วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 205 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2018, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b12:
ฟังซะ...ชอบไหม...ถ้าชอบแปลว่ายังมีกิเลสเพราะยังพอใจอยู่
ทำอะไรได้ไหมเพราะธัมมะดับไปแล้วนับไม่ถ้วนรู้จักกิเลสไหม
ตั้งแต่กะพริบตาแล้วก็ไม่รู้ตามคำสอนแม้แต่น้อยฟังเพลินเลยนะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/wsHNUOgJJZU


ยินดี ยินร้าย ชอบ ไม่ชอบ เป็นกิเลสทั้งนั้นแหละ ถ้าพูดยังงั้นนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2018, 23:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
ก็ปกติไง...เห็นก็ปกติ...ทุกอย่างเป็นปกติตามปกติ
รู้ตรงสัจจะที่กำลังมีไม่ต้องเลือกแยกเอาไปทำ
เห็นแล้วต้องไปทำเห็นเพิ่มอีกตะหากรึ
ได้ยินก็ได้ยินแล้วดับครบ6ทางแล้ว
จะทำอะไรหรือคะดับแล้วแก้ไม่ได้
ก็เห็นผิดคิดตามคำตถาคตไม่ได้ไงเห็นมือถืออยากได้ไง
เพราะเห็นสีดับไปนานแล้วลืมตานี่ไม่บอดเห็นสีหรือคนสัตว์วัตถุยังไม่รู้หรือคะ
:b32: :b32:


คุณโรสเห็นมือถือแล้วอยากได้มือถือทุกทีเลยเหร๋อคะ

:b10: :b10: :b10:

เป็นหนักนะนี่

:b1:

ความยึดติดมันอยู่ในกมลสันดานของตนเอง
ที่จับอยู่ถืออยู่นี้น่ะเราใช่ไหมจับเราใช่ไหมถือ
แล้วก็คิดว่าฉันไม่ยึดติดฉันวางได้ลองมือถือหายสิ
ยังไม่รู้หรือคะว่าติดทุกอย่างที่ถืออยู่นี่แหละเรียกว่ามีกิเลสและเห็นผิด
จะรู้ว่ากำลังคิดถูกไหมต้องมีเสียงคำให้ได้ยินแล้วคิดตามว่ากำลังคิดอะไร
คิดตรงต้องคิดตามอยู่เดี๋ยวนี้ที่คิดเองน่ะกิเลสเพิ่มแล้วกำลังเห็นผิดจากคำสอนอยู่ลืมฟังติดตัวอักษรจำแล้ว
:b32: :b32: :b32:


อ๋อ...คุณโรสติดทุกอย่างเลย :b1:
ก็เลยต้องฟังทูปอย่างหนัก
เพื่อหลบจากการติดโน่นนี่นั่น มาเป็นเสพติดทูปแทน
มันก็ทำให้ดูหรู๋ขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยก็ยังได้ชื่อว่ายึดติดไปในทางธรรม

:b1:

:b1:
เอาน่าคิดตามช้าๆค่อยๆคิดไม่ต้องรีบไปไหน
เดี๋ยวนี้คือปัจจุบันทุกๆเวลาที่กำลังมีคือปัจจุบันขณะ
ปัญญาเจตสิกตามคำสอนเกิดพร้อมสติตอนฟังแล้วคิดตรงคำสอนตรง1คำที่ตนมีแล้วที่กายใจ
ดูที่ตนเองว่ากำลังคิดตรงคำสอนตรงตามคำไหนและคำนั้นกำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้ไหมตรงขณะที่มีแล้ว
ถ้าไม่เคยกำลังระลึกตามคำสอนอยู่ตามเสียงคำสัจจะแปลว่ามีกิเลสคือไม่รู้ไปแล้วเอากลับมาได้ไหม
มีแต่จิตคิดเองไปตามสัญญาที่จำอดีตเอาไว้เอามาปรุงกิเลสให้มีกำลังแรงขึ้นสะสมลงไปในจิตเป็นอวิชชาไง
:b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:

ขำ ปัญญาเจตสิกตามนัยยะของคุณโรส ง่ะ

เด็ก ๆ ก็เรียกอาจารย์ท่อง ก.กา พอโตหน่อยก็หาอาจารย์มาสอนท่อง ปัญญาเจตสิก

:b32: :b32: :b32:

ค่ะ ก็ตามนั้นล่ะ คุณโรสก็ไปตามประสานั่นล่ะ ก็คุณโรสเสพติดมือถือซะอย่างนั้น

:b1: :b1: :b1:

ตาไม่บอดหูไม่หนวกจำผิดไงเดี๋ยวนี้
ไม่ได้กำลังระลึกตรงคำวาจาสัจจะ
ติดแม้แต่ชื่อตนเองก็ไม่รู้จำแล้ว
จำด้วยความคิดตนเองว่ารู้นั้น
คือไม่รู้ไงคะเห็นสีดับแล้ว
จำอะไรล่ะเดียวนี้นั่นน่ะ
ไม่ได้รู้ความจริงที่เห็น
จำผิดเป็นมิจฉามรรค
จะคิดและเข้าใจถูก
ตามๆๆๆนะตามได้
จึงเกิดสัมมาตาม
เริ่มถูกตอนฟัง
กิเลสเกิดแล้ว
เลือกมือถือ
เป็นอัตตา
จะให้ว่าไงคะ
รู้จักอนัตตาไหม
ปัญญาเลือกทำไม่ได้ไงคะ
สุตมยปัญญาฟังได้ตรงปัจจุบันหรือยัง
มองทุกสิ่งตรงหน้าสิจำทุกอย่างผิดแล้วไงคะ
:b32: :b32: :b32:


ดูแล้วเป็นอาการฟังทูปจน ตกอยู่ในภวังค์หลงเคลิ้มไปกับการฟังทูป
เหมือนคนที่ชอบนักร้องคนไหน ก็จะเป็นแฟนคลับติดตามนักร้องคนนั้น
ฟังแล้วก็เอามาร้อง และพยายามจะร้องให้เหมือนนักร้อง

เหมือนเป็นพวกคลั่งลัทธิเลย :b1:

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2018, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ - สเม จิตฺเต สมํ ผลํ
เจโตปสาทเหตุมฺหิ - สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

เมื่อพระสัมมาพุทธเจ้า เป็นต้น ยังทรงพระชนม์อยู่ ก็ดี นิพพานแล้ว ก็ดี เมื่อจิตเสมอกัน ผลก็ย่อมเท่ากัน ในเพราะเหตุคือความเลื่อมใสแห่งใจ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไปสู่สุคติได้.


อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต
มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต.

ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ผู้ไม่ประมาท ผู้เป็นมุนี ศึกษาอยู่ในทางแห่งโมนปฏิบัติ ผู้คงที่ ผู้สงบระงับแล้ว
ผู้มีสติทุกเมื่อ.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2018, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ - สเม จิตฺเต สมํ ผลํ

เจโตปสาทเหตุมฺหิ - สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

เมื่อพระสัมมาพุทธเจ้า เป็นต้น ยังทรงพระชนม์อยู่ ก็ดี นิพพานแล้ว ก็ดี เมื่อจิตเสมอกัน ผลก็ย่อมเท่ากัน ในเพราะเหตุคือความเลื่อมใสแห่งใจ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไปสู่สุคติได้.


อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต
มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต.

ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ผู้ไม่ประมาท ผู้เป็นมุนี ศึกษาอยู่ในทางแห่งโมนปฏิบัติ ผู้คงที่ ผู้สงบระงับแล้ว ผู้มีสติทุกเมื่อ.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
ก็ปกติไง...เห็นก็ปกติ...ทุกอย่างเป็นปกติตามปกติ
รู้ตรงสัจจะที่กำลังมีไม่ต้องเลือกแยกเอาไปทำ
เห็นแล้วต้องไปทำเห็นเพิ่มอีกตะหากรึ
ได้ยินก็ได้ยินแล้วดับครบ6ทางแล้ว
จะทำอะไรหรือคะดับแล้วแก้ไม่ได้
ก็เห็นผิดคิดตามคำตถาคตไม่ได้ไงเห็นมือถืออยากได้ไง
เพราะเห็นสีดับไปนานแล้วลืมตานี่ไม่บอดเห็นสีหรือคนสัตว์วัตถุยังไม่รู้หรือคะ
:b32: :b32:


คุณโรสเห็นมือถือแล้วอยากได้มือถือทุกทีเลยเหร๋อคะ

:b10: :b10: :b10:

เป็นหนักนะนี่

:b1:

ความยึดติดมันอยู่ในกมลสันดานของตนเอง
ที่จับอยู่ถืออยู่นี้น่ะเราใช่ไหมจับเราใช่ไหมถือ
แล้วก็คิดว่าฉันไม่ยึดติดฉันวางได้ลองมือถือหายสิ
ยังไม่รู้หรือคะว่าติดทุกอย่างที่ถืออยู่นี่แหละเรียกว่ามีกิเลสและเห็นผิด
จะรู้ว่ากำลังคิดถูกไหมต้องมีเสียงคำให้ได้ยินแล้วคิดตามว่ากำลังคิดอะไร
คิดตรงต้องคิดตามอยู่เดี๋ยวนี้ที่คิดเองน่ะกิเลสเพิ่มแล้วกำลังเห็นผิดจากคำสอนอยู่ลืมฟังติดตัวอักษรจำแล้ว
:b32: :b32: :b32:


อ๋อ...คุณโรสติดทุกอย่างเลย :b1:
ก็เลยต้องฟังทูปอย่างหนัก
เพื่อหลบจากการติดโน่นนี่นั่น มาเป็นเสพติดทูปแทน
มันก็ทำให้ดูหรู๋ขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยก็ยังได้ชื่อว่ายึดติดไปในทางธรรม

:b1:

:b1:
เอาน่าคิดตามช้าๆค่อยๆคิดไม่ต้องรีบไปไหน
เดี๋ยวนี้คือปัจจุบันทุกๆเวลาที่กำลังมีคือปัจจุบันขณะ
ปัญญาเจตสิกตามคำสอนเกิดพร้อมสติตอนฟังแล้วคิดตรงคำสอนตรง1คำที่ตนมีแล้วที่กายใจ
ดูที่ตนเองว่ากำลังคิดตรงคำสอนตรงตามคำไหนและคำนั้นกำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้ไหมตรงขณะที่มีแล้ว
ถ้าไม่เคยกำลังระลึกตามคำสอนอยู่ตามเสียงคำสัจจะแปลว่ามีกิเลสคือไม่รู้ไปแล้วเอากลับมาได้ไหม
มีแต่จิตคิดเองไปตามสัญญาที่จำอดีตเอาไว้เอามาปรุงกิเลสให้มีกำลังแรงขึ้นสะสมลงไปในจิตเป็นอวิชชาไง
:b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:

ขำ ปัญญาเจตสิกตามนัยยะของคุณโรส ง่ะ

เด็ก ๆ ก็เรียกอาจารย์ท่อง ก.กา พอโตหน่อยก็หาอาจารย์มาสอนท่อง ปัญญาเจตสิก

:b32: :b32: :b32:

ค่ะ ก็ตามนั้นล่ะ คุณโรสก็ไปตามประสานั่นล่ะ ก็คุณโรสเสพติดมือถือซะอย่างนั้น

:b1: :b1: :b1:

ตาไม่บอดหูไม่หนวกจำผิดไงเดี๋ยวนี้
ไม่ได้กำลังระลึกตรงคำวาจาสัจจะ
ติดแม้แต่ชื่อตนเองก็ไม่รู้จำแล้ว
จำด้วยความคิดตนเองว่ารู้นั้น
คือไม่รู้ไงคะเห็นสีดับแล้ว
จำอะไรล่ะเดียวนี้นั่นน่ะ
ไม่ได้รู้ความจริงที่เห็น
จำผิดเป็นมิจฉามรรค
จะคิดและเข้าใจถูก
ตามๆๆๆนะตามได้
จึงเกิดสัมมาตาม
เริ่มถูกตอนฟัง
กิเลสเกิดแล้ว
เลือกมือถือ
เป็นอัตตา
จะให้ว่าไงคะ
รู้จักอนัตตาไหม
ปัญญาเลือกทำไม่ได้ไงคะ
สุตมยปัญญาฟังได้ตรงปัจจุบันหรือยัง
มองทุกสิ่งตรงหน้าสิจำทุกอย่างผิดแล้วไงคะ
:b32: :b32: :b32:


ดูแล้วเป็นอาการฟังทูปจน ตกอยู่ในภวังค์หลงเคลิ้มไปกับการฟังทูป
เหมือนคนที่ชอบนักร้องคนไหน ก็จะเป็นแฟนคลับติดตามนักร้องคนนั้น
ฟังแล้วก็เอามาร้อง และพยายามจะร้องให้เหมือนนักร้อง

เหมือนเป็นพวกคลั่งลัทธิเลย :b1:

:b32: :b32: :b32:

ไม่ว่าจะคิดพูดทำไปไหนไปทำอะไรล้วนเกิดจากมีความไม่รู้คือมีกิเลสอวิชชาพาไปทำ
เห็นแค่สีกระทบตาแล้วหมดแล้วนี่เอกอนคิดว่าทำอะไรได้ไหมเห็นก็เห็นแล้วได้ยินก็ดับแล้ว
เอากลับคืนมารู้ได้ไหมเพราะสัจจะมีที่ข้างในคือกายใจตนเองมีแล้วยังไม่ทำก็สะสมกิเลสใหม่แล้ว
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




60903d12.gif
60903d12.gif [ 176.68 KiB | เปิดดู 2992 ครั้ง ]
ตามหาทำจิต เมื่อยังไม่รู้ว่าจิตอยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องทำมากินอะไรหรอก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 12:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตก็คือวิญญาณ วิญญาณก็คือตัวรับรู้ ตัวรับรู้ก็อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

จิตดวงเก่าดับไปแล้วจิตดวงใหม่เกิดขึ้น อยู่ตรงปัจจุบันเท่านั้น อดีตจิตอยู่ไม่ได้ อนาคตจิตก็อยู่ไม่ได้

แต่จิตจะเกิดได้แค่ตรงปัจจุบันในขณะนี้ ไม่ต้องไปตามหาจิตในอดีตหรืออนาคต เพียงใส่ใจสังเกตเห็นต้นเหตุ จะคิด พูด ทำ แค่นั้นก็จะได้เห็นจิตตามความเป็นจริง

รู้ทันอย่างไหนก็ได้เห็นจิตอย่างนั้น

สมกับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจจิต คิดเช่นไรได้เช่นนั้น รู้ทันจะคิดดับๆ ก็หมดความสงสัยได้ทุกเรื่อง

เพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น อันความโง่ยึดถือใดๆ จะเข้าประกอบร่วมมิได้ จึงเข้าใจ เข้าถึง ซึ่งสัจธรรม

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ) ฉลาดได้ทุกเรื่อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 20:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ไม่ว่าจะคิดพูดทำไปไหนไปทำอะไรล้วนเกิดจากมีความไม่รู้คือมีกิเลสอวิชชาพาไปทำ
เห็นแค่สีกระทบตาแล้วหมดแล้วนี่เอกอนคิดว่าทำอะไรได้ไหมเห็นก็เห็นแล้วได้ยินก็ดับแล้ว
เอากลับคืนมารู้ได้ไหมเพราะสัจจะมีที่ข้างในคือกายใจตนเองมีแล้วยังไม่ทำก็สะสมกิเลสใหม่แล้ว
:b32: :b32:


คุณโรสบอกกับตัวเอง ใช่มั๊ยคะ
เห็นย้ำฟังย้ำคิดย้ำทำย้ำตรึกตรองอยู่แต่กับมันน่ะ

:b1:

จะไปบังคับตัวเองให้ว่าต้องเห็นสีดำทำไม ถ้าเห็นโทรศัพท์

:b1:

ธรรมไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโลกนะ ถ้าหากว่าสิ่งที่จริงเป็นที่สุดคืออนุภาค
คุณรสเห็นสี ก็ผิดแล้ว กิเลสครอบงำจนมืดเสียยิ่งกว่ามืด ที่ไม่สามารถเห็นอนุภาคได้

:b1:

ฟังทูปแล้วเก็บมาวิตก ... มันก็แค่นั้นแหละค่ะ

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 07 พ.ย. 2018, 00:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
ไม่ว่าจะคิดพูดทำไปไหนไปทำอะไรล้วนเกิดจากมีความไม่รู้คือมีกิเลสอวิชชาพาไปทำ
เห็นแค่สีกระทบตาแล้วหมดแล้วนี่เอกอนคิดว่าทำอะไรได้ไหมเห็นก็เห็นแล้วได้ยินก็ดับแล้ว
เอากลับคืนมารู้ได้ไหมเพราะสัจจะมีที่ข้างในคือกายใจตนเองมีแล้วยังไม่ทำก็สะสมกิเลสใหม่แล้ว
:b32: :b32:


คุณโรสบอกกับตัวเอง ใช่มั๊ยคะ
เห็นย้ำฟังย้ำคิดย้ำทำย้ำตรึกตรองอยู่แต่กับมันน่ะ

:b1:

จะไปบังคับตัวเองให้ว่าต้องเห็นสีดำทำไป ถ้าเห็นโทรศัพท์

:b1:

ธรรมไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโลกนะ ถ้าหากว่าสิ่งที่จริงเป็นที่สุดคืออนุภาค
คุณรสเห็นสี ก็ผิดแล้ว กิเลสครอบงำจนมืดเสียยิ่งกว่ามืด ที่ไม่สามารถเห็นอนุภาคได้

:b1:

ฟังทูปแล้วเก็บมาวิตก ... มันก็แค่นั้นแหละค่ะ

:b1:

คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตนมีกิเลสคือมีความไม่รู้นั้นน่าสงสารค่ะ
แค่คิดให้ตรงยังไม่เป็นเลยมีแต่คิดขัดแย้งกับคำจริงอยู่อย่างนั้นแหละ
ไตร่ตรองสิคะเดี๋ยวนี้เห็นสีกระทบตาดับแล้วคิดนึกแต่สิ่งที่ปรากฏคือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้ตรงปัจจุบันขณะก่อนดับ
เห็นไม่ดับก็ไม่มีได้ยินเดี๋ยวนี้เลยเสมือนทุกอย่างเกิดพร้อมกันมีครบ6ทางคิด1คำดับหมดเอาอะไรเป็นปัญญา
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตนมีกิเลสคือมีความไม่รู้นั้นน่าสงสารค่ะ
แค่คิดให้ตรงยังไม่เป็นเลยมีแต่คิดขัดแย้งกับคำจริงอยู่อย่างนั้นแหละ
ไตร่ตรองสิคะเดี๋ยวนี้เห็นสีกระทบตาดับแล้วคิดนึกแต่สิ่งที่ปรากฏคือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้ตรงปัจจุบันขณะก่อนดับ
เห็นไม่ดับก็ไม่มีได้ยินเดี๋ยวนี้เลยเสมือนทุกอย่างเกิดพร้อมกันมีครบ6ทางคิด1คำดับหมดเอาอะไรเป็นปัญญา
:b32: :b32:


เอกอนไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอบแบบนี้หรอกค่ะ
ไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอนแบบนี้ด้วย

ไม่รู้คุณรสช่างไปขุดเอามาจากไหน

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 07:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตนมีกิเลสคือมีความไม่รู้นั้นน่าสงสารค่ะ
แค่คิดให้ตรงยังไม่เป็นเลยมีแต่คิดขัดแย้งกับคำจริงอยู่อย่างนั้นแหละ
ไตร่ตรองสิคะเดี๋ยวนี้เห็นสีกระทบตาดับแล้วคิดนึกแต่สิ่งที่ปรากฏคือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้ตรงปัจจุบันขณะก่อนดับ
เห็นไม่ดับก็ไม่มีได้ยินเดี๋ยวนี้เลยเสมือนทุกอย่างเกิดพร้อมกันมีครบ6ทางคิด1คำดับหมดเอาอะไรเป็นปัญญา
:b32: :b32:


เอกอนไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอบแบบนี้หรอกค่ะ
ไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอนแบบนี้ด้วย

ไม่รู้คุณรสช่างไปขุดเอามาจากไหน

:b32: :b32: :b32:

พิจารณาที่กายใจตนเองได้ตลอดเวลา
การนั่งสมาธิหลับตาคือการทำสมาธิ
คือการจมดิ่งโดยไม่ระลึกตามคำสอน
เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะไม่ปนกัน
เดี๋ยวนี้มีครบ6ทางขาดพึ่งการฟังไง
จึงระลึกตามไม่ได้แม้แต่น้อยไงคะ
คิดเองได้มีแค่2คน1คือพระพุทธเจ้า
2พระปัจเจกพุทธเจ้ายุคที่ไม่มีคำสอน
ยุคนี้มีคำสอนต้องอาศัยจิตได้ยินเป็นประธานค่ะ
ที่กำลังคิดเองอยู่ตามที่ไปอ่านแค่ท่องจำปัญญาของตถาคต
เพราะปัญญาเจตสิกต้องกำลังทำตรงขณะคือสุตมยปัญญาคือกำลังฟัง(คิดตามเสียงอยู่อ่ะค่ะ)
https://youtu.be/oyGmmPUaslw
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปไว้ทีก่อนว่า ใครก็ตาม สำนักใดก็ตาม ถ้ายังตามหาจิตกันอยู่แล้วละก็ ไม่มีวันและคืนปฏิบัติธรรมแนวสติปัฏฐานได้เป็นขาด ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ เพราะอะไร ? เพราะว่า ในสติปัฏฐานพูดถึงจิตไว้ อย่างนี้

@ กายานุปัสสนา

@ เวทนานุปัสสนา

@ จิตตานุปัสสนา (จิตต์+อนุปัสสนา)

@ ธัมมานุปัสสนา

อีกหน่อย และไม่มีวันและคืนรู้จักธรรมะด้วย เพราะอะไร ? เพราะข้อสุดท้าย ก็ธัมมานุปัสสนา (ธัมม+อนุปัสสนา) ด้วย

และอีก หากยังเข้าใจผิดคิดไปว่า กายานุปัสสนา (กาย+อนุปัสสนา) ว่าไม่ใช่ กาย, ร่างกาย ที่เห็นๆอยู่นี่ ก็เป็นอัน คิกๆๆ เสียเวลาเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
eragon_joe เขียน:
Rosarin เขียน:
คนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตนมีกิเลสคือมีความไม่รู้นั้นน่าสงสารค่ะ
แค่คิดให้ตรงยังไม่เป็นเลยมีแต่คิดขัดแย้งกับคำจริงอยู่อย่างนั้นแหละ
ไตร่ตรองสิคะเดี๋ยวนี้เห็นสีกระทบตาดับแล้วคิดนึกแต่สิ่งที่ปรากฏคือกิเลส
จะไปรู้ความจริงตอนไหนตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้ตรงปัจจุบันขณะก่อนดับ
เห็นไม่ดับก็ไม่มีได้ยินเดี๋ยวนี้เลยเสมือนทุกอย่างเกิดพร้อมกันมีครบ6ทางคิด1คำดับหมดเอาอะไรเป็นปัญญา
:b32: :b32:


เอกอนไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอบแบบนี้หรอกค่ะ
ไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอนแบบนี้ด้วย

ไม่รู้คุณรสช่างไปขุดเอามาจากไหน

:b32: :b32: :b32:

พิจารณาที่กายใจตนเองได้ตลอดเวลา

การนั่งสมาธิหลับตาคือการทำสมาธิ

คือการจมดิ่งโดยไม่ระลึกตามคำสอน

เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะไม่ปนกัน

เดี๋ยวนี้มีครบ6ทางขาดพึ่งการฟังไง
จึงระลึกตามไม่ได้แม้แต่น้อยไงคะ
คิดเองได้มีแค่2คน1คือพระพุทธเจ้า
2พระปัจเจกพุทธเจ้ายุคที่ไม่มีคำสอน
ยุคนี้มีคำสอนต้องอาศัยจิตได้ยินเป็นประธานค่ะ
ที่กำลังคิดเองอยู่ตามที่ไปอ่านแค่ท่องจำปัญญาของตถาคต
เพราะปัญญาเจตสิกต้องกำลังทำตรงขณะคือสุตมยปัญญาคือกำลังฟัง(คิดตามเสียงอยู่อ่ะค่ะ)
https://youtu.be/oyGmmPUaslw
:b32: :b32: :b32:


และผู้ในที่นี้ ได้แก่ แต่นแต้นแต๊น ได้แก่ คุณโรส ศิษย์บ้านธัมมะด้วยประการฉะนี้แล.

จบข่าว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


และอีก คุณโรสพูดบ่อย "จะทำไปทำไมคะ" นั่นๆนี่ๆก็มีอยู่แล้ว จะทำไปทำไม เพราะมันมีอยู่แล้วว่า :b32: ให้ดูตัวอย่าง ซึ่งก็มีอยู่แล้วอย่างว่านั่นแหละ มนุษย์ทุกรูปทุกนามมีชีวิตจิตใจ มีกายมีใจ มีจิตวิญญาณทุกผู้ทุกคน แล้วทำไปทำไมคะ :b32: ดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว

เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร

หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะว่ามันมีอยู่แล้ว จะทำไปทำไมคะ? ตอบกว้างๆ ก็เพราะไม่รู้จักกายใจนี่ไงคะ จึงต้องฝึกต้องทำเพื่อให้รู้จักตนเองหมดทั้งเนื้อทั้งตัว คือ ทั้งรูปทั้งนาม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
และอีก คุณโรสพูดบ่อย "จะทำไปทำไมคะ" นั่นๆนี่ๆก็มีอยู่แล้ว จะทำไปทำไม เพราะมันมีอยู่แล้วว่า :b32: ให้ดูตัวอย่าง ซึ่งก็มีอยู่แล้วอย่างว่านั่นแหละ มนุษย์ทุกรูปทุกนามมีชีวิตจิตใจ มีกายมีใจ มีจิตวิญญาณทุกผู้ทุกคน แล้วทำไปทำไมคะ :b32: ดู


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว

เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรม พิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด

แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร

หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ

หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

คุณโรสศิษย์บ้านธัมมะว่ามันมีอยู่แล้ว จะทำไปทำไมคะ? ตอบกว้างๆ ก็เพราะไม่รู้จักกายใจนี่ไงคะ จึงต้องฝึกต้องทำเพื่อให้รู้จักตนเองหมดทั้งเนื้อทั้งตัว คือ ทั้งรูปทั้งนาม

:b32:
สติเกิดกับกุศลจิตตอนระลึกตามคำสอนได้ตรงสัจจะที่กายใจตนมี
เวลาที่โจรงัดบ้านคุณเพื่อขโมยของก็มีสมาธิในการงัดแงะนะ
ส่วนคุณลืมกุญแจบ้านงัดบ้านก็คือมีสมาธิเป็นกุศลได้ไหม
หลงผิดยึดถือว่ามีบ้านมีกุญแจคืออัตตาตัวตนจะเข้าบ้าน
ไม่มีสติเลยระลึกตามคำตถาคตไม่ได้ว่าไม่มีสัตว์บุคคล
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 205 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร