ชัดแล้วละ ฟัง คิดทีละคำ



ฟังไต่ๆไปทีละคำๆ เช่น นิพ-พาน เป็นต้น นิพ นับ 1 พาน นับ 2 แบบนี้เป็น 2 คำ ที่นั่งฟังเขาพูดอยู่นั่น ก็นั่งคิดทีละคำๆ กว่าจะจบ 1 ชม. นับแล้วได้หลายคำอยู่นะ ขอรับโผม

จะบ้าตาย

คุณโรสครับ ด้วยความปรารถนาดี คุณเซ็ตซีโร่ความคิดความจำที่ได้ที่มีอยู่ก่อนออกให้หมดเถอะครับ แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่ ตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ ถวายสังฆทาน เป็นต้นเอา วันนี้วันพระก็หาบสำรับกับข้าวคาวหวานไปทำบุญยังวัดใกล้บ้าน มีโอกาสก็รักษาศีลอุโบสถ ฝึกสวดอิติปิโส พาหุง มหากา เอาก่อนค่อยๆทำไปนะขอรับ

ดี,ชั่ว, นิพ-พาน

คุณโรสได้แนวคิดนี้มาจากสำนักไหน

เผื่อคุณโรสจะเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

กฐินทาน การทอดกฐิน, การถวายผ้ากฐิน คือ การที่คฤหัสถ์ผู้ศรัทธาหรือแม้ภิกษุสามเณร นำผ้าไปถวายแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว ณ วัดใดวัดหนึ่ง เพื่อทำเป็นผ้ากฐิน เรียกสามัญว่า ทอดกฐิน (นอกจากผ้ากฐินแล้ว ปัจจุบันนิยมมีของถวายอื่นๆอีกด้วยจำนวนมาก เรียกว่า บริวารกฐิน)


ผ้ากฐิน ผ้าผืนหนึ่งที่ใช้เป็นองค์กฐินสำหรับกราน แต่บางทีพูดคลุมๆ หมายถึงผ้าทั้งหมดท่ถวายพระในพิธีทอดกฐิน, เพื่อกันความสับสน จึงเรียกแยกเป็นองค์กฐิน หรือผ้าองค์กฐินอย่างหนึ่ง กับ ผ้าบริวารหรือผ้าบริวารกฐินอีกอย่างหนึ่ง

ผ้าป่า ผ้าที่ทายกถวายแก่พระโดยวิธีปล่อยทิ้งให้พระมาชักเอาไปเอง อย่างเป็นผ้าบังสุกุล ตามธรรมเนียมจะถวายหลังเทศกาลกฐินออกไป

ผาติกรรม “การทำให้เจริญ” หมายถึง การจำหน่ายครุภัณฑ์ เพื่อประโยชน์สงฆ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยเอาของเลวแลกเปลี่ยนเอาของดีกว่าให้แก่สงฆ์ หรือเอาของของตนถวายสงฆ์เป็นการทดแทนที่ตนทำของสงฆ์ชำรุดไป, รื้อของที่ไม่ดีออกทำให้ใหม่ดีกว่าของเก่า เช่น เอาที่วัดไปทำอย่างอื่นแล้วสร้างวัดถวายให้ใหม่; การชดใช้, การทดแทน

เพิ่งสังเกตเห็นที่คุณโรสว่า



ฮงหนักเลยเรา อย่าว่าแต่พูดในใจเบย ต่อให้ตะโกนดังๆว่า "ชั่ว" แล้วให้คนฟังได้ยินว่า "ดี" ก็ไม่ได้ ตะโกนว่า "ดี" จะให้คนฟังได้ยินว่า "ชั่ว" ก็ไม่ได้ เพราะเป็นคำเดียว อย่างนี้ใช่ไหมครับ ที่บอกว่าฟังคำตถาคต

คนปกติคิดคิดได้ทีละพยางค์เดียวตรงๆทีละคำ
ที่หลายพยางค์หรือหลายคำมันรวมเป็นประโยค
ไม่เข้าใจความปกติที่ตัวเองคิดได้ทีละ1คำหรือคะ
ดีตรงคำว่าดีและชั่วตรงคำว่าชั่วจะคิดดีตรงชั่วได้ไหม

คำว่าสติคือ2พยางค์คิดแล้วก็เลยสติแปลว่าขาดสติแล้วไงคะ
จะอ่านตำราไปเรื่อยๆแล้วเมื่อไหร่จะมักน้อยคิดทีคำคือสันโดษ
คำเดียวโดษๆนั้นน่าคิดเป็นไหมคะพึ่งคำปรมัตถสัจจะตรงจริงที่มี
ที่กายใจกำลังมีและกำลังปรากฏว่ามีแล้วไม่ไปไหนก็มีที่ไปแสวงหา
คือไม่รู้ว่ามีแล้วและกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยโดยความเป็นอนัตตา
จะเป็นอัตตาคือคิดเอาแต่ตัวตนไปแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนแล้วจะรู้ไหมคะ
ทรงตรัสไว้ดีแล้วทุกคำถึงจิตทุกประเภทตนเป็น1ประเภทไหนไม่ยอมฟังไงจะรู้ไหมคะคริคริคริ

บอกใครคะต้องบอกตัวเองทุกขณะจิตคือ0
จำไว้ทำไมเยอะแยะจำแต่1คำปรมัตถสัจจะ
ที่กำลังปรากฏ1คำตรงจริงเท่านั้นแต่ไม่ใช่
คิดเองมันผิดจำเป็นต้องพึ่งคำตถาคตจาก
คนอื่นพูดคำจริงของตถาคตให้เข้าใจตาม
คิดตามทีละ1คำคือพึ่งพระรัตนตรัยไงคะ
เช่นเห็นกำลังมีเป็นเราเห็นคนสัตว์วัตถุ
เห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีคือเห็นผิด
เพราะจิตเห็นเพียงสี1สีดับทันทีเลย
ที่ปรากฏรูปร่างคือหลากสีนับไม่ได้
จนปรากฏเป็นสัณฐานที่มหาภูตรูป
เห็นมหาภูตรูปไม่ได้ต้องสัมผัส
จึงจะรู้ที่ตั้งของมหาภูตรูปค่ะ
เข้าใจไหมคะสัมผัสธาตุ3

ตายแน่ๆตถาคตบอกว่าจิตวิปลาสบ้าจนตายนั่นแหละถ้าไม่เริ่มฟังพระพุทธพจน์นะคะ

ตรรกะคุณโรสนี่สุดยอดขอรับ ถามจริงคุณโรสได้แต่ใดมาขอรับโผม



นี่ก็สุดยอดขอรับ สติ 2 พยางค์ สะ นับ 1 ติ นับ 2 ส-ติ นับได้สองคำสองพยางค์ ถ้าใครไปคิดสติแตก เอ้ย สติขาดเบย

จะเริญในทำนะขอรับ

เสียดายเวลาที่ผ่านมาปลูกผักปลูกหญ้าขายยังได้เฮิน