัน เพราะสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้วครับ

ส่วนตัวผมเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
อย่างพระพุทธองค์
บอกนรกมี สวรรค์มี
นิพพานมี
ผมจะเชื่ออะไรก็ต้องหาทางพิสูจน์ดูก่อน หลักการพิสูจน์ คือต้องได้สมาธิในระดับอุปจารธรรม
ถึงจะสัมผัสกับโลกวิญญานได้
จึงจะสรุปได้ว่าภพชาติการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีจริง
แล้วมาขบคิดอีกทีหนึ่งจะหยุดวัฏฏะวนนี้ได้อย่างไร

คือต้องเข้าที่ภาวนาให้มากขึ้นจนกว่าจะเกิดญาณแห่งความเบื่อหน่าย
แล้วจิตดวงนี้จะ ดิ้นรน เพื่อความพ้นทุกข์ด้วยตัวของเขาเองในที่สุด

คุณเมหม้อเปล่าเปิดหากผิดถูกได้โปรดชี้แนะหนุนนำครับ


นับเป็นการเห็นผิดซะแล้ว
ที่เห็นว่า กาลเวลา ไม่มีอยู่จริง
สมมุติสัจจะ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง และเป็นสัจจะ ขาดก และ อนาคตวงศ์ มีอยู่จริง
แม้ พระศรีอาริยเมตตไตร ก็มีอยู่จริง
แม้แต่ การสืบเนื่องของเจตสิกในดวงจิต ก็ก็เป็นสิ่งที่มีจริง

การเอาอัตตาตนเป็น ที่ตั้งเพื่อจะพิสูจน์ ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
การขบคิด ของคุณ ก้ยังไม่อาจอยู่ในขนะเดียวกันได้ ต้องเคลื่อนไปด้วยกาลเวลา
วัฎฎะ ก็ต้องหมุนไปตามกาลและเวลา

ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง คุณ ก็จะไม่แก่ชรา จนอย่างนี้

ส่วนที่บอกว่า หม้อของเม
เพราะช่างปั้นหม้อ สามารถขึ้นรูป ได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้ออะไร
เพียงแต่ เม ไปหยิบดินเหนียว เอามาจากร้านช่างปั้น
เอามาปั้นเอง

ร้านเดียวกันกับที่พระพุทธองค์ และกามนิต ไปค้างคืน ค่ะ

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 01:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อกิริยทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ทำก็ไม่เชื่อว่าทำ เช่นบุญบาปไม่มี ความดีความชั่วไม่มี
เจ้าลัทธินี้คือ ปูรณกัสสปะ

ก็เรยไม่รู้จัก ว่า กรรมมีจริง ผลกรรมมีจริง

การทำชั่วได้ผลชั่วจริง ทำดีได้ผลดีจริง

เพราะคุณยังไม่รุ้ แม้แต่กรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

คุณเรยไม่รู้ว่า สวรรค์นรกมีจริง

สวรรค์นรก ไม่ได้พิสูจน์ยากเย็น อย่างที่คุณ ขบคิดไปตามแบบท่านปูรณะกัสสปะ

คุณขบคิด ที่จะต้องพิสูจน์สวรรคนรก ให้ได้เสียก่อน ด้วยสมถะฌาน
แล้วจะเชื่อ ว่านิมิตเหล่านั้น เป็นของจริง

แล้วคุณเชื่อหรือว่า นิมิตคุณ เป็นจริง ในเมื่อบอกไปตั้งแต่ต้นแล้ว
นิมิตคุณ ไม่ตรงกะ เกจิท่านอื่นๆ

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 02:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


"อันที่จริงอยากให้ท่านเข้าใจว่า
เมื่อ อนาคตไม่มีอยู่จริง อดีตไม่มีอยู่จริง ปัจจุบันธรรมไม่มีอยู่จริง
เมื่อนั้นท่านจะหมดความรับผิดชอบในการเฝ้าดูจิตอีกต่อไป หมดงานความเพียรพยายามที่จะละกิเลสอีกต่อไป"

อเหตุกทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัยสัตว์ทั้งหลายจะได้ดี ได้ชั่ว ได้สุขหรือทุกข์ก็ได้เอง ไม่ใช่เพราะทำดีหรือทำชั่ว อนึ่งสัตว์ทั้งหลายหลังจากท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏแล้วก็บริสุทธิ์ได้เอง ลัทธินี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังสารสุทธิกวาท เจ้าลัทธินี้ คือ มักขลิโคศาล


เพระคุณ สำคัญผิด คิดว่า กิเลส ไม่มีปัจจัยให้เกิด

12 องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท แสดง เหตุ และปัจจัย ครบถ้วน
ทั้งในพระสูตร และพระอภิธรรม

และความคิดผิด เช่นนั้น ปฐมเหตุ ก็มาจากอวิชชา ของคุณเองค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณพูด มีถูกอย่างเดียว

คือ หม้อเม นั้น เปล่า และเปิดตลอดเวลา

จนสามารถบรรจุ พระสูตร พระคัมภีร์ต่างๆ ภูเขา ทะเล ต้นไม้ สรรพสัตว์
และโลกธาตุต่างๆ ได้ ในนั้น

โดย สิ่งที่อยู่ในนั้น ไม่มีความแออัด

และยังคงเปล่า และเปิด เสมอ ค่ะ

คริคริ

เห็นในรูปโปรไฟล์มั๊ยหล่ะค๊ะ ยังมีอีกหลายตัว ยังไม่ได้เอาไส่ลงหม้อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 09:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[/quote]

นับเป็นการเห็นผิดซะแล้ว
ที่เห็นว่า กาลเวลา ไม่มีอยู่จริง
สมมุติสัจจะ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง และเป็นสัจจะ ขาดก และ อนาคตวงศ์ มีอยู่จริง
แม้ พระศรีอาริยเมตตไตร ก็มีอยู่จริง
แม้แต่ การสืบเนื่องของเจตสิกในดวงจิต ก็ก็เป็นสิ่งที่มีจริง

การเอาอัตตาตนเป็น ที่ตั้งเพื่อจะพิสูจน์ ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
การขบคิด ของคุณ ก้ยังไม่อาจอยู่ในขนะเดียวกันได้ ต้องเคลื่อนไปด้วยกาลเวลา
วัฎฎะ ก็ต้องหมุนไปตามกาลและเวลา

ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง คุณ ก็จะไม่แก่ชรา จนอย่างนี้

ส่วนที่บอกว่า หม้อของเม
เพราะช่างปั้นหม้อ สามารถขึ้นรูป ได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้ออะไร
เพียงแต่ เม ไปหยิบดินเหนียว เอามาจากร้านช่างปั้น
เอามาปั้นเอง

ร้านเดียวกันกับที่พระพุทธองค์ และกามนิต ไปค้างคืน ค่ะ

คริคริ[/quote]

ที่ท่านเห็นเป็นจริงเป็นจังล้วนแต่เป็นมายาการปิดบังตาปัญญาญาณทั้งสิ้น
เมื่อตาในยังไม่ลืมตาตื่นขึ้น ท่านจะรู้ได้แค่กฏของการมีขึ้น เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
ตามกฏอิทัปปัจจยตา คือ เมื่อมีสิ่งนี้ ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ ๆ จึงเกิดขึ้น กฏอิทัปปัจจยตา ใช้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ใหญ่มาก ๆ เช่น จักรวาลนี้ หรือของเล็ก ๆ เช่น ก้อนหิน เม็ดทราย

ซึ่งต่างกับกฏของ ปฏิจจสมุปบาทเรื่องใดที่เกี่ยวกับสุข ทุกข์ หรือจิตใจจิตเจตสิกความรู้สึกสุขทุกข์เมื่อจิตดวงนี้เข้าถึงกระแสธรรมปฏิจจสมุปบาทอันเป็นธรรมะฝ่ายดับอย่างต่อเนื่องกระทั้งนิโรธดับทุกข์ทั้งหมด

จะไม่มีเรื่อง ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ มาเป็นอุปสรรค

ผู้ที่เข้าถึงความ เป็นบุคคลผู้เดียว ได้นั้น คือท่านที่เข้าถึงอนัตตาที่สมบูรณ์ จึงจะรู้ได้ ร่างกายเป็นความว่าง จิตเป็นความว่าง ธรรมะ ล้วนว่างเปล่านะท่านโลกสวย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 10:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
อกิริยทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ทำก็ไม่เชื่อว่าทำ เช่นบุญบาปไม่มี ความดีความชั่วไม่มี
เจ้าลัทธินี้คือ ปูรณกัสสปะ

ก็เรยไม่รู้จัก ว่า กรรมมีจริง ผลกรรมมีจริง

การทำชั่วได้ผลชั่วจริง ทำดีได้ผลดีจริง

เพราะคุณยังไม่รุ้ แม้แต่กรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

คุณเรยไม่รู้ว่า สวรรค์นรกมีจริง

สวรรค์นรก ไม่ได้พิสูจน์ยากเย็น อย่างที่คุณ ขบคิดไปตามแบบท่านปูรณะกัสสปะ

คุณขบคิด ที่จะต้องพิสูจน์สวรรคนรก ให้ได้เสียก่อน ด้วยสมถะฌาน
แล้วจะเชื่อ ว่านิมิตเหล่านั้น เป็นของจริง

แล้วคุณเชื่อหรือว่า นิมิตคุณ เป็นจริง ในเมื่อบอกไปตั้งแต่ต้นแล้ว
นิมิตคุณ ไม่ตรงกะ เกจิท่านอื่นๆ

คริคริ


เกจิที่ท่านกล่าวถึงต้องเป็นอาจารย์เทียมเท็จ จำพวก อาจารย์ปลอม หรือไม่ก็ศาสดาเทียมเท็จ หมายสำคัญไม่ตรง กับอาจารย์เทียมเท็จ และมันดีแล้ว

แสงของลูกแก้ว ส่องสว่าง แก่คนอื่น แต่ส่องตัวเองไม่ได้ แสงที่สว่างที่สุด นั่น ก็คือ แสงแห่งสติปัญญา ส่องภายใน
ไม่ใช่ส่งจิตออกข้างนอกท่านโลกสวย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 10:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
"อันที่จริงอยากให้ท่านเข้าใจว่า
เมื่อ อนาคตไม่มีอยู่จริง อดีตไม่มีอยู่จริง ปัจจุบันธรรมไม่มีอยู่จริง
เมื่อนั้นท่านจะหมดความรับผิดชอบในการเฝ้าดูจิตอีกต่อไป หมดงานความเพียรพยายามที่จะละกิเลสอีกต่อไป"

อเหตุกทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัยสัตว์ทั้งหลายจะได้ดี ได้ชั่ว ได้สุขหรือทุกข์ก็ได้เอง ไม่ใช่เพราะทำดีหรือทำชั่ว อนึ่งสัตว์ทั้งหลายหลังจากท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏแล้วก็บริสุทธิ์ได้เอง ลัทธินี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังสารสุทธิกวาท เจ้าลัทธินี้ คือ มักขลิโคศาล


เพระคุณ สำคัญผิด คิดว่า กิเลส ไม่มีปัจจัยให้เกิด

12 องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท แสดง เหตุ และปัจจัย ครบถ้วน
ทั้งในพระสูตร และพระอภิธรรม

และความคิดผิด เช่นนั้น ปฐมเหตุ ก็มาจากอวิชชา ของคุณเองค่ะ



เมื่อพากเพียรเพียรพยายามจนสามารถทำอะไร อวิชชา ให้แปลเปลี่ยน เป็นความว่างสว่างเปล่าได้
อย่างนี้แล้ว ท่านยังเรียกว่าอ่านวิชา ความไม่รู้จริงนั้นหมายความว่าท่านสอบตกยังสอบไม่ผ่าน โลกุตระภูมิ ท่านเองไม่รู้แม้นแต่ ต้นกำเนิดของท่านเป็นใครท่านมาจากไหนแล้วท่านตายแล้วท่านจะไปที่ไหน หากท่านยังตอบคำถามที่ค้างคา ภายในใจ ของท่าน ยังไม่ได้ ก็ควรจะทำการรับแล้ว ศึกษาให้มากๆ คันธสาระ คือภูมิที่ยังต้องศึกษาอีกมากกับภูมิที่ไม่ต้องศึกษาอีก เรียกว่า เรียนจบ โลกุตรธรรม จริง
ไม่ได้ เรียนจบแบบหลอกๆ ตามโลกสมมุติว่าเรียนจบ ถ้าโลกสวยแต่ภายนอก โลกภายใน พุทธเกษตรจะไม่ เกิดความบริสุทธิ์ได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 10:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ที่คุณพูด มีถูกอย่างเดียว

คือ หม้อเม นั้น เปล่า และเปิดตลอดเวลา

จนสามารถบรรจุ พระสูตร พระคัมภีร์ต่างๆ ภูเขา ทะเล ต้นไม้ สรรพสัตว์
และโลกธาตุต่างๆ ได้ ในนั้น

โดย สิ่งที่อยู่ในนั้น ไม่มีความแออัด

และยังคงเปล่า และเปิด เสมอ ค่ะ

คริคริ

เห็นในรูปโปรไฟล์มั๊ยหล่ะค๊ะ ยังมีอีกหลายตัว ยังไม่ได้เอาไส่ลงหม้อ


ขอบพระคุณครับที่กล่าวชื่นชม

ชมกันเกินไปแล้วท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
โลกสวย เขียน:
อกิริยทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ทำก็ไม่เชื่อว่าทำ เช่นบุญบาปไม่มี ความดีความชั่วไม่มี
เจ้าลัทธินี้คือ ปูรณกัสสปะ

ก็เรยไม่รู้จัก ว่า กรรมมีจริง ผลกรรมมีจริง

การทำชั่วได้ผลชั่วจริง ทำดีได้ผลดีจริง

เพราะคุณยังไม่รุ้ แม้แต่กรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

คุณเรยไม่รู้ว่า สวรรค์นรกมีจริง

สวรรค์นรก ไม่ได้พิสูจน์ยากเย็น อย่างที่คุณ ขบคิดไปตามแบบท่านปูรณะกัสสปะ

คุณขบคิด ที่จะต้องพิสูจน์สวรรคนรก ให้ได้เสียก่อน ด้วยสมถะฌาน
แล้วจะเชื่อ ว่านิมิตเหล่านั้น เป็นของจริง

แล้วคุณเชื่อหรือว่า นิมิตคุณ เป็นจริง ในเมื่อบอกไปตั้งแต่ต้นแล้ว
นิมิตคุณ ไม่ตรงกะ เกจิท่านอื่นๆ

คริคริ


เกจิที่ท่านกล่าวถึงต้องเป็นอาจารย์เทียมเท็จ จำพวก อาจารย์ปลอม หรือไม่ก็ศาสดาเทียมเท็จ หมายสำคัญไม่ตรง กับอาจารย์เทียมเท็จ และมันดีแล้ว

แสงของลูกแก้ว ส่องสว่าง แก่คนอื่น แต่ส่องตัวเองไม่ได้ แสงที่สว่างที่สุด นั่น ก็คือ แสงแห่งสติปัญญา ส่องภายใน
ไม่ใช่ส่งจิตออกข้างนอกท่านโลกสวย


คริคริ

แต่นิมิตคุณ ตามโวหารที่เล่ามา ดันไปตรงกับ ท่านปูรณะกัสสปะ ไงล่ะค๊ะ

แสงสว่างแ่ห่งจิตคุณ เรยเป็นได้แค่หิ่งห้อย ไม่อาจไปได้ทุกภพภูมิ มิติและดวงดาว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
โลกสวย เขียน:
"อันที่จริงอยากให้ท่านเข้าใจว่า
เมื่อ อนาคตไม่มีอยู่จริง อดีตไม่มีอยู่จริง ปัจจุบันธรรมไม่มีอยู่จริง
เมื่อนั้นท่านจะหมดความรับผิดชอบในการเฝ้าดูจิตอีกต่อไป หมดงานความเพียรพยายามที่จะละกิเลสอีกต่อไป"

อเหตุกทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัยสัตว์ทั้งหลายจะได้ดี ได้ชั่ว ได้สุขหรือทุกข์ก็ได้เอง ไม่ใช่เพราะทำดีหรือทำชั่ว อนึ่งสัตว์ทั้งหลายหลังจากท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏแล้วก็บริสุทธิ์ได้เอง ลัทธินี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังสารสุทธิกวาท เจ้าลัทธินี้ คือ มักขลิโคศาล


เพระคุณ สำคัญผิด คิดว่า กิเลส ไม่มีปัจจัยให้เกิด

12 องค์ธรรม ของปฎิจจสมุปาท แสดง เหตุ และปัจจัย ครบถ้วน
ทั้งในพระสูตร และพระอภิธรรม

และความคิดผิด เช่นนั้น ปฐมเหตุ ก็มาจากอวิชชา ของคุณเองค่ะ



เมื่อพากเพียรเพียรพยายามจนสามารถทำอะไร อวิชชา ให้แปลเปลี่ยน เป็นความว่างสว่างเปล่าได้
อย่างนี้แล้ว ท่านยังเรียกว่าอ่านวิชา ความไม่รู้จริงนั้นหมายความว่าท่านสอบตกยังสอบไม่ผ่าน โลกุตระภูมิ ท่านเองไม่รู้แม้นแต่ ต้นกำเนิดของท่านเป็นใครท่านมาจากไหนแล้วท่านตายแล้วท่านจะไปที่ไหน หากท่านยังตอบคำถามที่ค้างคา ภายในใจ ของท่าน ยังไม่ได้ ก็ควรจะทำการรับแล้ว ศึกษาให้มากๆ คันธสาระ คือภูมิที่ยังต้องศึกษาอีกมากกับภูมิที่ไม่ต้องศึกษาอีก เรียกว่า เรียนจบ โลกุตรธรรม จริง
ไม่ได้ เรียนจบแบบหลอกๆ ตามโลกสมมุติว่าเรียนจบ ถ้าโลกสวยแต่ภายนอก โลกภายใน พุทธเกษตรจะไม่ เกิดความบริสุทธิ์ได้เลย


คริคริ

ก็เป็นการแสดงความเห็นผิดของคุณ ที่ขบคิดไป ว่าพุทธเกษตรแห่งสมเด็จพระบรมศาสดานี้ ไม่บริสุทธิ์

และก็ตามโวหารที่คุณแสดงมา ก็ดันไปตรงกับ ท่านมักขลิโคศาจารย์อีกนันแหละ
เมื่อท่องเที่ยวเล่าประสบการณ์ขี้นเขาลงห้วย หาพญานาค แล้ว ว่า

สัตว์ทั้งหลายหลังจากท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏแล้วก็บริสุทธิ์ได้เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:


นับเป็นการเห็นผิดซะแล้ว
ที่เห็นว่า กาลเวลา ไม่มีอยู่จริง
สมมุติสัจจะ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง และเป็นสัจจะ ขาดก และ อนาคตวงศ์ มีอยู่จริง
แม้ พระศรีอาริยเมตตไตร ก็มีอยู่จริง
แม้แต่ การสืบเนื่องของเจตสิกในดวงจิต ก็ก็เป็นสิ่งที่มีจริง

การเอาอัตตาตนเป็น ที่ตั้งเพื่อจะพิสูจน์ ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
การขบคิด ของคุณ ก้ยังไม่อาจอยู่ในขนะเดียวกันได้ ต้องเคลื่อนไปด้วยกาลเวลา
วัฎฎะ ก็ต้องหมุนไปตามกาลและเวลา

ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง คุณ ก็จะไม่แก่ชรา จนอย่างนี้

ส่วนที่บอกว่า หม้อของเม
เพราะช่างปั้นหม้อ สามารถขึ้นรูป ได้ ไม่ว่าจะเป็นหม้ออะไร
เพียงแต่ เม ไปหยิบดินเหนียว เอามาจากร้านช่างปั้น
เอามาปั้นเอง

ร้านเดียวกันกับที่พระพุทธองค์ และกามนิต ไปค้างคืน ค่ะ

คริคริ[/quote]

ที่ท่านเห็นเป็นจริงเป็นจังล้วนแต่เป็นมายาการปิดบังตาปัญญาญาณทั้งสิ้น
เมื่อตาในยังไม่ลืมตาตื่นขึ้น ท่านจะรู้ได้แค่กฏของการมีขึ้น เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
ตามกฏอิทัปปัจจยตา คือ เมื่อมีสิ่งนี้ ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ ๆ จึงเกิดขึ้น กฏอิทัปปัจจยตา ใช้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ใหญ่มาก ๆ เช่น จักรวาลนี้ หรือของเล็ก ๆ เช่น ก้อนหิน เม็ดทราย

ซึ่งต่างกับกฏของ ปฏิจจสมุปบาทเรื่องใดที่เกี่ยวกับสุข ทุกข์ หรือจิตใจจิตเจตสิกความรู้สึกสุขทุกข์เมื่อจิตดวงนี้เข้าถึงกระแสธรรมปฏิจจสมุปบาทอันเป็นธรรมะฝ่ายดับอย่างต่อเนื่องกระทั้งนิโรธดับทุกข์ทั้งหมด

จะไม่มีเรื่อง ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ มาเป็นอุปสรรค

ผู้ที่เข้าถึงความ เป็นบุคคลผู้เดียว ได้นั้น คือท่านที่เข้าถึงอนัตตาที่สมบูรณ์ จึงจะรู้ได้ ร่างกายเป็นความว่าง จิตเป็นความว่าง ธรรมะ ล้วนว่างเปล่านะท่านโลกสวย[/quote]


คริคริ

โวหารของคุณ เป็นแค่โวหาร ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ

กล่าวถึงอิทัปปัจจยตา อย่างเลื่อนลอย ไปตามคนที่แปลหนังสือเซนผิดๆ มาให้อ่าน นิ

เรยไม่รู้ว่า ปัจจัยยาการของนาม คือเจตสิก รูป เป็นปัจจัยแก่จิต
ด้วยอำนาจ สหชาตชาติ 15 ปัจจัย

แสดงความเขลาที่ไม่ได้เรีย ปัฎฐาน 52 ปัจจัย มา
เลยสงเคาะห์ลง ปัจจัย ไม่ได้

ได้แต่กล่าวอย่างเลื่อนลอย นิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
โลกสวย เขียน:
ที่คุณพูด มีถูกอย่างเดียว

คือ หม้อเม นั้น เปล่า และเปิดตลอดเวลา

จนสามารถบรรจุ พระสูตร พระคัมภีร์ต่างๆ ภูเขา ทะเล ต้นไม้ สรรพสัตว์
และโลกธาตุต่างๆ ได้ ในนั้น

โดย สิ่งที่อยู่ในนั้น ไม่มีความแออัด

และยังคงเปล่า และเปิด เสมอ ค่ะ

คริคริ

เห็นในรูปโปรไฟล์มั๊ยหล่ะค๊ะ ยังมีอีกหลายตัว ยังไม่ได้เอาไส่ลงหม้อ


ขอบพระคุณครับที่กล่าวชื่นชม

ชมกันเกินไปแล้วท่าน


คริคริ

คิดผิดคิดใหม่ได้ นิ

เพราะไม่ได้ชม

แต่ แสดงให้เห็นชัดๆ ในความเขลาของคุณ ที่ไม่รู้ ว่า

หม้อใบนี้ ไม่ใช่สี่แบบ ตามที่คุณเข้าใจ นิ

หม้อเปิด เช่นกัน เปล่าเช่นกัน
แต่ ขนสรรพสัตว์ได้มหาศาล โดยสิ่งที่อยู่ในนั้น ไม่มีวันเต็ม และแออัดยัดเยียดประการใด
แม้จะ ไส่พระอาทิตย์ ดวงดาว ภูเขา ทะเล
ก็ไม่เคยเต็ม ยังเปล่าเสมอ นิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2019, 02:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เม จะบอกให้ว่า

การบรรลุสัจจะธรรม ไม่ใช่จิต แต่ เป็น เจตสิก

คุณ Luna กล่าวผิดๆๆๆๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ค่ะ


โวหารดีค่ะ แต่ ทุกคำที่คุณสาธยายมาออกมา
กลับล้อมจับ พาตัวเองไส่กรงขังเอง

พอดี เม ไม่ใช่สามเณรปริยัติ ที่ท่องจำพระสูตร
มาจากการแปล ที่ผิด โดยไม่เข้าใจความหมาย
และเม ไม่ได้เป็น ผู้ที่ถูกพระสูตรพลิกไปตามหน้าพระสูตรค่ะ



tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2019, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ธรรมที่เป็นไวพจน์พระนิพพาน
ความจริง พระนิพพานมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่พระนิพพานนั้น มีชื่อ
เรียกแทนพระนิพพานเป็นอเนก ด้วยสามารถแห่งชื่อที่เป็นปฏิปักษ์แห่งสังขต-
ธรรมทั้งหมด อย่างไร คือ ชื่อมีอาทิว่า
อเสสโต วิราโค (ความสำรอกโดยไม่เหลือ)
นิโรโธ (ความดับ)
จาโค (ความสละ)
ปฏินิสฺสคฺโค (ความสละคืน)
มุตฺติ (ความพ้น)
อนาลโย (ความไม่มีอาลัย)
ราคกฺขโย (ความสิ้นราคะ)
โทสกฺขโย (ความสิ้นโทสะ)
โมหกฺขโย (ความสิ้นโมหะ)
ตณฺหกฺขโย (ความสิ้นตัณหา)
อนุปฺปาโท (ความไม่เกิดขึ้น)
อปฺปวตฺตํ (ความไม่เป็นไป)
อนิมิตฺตํ (ความไม่มีเครื่องหมาย)
อปฺปณิหิตํ (ความไม่มีที่ตั้ง)
อนายูหนํ (ความไม่พยายาม)
อปฺปฏิสนฺธิ (ความไม่มีปฏิสนธิ)
อปฺปฏิวตฺติ (ความไม่กลับเป็นไป)
อคติ (ความไม่มีคติ)
อชาตํ (ความไม่เกิด)
อชรํ (ความไม่แก่)
อพฺยาธิ (ความไม่เจ็บ)
อมตํ (ความไม่ตาย)
อโสกํ (ความไม่มีโศก)
อปริเทวํ (ความไม่มีปริเทวะ)
อนุปายาสํ (ความไม่มีอุปายาส)
อสํกิลิฏฺฐํ (ความไม่เศร้าหมอง).
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อทรงแสดงความไม่มีแห่งตัณหาอันมรรค
ตัดแล้ว แม้อาศัยพระนิพพานแล้วก็ถึงความไม่เป็นไปในวัตถุเป็นที่ตั้งอันใด
ที่พระองค์ทรงแสดงความเกิดของมันไว้ในที่นั้นนั่นแหละ จึงตรัสคำว่า สา โข
ปเนสา (ก็ตัณหานี้นั้นแล) เป็นต้น.

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2019, 07:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เม จะบอกให้ว่า

การบรรลุสัจจะธรรม ไม่ใช่จิต แต่ เป็น เจตสิก

คุณ Luna กล่าวผิดๆๆๆๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ค่ะ


โวหารดีค่ะ แต่ ทุกคำที่คุณสาธยายมาออกมา
กลับล้อมจับ พาตัวเองไส่กรงขังเอง

พอดี เม ไม่ใช่สามเณรปริยัติ ที่ท่องจำพระสูตร
มาจากการแปล ที่ผิด โดยไม่เข้าใจความหมาย
และเม ไม่ได้เป็น ผู้ที่ถูกพระสูตรพลิกไปตามหน้าพระสูตรค่ะ



tongue


หากจะว่าเราเราก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง
ตามหลักภาวนามัยปัญญา พอทีเถอะนะเรียนมากรู้มากหลงมาก
ปฏิบัติให้มากดีกว่าโลกสวย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 289 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 20  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร