วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 14:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 01:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 21:25
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 02:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวิตมาแบบนี้ เลือกเกิดไม่ได้ค่ะ
วิบากจากอกุศลที่เคยทำ ทำให้เกิดทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ
ถ้าเป็นวิบากดีส่งผลมาความสุขความสบายใจก็จะได้รับ
จึงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

บุพการีไม่ได้อยู่มีชีวิตกะเรานานร้อยปีพันปี
ถ้าลาละจากกันแล้ว จะเสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกันในสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไม่ได้ทำให้ในยามมีชีวิต
จะมาสำนึกทีหลังเมื่อท่านจากไป ก็ไร้ค่า สร้างจิตสำนึกเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีที่สุด

สิ่งใดทำให้ท่านขุ่นข้องขัดเคืองก็อย่าทำ หัดฝึกฝนตนเองให้ได้ในธรรม
คุณเองยังบังคับบัญชาตนเองให้ทำดีกะบุพการีให้ตลอดยังไม่ได้

ฉะนั้นคุณจะไปบังคับใครให้ตามใจคุณ อยู่ในคำสั่งคุณไม่ได้หรอกค่ะ

จงปรนิบัติรับใช้เยี่ยงทาสของท่านด้วยความเบิกบานชื่นใจ และเต็มใจ

พาเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมสม่ำเสมอเป็นกิจวัตรจะผ่อนคลายจิตใจ ความประพฤติ
ทั้งคุณเองและท่านเหล่านั้นได้

ตัวคุณเองก็จะได้รับแนวทางในการดำรงชีวิตที่ถูกต้องจากธรรมะด้วย

สภาพทั้งหมดที่เกิด นั่นเพราะคุณเคยเพราะหว่านเม็ดพันธ์ยังไงมา ก็ได้ผลเช่นนั้น
อาศัยเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นโอกาส เพื่อฝึกทำบารมีสิบให้ยิ่งยวด

ธรรมะค้ำจุนโลกาได้ ก็ค้ำจุนครอบครัวเล็กๆได้เช่นกันค่ะ

ก็ออกความเห็นเพียงเท่านี้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 06:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ชีวิตมาแบบนี้ เลือกเกิดไม่ได้ค่ะ
วิบากจากอกุศลที่เคยทำ ทำให้เกิดทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ
ถ้าเป็นวิบากดีส่งผลมาความสุขความสบายใจก็จะได้รับ
จึงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

บุพการีไม่ได้อยู่มีชีวิตกะเรานานร้อยปีพันปี
ถ้าลาละจากกันแล้ว จะเสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกันในสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไม่ได้ทำให้ในยามมีชีวิต
จะมาสำนึกทีหลังเมื่อท่านจากไป ก็ไร้ค่า สร้างจิตสำนึกเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีที่สุด

สิ่งใดทำให้ท่านขุ่นข้องขัดเคืองก็อย่าทำ หัดฝึกฝนตนเองให้ได้ในธรรม
คุณเองยังบังคับบัญชาตนเองให้ทำดีกะบุพการีให้ตลอดยังไม่ได้

ฉะนั้นคุณจะไปบังคับใครให้ตามใจคุณ อยู่ในคำสั่งคุณไม่ได้หรอกค่ะ

จงปรนิบัติรับใช้เยี่ยงทาสของท่านด้วยความเบิกบานชื่นใจ และเต็มใจ

พาเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมสม่ำเสมอเป็นกิจวัตรจะผ่อนคลายจิตใจ ความประพฤติ
ทั้งคุณเองและท่านเหล่านั้นได้

ตัวคุณเองก็จะได้รับแนวทางในการดำรงชีวิตที่ถูกต้องจากธรรมะด้วย

สภาพทั้งหมดที่เกิด นั่นเพราะคุณเคยเพราะหว่านเม็ดพันธ์ยังไงมา ก็ได้ผลเช่นนั้น
อาศัยเหตุการณ์ทั้งหมดมาเป็นโอกาส เพื่อฝึกทำบารมีสิบให้ยิ่งยวด

ธรรมะค้ำจุนโลกาได้ ก็ค้ำจุนครอบครัวเล็กๆได้เช่นกันค่ะ

ก็ออกความเห็นเพียงเท่านี้ค่ะ


อนุโมทนา สาธุ กับ คุณ เม

ผมขอเพิ่มนิดนำไปคิด โดยส่วนตัวผมจะคิดเช่นนี้

ก่อนจะลงมือทำสิ่งต่างๆ ผมจะพิจารณาถึงสาระ และ
อสาระ ว่าสิ่งไหนมีมากน้อยกว่ากัน หากสาระมีมากก็ควร
ทำลงมือทำ หากอสาระก็มิควรทำ หากทำอยู่ก็ควรละ

ให้ลองทำตามคุณ เม แนะนำไปก่อนหากเห็นว่าไม่ไหวแล้ว
แก้ไม่ได้แล้ว ค่อยทำตามวิธีผมคือ

ทำตามที่คุณคิด คือนำหลานแม่ไปส่งท่านที่เดิม การทำความดี
เราก็เลือกที่ เลือกบุคคล ดูกำลังตนด้วยว่า ไหวไหม ถ้าหากคิดว่า
ทำได้ก็ทำต่อไป และมิควรคิดว่าเรื่องที่ทำให้จิตเป็นอกุศล เพราะ
ว่าเราเต็มใจทำ แต่แม่ของคุณนะ ท่านเปรียบเหมือนพระในบ้านเลย
ยังไงก็ควรดูแลท่านให้ดีที่สุด การทดแทนค่าน้ำนมพ่อแม่ที่ดีที่สุด

คือพาท่านเข้าหาศีล ธรรม อีกวิธีหนึ่งคือหาธรรม มาเปิดที่บ้าน ผมแนะ
นำให้ลองไปโหลด พระอาจารย์ บุญช่วย เปิดฟังแต่ที่สำคัญตัวคุณควร
เป็นผู้นำในสิ่งนี้ ถึงแม่ยังไม่ชอบเท่าไหร่คุณก็เปิดฟังของคุณไป แต่เปิด
เบาๆหน่อย นานๆเข้าค่อยลองเพิ่มเสียง ทั้ง แม่ ทั้งหลานแม่ ทั้งตัวคุณ
และครอบครัวก็จะได้รับบุญกันไปทั่วหน้า ทำดีนั้นเห็นผลทันตานะหากทำ
เป็น ที่ยังไม่เห็นนั้นเพราะคุณไปหวังผลเกินไป ก็เลยทำใจให้เกิดทุกข์ว่า
ควรเป็นเช่นนี้ มิควรเป็นเช่นนั้น นี้แหละครับความยึดมั่นถือมั่น ทำดีให้รู้ว่า
เป็นการทำดีแค่นั้นพอ ถึงแม้เราไม่หวังผล ผลก็ย่อมเกิด

เรื่องสุขภาพของคุณ ลองเข้าไปอ่านที่นี้ครับhttp://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=56941

ท้ายนี้ก็ อนุโมทนา สาธุ กับ จขกท ในความขยัน หมั่น
เพียร อดทน หนักแน่น และมีจิตเมตคิดอยากจะช่วยเหลือคน
รอบข้าง เพราะกรรมดีของคุณ เลยนำคุณมาสู่ลานแห่งนี้ ใจเย็น
ๆครับ แล้วชีวิตของคุณจะเริ่มดีขึ้น เมื่อทำเราดี อย่างถูกวิธี และถูก
ตัวบุคคล ผลนั้นมีแน่นอน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 07:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006 s006

:b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


pwit9 เขียน:
กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????

:b1:
คนเราทุกคนเดือดร้อนใจเพราะยังมีกิเลสค่ะ
ทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ให้เติบโตขึ้น
แต่กิเลสคือความไม่รู้ของแต่ละคนคือกรรม
ที่เคยสะสมทั้งเหตุปัจจัยที่ดีและไม่ดีจึงมีผล
ให้ทุกข์เดือดร้อนไปติดข้องตามการคิดพูดทำ
ไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ละคนล้วนทำตามใจอยาก
ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาในการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต
ถ้าเรารู้ว่าจริงๆไม่มีใครเลยสักคนแล้วเราจะเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ
1แนะนำเปลี่ยนวิธีคิดจากการฟังทัศนคติต่างๆค่ะ
https://youtu.be/hVp3bNj1Fv0
2แนะนำฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะค่ะ
ทุกข์เพราะไม่พึ่งพระธรรมขอให้ฟังและอ่านจะได้คิดเรื่องอื่นน้อยลง
http://www.dhammahome.com
สู้สู้ค่ะการฟังบ่อยๆเนืองๆจะทำให้เข้าใจสัจจธรรมของชีวิตค่ะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 13:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 21:25
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ ผมจะลองนำแนวทางไปปฏิบัติ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางโครงเรื่องไว้ก่อน

กรรมเก่า คือ ตา (จักขุ) หู (โสตะ) จมูก (ฆานะ) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กายะ) ใจ (มโน) (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม

จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

รูปภาพ

ชีวิตนี้ถ้าดูตามนั้นท่านว่าเป็นกรรมเก่า (อย่าถามต่อนะว่า กรรมเก่าคืออะไร ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากผู้มีสัพพัญญุตญาณ) เอาเป็นว่าที่เราได้ชีวิตนี้มาเป็นกรรมเก่าแล้วกัน ตัดตอนแค่นี้

ตอนต่อไป คนๆนั้นเกิดที่ไหนเกิดในตระกูลใด การเลี้ยงดูเป็นยังไงแบบไหนอย่างไร สภาพแวดล้อมทางสังคมตรงนั้นหมู่บ้านนั้นออกแนวไหน ดี ไม่ดี เลยร้าย ตอนนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปรโตโฆสะ (ปัจจัยภายนอกมีทั้งดี ไม่ดี= ปรโตโฆสะที่ดี กับ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี)

อีกขั้นหนึ่ง คือ ปัจจัยภายในในตัวคนๆนั้น เขามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน รู้จักคิด คิดเป็นไหม ฯลฯ ขั้นนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายในตัวบุคคลๆ ก็มีสอง โยนิโสมนสิการ กับ อโยนิโสมนสิการ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
วางโครงเรื่องไว้ก่อน

กรรมเก่า คือ ตา (จักขุ) หู (โสตะ) จมูก (ฆานะ) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กายะ) ใจ (มโน) (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม

จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

รูปภาพ

ชีวิตนี้ถ้าดูตามนั้นท่านว่าเป็นกรรมเก่า (อย่าถามต่อนะว่า กรรมเก่าคืออะไร ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากผู้มีสัพพัญญุตญาณ) เอาเป็นว่าที่เราได้ชีวิตนี้มาเป็นกรรมเก่าแล้วกัน ตัดตอนแค่นี้

ตอนต่อไป คนๆนั้นเกิดที่ไหนเกิดในตระกูลใด การเลี้ยงดูเป็นยังไงแบบไหนอย่างไร สภาพแวดล้อมทางสังคมตรงนั้นหมู่บ้านนั้นออกแนวไหน ดี ไม่ดี เลยร้าย ตอนนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปรโตโฆสะ (ปัจจัยภายนอกมีทั้งดี ไม่ดี= ปรโตโฆสะที่ดี กับ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี)

อีกขั้นหนึ่ง คือ ปัจจัยภายในในตัวคนๆนั้น เขามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน รู้จักคิด คิดเป็นไหม ฯลฯ ขั้นนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายในตัวบุคคลๆ ก็มีสอง โยนิโสมนสิการ กับ อโยนิโสมนสิการ)


อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

กรรมเก่านี้ พอรู้ แต่รายละเอียดนั้นหารู้ได้ไม่ นอกจากพระพุทธองค์
กรรมเก่าก็คือสิ่งที่เคยคิด พูด ทำ ในชาติปางก่อนๆนั้นเองครับ

แต่ไม่อาจมองเห็นลายละเอียด และรู้ได้เลยว่าเพราะอะไรที่แบบชัดเจน

ผมขอยกตัวอย่างผมเรื่องนึ่ง ผมนอนไม่ได้ฝัน จู่ๆก็สะดุ้ง เพราะกรรมเก่า
แต่อยู่ในชาตินี้ คือผมมีนิสัยชอบไปจี้เอวเพื่อหยอกล้อ และล้อเล่นให้เค้าตก
ใจ แล้วเราก็มีความสุขดีใจแค่นิดเดียว พอผมรู้เห็นเช่นนั้นผมก็เลิกอาการนั้น
ก็ค่อยๆจางค่อยเป็นน้อยลง จนเดียวนี้ก็ไม่ค่อยเจออีกเลย

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูรายละเอียดปรโตโฆสะ กับ โยนิโสมนสิการ สักเล็กน้อย


มีข้อความในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ*

ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ

๑.ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมายเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร (hearing or learning from others; inducement by others)

ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคม อาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา

อ้างอิงที่ *
* องฺ.ทุก.20/371/110 ส่วนปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ ก็มี ๒ ตรงข้ามจากนี้ คือ ปรโตโฆสะที่ไม่ถูกต้อง และอโยนิโสมนสิการ (อง.ทสก.24/93/201)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๒.โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ (analytical reflection; reasoned or systematic attention)

รูปภาพ


ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆว่า วิธีการแห่งปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วางโครงเรื่องไว้ก่อน

กรรมเก่า คือ ตา (จักขุ) หู (โสตะ) จมูก (ฆานะ) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กายะ) ใจ (มโน) (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม

จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

รูปภาพ

ชีวิตนี้ถ้าดูตามนั้นท่านว่าเป็นกรรมเก่า (อย่าถามต่อนะว่า กรรมเก่าคืออะไร ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากผู้มีสัพพัญญุตญาณ) เอาเป็นว่าที่เราได้ชีวิตนี้มาเป็นกรรมเก่าแล้วกัน ตัดตอนแค่นี้

ตอนต่อไป คนๆนั้นเกิดที่ไหนเกิดในตระกูลใด การเลี้ยงดูเป็นยังไงแบบไหนอย่างไร สภาพแวดล้อมทางสังคมตรงนั้นหมู่บ้านนั้นออกแนวไหน ดี ไม่ดี เลยร้าย ตอนนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปรโตโฆสะ (ปัจจัยภายนอกมีทั้งดี ไม่ดี= ปรโตโฆสะที่ดี กับ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี)

อีกขั้นหนึ่ง คือ ปัจจัยภายในในตัวคนๆนั้น เขามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน รู้จักคิด คิดเป็นไหม ฯลฯ ขั้นนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายในตัวบุคคลๆ ก็มีสอง โยนิโสมนสิการ กับ อโยนิโสมนสิการ)


อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

กรรมเก่านี้ พอรู้ แต่รายละเอียดนั้นหารู้ได้ไม่ นอกจากพระพุทธองค์
กรรมเก่าก็คือสิ่งที่เคยคิด พูด ทำ ในชาติปางก่อนๆนั้นเองครับ

แต่ไม่อาจมองเห็นลายละเอียด และรู้ได้เลยว่าเพราะอะไรที่แบบชัดเจน

ผมขอยกตัวอย่างผมเรื่องนึ่ง ผมนอนไม่ได้ฝัน จู่ๆก็สะดุ้ง เพราะกรรมเก่า
แต่อยู่ในชาตินี้ คือผมมีนิสัยชอบไปจี้เอวเพื่อหยอกล้อ และล้อเล่นให้เค้าตก
ใจ แล้วเราก็มีความสุขดีใจแค่นิดเดียว พอผมรู้เห็นเช่นนั้นผมก็เลิกอาการนั้น
ก็ค่อยๆจางค่อยเป็นน้อยลง จนเดียวนี้ก็ไม่ค่อยเจออีกเลย

จี้จนหนำใจจนเค้าไม่มีแรงดิ้น สิ้นแรงตกใจ เรยบันดานโทสะลงมือฆ่าเค้าด้วยแหละค่ะ
เดี๋ยวคราวหน้าจะสะดุ้งจนตกเตียงเรยแหละค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
วางโครงเรื่องไว้ก่อน

กรรมเก่า คือ ตา (จักขุ) หู (โสตะ) จมูก (ฆานะ) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กายะ) ใจ (มโน) (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม

จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

รูปภาพ

ชีวิตนี้ถ้าดูตามนั้นท่านว่าเป็นกรรมเก่า (อย่าถามต่อนะว่า กรรมเก่าคืออะไร ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากผู้มีสัพพัญญุตญาณ) เอาเป็นว่าที่เราได้ชีวิตนี้มาเป็นกรรมเก่าแล้วกัน ตัดตอนแค่นี้

ตอนต่อไป คนๆนั้นเกิดที่ไหนเกิดในตระกูลใด การเลี้ยงดูเป็นยังไงแบบไหนอย่างไร สภาพแวดล้อมทางสังคมตรงนั้นหมู่บ้านนั้นออกแนวไหน ดี ไม่ดี เลยร้าย ตอนนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปรโตโฆสะ (ปัจจัยภายนอกมีทั้งดี ไม่ดี= ปรโตโฆสะที่ดี กับ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี)

อีกขั้นหนึ่ง คือ ปัจจัยภายในในตัวคนๆนั้น เขามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน รู้จักคิด คิดเป็นไหม ฯลฯ ขั้นนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายในตัวบุคคลๆ ก็มีสอง โยนิโสมนสิการ กับ อโยนิโสมนสิการ)

พระพุทธองค์บอกว่า อจินไตย ไปคิดมากเดี๋ยวจะเป็นบ้าไป นะคะ

เพราะมันมากมายมหาศาลเกินกว่าความสามารถของเจตสิกและสมองจะบรรจุได้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


pwit9 เขียน:
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ ผมจะลองนำแนวทางไปปฏิบัติ.


เงื่อนปม พันธนาการทั้งหมดถูกผูกมาด้วยตนเอง ต้องลงมือแก้ด้วยตนเองค่ะ
กองเชียร์ ได้แต่ให้กำลังใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูทั้งหมดแล้ว ต้องขอชมว่าคุณเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง อ่านแล้วน้ำตาซึม :b7: คุณเลี้ยงดูแม่ กับ ครอบครัวได้ตรงนั้นไม่มีปัญหา

เท่าที่ดูปัญหามีแค่นี้

อ้างคำพูด:
ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจ ว่า จะเป็นจะตาย ตามยถากรรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ


ถ้าจะนำส่งคืน คุณจะพาไปคืนที่ไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วางโครงเรื่องไว้ก่อน

กรรมเก่า คือ ตา (จักขุ) หู (โสตะ) จมูก (ฆานะ) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กายะ) ใจ (มโน) (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม

จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

รูปภาพ

ชีวิตนี้ถ้าดูตามนั้นท่านว่าเป็นกรรมเก่า (อย่าถามต่อนะว่า กรรมเก่าคืออะไร ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากผู้มีสัพพัญญุตญาณ) เอาเป็นว่าที่เราได้ชีวิตนี้มาเป็นกรรมเก่าแล้วกัน ตัดตอนแค่นี้

ตอนต่อไป คนๆนั้นเกิดที่ไหนเกิดในตระกูลใด การเลี้ยงดูเป็นยังไงแบบไหนอย่างไร สภาพแวดล้อมทางสังคมตรงนั้นหมู่บ้านนั้นออกแนวไหน ดี ไม่ดี เลยร้าย ตอนนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ปรโตโฆสะ (ปัจจัยภายนอกมีทั้งดี ไม่ดี= ปรโตโฆสะที่ดี กับ ปรโตโฆสะที่ไม่ดี)

อีกขั้นหนึ่ง คือ ปัจจัยภายในในตัวคนๆนั้น เขามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน รู้จักคิด คิดเป็นไหม ฯลฯ ขั้นนี้ภาษาพระมีชื่อเรียกเฉพาะว่า โยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายในตัวบุคคลๆ ก็มีสอง โยนิโสมนสิการ กับ อโยนิโสมนสิการ)


อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

กรรมเก่านี้ พอรู้ แต่รายละเอียดนั้นหารู้ได้ไม่ นอกจากพระพุทธองค์
กรรมเก่าก็คือสิ่งที่เคยคิด พูด ทำ ในชาติปางก่อนๆนั้นเองครับ

แต่ไม่อาจมองเห็นลายละเอียด และรู้ได้เลยว่าเพราะอะไรที่แบบชัดเจน

ผมขอยกตัวอย่างผมเรื่องนึ่ง ผมนอนไม่ได้ฝัน จู่ๆก็สะดุ้ง เพราะกรรมเก่า
แต่อยู่ในชาตินี้ คือผมมีนิสัยชอบไปจี้เอวเพื่อหยอกล้อ และล้อเล่นให้เค้าตก
ใจ แล้วเราก็มีความสุขดีใจแค่นิดเดียว พอผมรู้เห็นเช่นนั้นผมก็เลิกอาการนั้น
ก็ค่อยๆจางค่อยเป็นน้อยลง จนเดียวนี้ก็ไม่ค่อยเจออีกเลย



ถ้ายังงั้น นี่ก็กรรมเก่าอยู่ในชาตินี้ ดูครับ

https://www.youtube.com/watch?v=7XnRd5KXBM8

ตกใจหงายท้องหงายไส้เบย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร