วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2019, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


มนสิการมี ๓ อย่าง
๑. วิถีปฏิปาทกมนสิการ
๒. ชวนปฏิปาทกมนสิการ
๓. อารัมมณปฏิปาทกมนสิการ

๑. วิถีปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังวิถีจิตให้เป็นไป) หมายถึง
ปัญจทวาราวัชชนจิต ซึ่งทำให้เกิดกระแสจิตในปัญจทวารได้สำเร็จ
คือ ให้ประกอบในอารมณ์ (ทางปัญจทวาร)

๒. ชวนปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังชวนะให้เป็นไป) หมายถึง
มโนทวาราวัชชนจิตซึ่งทำให้กระแสชวนจิตเกิดและเป็นไปได้สำเร็จ คือ
ให้ประกอบกับอารมณ์(ทางมโนทวาร)

จิตทั้งสองประเภทนี้ชื่อว่า โยนิโสมสิการ หรือ อโยนิโสมนสิการ ในที่นั้นๆ
เนื่องจากจิตได้รับแรงการเกื้อหนุนจากปัจจัย เช่น การสั่งสม การน้อมไป
และการกำหนดเป็นต้นมาโดยตลอด ย่อมทำกระแสจิตให้ไปในอารมณ์
โดยแยบคายหรือไม่แยบคาย

๓. อารัมมณปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังอารมณ์ให้เป็นไป) คือสภาวะธรรม(มนสิการเจตสิก)
ทำให้กระแสจิตเป็นไปต่อเนื่องนับตั้งแต่ปฏิสนธิจิต ซึ่งแม้จะละอารมณ์แล้วดับไป
ก็เกิดขึ้นในอารมณ์ใหม่ในอารมณ์เก่าได้อีกเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ
(คือไม่มีอารมณ์อื่นที่ชัดเจนกว่ามาปรากฏ ก็ทำให้กระแสจิตในอารมณ์เก่าได้)
อารัมมณปฏิปาทกมนสิการถูกระบุขึ้นในที่นี้ เพราะมสิการเจตสิกนี้ประกอบ
อารมณ์ไว้ในจิต หรือประกอบจิตไว้ในอารมณ์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 01:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
มะนะสิการะ
ความอ่อนน้อมควรแก่การงานของจิตในขณะที่กำลังฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏ
ตรงตามที่กำลังฟังโดยเป็นปัญญาน้อมไปในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งตรงตามที่กำลังมีสภาพธรรมนั้นปรากฏ
ประจักษ์ชัดแจ่มแจ้งทั่วถึงรู้ในอารมณ์ที่จิตกำลังมีครบ6ทางตรงตามคำตถาคตด้วยความเข้าใจไม่ได้ทำค่ะ
:b8:
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 07:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


แจ้งเฉพาะในวิญญาณแล้วหยุดเพียงแค่นั้น...ไม่เป็นโยนิโสมนสิการ...ดอกคุณโรส..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 18:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 09 ก.พ. 2019, 23:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แจ้งเฉพาะในวิญญาณแล้วหยุดเพียงแค่นั้น...ไม่เป็นโยนิโสมนสิการ...ดอกคุณโรส..

เห็นแจ้งแทงตลอดธรรมครบ6ทางเดี๋ยวนี้น้อมยังไงเอ้า
ทำได้แค่กระพริบตาก็ดับครบ6ทางแล้วจะตามรู้อะไรล่ะก้มหัวมันเลยกะพริบตานะ
มันดับหมดหายไปในตาดำปุ๊บมืดปั๊บตาไม่บอดไม่แจ้งในเห็นเหรอว่ามีกิเลสเห็นผิดว่าสว่างมากกว่ามืด555
cool
เห็นแจ้งแปลว่าตาสว่าง...แปลว่าเข้าใจไหมความจริงมีสว่าง1ทางมืด5ทาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 00:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


แก้ไขล่าสุดโดย Love J. เมื่อ 10 ก.พ. 2019, 01:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 00:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.... จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาญ
มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ (ที่อาศัย) มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอารมณ์ไม่เสวย
....โคจรวิสัยแห่งกันและกัน เกิดขึ้นโดยไม่มีการสนใจ วิญญาณทั้ง ๕ นั้นไม่ได้มี
ความผูกใจ (ความผูกใจคือ อุปาทานขันธ์ ๕ หรือทุกขสัจ ) เห็นแต่ ดับ ดับ ดับ
....ในสภาวะนั้นไม่เห็นทุกขสัจ เห็นความดับก็จริง แต่ไม่มีการพิจารณาความดับ
ไม่มีการพิจารณาเห็นความเป็นโทษ จึงไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นสมุทัย ไม่เห็นนิโรธ
....ไม่สามารถยังมรรคให้เกิดได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 01:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:

สุตมยปัญญาใช้จิตได้ยินทำปัญญาคือใช้โสตปสาทะรูปไม่มีแสงสีเกิดปนมันมืดไม่เห็นตัวอักษรใช้หูทำค่ะ
:b4: :b4:
https://youtu.be/HroJyWTNMwQ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 01:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:


ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง
แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ
เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ
ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต

ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม
ไม่รู้

ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา
ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน
ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม
ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:


ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง
แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ
เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ
ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต

ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม
ไม่รู้

ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา
ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน
ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม
ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย
ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต
นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ
สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด
เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ
ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน
รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 11:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:


ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง
แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ
เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ
ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต

ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม
ไม่รู้

ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา
ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน
ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม
ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย
ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต
นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ
สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด
เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ
ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน
รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่
:b32: :b32:


ยอม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2019, 11:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 03:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ
เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด
ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน
อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ
ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป

:b32:
ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ
จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว
เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว
ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ
:b32: :b32:


ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน
อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต
จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา
ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ
ไม่วน

ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ
เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส
รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ
นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน


:b32:
คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ)
:b1:
บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก
ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ
:b16:
หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา
ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1
สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว
หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ
:b12: :b12:


ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง
แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ
เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ
ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต

ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม
ไม่รู้

ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา
ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน
ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม
ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่

:b12:
ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย
ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต
นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ
สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด
เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ
ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน
รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่
:b32: :b32:


ยอม

จิตรู้อารมณ์ทีละ1สัจจะ
รูปารมณ์คือจิตรู้รูปคือนามรู้รูป
มีเฉพาะรูปนั้นรูปเดียวตรงทีละ1ทาง
สีเป็นสีเกิดทางตาส่วนเห็นเป็นเห็นไม่ใช่สี
เสียงเป็นเสียงเกิดทางหูส่วนได้ยินก็ไม่ใช่เสียง
3ประสานของจิตแต่ละ1ทางมีตัวจริงธัมมะเกิน3อย่าง
คำสอนของพระพุทธเจ้าคือคำจริงตรงปัจจุบันขณะเดี๋ยวนี้
มีแล้วไม่ได้ทำสัจจะคือปรมัตถ์กำลังเกิดดับทีละ1แต่ละ1ไม่ซ้ำกันทุกขณะ
ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรก่อนจิตออกจากร่างนี้เข้าใจไหมคะ
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร