วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

Kiss
วิถีทางที่จิตเกิดมันตั้งมั่นตรงทางเป็นสมาธิอยู่แล้วจึงไม่ต้องทำสมาธิ
ตอนหลับสนิทไม่มีวิถึจิตเกิดแต่เป็นสภาวะธรรมที่ไม่ปรากฏอารมณ์
ตอนมีวิถีจิตจึงมีที่มาของเห็นผิดเพราะจากไม่มีพอเริ่มตื่นจึงมีทาง
และทางนั้นจะไม่เคยไปถูกถ้าไม่พึ่งคิดไตร่ตรองตามคำตถาคต
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2018, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

Kiss
วิถีทางที่จิตเกิดมันตั้งมั่นตรงทางเป็นสมาธิอยู่แล้วจึงไม่ต้องทำสมาธิ
ตอนหลับสนิทไม่มีวิถึจิตเกิดแต่เป็นสภาวะธรรมที่ไม่ปรากฏอารมณ์
ตอนมีวิถีจิตจึงมีที่มาของเห็นผิดเพราะจากไม่มีพอเริ่มตื่นจึงมีทาง
และทางนั้นจะไม่เคยไปถูกถ้าไม่พึ่งคิดไตร่ตรองตามคำตถาคต
:b12:



คุณไปได้ความคิดนี้มาจากไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

Kiss
วิถีทางที่จิตเกิดมันตั้งมั่นตรงทางเป็นสมาธิอยู่แล้วจึงไม่ต้องทำสมาธิ
ตอนหลับสนิทไม่มีวิถึจิตเกิดแต่เป็นสภาวะธรรมที่ไม่ปรากฏอารมณ์
ตอนมีวิถีจิตจึงมีที่มาของเห็นผิดเพราะจากไม่มีพอเริ่มตื่นจึงมีทาง
และทางนั้นจะไม่เคยไปถูกถ้าไม่พึ่งคิดไตร่ตรองตามคำตถาคต
:b12:



คุณไปได้ความคิดนี้มาจากไหน



รอคำตอบจน กท.ตก คุณโรสไม่มีหลักเลย พูดไปเรื่อยเปื่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลืมตาก็ไม่รู้ กระพริบตาก็ไม่รู้ ฟังคำของตถาคตที่คุณโรสอ้างร้อย % ก็ไม่รู้ หลับตาจึงรู้จึงเห็น ตัวอย่าง


อ้างคำพูด:
ผมเป็นคนนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบ ก็นั่งมาเรื่อยครับ จนปัจจุบันอายุ 40 ปี ลองศึกษาหลายๆ แนวทาง จนรู้สึกแนวอานาปานสติ น่าจะเหมาะกับตัวเราก็เลยปฏิบัติแนวนนี้มาตลอดครับ
เคยมีอยู่ครั้งนึง ผมนั่งสมาธิไปได้ประมาณ 30 นาที จิตนิ่งจนหูไม่ได้ยินเสียง จมูกไม่ได้กลิ่น อยู่ดีๆ ก็เห็นตัวเองออกมายืนดูเราที่กำลังนั่งสมาธิอยู่
ผมก็มองดู เอ..หรือเราตายแล้ว ก็ยังกลัวๆครับ
แต่ก็ตกใจสุด ตอนดูตัวเองนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ผิวหนังมันถูกถลกออกครับ จะเห็นเป็นกล้ามเนื้อ เส้นเลือด แล้วก็โดนถลกออกอีก จนเห็นเป็นโครงกระดูก แล้วค่อยๆ หายไป
แล้วเหมือนใครเอาน้ำเย็นมากๆ มาสาด แล้วก็ประกอบร่างใหม่กลับมาเป็นตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่
แล้วก็โดนถลกออกอีกครับ หนัง เนื้อ กระดูก ภาพมันซ้ำๆแบบนี้ จนนั่งไป 3 ชม. พอดีนาฬิกาปลุกดังขึ้น
ผมเลยลืมตาออกจากสมาธิ
ใจนึงก็กลัว แต่ใจนึงก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาในกายสังขารนี้
เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ยครับ มันคืออะไรครับ เราควรจะปฏิบัติเช่นไรต่อเพื่อให้เกิดปัญญา ตามแนวทางวิปัสสนากรรมฐานครับ รบกวนขอคำแนะนำ ชี้แนะจากเพื่อน พี่ น้อง ที่ปฏิบัติธรรมด้วยครับ...


ข้อสังเกต คนพูดๆนี่รู้ทุกอย่างนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แต่คนทำคนปฏิบัติรู้ว่าตนไม่รู้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสมาอีกแล้ว :b13:

อ้างคำพูด:
เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิได้สองเดือนกว่า ช่วงแรกที่นั่งก็ใช้อานาปานสติ และพุทโธค่ะ ก็จะเอาจิตแนบกับลมหายใจตอนเข้าออก

ตอนแรกที่นั่งไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ปรากฏว่านั่งได้นานกว่า ช.ม.
มีอยู่ครั้งนึงเหมือนสัปหงก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหัวตัวเอง และช่วงบ่าจากด้านซ้ายมือ ทั้งที่นั่งตอนเย็นกลับรู้สึกเหมือนกลางวันค่ะ ก็แปลกใจระคนตกใจนิดหน่อย มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอีกคนดูตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่

อีกครั้งนั่งดูลมหายใจ และภาวนาพุทโธก่อนจะหลับ เน้นยังไม่หลับค่ะ รู้ตัวตลอด รู้สึกเหมือนมีอาการคล้ายผีอำค่ะ แต่ขนลุกด้านหลังแบบเย็นวาบ เลยค่ะ
แต่เรากลับเห็นแขนเรา กะขาหนึ่งข้าง (เรานอนตะแคงขวา) เราก็เกิดความกลัวระคนแปลกใจ นึกในใจว่า เฮ้ย วิญญานออกจากร่าง ก็เลยพยายามขยับแขนกะขาข้างที่เห็น ปรากฏว่าไม่สามารถค่ะ
แถมมันสว่างเหมือนกลางวัน ต้องพยายามหมุนตัวให้แขนมันตรงกัน จนค่อยขยับออกมาได้ (ยังขำตัวเองจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามหมุนให้แขนมันตรงกัน)


เคยบอกคุณโรสแล้ว ว่าให้เลิกกระพริบตา เลิกฟังคลิปของบริหารสุวรรณเขต มาหลับตาทำมั่ง เชื่อกรัชกายเถอะนะ นะ :b32: แล้วจะรู้ว่าชีวิตนี้เราเองยังไม่รู้เข้าใจมันอีกเยอะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

Kiss
วิถีทางที่จิตเกิดมันตั้งมั่นตรงทางเป็นสมาธิอยู่แล้วจึงไม่ต้องทำสมาธิ
ตอนหลับสนิทไม่มีวิถึจิตเกิดแต่เป็นสภาวะธรรมที่ไม่ปรากฏอารมณ์
ตอนมีวิถีจิตจึงมีที่มาของเห็นผิดเพราะจากไม่มีพอเริ่มตื่นจึงมีทาง
และทางนั้นจะไม่เคยไปถูกถ้าไม่พึ่งคิดไตร่ตรองตามคำตถาคต
:b12:



คุณไปได้ความคิดนี้มาจากไหน



รอคำตอบจน กท.ตก คุณโรสไม่มีหลักเลย พูดไปเรื่อยเปื่อย

:b32:
หลับตาทำไม่รู้ไม่ดูไม่เห็น
ชอบส่งออกไปดูจิตผู้อื่น
กิเลสละเอียดเป็นมิจฉา
ก็ไม่รู้บอกไม่รู้จักฟังนะ
ตถาคตให้ดูกายใจตน
ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ว่าไม่รู้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรสมาอีกแล้ว :b13:

อ้างคำพูด:
เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิได้สองเดือนกว่า ช่วงแรกที่นั่งก็ใช้อานาปานสติ และพุทโธค่ะ ก็จะเอาจิตแนบกับลมหายใจตอนเข้าออก

ตอนแรกที่นั่งไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ปรากฏว่านั่งได้นานกว่า ช.ม.
มีอยู่ครั้งนึงเหมือนสัปหงก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหัวตัวเอง และช่วงบ่าจากด้านซ้ายมือ ทั้งที่นั่งตอนเย็นกลับรู้สึกเหมือนกลางวันค่ะ ก็แปลกใจระคนตกใจนิดหน่อย มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอีกคนดูตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่

อีกครั้งนั่งดูลมหายใจ และภาวนาพุทโธก่อนจะหลับ เน้นยังไม่หลับค่ะ รู้ตัวตลอด รู้สึกเหมือนมีอาการคล้ายผีอำค่ะ แต่ขนลุกด้านหลังแบบเย็นวาบ เลยค่ะ
แต่เรากลับเห็นแขนเรา กะขาหนึ่งข้าง (เรานอนตะแคงขวา) เราก็เกิดความกลัวระคนแปลกใจ นึกในใจว่า เฮ้ย วิญญานออกจากร่าง ก็เลยพยายามขยับแขนกะขาข้างที่เห็น ปรากฏว่าไม่สามารถค่ะ
แถมมันสว่างเหมือนกลางวัน ต้องพยายามหมุนตัวให้แขนมันตรงกัน จนค่อยขยับออกมาได้ (ยังขำตัวเองจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามหมุนให้แขนมันตรงกัน)


เคยบอกคุณโรสแล้ว ว่าให้เลิกกระพริบตา เลิกฟังคลิปของบริหารสุวรรณเขต มาหลับตาทำมั่ง เชื่อกรัชกายเถอะนะ นะ :b32: แล้วจะรู้ว่าชีวิตนี้เราเองยังไม่รู้เข้าใจมันอีกเยอะ

Kiss
อันที่ไปนั่งหลับตาทำฌานน่ะก็เคยทำมาแล้วแค่3ปี2547-2549รู้ความจริงว่าตัวตนไม่มีแล้ว
นั่นเป็นวิบากกรรมเก่ามาปรากฏให้ได้รับผลแต่กรรมใหม่ที่รอให้ผลเกิดปัญญาคือสังขารขันธ์
ที่เกิดจากการปรุงแต่งจิตถูกตรงตามคำสอนตอนฟังตรงจริงที่กายใจมีเท่านั้นจึงเป็นปัญญาที่เพิ่มขึ้น
ที่ไปอ่านไปท่องไปจำทุกคำโดยไม่รู้ความจริงที่กำลังมีจริงๆคือไม่รู้จริงการตรงขณะทันทีตรงที่มีแล้ว
คือความจริงที่ทันปัจจุบันขณะต้องครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ตอนลืมตาดูโลกตามปกติตรงสติปัฏฐาน4
กำหนดเลือกฐานไม่ได้เพราะเป็นสติปัญญาตามระลึกทันตรงจริงตรงคำสัจจะตรงจากทีละคำมาก่อนแล้ว
จนระลึกตามได้ชำนาญขึ้นเร็วขึ้นครบทั้ง6โลกตรงวิสยรูป7เป็นสติสัมปชัญญะของจริงที่กิเลสแทรกไม่ได้
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสมาอีกแล้ว :b13:

อ้างคำพูด:
เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิได้สองเดือนกว่า ช่วงแรกที่นั่งก็ใช้อานาปานสติ และพุทโธค่ะ ก็จะเอาจิตแนบกับลมหายใจตอนเข้าออก

ตอนแรกที่นั่งไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ ปรากฏว่านั่งได้นานกว่า ช.ม.
มีอยู่ครั้งนึงเหมือนสัปหงก รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหัวตัวเอง และช่วงบ่าจากด้านซ้ายมือ ทั้งที่นั่งตอนเย็นกลับรู้สึกเหมือนกลางวันค่ะ ก็แปลกใจระคนตกใจนิดหน่อย มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอีกคนดูตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่

อีกครั้งนั่งดูลมหายใจ และภาวนาพุทโธก่อนจะหลับ เน้นยังไม่หลับค่ะ รู้ตัวตลอด รู้สึกเหมือนมีอาการคล้ายผีอำค่ะ แต่ขนลุกด้านหลังแบบเย็นวาบ เลยค่ะ
แต่เรากลับเห็นแขนเรา กะขาหนึ่งข้าง (เรานอนตะแคงขวา) เราก็เกิดความกลัวระคนแปลกใจ นึกในใจว่า เฮ้ย วิญญานออกจากร่าง ก็เลยพยายามขยับแขนกะขาข้างที่เห็น ปรากฏว่าไม่สามารถค่ะ
แถมมันสว่างเหมือนกลางวัน ต้องพยายามหมุนตัวให้แขนมันตรงกัน จนค่อยขยับออกมาได้ (ยังขำตัวเองจนถึงปัจจุบัน ที่พยายามหมุนให้แขนมันตรงกัน)


เคยบอกคุณโรสแล้ว ว่าให้เลิกกระพริบตา เลิกฟังคลิปของบริหารสุวรรณเขต มาหลับตาทำมั่ง เชื่อกรัชกายเถอะนะ นะ :b32: แล้วจะรู้ว่าชีวิตนี้เราเองยังไม่รู้เข้าใจมันอีกเยอะ

Kiss
อันที่ไปนั่งหลับตาทำฌานน่ะก็เคยทำมาแล้วแค่ 3 ปี 2547-2549 รู้ความจริงว่าตัวตนไม่มีแล้ว
นั่นเป็นวิบากกรรมเก่ามาปรากฏให้ได้รับผลแต่กรรมใหม่ที่รอให้ผลเกิดปัญญาคือสังขารขันธ์
ที่เกิดจากการปรุงแต่งจิตถูกตรงตามคำสอนตอนฟังตรงจริงที่กายใจมีเท่านั้นจึงเป็นปัญญาที่เพิ่มขึ้น
ที่ไปอ่านไปท่องไปจำทุกคำโดยไม่รู้ความจริงที่กำลังมีจริงๆคือไม่รู้จริงการตรงขณะทันทีตรงที่มีแล้ว
คือความจริงที่ทันปัจจุบันขณะต้องครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ตอนลืมตาดูโลกตามปกติตรงสติปัฏฐาน4
กำหนดเลือกฐานไม่ได้เพราะเป็นสติปัญญาตามระลึกทันตรงจริงตรงคำสัจจะตรงจากทีละคำมาก่อนแล้ว
จนระลึกตามได้ชำนาญขึ้นเร็วขึ้นครบทั้ง6โลกตรงวิสยรูป7เป็นสติสัมปชัญญะของจริงที่กิเลสแทรกไม่ได้
:b12:
:b4: :b4:



คุณโรสเคยทำฌานหรือขอรับ :b10:

มาครบเลยนะ ทั้งปัจจุบันขณะ, ธาตุ ๕ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ สติปัฏฐาน ๔ ๖ โลก วิสยรูป ๗ สติ สัมปชัญญะ คิกๆๆ มากันทั้งครอบครัวเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 21:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

:b12:
ไม่รู้จักทางแล้วจะเกิดปัญญาได้ไหมคะ
:b32:
รู้จักวิถีกระสุนไหมคะต้องแม่นถึงยิงถูกนะ
:b32:
ขำคนไม่รู้จักกิเลสและจะเกิดปัญญาได้ไง
ก็บอกแล้วว่าเมื่อไหร่จะเริ่มฟังพระพุทธพจน์
วิถีกระสุนก็เหมือนวิถีจิตมันถูกกำหนดมาแล้ว
แต่ละทางมันแม่นยำจริงๆตั้งมั่นตรงทางตรงขณะ
ถ้าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจสังขารขันธ์ก็ปรุงปัญญา
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์สังขารขันธ์ก็ปรุงกิเลสอวิชชา
วิถีจิตมี6ทางและแต่ละทางไม่ปนกันมันเกิดดับสลับกัน
:b32:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

:b12:
ไม่รู้จักทางแล้วจะเกิดปัญญาได้ไหมคะ
:b32:
รู้จักวิถีกระสุนไหมคะต้องแม่นถึงยิงถูกนะ
:b32:
ขำคนไม่รู้จักกิเลสและจะเกิดปัญญาได้ไง
ก็บอกแล้วว่าเมื่อไหร่จะเริ่มฟังพระพุทธพจน์
วิถีกระสุนก็เหมือนวิถีจิตมันถูกกำหนดมาแล้ว
แต่ละทางมันแม่นยำจริงๆตั้งมั่นตรงทางตรงขณะ
ถ้าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจสังขารขันธ์ก็ปรุงปัญญา
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์สังขารขันธ์ก็ปรุงกิเลสอวิชชา
วิถีจิตมี6ทางและแต่ละทางไม่ปนกันมันเกิดดับสลับกัน
:b32:
:b4: :b4:



วิถีจิต นี่มันยังไงอ่ะ ว่ามาวิถีจิต

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

:b12:
ไม่รู้จักทางแล้วจะเกิดปัญญาได้ไหมคะ
:b32:
รู้จักวิถีกระสุนไหมคะต้องแม่นถึงยิงถูกนะ
:b32:
ขำคนไม่รู้จักกิเลสและจะเกิดปัญญาได้ไง
ก็บอกแล้วว่าเมื่อไหร่จะเริ่มฟังพระพุทธพจน์
วิถีกระสุนก็เหมือนวิถีจิตมันถูกกำหนดมาแล้ว
แต่ละทางมันแม่นยำจริงๆตั้งมั่นตรงทางตรงขณะ
ถ้าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจสังขารขันธ์ก็ปรุงปัญญา
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์สังขารขันธ์ก็ปรุงกิเลสอวิชชา
วิถีจิตมี6ทางและแต่ละทางไม่ปนกันมันเกิดดับสลับกัน
:b32:
:b4: :b4:



วิถีจิต นี่มันยังไงอ่ะ ว่ามาวิถีจิต

:b12:
จิตเห็นมีแค่สิ่งที่กระทบตาแล้วดับทันทียังไม่เป็นสิ่งใดแต่ตนเห็นอะไร
เห็นแสง+สี1สีดับทันทีแล้วตัวเองเห็นอะไรเดียวนี้เลยกำลังเห็นมีแล้ว
ตาเนื้อคนปกติมองเห็นตามภพภูมิปกติเป็นนิมิตคนสัตว์วัตถุตรงไหม
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

:b12:
ไม่รู้จักทางแล้วจะเกิดปัญญาได้ไหมคะ
:b32:
รู้จักวิถีกระสุนไหมคะต้องแม่นถึงยิงถูกนะ
:b32:
ขำคนไม่รู้จักกิเลสและจะเกิดปัญญาได้ไง
ก็บอกแล้วว่าเมื่อไหร่จะเริ่มฟังพระพุทธพจน์
วิถีกระสุนก็เหมือนวิถีจิตมันถูกกำหนดมาแล้ว
แต่ละทางมันแม่นยำจริงๆตั้งมั่นตรงทางตรงขณะ
ถ้าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจสังขารขันธ์ก็ปรุงปัญญา
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์สังขารขันธ์ก็ปรุงกิเลสอวิชชา
วิถีจิตมี6ทางและแต่ละทางไม่ปนกันมันเกิดดับสลับกัน
:b32:
:b4: :b4:



วิถีจิต นี่มันยังไงอ่ะ ว่ามาวิถีจิต

:b12:
จิตเห็นมีแค่สิ่งที่กระทบตาแล้วดับทันทียังไม่เป็นสิ่งใดแต่ตนเห็นอะไร
เห็นแสง+สี1สีดับทันทีแล้วตัวเองเห็นอะไรเดียวนี้เลยกำลังเห็นมีแล้ว
ตาเนื้อคนปกติมองเห็นตามภพภูมิปกติเป็นนิมิตคนสัตว์วัตถุตรงไหม
:b4: :b4:



คุณโรสนำเอาคำศัพท์แสงทางธรรม กับ กับบัญญัติที่ชาวบ้านชาวโลกเขาใช้สื่อสารเพื่อความเข้าใจกัน มาผสมปนเปกันมั่วไปหมด

ที่เขาเรียกว่า คน ว่า สัตว์ นี่เป็นคำที่กำหนดเรียกสิ่งนั้นสิ่งนี้ เช่น สมมติเรียกแผ่นดินสูงๆว่า ภูเขา เป็นต้น นึกออกนะ อย่างอื่นก็ทำนองนี้

ส่วนภาษาทางธรรม แสงสี อะไรที่ว่านั่นนะ เป็นภาษาทางศาสนาใช้ เช่น ตา เห็นรูป (สี) ฯลฯ รูป นี่พระสูตรใช้ ในวงเล็บ (สี) อภิธรรมใช้ พอเข้าใจไหม

ทีนี้คุณโรสเอง นำมายำปนกัน มันจึงเละสับสนทางความคิดของตัวเอง พูดง่ายๆก็ว่าเละนั่นแหละ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคุณโรสยังจำได้ เคยบอกครั้งแล้วว่า คุณโรสเรียนอภิธรรมเพียวๆ อย่างเดียว ซึ่งฝ่ายนี้เขาจำแนกละเอียด แม้แต่ฌานว่า มี ๕ ส่วนพระสูตรว่ามี ๔ นิวรณ์ก็ว่ามี ๖ ส่วนพระสูตรว่ามี ๕

เมื่อคุณโรสอยู่ในโฮมสะเตย์กับแม่บริหาร ฯ จึงถูกชักจูงความคิดให้โน้มเอียงไปทางนั้น พอเข้าใจไหมขอรับ ที่พูดเนี่ย เหนื่อย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b32:
ลืมตาก็ไม่รู้ยังไปหลับตาทำไม่รู้ลึกกว่าเดิม
เพราะวิถีจิตของจิตเห็นมีตอนลืมตาตื่นดู
การหลับตาคือขาดอายตนะทางตา
รู้ความจริงตามคำสอนต้องมีครบ
คือตาไม่บอดและหูไม่หนวก
มีครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ถึงจะเป็นการลืมตารู้ตื่นเบิกบาน
คนตาบอดไม่มีอายตนะทางตาน๊า
ทั้งกิเลสและปัญญาเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตที่ใช้สะสมปัญญาคืออายตนะทางหูน๊า
:b12:
:b16: :b16:


มาอีกแระวิถีจิต

วิถีจิตนี่มันอะไรขอรับ

:b12:
ไม่รู้จักทางแล้วจะเกิดปัญญาได้ไหมคะ
:b32:
รู้จักวิถีกระสุนไหมคะต้องแม่นถึงยิงถูกนะ
:b32:
ขำคนไม่รู้จักกิเลสและจะเกิดปัญญาได้ไง
ก็บอกแล้วว่าเมื่อไหร่จะเริ่มฟังพระพุทธพจน์
วิถีกระสุนก็เหมือนวิถีจิตมันถูกกำหนดมาแล้ว
แต่ละทางมันแม่นยำจริงๆตั้งมั่นตรงทางตรงขณะ
ถ้าฟังพระพุทธพจน์เข้าใจสังขารขันธ์ก็ปรุงปัญญา
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์สังขารขันธ์ก็ปรุงกิเลสอวิชชา
วิถีจิตมี6ทางและแต่ละทางไม่ปนกันมันเกิดดับสลับกัน
:b32:
:b4: :b4:



วิถีจิต นี่มันยังไงอ่ะ ว่ามาวิถีจิต

:b12:
จิตเห็นมีแค่สิ่งที่กระทบตาแล้วดับทันทียังไม่เป็นสิ่งใดแต่ตนเห็นอะไร
เห็นแสง+สี1สีดับทันทีแล้วตัวเองเห็นอะไรเดียวนี้เลยกำลังเห็นมีแล้ว
ตาเนื้อคนปกติมองเห็นตามภพภูมิปกติเป็นนิมิตคนสัตว์วัตถุตรงไหม
:b4: :b4:



คุณโรสนำเอาคำศัพท์แสงทางธรรม กับ กับบัญญัติที่ชาวบ้านชาวโลกเขาใช้สื่อสารเพื่อความเข้าใจกัน มาผสมปนเปกันมั่วไปหมด

ที่เขาเรียกว่า คน ว่า สัตว์ นี่เป็นคำที่กำหนดเรียกสิ่งนั้นสิ่งนี้ เช่น สมมติเรียกแผ่นดินสูงๆว่า ภูเขา เป็นต้น นึกออกนะ อย่างอื่นก็ทำนองนี้

ส่วนภาษาทางธรรม แสงสี อะไรที่ว่านั่นนะ เป็นภาษาทางศาสนาใช้ เช่น ตา เห็นรูป (สี) ฯลฯ รูป นี่พระสูตรใช้ ในวงเล็บ (สี) อภิธรรมใช้ พอเข้าใจไหม

ทีนี้คุณโรสเอง นำมายำปนกัน มันจึงเละสับสนทางความคิดของตัวเอง พูดง่ายๆก็ว่าเละนั่นแหละ

:b32:
กิเลสทำงานตลอดเวลาดังนั้นจึงต้องพึ่งการฟังเพื่อดับกิเลส
กิเลสแปลว่าไม่รู้ตอนไม่รู้ปัญญาเกิดไม่ได้ต้องพึ่งระลึกตาม
คำวาจาสัจจะของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ทรงแจกแจงไว้โดยละเอียดตรงกับรูปที่กำลังปรากฏให้รู้
ส่วนรูปที่ไม่ปรากฏก็รู้ไม่ได้ทำแค่เข้าใจถูกตามได้ละเอียด
จะไปเห็นสีตามพระองค์ก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่2ผิดไหม
ทำได้คือคิดถูกตามตรงคำกิเลสไหลครบ6ทางไปแล้วอ่ะ
แล้วเมื่อไหร่จะมีปัญญาเพราะมัวแต่หลงจำบัญญัติคำน่ะ
:b32: :b32:
ไม่เชื่อลองนับดูว่ากะพริบตากี่ครั้งตอนพูดสวากขาโตภควตาธัมโม :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ความจริงทนต่อการพิสูจน์ตลอดเวลา
มีคนพูดให้เข้าใจถูกตัวตนเด่วก็คิดได้
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร