วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2018, 18:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว






:b1: :b1: :b1:

... แรงงงงส์ นะนี่ ...

:b1: :b1: :b1:

คุณรสอย่างเสียเวลามาเคียร์กะเอกอนเลย

ไปเคียร์กับคนอื่นให้ได้ก่อนเถอะ...

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000435488214


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 11 ต.ค. 2018, 20:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2018, 19:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:


:b1: :b1: :b1:

... แรงงงงส์ นะนี่ ...

:b1: :b1: :b1:

คุณรสอย่างเสียเวลามาเคียร์กะเอกอนเลย

ไปเคียร์กับคนอื่นให้ได้ก่อนเถอะ...

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000435488214


นายโจโจ้...ก็เป็นลิ้วล้อ..กะเขาด้วยหรอ?... :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2018, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว




ถ้าพุทธไทย อยู่ยาก ก็ไปเป็นพุทธอิตาลี่

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2018, 22:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:


:b1: :b1: :b1:

... แรงงงงส์ นะนี่ ...

:b1: :b1: :b1:

คุณรสอย่างเสียเวลามาเคียร์กะเอกอนเลย

ไปเคียร์กับคนอื่นให้ได้ก่อนเถอะ...

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000435488214


นายโจโจ้...ก็เป็นลิ้วล้อ..กะเขาด้วยหรอ?... :b9: :b9: :b9:


อาจจะไม่ก็ได้ค่ะ

บางครั้งอาจจะเป็นการ หยิบประเด็นขึ้นมาเพื่อ เป้าล่อ ล่อเป้า :b1:

ซึ่ง จะว่าไป พระท่านก็พูดในพื้นฐานที่ถูกหลายอย่าง
ถ้าจิตเพื่อพุทธศาสนาแล้ว บรรยายธรรม ก็ต้อง บรรยายฟรี
ค่ารถค่าเดินทาง ค่าโน่นนี่นั่นต้องจัดการเอง
เพราะคนที่ใจเขาเพื่อธรรมเขาสละค่ะ บางท่านสละแรงกาย แรงใจ ทรัพย์
เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระศาสนา

และเรื่องการโจมตีอีกฝ่ายด้วย คำพูดว่าร้าย เป็นอะไรที่ :b1:
มีแต่จิตที่เสพคุ้นอยู่ในอารมณ์อันหยาบที่ทำได้

ส่วนคนที่เขารักษาศีล สำรวม กาย วาจา ใจ มาโดยมากแล้ว
จนนิสัยได้ลด ละ เลิก มาแล้ว การจะไปเข้าไปแตะมันอีก มันก็จะยาก มันจะรู้สึกฝืน

แต่มันก็ทำได้นะ ทำแบบฝืน ๆ แต่มันก็จะทำภายใต้พื้นฐานความจริง
และทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะจิตมันไม่เป็นเนื้อเดียวกับอารมณ์นั้นแล้ว ยังไงมันก็ไม่เอา

ในคลิปทั้ง 2 ท่านกล่าวได้แรง และ มันก็จริง
คือประมาณว่า เวลาตายก็ไม่ต้องเอาไปทำพิธีอะไรที่วัด เอาไปทำกันเอง
และอีกมากมาย

:b32: :b32: :b32:

การปฏิบัติเป็นเรื่อง ใครทำ คนนั้นก็รู้
มันก็มีองค์ประกอบมากมาย ในการประคองจิตเพื่อให้อยู่ในทาง
ซึ่งเมื่อจิตลงร่อง อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งบางคนอาจจะเกิดความรู้ที่พิเศษ
เช่น รู้อดีต รู้อนาคต :b32: :b32: :b32:
แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งการที่เราจะรู้และอยู่กับปัจจุบันได้ เราต้องเห็นโทษของการไหลไปในเรื่องราวในอดีต
และเราก็ต้องเห็นโทษของการไหลไปในเรื่องราวในอนาคต
เราจึงจะละส่วนทั้งสองส่วน และทรงตัวอยู่กับปัจจุบัน
คือ ตัดอาลัยในอดีต และไม่กังวลกับอนาคต จิตจึงจะทรงตัวอยู่กับปัจจุบัน
คำพูดอาจจะดูเหมือนไกล แต่การปฏิบัติ
ลมหายใจก่อนหน้าก็นับว่าเป็นอดีต(อันใกล้)แล้ว
ลมหายใจที่ยังมาไม่ถึงก็นับว่าเป็นอนาคต(อันใกล้)แล้ว
เมื่อจิตละทั้งสองส่วน เขาก็ตั้งอยู่กับ ลมหายใจ ณ ขณะ
...
เมื่อจิตไม่ หลงไปในอดีต ไม่หลงไปในอนาคต จิตก็ตั้งอยู่กับปัจจุบัน
เมื่อจิตไหลไป ก็รู้ พอรู้ เขาก็ :b3: :b3: :b9: :b9:
อิอิ แหะแหะ กลับมาเอง หุหุ
...

ผู้ที่หมกมุ่นอยู่ในการตามหาปัจจุบันอารมณ์ อาจจะนั่นเพราะเขายังตามหา
เมื่อเขายังตามหา เขาก็จะยังคอยวิ่งไล่ตระครุบโน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย

ซึ่งการอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เกมเอาเข็มไปไล่จิ้ม สี ร้อน อ่อน แข็ง ธรรมตรงจริง ๆ
ตรงเกิ๊นนนนนน นั่นคือความเข้าใจ ปัจจุบันแบบ ทื่อ ๆ
...

แต่ธรรมอันเป็นไปในทางที่สวนกระแสโลก ก็ต้องดำเนินไปในทางอันสวนกระแส
อะไรที่จิตเข้าไปติดข้องอยู่ ก็ให้เขาคลายออกมา คลายออกมา คลายออกมา
ก็แค่ทำให้จิตละส่วนอดีต ละส่วนอนาคต เขาก็อยู่กับปัจจุบันเองด้วยดี
คือการที่เขาจะละได้ เขาต้องเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในทั้งสองส่วน
...

:b1:

การที่จิตจะเริ่มเดินสวนกระแส เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
จะสังเกตได้จากการที่ คนที่ฟุ้งซ่านสายตาสอดส่ายภายนอกมาตลอดชีวิต
เมื่อจับมานั่งสมาธิ และส่งจิตเข้าภายใน 555 ยิ่งกว่าวิ่งไล่จับปูลมใส่กระด้ง
การเริ่มส่งจิต(สายตา)เข้ามารู้ในภายใน นั่นคือ การเริ่มที่จะฝึกจิตให้สวนกระแส
...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง
:b13:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 12 ต.ค. 2018, 00:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง
:b13:
:b32: :b32:

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 05:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:


:b1: :b1: :b1:

... แรงงงงส์ นะนี่ ...

:b1: :b1: :b1:

คุณรสอย่างเสียเวลามาเคียร์กะเอกอนเลย

ไปเคียร์กับคนอื่นให้ได้ก่อนเถอะ...

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000435488214


นายโจโจ้...ก็เป็นลิ้วล้อ..กะเขาด้วยหรอ?... :b9: :b9: :b9:



ซึ่ง จะว่าไป พระท่านก็พูดในพื้นฐานที่ถูกหลายอย่าง
ถ้าจิตเพื่อพุทธศาสนาแล้ว บรรยายธรรม ก็ต้อง บรรยายฟรี
ค่ารถค่าเดินทาง ค่าโน่นนี่นั่นต้องจัดการเอง
เพราะคนที่ใจเขาเพื่อธรรมเขาสละค่ะ บางท่านสละแรงกาย แรงใจ ทรัพย์
เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระศาสนา

และเรื่องการโจมตีอีกฝ่ายด้วย คำพูดว่าร้าย เป็นอะไรที่ :b1:
มีแต่จิตที่เสพคุ้นอยู่ในอารมณ์อันหยาบที่ทำได้


ส่วนคนที่เขารักษาศีล สำรวม กาย วาจา ใจ มาโดยมากแล้ว
จนนิสัยได้ลด ละ เลิก มาแล้ว การจะไปเข้าไปแตะมันอีก มันก็จะยาก มันจะรู้สึกฝืน

แต่มันก็ทำได้นะ ทำแบบฝืน ๆ แต่มันก็จะทำภายใต้พื้นฐานความจริง
และทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะจิตมันไม่เป็นเนื้อเดียวกับอารมณ์นั้นแล้ว ยังไงมันก็ไม่เอา


เห็นด้วย...

eragon_joe เขียน:
การปฏิบัติเป็นเรื่อง ใครทำ คนนั้นก็รู้
มันก็มีองค์ประกอบมากมาย ในการประคองจิตเพื่อให้อยู่ในทาง
ซึ่งเมื่อจิตลงร่อง อะไร ๆ มันก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งบางคนอาจจะเกิดความรู้ที่พิเศษ
เช่น รู้อดีต รู้อนาคต :b32: :b32: :b32:
แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน
ซึ่งการที่เราจะรู้และอยู่กับปัจจุบันได้ เราต้องเห็นโทษของการไหลไปในเรื่องราวในอดีต
และเราก็ต้องเห็นโทษของการไหลไปในเรื่องราวในอนาคต
เราจึงจะละส่วนทั้งสองส่วน และทรงตัวอยู่กับปัจจุบัน
คือ ตัดอาลัยในอดีต และไม่กังวลกับอนาคต จิตจึงจะทรงตัวอยู่กับปัจจุบัน
คำพูดอาจจะดูเหมือนไกล แต่การปฏิบัติ
ลมหายใจก่อนหน้าก็นับว่าเป็นอดีต(อันใกล้)แล้ว
ลมหายใจที่ยังมาไม่ถึงก็นับว่าเป็นอนาคต(อันใกล้)แล้ว
เมื่อจิตละทั้งสองส่วน เขาก็ตั้งอยู่กับ ลมหายใจ ณ ขณะ
...
เมื่อจิตไม่ หลงไปในอดีต ไม่หลงไปในอนาคต จิตก็ตั้งอยู่กับปัจจุบัน
เมื่อจิตไหลไป ก็รู้ พอรู้ เขาก็ :b3: :b3: :b9: :b9:
อิอิ แหะแหะ กลับมาเอง หุหุ
...

ผู้ที่หมกมุ่นอยู่ในการตามหาปัจจุบันอารมณ์ อาจจะนั่นเพราะเขายังตามหา
เมื่อเขายังตามหา เขาก็จะยังคอยวิ่งไล่ตระครุบโน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย

ซึ่งการอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เกมเอาเข็มไปไล่จิ้ม สี ร้อน อ่อน แข็ง ธรรมตรงจริง ๆ
ตรงเกิ๊นนนนนน นั่นคือความเข้าใจ ปัจจุบันแบบ ทื่อ ๆ

...


:b1:

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

อาจจะไม่ก็ได้ค่ะ

บางครั้งอาจจะเป็นการ หยิบประเด็นขึ้นมาเพื่อ เป้าล่อ ล่อเป้า :b1:

ซึ่ง จะว่าไป พระท่านก็พูดในพื้นฐานที่ถูกหลายอย่าง
ถ้าจิตเพื่อพุทธศาสนาแล้ว บรรยายธรรม ก็ต้อง บรรยายฟรี
ค่ารถค่าเดินทาง ค่าโน่นนี่นั่นต้องจัดการเอง
เพราะคนที่ใจเขาเพื่อธรรมเขาสละค่ะ บางท่านสละแรงกาย แรงใจ ทรัพย์
เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระศาสนา

และเรื่องการโจมตีอีกฝ่ายด้วย คำพูดว่าร้าย เป็นอะไรที่ :b1:
มีแต่จิตที่เสพคุ้นอยู่ในอารมณ์อันหยาบที่ทำได้


ส่วนคนที่เขารักษาศีล สำรวม กาย วาจา ใจ มาโดยมากแล้ว
จนนิสัยได้ลด ละ เลิก มาแล้ว การจะไปเข้าไปแตะมันอีก มันก็จะยาก มันจะรู้สึกฝืน

:b1:


กลุ่มติดต่อกับต่างดาว..ยังไหลไปตาม..ธรรมะ..ได้มากกว่า

มากกว่า..พวกที่ติดนิสัยใส่ร้าย..ให้ร้าย..แต่อ้างเพื่อพระศาสนา..ซะอีก

https://www.youtube.com/watch?v=xYhnJ5RJiUU



:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




ดูดิ..มนุษย์ต่างดาว..ยังอุตส่า..มาช่วยมนุษย์..

แต่มนุษย์ปากอ้างพูดธรรมะ..จะพาคนลงนรก.ซะนี้. :b32: :b32: :b32:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

จิตเกิดดับทีละ1ขณะเป็นแต่ละ1ทางไม่เหลือซากจิตขณะเดิมเลย
ยังพอใจในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอยู่คือกามตัณหา
ยังอยากตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นคือภวตัณหา
ยังไม่อยากตาบอดไม่อยากตายคือวิภวตัณหา
ยังมีกิเลสอันเก่านอนมาในจิตตลอดเวลามีกิเลส+ตัณหา
จนกว่าจะเริ่มฟังคำวาจาสัจจะเพื่อเกิดปัญญารู้ตามคำสอนได้
การรู้เสียงมีแค่เสียงสูงๆต่ำๆแต่การเข้าใจความหมายตรงสัจจะคือรูปปรมัตถ์
ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555
จิตเกิดดับทางตาไม่เกิดทางหูไม่เกิดทางลิ้นไม่เกิดทางจมูกไม่เกิดทางปากไม่เกิดทางทวารหนัก
เพราะรูปปรมัตถ์คือความรู้สึกชัดแจ้งในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งชัดที่จิตใจรู้อารมณ์ทีละ1แต่ละ1ไม่มีอะไรปนกัน
เห็นไม่ใช่แข็ง/เสียงไม่ใช่สี/กลิ่นไม่ใช่รส/ร้อนไม่ใช่เย็นไม่มีอะไรปนและไม่มีจิตซ้ำเดิมเป็นจิตสะสมแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่จิตรู้อารมณ์แต่ละ1ดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่รู้คือไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

จิตเกิดดับทีละ1ขณะเป็นแต่ละ1ทางไเหลือซากจิตขณะเดิมเลย
พอใจในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอยู่คือกามตัณหา
ยังอยากตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นคือภวตัณหา
ยังไม่อยากตาบอดไม่อยากตายคือวิภวตัณหา
ยังมีกิเลสอันเก่านอนมาในจิตตลอดเวลามีกิเลส+ตัณหา
จนกว่าจะเริ่มฟังคำวาจาสัจจะเพื่อเกิดปัญญารู้ตามคำสอนได้
การรู้เสียงมีแค่เสียงสูงๆต่ำๆแต่การเข้าใจความหมายตรงสัจจะคือรูปปรมัตถ์

ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตาไม่เกิดทางหูไม่เกิดทางลิ้นไม่เกิดทางจมูกไม่เกิดทางปากไม่เกิดทางทวารหนัก

เพราะรูปปรมัตถ์คือความรู้สึกชัดแจ้งในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งชัดที่จิตใจรู้อารมณ์ทีละ1แต่ละ1ไม่มีอะไรปนกัน
เห็นไม่ใช่แข็ง/เสียงไม่ใช่สี/กลิ่นไม่ใช่รส/ร้อนไม่ใช่เย็นไม่มีอะไรปนและไม่มีจิตซ้ำเดิมเป็นจิตสะสมแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่จิตที่จิตรู้อารมณ์แต่ละ1ดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่รู้คือไม่รู้


อ้างคำพูด:
ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


เขาก็บอกไว้ชัดแล้ว จักขุวิญญาณ (ทางตา) โสตวิญญาณ (ทางหู) ฆานวิญญาณ (ทางจมูก) ชิวหาวิญญาณ (ทางลิ้น) กายวิญญาณ (ทางกายสัมผัส) มโนวิญญาณ (รู้เรื่องในใจ)

มันก็ทางใครทางมันไง

แต่ของคุณโรส มีทางปาก กับทางทวารเพิ่มเข้ามา คิกๆๆ เลอะไปใหญ่แล้วขอรับโผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

จิตเกิดดับทีละ1ขณะเป็นแต่ละ1ทางไเหลือซากจิตขณะเดิมเลย
พอใจในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอยู่คือกามตัณหา
ยังอยากตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นคือภวตัณหา
ยังไม่อยากตาบอดไม่อยากตายคือวิภวตัณหา
ยังมีกิเลสอันเก่านอนมาในจิตตลอดเวลามีกิเลส+ตัณหา
จนกว่าจะเริ่มฟังคำวาจาสัจจะเพื่อเกิดปัญญารู้ตามคำสอนได้
การรู้เสียงมีแค่เสียงสูงๆต่ำๆแต่การเข้าใจความหมายตรงสัจจะคือรูปปรมัตถ์

ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตาไม่เกิดทางหูไม่เกิดทางลิ้นไม่เกิดทางจมูกไม่เกิดทางปากไม่เกิดทางทวารหนัก

เพราะรูปปรมัตถ์คือความรู้สึกชัดแจ้งในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งชัดที่จิตใจรู้อารมณ์ทีละ1แต่ละ1ไม่มีอะไรปนกัน
เห็นไม่ใช่แข็ง/เสียงไม่ใช่สี/กลิ่นไม่ใช่รส/ร้อนไม่ใช่เย็นไม่มีอะไรปนและไม่มีจิตซ้ำเดิมเป็นจิตสะสมแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่จิตที่จิตรู้อารมณ์แต่ละ1ดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่รู้คือไม่รู้


อ้างคำพูด:
ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


เขาก็บอกไว้ชัดแล้ว จักขุวิญญาณ (ทางตา) โสตวิญญาณ (ทางหู) ฆานวิญญาณ (ทางจมูก) ชิวหาวิญญาณ (ทางลิ้น) กายวิญญาณ (ทางกายสัมผัส) มโนวิญญาณ (รู้เรื่องในใจ)

มันก็ทางใครทางมันไง

แต่ของคุณโรส มีทางปาก กับทางทวารเพิ่มเข้ามา คิกๆๆ เลอะไปใหญ่แล้วขอรับโผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

จิตเกิดดับทีละ1ขณะเป็นแต่ละ1ทางไเหลือซากจิตขณะเดิมเลย
พอใจในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอยู่คือกามตัณหา
ยังอยากตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นคือภวตัณหา
ยังไม่อยากตาบอดไม่อยากตายคือวิภวตัณหา
ยังมีกิเลสอันเก่านอนมาในจิตตลอดเวลามีกิเลส+ตัณหา
จนกว่าจะเริ่มฟังคำวาจาสัจจะเพื่อเกิดปัญญารู้ตามคำสอนได้
การรู้เสียงมีแค่เสียงสูงๆต่ำๆแต่การเข้าใจความหมายตรงสัจจะคือรูปปรมัตถ์

ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตาไม่เกิดทางหูไม่เกิดทางลิ้นไม่เกิดทางจมูกไม่เกิดทางปากไม่เกิดทางทวารหนัก

เพราะรูปปรมัตถ์คือความรู้สึกชัดแจ้งในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งชัดที่จิตใจรู้อารมณ์ทีละ1แต่ละ1ไม่มีอะไรปนกัน
เห็นไม่ใช่แข็ง/เสียงไม่ใช่สี/กลิ่นไม่ใช่รส/ร้อนไม่ใช่เย็นไม่มีอะไรปนและไม่มีจิตซ้ำเดิมเป็นจิตสะสมแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่จิตที่จิตรู้อารมณ์แต่ละ1ดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่รู้คือไม่รู้


อ้างคำพูด:
ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555

จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


จิตเกิดดับทางตา ไม่เกิดทางหู ไม่เกิดทางลิ้น ไม่เกิดทางจมูก ไม่เกิดทางปาก ไม่เกิดทางทวารหนัก


เขาก็บอกไว้ชัดแล้ว จักขุวิญญาณ (ทางตา) โสตวิญญาณ (ทางหู) ฆานวิญญาณ (ทางจมูก) ชิวหาวิญญาณ (ทางลิ้น) กายวิญญาณ (ทางกายสัมผัส) มโนวิญญาณ (รู้เรื่องในใจ)

มันก็ทางใครทางมันไง

แต่ของคุณโรส มีทางปาก กับทางทวารหนักเพิ่มเข้ามา คิกๆๆ เลอะไปใหญ่แล้วขอรับโผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2018, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
จิตคิดนึก1ขณะตรงได้ทีละ1คำ
ตามกระแสคือชอบไปทำตามๆกันไงคะ
โดยไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตทีละคำเพื่อรู้ตามไง
และต้องอาศัยฟังจากปรโตโฆสะคือฟังผู้รู้กล่าวคำสัจจะให้คิดตาม
มัวแต่คิดเองตามกระแสเลยคิดตามทีละ1คำไม่เป็นเลยสะสมแต่อวิชชา/ปัญญาไม่เกิด
และเสียงเกิดในความมืดมีแต่เสียงคำสัจจะที่ทำให้เข้าใจถูกไม่มีแสงทำให้เห็นตัวอักษร555
คุณประมาททุกท่านที่ไม่เคยแม้แต่จะเริ่มต้นฟังเนี่ยคือใช้หูฟังนะคะไม่ใช่ตาฟังค่ะเพราะตาไม่ได้ยินเสียง

เมื่อไหร่จะคิดได้กันคะทางเกิดของปัญญาเริ่มต้นที่สุตมยปัญญาไม่ใช่จักษุมยปัญญา55555555


เอาหลักมาลงเสริมเพื่อให้เห็นช่องทางที่จะถกเถียงกันต่อ คิกๆคักๆ :b32:

๖ ทาง นี่ ถ้าคนรู้จักคิดปัญญาเกิดได้ทุกทาง แต่ถ้า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น เป็นต้นแล้ว คนไม่รู้จักคิดปัญญาทางธรรมเพื่อการดับทุกข์หาเกิดไม่


ดูหลัก อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ



@ อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - รูป เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ - เห็น

๒. โสตะ - หู ,, ---------,, สัททะ - เสียง ,,------------,, โสตวิญญาณ - ได้ยิน

๓. ฆานะ - จมูก ,,-------,, คันธะ - กลิ่น ,,-----------,, ฆานวิญญาณ - ได้กลิ่น

๔. ชิวหา - ลิ้น ,,--------,, รส - รส ,,--------------- -,, ชิวหาวิญญาณ - รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,, โผฏฐัพพะ - สิ่งต้องกาย ,,------,, กายวิญญาณ - รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,---------,, ธรรมารมณ์ - เรื่องในใจ ,,-------,, มโนวิญญาณ - รู้เรื่องในใจ


(พอมองออกไหมขอรับ :b13: ซึ่งมันก็เรื่องของการใช้ตาดู ใช้หูฟัง ใช้จมูกดมกลิ่น ฯลฯ ในชีวิตประจำวันนี่เอง ไม่นอกเหนือจากนี้ แต่ต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่นเป็นต้นแล้วนี่ ต่างคนต่างไปทางใครทางมัน คิกๆๆ)

จิตเกิดดับทีละ1ขณะเป็นแต่ละ1ทางไม่เหลือซากจิตขณะเดิมเลย
ยังพอใจในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอยู่คือกามตัณหา
ยังอยากตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อเห็นคือภวตัณหา
ยังไม่อยากตาบอดไม่อยากตายคือวิภวตัณหา
ยังมีกิเลสอันเก่านอนมาในจิตตลอดเวลามีกิเลส+ตัณหา
จนกว่าจะเริ่มฟังคำวาจาสัจจะเพื่อเกิดปัญญารู้ตามคำสอนได้
การรู้เสียงมีแค่เสียงสูงๆต่ำๆแต่การเข้าใจความหมายตรงสัจจะคือรูปปรมัตถ์
ถ้ายังคิดถึงแต่สมมุติคนสัตว์วัตถุก็เป็นเรายึดถือว่ามีตัวตน555เพราะรูปปรมัตถ์ไม่มีตัวคน555
จิตเกิดดับทางตาไม่เกิดทางหูไม่เกิดทางลิ้นไม่เกิดทางจมูกไม่เกิดทางปากไม่เกิดทางทวารหนัก
เพราะรูปปรมัตถ์คือความรู้สึกชัดแจ้งในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งชัดที่จิตใจรู้อารมณ์ทีละ1แต่ละ1ไม่มีอะไรปนกัน
เห็นไม่ใช่แข็ง/เสียงไม่ใช่สี/กลิ่นไม่ใช่รส/ร้อนไม่ใช่เย็นไม่มีอะไรปนและไม่มีจิตซ้ำเดิมเป็นจิตสะสมแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่จิตรู้อารมณ์แต่ละ1ดับไม่กลับมาให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดไม่รู้คือไม่รู้
:b12:
:b32: :b32:

โลกทางตาทางเดียวที่มีแสงเป็นสีล้วน1สีกระทบตาดับทันทีหลงยึดตัวอักษรใช่ไหม555
ยึดถึอตำราและครูบาอาจารย์ที่กระทำหยาบคายต่อพระวินัยใช่ไหมไม่เคารพพระธรรมพระวินัย555
ไม่มีกาลามสูตร10ชัดไหมคะจิตเกิดดับสลับกันมีรู้แจ้งทางตาอย่างเดียวทางอื่นเกิดในความมืดและมืดสนิท
ยังมีอุปาทานขันธ์มีตัวตนไปนั่งทำอะไรไม่รู้จักลืมตาตื่นลืมตาดูโลกตามเป็นจริงตามคำสอนตอนกำลังฟัง555
:b32: :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 278 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร