คุณโรสพูดบ่อยมากๆ เรื่องทวาร 6 โดยเฉพาะทางจักขุทวาร แล้วก็เน้นตรงที่ว่าเห็นนั่นเห็นนี่แล้วดับไปแล้วก็มืดติ๊ดตื๋อ คิดในมืดอะไรประมาณนี้แหละ นั่นเป็นความเห็นผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลยุค 4.0

ตั้งกระทู้นี้ไว้ก่อนแล้วค่อยนำความที่ว่ามาลงตรงนี้ต่อไป

ตอนนี้ให้ดูความเห็นต่างเห็นแย้ง คคห.ล่างประกอบไปด้วย

นี่ข้ออุปมานะ

555
ตาไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นเกิดจากตาไม่บอดมีรูปพิเศษตรงกลางตารับกระทบแสงสี(ตาไม่คิดถึงข้างนอกตา)
ตารับแสงสี1สีดับมีภวังคจิตคั่นสืบต่อส่งสีที่เห็นไปดับทางมโนทวารสะสมในจิตนอนรอปรุงกิเลสใหม่ไงคะ
ปัญญาไม่พอก็ต้องฟังแล้วฟังอีกฟังนับครั้งไม่ถ้วนไม่ใช่ชาติเดียวและแค่ชาตินี้ที่จำได้ฟังเข้าใจถูกตามกี่คำ

บอกไม่จำ ว่ามันอาศัยกัน ถ้ายังงั้นไม่มีตา จิตก็เห็นได้สิ ถูกไหม

ถ้ายังงั้นก็เอาไม้ทิ่มตาให้บอดสิ เอาไว้ทำไมเปลืองยาหยอดตา คิกๆๆ

คนตายก็มีตา
คนตาบอดก็มีตา
คนตาดีก็มีตา
ถ้าแค่มีตาแล้วตาเห็น
แล้วทำไมคนตายกะคนตาบอดไม่เห็น
บอกให้เข้าใจให้ละเอียดว่าไม่มีจิตก็ไม่มีเห็น
3ประสานที่ทำให้เกิดจิตเห็นขาดธัมมะ1ใน3ไม่ได้ต้องครบ3ประสานกันคือ
1มีจิตครองกายและมีตาไม่บอด...2มีรูปพิเศษตรงกลางตาและลืมตาดู...3มีสีและแสงที่มหาภูตรูปภายนอก

และถ้าครบ6ทางอายตนะประกอบด้วย18ตัวจริงธัมมะไม่ขาด
วิถีจิตครบ6ทาง+อายตนะภายใน6ทาง(คือ6ปสาทะรูป)+รูปภายนอกที่ผ่านเข้าทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ

เรื่องทวาร หรือ อายตนะ ๖ ศึกษาที่นี่

viewtopic.php?f=1&t=56876

เมื่อเข้าใจแล้ว กท.นี้ จะพูดถึงทวาร ๖ โดยนำเอาใยแมงมุมกับตัวแมงมุมเป็นข้ออุปมา

ทวาร ๖ ได้แก่

๑. จักขุทวาร (ทวารคือตา)

๒.โสตทวาร (ทวารคือหู)

๓. ฆานทวาร (ทวารคือจมูก)

๔.ชิวหาทวาร (ทวารคือลิ้น)

๕.กายทวาร (ทวารคือกาย)

๖.มโนทวาร (ทวารคือใจ)

คุณโรสพอได้นะขอรับ

ทั้ง ๕ ประตู ๑-๕ เปรียบเหมือนใยแมงมุม

ประตูที่ ๖ คือ ประตูใจ -วิญญาณ เปรียบเหมือนตัวแมงมุมซึ่งคอยรับรู้ เมื่อมีสัตว์มีแมลงมาติดตาข่ายก็สะเทือนถึงมัน เจ้าแมงมุมก็จะวิ่งไปจับสัตว์นั้น

เมื่อไม่มีสัตว์มาติด มันก็หมอบอยู่ที่ตาข่ายนั่น

คุณโรสพอเข้าใจไหมขอรับโผม

ทีนี้ จะแทรกข้อปฏิบัติ

ในการปฏิบัติกรรมฐานนั้น ท่านก็ให้กำหนดอารมณ์ที่กระทบทางทวารนั้นๆ แต่ละขณะๆ นั่น เช่น เห็น ก็เห็นหนอ คิกๆๆ ได้ยินเสียง ก็เสียงหนอๆๆ
ฯลฯ
คิดอะไรต่ออะไร ก็คิดหนอๆๆๆๆๆ

จำตัวอักษรมันผิดทาง
ก็ดูที่กายตัวเองเดี๋ยวนี้มีครบแล้ว
คือที่ประชุมรวมธัมมะทั้งหมดน่ะมีแล้ว
ตาก็กำลังเห็นก็ดูให้มันชัดสิคะบอกว่าตาเห็นรูปแสงสีแค่นั้น
แล้วที่คุณกำลังมองดูมันมีแค่แสงสีไหมมันกลายเป็นคนสัตว์วัตถุแล้วเห็นผิดไปแล้ว
ทำอะไรได้ไหมก็สะสมอวิชชาไปแล้วสมควรเริ่มต้นฟังเพื่อให้เกิดปัญญาแรกจากการฟังแทรกเข้าแทนกิเลส

เมื่อไม่มีหลักก็มั่วอย่างคุณโรส อย่างแม่สุจินนั่นแหละ คนที่เขามีหลักมีเกณฑ์เห็นเข้าเขาก็รู้แล้วว่าดำน้ำดำดิน มั่วไปเรื่อย

จิตเห็นสี...ไม่มีคนสัตว์วัตถุ...เป็นธัมมะที่มีแค่แสงสี1สีกระทบตรงกลางตาเกิดตรงนั้นดับตรงนั้นไม่มีตัวตน
โอ๊ยบอกให้ไปฟังเองจะได้เกิดปัญญาเป็นของตนเอง
พอโรสบอกก็มีแต่แย้งๆๆๆๆๆๆก็ตัวเองไม่ทำปัญญาตามปกติ
ปัญญาไม่เกิดไม่เข้าใจสิ่งที่โรสอธิบายตรงตามคำตถาคตเปะๆๆๆๆๆๆๆตรงมากก็ไม่เก็ตอ่ะ
555แน่จริงถ้าเข้าใจมีปัญญาช่วยขยายความจิตอีก5ทางที่เกิดในมืดให้เข้าใจหน่อยสิ
จิตได้ยินเสียง
จิตได้กลิ่น
จิตรู้รส
จิตรู้สัมผัส
จิตคิดนึก

กำลังเห็นคนสัตว์วัตถุคือมีกิเลส
กิเลสตนทำร้ายจิตตนเชื่อสิ่งที่เห็นผิดแล้ว
ก็บอกอยู่ว่าให้ฟังคำสอนคิดตามคำสอนถึงจะคิดเห็นถูกตามคำสอนได้
ก็บอกอยู่ว่าต้องกำลังเห็นเพียงแสงสี1สีกระทบที่กลางตาดับทันทีไม่มีอะไรนอกตาเพราะดับคือมืดมีมืดไหม
บอกยังไงก็ไม่เก็ตก็ไม่ทำปัญญาคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตรงตามคำสอน/อ่านแล้วคิดทีละคำช้าๆสีดับแล้วมืดๆๆ
ไม่มีใครเลยเริ่มสะสมปัญญาของตนเองจากการฟังจริงๆฟังไปเรื่อยๆทุกวันอยู่ในโลกของความคิดคนเดียวค่ะ
https://youtu.be/0149vcSl8vY

อ่ะนะ คิกๆๆ ถ้างั้นถาม ตอบกงๆสักทีเถอะนะ อยากเห็น ถามนะ

ตัวคุณโรสเอง กายใจก็ได้เอ้า เห็นพูดอ้างอิงบ่อยครั้ง เรียกว่า คนไหม ? มีช้อยให้เลือก

1. ไม่ใช่คน

2. คน

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

มหาภูตรูปที่เรียกชื่อว่ากาย
มีสัณฐานอยู่ให้แตะต้องได้
มหาภูตรูปมองเห็นไม่ได้ค่ะที่
ปรากฏให้เห็นคืออุปาทายรูป
คือรูปของสีที่มหาภูตรูปที่มี
ระยะห่างในการกระทบตา
มหาภูตรูปรู้ว่ามีจากกายสัมผัส
เป็นธาตุ3คือดินไฟลม/น้ำไม่ปรากฏ
แต่น้ำเป็นตัวยึดดินไฟลมให้เกาะกลุ่ม
มหาภูตจึงเห็นไม่ได้เพราะไม่ใช่ตัวตน
ไม่ใช่เราเป็นเพียงอุปาทานขันธ์ว่ามีคน
จริงๆแค่ปรากฏว่ามีชั่วคราวก่อนดับ
สำหรับการยึดมั่นถือมั่นมันหนาแน่นมาก
ต้องอาศัยฟังคำตถาคตเปิดเผยความจริงที่ถูกปกปิดไว้
จนกว่าปัญญารู้ชัดว่ามีแต่ธัมมะไม่มีเราจริงๆหลงยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวตน