วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม


นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


ผมเตือนเรื่องการพูด...
เพราะการพูดของคุณโรส...พูดลอยๆ...เป็นการสร้างให้คนวาดระแวงนักบวช..นี้เท่ากับคุณโรสไปสร้างสัญญาบาปให้กับคนที่เห็นด้วยกับคุณโรส..ได้

ไปสร้างสัญญาประเภทระแวงนักบวชนี้...หากบังเอิญคนนั้นไปผัสสะกับอริยะสงฆ์เข้าแล้วสัญญาแบบนี้ผุดขึ้นมา."เซียงเมี่ยงรึเปล่า?"..."พระสงฆ์ปฏิบัติดีหรือเปล่าน่า?"..คิดดูซิจะบาปขนาดไหน...

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร

ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:


คนสมัยเก่าก่อน...ใช้ระบบ.".ห้าม " ใว้ก่อน...เพื่อป้องกันลูกหลาน..
ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า.."ชั่วชั่งชี..ดีชั่งสงฆ์" เป็นต้น...เพราะผู้ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่ทันจิตอกุศล...เผลอไผล่ทำบาปกรรมได้ง่าย..และเป็นกรรมหนักซะด้วย...

การสร้างสัญญาในแง่ลบต่อนักบวชในที่สาธารณะ...นั้น..ยิ่งเป็นการวิจารณ์แบบหว่านแห่..นี้...ร้ายแรงถึงขั้นทำลายสงฆ์..ได้เลยนะ..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ..

นักบวช..ก็คือนักบวช...ก็มาจากคนธรรมดาเราเรานี้แหละ...ผิด..ผลาด..ผลั่งเผลออะไรไปบ้าง..ก็เป็นหน้าที่ของอุปัชฌาย์อาจารย์ของเขาจะสั่งสอนเอง...

จำใว้..ว่า..ศีล5ศีล8...ไม่มีหน้าที่สอนศีล227

นอกจากนี้...ยังมีความเห็นของคุณโรส..ที่แสดงถึงความรู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้...ไม่รู้ว่าถูกสอนมาหรือว่านึกคิดเอง...นะ

ดั่งเช่นที่คุณโรสว่า..

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:


อันนี้..ไม่รู้ขนานหนัก...ไม่รู้ว่า...พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ครบอายุ...ต้องมีครบ..

เน้นนะครับ...ต้องมีครบ..พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์
ภิกษุณี..ภิกษุ..ต่างก็เป็นสงฆ์สาวกเหมือนกัน..จะเหลือแค่ภิกษุ..ก็ถือว่า..มีสงฆ์.แม้จะเหลือสัญญาลักษณ์แค่ติ่งหู...ก็ถือว่า..มี
ไม่ใช่เป็นแค่สัญญาลักษณ์..นะ
มันมีอะไรอะไรในนั้น..ไม่ใช่เพียงแค่หลักการเหตุผลที่ว่า..ศึกษาพระธรรมคำสอนแล้วมาสอนชาวบ้าน..เท่านั้น

นี้แหละ..ที่ว่าไม่รู้ขนานหนัก...จึงพูดออกมาว่า..

"ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน"

เป็นอนัตตริยกรรม...ได้เลย..ทำลายสงฆ์(จากใจคนที่หลงเชื่อตาม)

อย่าพูดแบบคะนองปากเลยคุณโรส...ไม่รู้ขนาดหนักอย่างนี้...ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว..
ที่พูดมา...กิเลส..มานะ..อวิชชา..ของตัวเองทั้งนั้น

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

rolleyes
คิดให้ตรงด้วยความวางใจเป็นกลางๆ
สาวกแปลว่าผู้ฟังคำสอนเข้าใจค่ะ
เป็นสาวกของพระพุทธเจ้านะคะ
ต้องฟังคำสอนและประพฤติตามได้
ถ้าไม่เคยฟังคำสอนเลยฟังคือจิตได้ยินถูกไหมคะ
สาวกเนี่ยมีอยู่4เหล่า2ประเภทแม่ชีไม่ใช่นักบวช
และศีลคือความประพฤติของจิตตามการสะสม
ของจิตเจตสิกรูปนิพพานตรงทุกขณะจิตด้วย
คือตรงปัจจุบันขณะตามกิเลสของผู้ไม่รู้และ
ตามปัญญาของผู้รู้คือผู้ที่ระลึกรู้ตามคำสอน
ตรงความจริงที่กำลังมีและรู้ว่าตนกำลังสะสม
ตัวธัมมะใดตรงสัจจะที่กายใจตนกำลังมีค่ะ
ไม่ใช่มีตัวตนคิดแยกออกไปต่างหากเพื่อ
ทำให้ไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยฟังเข้าใจ
จึงไม่มีการรับรู้ว่าตัวตนไม่มีอยู่แล้ว
เพราะสภาพธรรมที่รู้ผ่านอายตนะ6
เดี๋ยวนี้เลยกำลังเกิดดับตรงเหตุปัจจัย
มัวแต่ไปทำหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ตามๆกันค่ะ
ไม่มีกาลามสูตร10เพราะไม่ใช้ปัญญาตน
ไตร่ตรองตามคำสอนให้เข้าใจก่อนไปทำ
เพราะที่ไปทำตามๆกันอยู่นั้นน่ะอยากรู้ใช่ไหม
แต่ตถาคตตรัสรู้ด้วยทศพลญาณไม่มีใครรู้ได้
เพราะผู้ที่จะรู้ได้คือผู้มีทศพลญาณพระองค์ต่อไป
ซึ่งถูกกำหนดไว้แล้วและผู้มีปัญญาเป็นอัครสาวกมี1คน
และคนที่ยังเกิดอยู่ปัญญาลดลงเรื่อยๆเพราะปฏิบัติ
ไม่ตรงตามคำสอนเหมือนครั้งพุทธกาลและการฟังธรรม
และการสนทนาธรรมเป็นมงคลชีวิตดูในมงคล38นะคะ
ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่เป็นพระพุทธพจน์ของแท้ปัญญาก็ไม่เกิดค่ะ
เพราะคำสอนตรงมากและต้องเรียนจากการฟังเพื่อคิดถูกตามตรงขณะ
แล้วที่กล่าวว่ากะพริบตาไม่ทันแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วน่ะค่ะขั้นฟัง
ยังเข้าใจถูกตามได้เลยแล้วทำไมจะต้องไปทำหลับตาไม่รู้เพิ่มขึ้น
เพราะต้องการไปทำสิ่งที่ตนไม่มีคือฌานจิตถูกไหมคะแล้วทำไม
ไม่ไตร่ตรองล่ะคะความจริงต้องรู้ผ่านที่ประชุมรวมกันเดี๋ยวนี้
เพราะทรงแสดงว่ารู้ปัจจุบัน(อดีตและอนาคตรู้ไม่ได้)ก็ที่กะพริบตา
คืออนาคตของจิตเห็นแล้วนี่คะมันก็ไม่ทันความจริงตรงขณะแล้วถูกไหมคะ
ทรงแสดงความจริงให้เข้าใจถูกตามได้ตรงขณะที่ยังไม่ดับและผู้มีปัญญา
ที่ได้เคยสะสมมาแล้วพอฟังรู้ได้ทันทีว่าเป็นคำจริงของตถาคตเพราะ
กาลามสูตร10ใช้ตอนกำลังฟังไม่ว่าจะฟังใครพูดก็ตามตถาคตตรัสไว้ว่า
คำของตถาคตถึงจะพูดตามได้ทุกคำถ้าไม่ทำให้รู้ความจริงตรงขณะ
นั่นไม่ใช่คำของเราตถาคตส่วนใครก็ตามที่กล่าวคำจริงให้ผู้อื่นเข้าใจ
ความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังฟังตามเป็นจริงคือคำจริงของตถาคต
ถ้ามีคนมาคอยเตือนเนี่ยเขาเรียกบุญที่ตนทำมาปรากฏเป็นนิมิตคอยเตือนให้ฟังไม่มีคนเข้าใจไหมคะ
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 16 ก.ค. 2018, 22:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เพิ่มเติมคำว่าชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ให้กบนอกกะลาเข้าใจหน่อยนะคะ
ถ้าไม่ฟังคำสอนและไม่ประพฤติตามธรรมวินัยก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย
และแม่ชีก็คืออุบาสิกาดีๆนี่เองไปนอนวัดผิดไหมเมื่อไม่เข้าใจธรรมวินัยอ่ะ
คนที่ไม่เข้าใจความจริงไม่มีใครเขาพูดอย่างเราพูดหลอกนะเพราะเข้าใจว่า
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยเสื่อมแต่จิตผู้ไม่รู้ที่เสื่อมไป
จากพระธรรมคือไม่เข้าใจคำสอนจึงไม่รู้ว่าชั่วแล้วตั้งแต่มีความไม่รู้แม้เพียงเล็กน้อย
ละชั่วไม่ได้เลยถ้าไม่เคยได้ฌานมาก่อนแล้วมาได้ฟังคำจริงของตถาคตก็คงใบ้บอดหนวก
ถ้าไม่เข้าใจสภาวธรรมทั้ง2คือฌานและญาณว่าทำต่างกันอย่างไรก็คงไม่พยายามมาบอกกัน
ก็อ่านดูเก่าๆที่โพสต์มาสิคะว่าอันเก่าน่ะทำด้วยความไม่รู้ความจริงตามคำสอนเมื่อรู้แล้วมันเฉยไม่ได้
ก็เห็นๆอยู่ว่าผู้ทำลายคำสอนคือนักบวชในพระพุทธศาสนานี่จะให้ว่ายังไงดีคะทำไม่ได้ก็ลาสิกขาสิคะ
คำสอนยังสมบูรณ์ครบถ้วนกล้าคิดจะเปลี่ยนแปลงหรือคะดูชัดนะยุคพันปี3ไม่มีพระอรหันต์บวชรับเงิน
ปิดกั้นมรรคผลนิพพานตายคาผ้าเหลืองไปอบายภูมิคือต้องตกนรกไม่มีทางเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้
ตถาคตตรัสคำใดคำนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้อ่านตรงนี้สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วแปลว่าเปลี่ยนไม่ได้
เพราะเป็นทศพลญาณเข้าใจไหมเกิดจากตรัสรู้จึงบัญญัติคำต่างๆมาให้ได้ศึกษาลืมตัวไหมที่คิดจะเปลี่ยน
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 02:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ฟังพระพุทธพจน์ถ้าเคารพพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด
พระรัตนตรัยมีครบถ้วนสมบูรณ์อยู่บริบูรณ์ดีเพราะพระธรรมวินัยแทนศาสดา
พระพุทธศาสนาคือพระรัตนตรัย1พระพุทธรัตนะ2พระธรรมรัตนะ3พระสังฆรัตนะ
คือพระศาสดาทรงยกคำสอนแทนพระองค์ไม่ใช่ตัวบุคคลเข้าใจไหมฟังเข้าใจคือเคารพคำสอนค่ะ
ในเมื่อบวชทำผิดไม่ละอายและไม่เกรงกลัวบาปก็ต้องประกาศตามคำสอนบอกทางแก่คนหลงทางผิดหรือคะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 03:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเตือนคุณโรสเรื่องการพูดที่ขาดความรู้..อันจะเป็นการทำลายสงฆ์โดยความคึกคะนอง...โดยความหยิ่งทนงตน...หวังว่าจะมีสตินะ

กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม


นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


ผมเตือนเรื่องการพูด...
เพราะการพูดของคุณโรส...พูดลอยๆ...เป็นการสร้างให้คนวาดระแวงนักบวช..นี้เท่ากับคุณโรสไปสร้างสัญญาบาปให้กับคนที่เห็นด้วยกับคุณโรส..ได้

ไปสร้างสัญญาประเภทระแวงนักบวชนี้...หากบังเอิญคนนั้นไปผัสสะกับอริยะสงฆ์เข้าแล้วสัญญาแบบนี้ผุดขึ้นมา."เซียงเมี่ยงรึเปล่า?"..."พระสงฆ์ปฏิบัติดีหรือเปล่าน่า?"..คิดดูซิจะบาปขนาดไหน...

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร

ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:


คนสมัยเก่าก่อน...ใช้ระบบ.".ห้าม " ใว้ก่อน...เพื่อป้องกันลูกหลาน..
ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า.."ชั่วชั่งชี..ดีชั่งสงฆ์" เป็นต้น...เพราะผู้ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่ทันจิตอกุศล...เผลอไผล่ทำบาปกรรมได้ง่าย..และเป็นกรรมหนักซะด้วย...

การสร้างสัญญาในแง่ลบต่อนักบวชในที่สาธารณะ...นั้น..ยิ่งเป็นการวิจารณ์แบบหว่านแห่..นี้...ร้ายแรงถึงขั้นทำลายสงฆ์..ได้เลยนะ..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ..

นักบวช..ก็คือนักบวช...ก็มาจากคนธรรมดาเราเรานี้แหละ...ผิด..ผลาด..ผลั่งเผลออะไรไปบ้าง..ก็เป็นหน้าที่ของอุปัชฌาย์อาจารย์ของเขาจะสั่งสอนเอง...

จำใว้..ว่า..ศีล5ศีล8...ไม่มีหน้าที่สอนศีล227

นอกจากนี้...ยังมีความเห็นของคุณโรส..ที่แสดงถึงความรู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้...ไม่รู้ว่าถูกสอนมาหรือว่านึกคิดเอง...นะ

ดั่งเช่นที่คุณโรสว่า..

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:


อันนี้..ไม่รู้ขนานหนัก...ไม่รู้ว่า...พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ครบอายุ...ต้องมีครบ..

เน้นนะครับ...ต้องมีครบ..พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์
ภิกษุณี..ภิกษุ..ต่างก็เป็นสงฆ์สาวกเหมือนกัน..จะเหลือแค่ภิกษุ..ก็ถือว่า..มีสงฆ์.แม้จะเหลือสัญญาลักษณ์แค่ติ่งหู...ก็ถือว่า..มี
ไม่ใช่เป็นแค่สัญญาลักษณ์..นะ
มันมีอะไรอะไรในนั้น..ไม่ใช่เพียงแค่หลักการเหตุผลที่ว่า..ศึกษาพระธรรมคำสอนแล้วมาสอนชาวบ้าน..เท่านั้น

นี้แหละ..ที่ว่าไม่รู้ขนานหนัก...จึงพูดออกมาว่า..

"ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน"

เป็นอนัตตริยกรรม...ได้เลย..ทำลายสงฆ์(จากใจคนที่หลงเชื่อตาม)

อย่าพูดแบบคะนองปากเลยคุณโรส...ไม่รู้ขนาดหนักอย่างนี้...ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว..
ที่พูดมา...กิเลส..มานะ..อวิชชา..ของตัวเองทั้งนั้น

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
ทุกคนต่างมีกรรมเป็นของตนมีกรรมเป็นที่ไปแตกต่างกันตามการกระทำนั่นแหละค่ะ
ถ้าสมมุติทำไม่ถูกแล้วความจริงจะทำถูกได้ยังไงคะถ้าไม่รับผิดชอบส่วนรวมร่วมกัน
สร้างวัดเริ่มมาจากผู้บวชตั้งวัดเพื่อยศเพื่อลาภได้เป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ก่อสร้างกวนเงิน
สร้างวัตถุใหญ่โตมโหฬารแล้วก็บอกพระพุทธศาสนาเจริญมันเสื่อมแล้วไม่เจริญที่จิตก็ไม่รู้
สมมุติก็แค่สมมุติความจริงเปิดเผยตลอดเวลาแต่ไม่สนใจเทียบสิ่งที่เห็นกับตำราตามเป็นจริง
ไม่ชัดก็เอาใหม่รูปปรมัตถ์มี28รูปไม่มีรูปนั่งรูปยืนรูปเดินรูปนอนแล้วสอนอัตตาให้ยืนเดินนั่งนอนผิดไหม
คิดออกไหมก็ที่ชวนกันไปนัุ่งหลับตาทำไม่รู้ความจริงของจิตเห็นน่ะต้องตื่นรู้ตามปกติคิดตามเป็นปกติค่ะ
ดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวสิเวลาได้ยินเสียงรู้กลิ่นรู้รสสัมผัสคิดนึกจะมืดจะมีแสงสว่างแค่ตอนที่มีสิ่งกระทบตาดับ
แล้วก็มืดสนิทเพราะสว่างที่ต้องใช้ทำผู้รู้คือตื่นรู้มีตอนลืมตาดูปกติตอนกำลังฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามเสียง
ขอโทษนะคะรูปปรมัตถสัจจะที่ต้องตามรู้ตรงขณะก่อนดับคือวิสยรูป7ไม่มีคำว่าพระสงฆ์คนเงินวัดโบสถ์กุฏิ
แล้วหลงผิดจนใหญ่โตแล้วกำลังคิดก่อการเปลี่ยนแปลงคำสอนให้รับเงินได้คิดดูสิกิเลสใครสนใจฟังบ้างนะ
ชาวบ้านเขาก็คิดเป็นไม่ได้โง่และมีตากันทุกคนและหูก็ไม่หนวกความจริงที่ปิดกันให้แซดมีทุกพื้นที่โลกเลย
เอาบาตรไปรับบิณฑบาตเงินจากชาวต่างชาติเขาไม่รู้เขาก็ใส่คนที่รู้เลิกคลุกคลีกับพระเพราะมันผิดวินัย555
:b13: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ฟังพระพุทธพจน์ถ้าเคารพพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด
พระรัตนตรัยมีครบถ้วนสมบูรณ์อยู่บริบูรณ์ดีเพราะพระธรรมวินัยแทนศาสดา
พระพุทธศาสนาคือพระรัตนตรัย1พระพุทธรัตนะ2พระธรรมรัตนะ3พระสังฆรัตนะ
คือพระศาสดาทรงยกคำสอนแทนพระองค์ไม่ใช่ตัวบุคคลเข้าใจไหมฟังเข้าใจคือเคารพคำสอนค่ะ
ในเมื่อบวชทำผิดไม่ละอายและไม่เกรงกลัวบาปก็ต้องประกาศตามคำสอนบอกทางแก่คนหลงทางผิดหรือคะ
:b8: :b8: :b8:

Kiss
:b1:
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
มีเว็บไซต์ที่ไป่ตู้ของประเทศจีนคือกูเกิ้ลจีน
เผยแพร่คำสอนเป็นภาษาจีนคนจีนเขารู้
เขาบอกว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ในไทยกำลังเสื่อมและวิกฤติอย่างหนักมาก
ถ้าพระสงฆ์ไทยไม่ปฏิรูปตนเองตามคำสอน
พิจารณาไตร่ตรองสิคะพระวัดไหนบ้างที่ใช้เงิน
เป็นภิกษุในธรรมวินัยมีได้แค่อัฏบริขารคือบริขาร8
มีหน้าที่ทำคันถะธุระและวิปัสสนาธุระเกินนั้นทำตามกิเลสค่ะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 07:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ
ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ
ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา
คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ
การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ
ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ
ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ
ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ
คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ
แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก
ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ
ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว
ว่ากำลังทำอะไรและ
การประกาศเปิดเผย
ตามคำสอนทำให้
คำสอนรุ่งเรือง
สว่างไสวมอง
เห็นกิเลสตน
และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ
แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง
แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก
ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ
มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 09:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ
ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ
ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา
คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ
การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ
ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ
ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ
ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ
คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ
แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก
ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ
ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว
ว่ากำลังทำอะไรและ
การประกาศเปิดเผย
ตามคำสอนทำให้
คำสอนรุ่งเรือง
สว่างไสวมอง
เห็นกิเลสตน
และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ
แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง
แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก
ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ
มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ
:b32: :b32:


ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ
ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ
ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา
คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ
การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ
ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ
ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ
ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ
คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ
แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก
ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ
ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว
ว่ากำลังทำอะไรและ
การประกาศเปิดเผย
ตามคำสอนทำให้
คำสอนรุ่งเรือง
สว่างไสวมอง
เห็นกิเลสตน
และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ
แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง
แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก
ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ
มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ
:b32: :b32:


ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

Kiss
:b12:
คุณกบนอกกะลาคะถ้าเราบอกท่านว่าเราถึงวิสยรูป7ตรงขณะทุกขณะจะเชื่อเลยไหมคะ
จะถามไหมคะว่าถึงได้ยังไงตอบให้ก็บอกว่าฝึกระลึกตามวิสยรูป7มาแต่7ปีที่แล้วนะคะ
พร้อมกับฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะที่เขาสนทนาคำในพระไตรปิฎกไปด้วยค่ะ
จากไม่มีความรู้เรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพานเลยจนเข้าใจถูกตรงตัวธัมมะจริงๆไปด้วยช้าจนเร็วขึ้น
จนรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกขณะจากการฟีงพระพุทธพจน์ตรงคำตรงขณะจึงกล่าวถึงกะพริบตาคือ
ความจริงที่ทันทุกขณะมันก็รู้สิ่งที่กำลังปรากฏครบ6ทางอายตนะทั่วตัวเร็วทั่วตัวจะให้ว่ายังไงคะ
เข้าใจไหมคะคำสอนแทนศาสดาและศาสนาแปลว่าคำสอนดังนั้นศาสดาคือศาสนาคือพระรัตนตรัยค่ะ
เคารพศาสดาได้ด้วยการฟังคำสอนอย่างตั้งใจเรียนความจริงที่กายใจไปด้วยคือมีความจริงให้ดูทันที
ไม่ต้องไปไหนเพราะการฟังคือกุศลสูงสุดที่ประกอบด้วยปัญญามีที่พึ่งคือกัลยาณมิตรสูงสุดคือคำสอน
เพราะกำลังคิดไตร่ตรองตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังคือ
พึ่งพระรัตนตรัยคือคำสอนเพื่อระลึกตามเป็นจริงให้คิดเห็นถูกตามได้จนเกิดปัญญาตนรู้ชัดตรงตามได้
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ
ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ
ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา
คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ
การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ
ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ
ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ
ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ
คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ
แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก
ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ
ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว
ว่ากำลังทำอะไรและ
การประกาศเปิดเผย
ตามคำสอนทำให้
คำสอนรุ่งเรือง
สว่างไสวมอง
เห็นกิเลสตน
และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ
แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง
แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก
ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ
มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ
:b32: :b32:


ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

Kiss
:b12:
คุณกบนอกกะลาคะถ้าเราบอกท่านว่าเราถึงวิสยรูป7ตรงขณะทุกขณะจะเชื่อเลยไหมคะ
จะถามไหมคะว่าถึงได้ยังไงตอบให้ก็บอกว่าฝึกระลึกตามวิสยรูป7มาแต่7ปีที่แล้วนะคะ
พร้อมกับฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะที่เขาสนทนาคำในพระไตรปิฎกไปด้วยค่ะ
จากไม่มีความรู้เรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพานเลยจนเข้าใจถูกตรงตัวธัมมะจริงๆไปด้วยช้าจนเร็วขึ้น
จนรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกขณะจากการฟีงพระพุทธพจน์ตรงคำตรงขณะจึงกล่าวถึงกะพริบตาคือ
ความจริงที่ทันทุกขณะมันก็รู้สิ่งที่กำลังปรากฏครบ6ทางอายตนะทั่วตัวเร็วทั่วตัวจะให้ว่ายังไงคะ
เข้าใจไหมคะคำสอนแทนศาสดาและศาสนาแปลว่าคำสอนดังนั้นศาสดาคือศาสนาคือพระรัตนตรัยค่ะ
เคารพศาสดาได้ด้วยการฟังคำสอนอย่างตั้งใจเรียนความจริงที่กายใจไปด้วยคือมีความจริงให้ดูทันที
ไม่ต้องไปไหนเพราะการฟังคือกุศลสูงสุดที่ประกอบด้วยปัญญามีที่พึ่งคือกัลยาณมิตรสูงสุดคือคำสอน
เพราะกำลังคิดไตร่ตรองตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังคือ
พึ่งพระรัตนตรัยคือคำสอนเพื่อระลึกตามเป็นจริงให้คิดเห็นถูกตามได้จนเกิดปัญญาตนรู้ชัดตรงตามได้
:b4: :b4:



มาอีกแระรู้สึกตัวทั่วพร้อม :b32:

ฝึกระลึกตามวิสยรูป 7 เขาฝึกกันยังไงอ่ะ เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บทสรุป...

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ
ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ
ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา
คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ
การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ
ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ
ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ
ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ
คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ
แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก
ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ
ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว
ว่ากำลังทำอะไรและ
การประกาศเปิดเผย
ตามคำสอนทำให้
คำสอนรุ่งเรือง
สว่างไสวมอง
เห็นกิเลสตน*****
และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ
แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง
แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก
ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ
มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ
:b32: :b32:

:b12:
ขอเติมหน่อยแก้นิดนึงค่ะตรงกาดอกจัน
เห็นกิเลสตน*****ก็เห็นกิเลสผู้อื่น
เพราะฟังคำสอนทำให้รู้จักกิเลส
ตามความเป็นจริงจึงละชั่วได้
คือละไม่รู้ที่ไหลไปไม่หยุด
ด้วยการพึ่งคิดตามทีละคำ
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ :b32:


อ้าวเป็นงั้นไป ถ่ายไว้เองแท้ๆ แต่ให้คนอื่นล้าง :b1:

ต่อเมื่อพินาคำพูดนั่นแล้ว ตีความได้สองนัย คือ 1. ตัวเองพูดไปนั่นๆนี่ๆ แต่หารู้ไม่ว่าหมายถึงอะไร ทำนองนกแก้วนกขุนทองพูดภาษาคนได้ 2. เพื่อสื่อให้รู้ว่ากรัชกายรู้ทฤษฎีไม่เท่าไหร่หรอกเอาแปะเลย ส่วนคุณโรสเองว่ารู้ภาคปฏิบัติรู้ลึกกว่า :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ :b32:



ว่าดังนั้น ก็เอาตัวอย่างนี้เลย มีนิดเดียวสังเกตดู

อ้างคำพูด:
หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้
หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ
หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ


ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นแบบอัปปมัญญา ๔


แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง ....กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย ...เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า
"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดังก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น


พอเห็นเค้าไหมขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร