วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 06:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2018, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


แหม ๆ ตั้งชื่อกระทู้เหมือนเพลงเลย :b13:

ถามจริงๆ ตอบตรงๆนะ คุณโรสนับวิถีจิตได้เอง หรือไปจำมาจากไหน ตรงๆข้อนะ มีช้อยให้เลือก

1. ฉันนับได้เองเลยชัวร์

2. เปล่าหรอกฉันไม่เคยนับสักที ฟังเขาพูดมาจ้า

ข้อไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 06:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




images.png
images.png [ 16.07 KiB | เปิดดู 3187 ครั้ง ]
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน
onion onion onion


เคยให้ยินบ่อย แต่ว่าเพิ่งจะความหมายของชั่ว ๗ ที ดี ๗ หน
มาจากไหน วันนี้คุณพิมพ์ได้นำคำนี้มาลง ขอบคุณมากครับ
แม้จริงแล้วคือ ชวนะจิตนี่เอง ต้องสาธุอย่างจริงใจครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูๆคุณโรสเหมือนจะหมดถ่านหมดไฟไปนะ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


แหม ๆ ตั้งชื่อกระทู้เหมือนเพลงเลย :b13:

ถามจริงๆ ตอบตรงๆนะ คุณโรสนับวิถีจิตได้เอง หรือไปจำมาจากไหน ตรงๆข้อนะ มีช้อยให้เลือก

1. ฉันนับได้เองเลยชัวร์

2. เปล่าหรอกฉันไม่เคยนับสักที ฟังเขาพูดมาจ้า

ข้อไหน

Kiss
นี่ไม่รู้หรือปัญาคนเกิดลดลงตามปีพ.ศที่เพิ่มขึ้น
คนสมัยก่อนเขามีปัญญามากกว่าจึงแต่งเพลง
สอดแทรกความจริงตามความรู้ความเข้าใจ
ในพระพุทธศาสนาเอาไว้แต่คนสมัยนี้น่ะ
ไม่ชอบฟังคำสอนไงเลยไม่รู้อะไรเยอะ
ปกติจิตเกิดดับ1ขณะเนี่ยมีตัวกรรม
ที่เกิดร่วมด้วยคือเจตสิก7ประเภท
และ7ประเภทนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน
คือมี2ฝ่ายคือดีกะไม่ดีแยกกัน
เวลาดีก็ดีทั้ง7เวลาไม่ดีก็ไม่ดีทั้ง7
จึงเป็นที่มาของการปรุงแต่งจิตตามกรรม
ที่มันเกิดดับไปเร็วมากถ้ากะพริบตาแล้ว
ไม่ทันเลยให้ทราบว่านั่นแหละคือไม่ดีแหละ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน
onion onion onion


เคยให้ยินบ่อย แต่ว่าเพิ่งจะความหมายของชั่ว ๗ ที ดี ๗ หน
มาจากไหน วันนี้คุณพิมพ์ได้นำคำนี้มาลง ขอบคุณมากครับ
แม้จริงแล้วคือ ชวนะจิตนี่เอง ต้องสาธุอย่างจริงใจครับ

สาธุค่ะลงหมาน...น่าจะยกตัวอย่างให้คุณกรัชกายทราบหน่อยนะคะ
เช่นว่าเวลาเกิดอกุศลจิตอย่างน้อยๆก็มีอหิริกะและอโนตตัปปะเกิดด้วย
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูๆคุณโรสเหมือนจะหมดถ่านหมดไฟไปนะ คิกๆๆ

ซุ่มเงียบ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


เคยให้ยินบ่อย แต่ว่าเพิ่งจะความหมายของชั่ว ๗ ที ดี ๗ หน
มาจากไหน วันนี้คุณพิมพ์ได้นำคำนี้มาลง ขอบคุณมากครับ
แม้จริงแล้วคือ ชวนะจิตนี่เอง ต้องสาธุอย่างจริงใจครับ

สาธุค่ะลงหมาน...น่าจะยกตัวอย่างให้คุณกรัชกายทราบหน่อยนะคะ
เช่นว่าเวลาเกิดอกุศลจิตอย่างน้อยๆก็มีอหิริกะและอโนตตัปปะเกิดด้วย


ลุงหมานเคยได้ยินบ่อย แต่รู้จากชาร์ตนั่น ถ้าให้ถามก็ถามว่า เคยนับได้เองไหมว่ามันมี ๗ ขณะอย่างที่เขาทำเป็นวงๆให้ดู

1. เคยนับได้เองจะจะเลย ว่ามี ๗ ขณะจริงๆ

2. ไม่เคยหรอก ดูเอาจากชาร์ตนั่นซึ่งเขาทำไว้ ๗

ตอบข้อไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


แหม ๆ ตั้งชื่อกระทู้เหมือนเพลงเลย :b13:

ถามจริงๆ ตอบตรงๆนะ คุณโรสนับวิถีจิตได้เอง หรือไปจำมาจากไหน ตรงๆข้อนะ มีช้อยให้เลือก

1. ฉันนับได้เองเลยชัวร์

2. เปล่าหรอกฉันไม่เคยนับสักที ฟังเขาพูดมาจ้า

ข้อไหน

Kiss
นี่ไม่รู้หรือปัญาคนเกิดลดลงตามปีพ.ศที่เพิ่มขึ้น
คนสมัยก่อนเขามีปัญญามากกว่าจึงแต่งเพลง
สอดแทรกความจริงตามความรู้ความเข้าใจ
ในพระพุทธศาสนาเอาไว้แต่คนสมัยนี้น่ะ
ไม่ชอบฟังคำสอนไงเลยไม่รู้อะไรเยอะ
ปกติจิตเกิดดับ1ขณะเนี่ยมีตัวกรรม
ที่เกิดร่วมด้วยคือเจตสิก7ประเภท
และ7ประเภทนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน
คือมี2ฝ่ายคือดีกะไม่ดีแยกกัน
เวลาดีก็ดีทั้ง7เวลาไม่ดีก็ไม่ดีทั้ง7
จึงเป็นที่มาของการปรุงแต่งจิตตามกรรม
ที่มันเกิดดับไปเร็วมากถ้ากะพริบตาแล้ว
ไม่ทันเลยให้ทราบว่านั่นแหละคือไม่ดีแหละ


ไม่ดูดินฟ้าอากาศเลย เขาถามเป็นข้อๆนั่นน่า ตอบเลย ข้อไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


แหม ๆ ตั้งชื่อกระทู้เหมือนเพลงเลย :b13:

ถามจริงๆ ตอบตรงๆนะ คุณโรสนับวิถีจิตได้เอง หรือไปจำมาจากไหน ตรงๆข้อนะ มีช้อยให้เลือก

1. ฉันนับได้เองเลยชัวร์

2. เปล่าหรอกฉันไม่เคยนับสักที ฟังเขาพูดมาจ้า

ข้อไหน

Kiss
นี่ไม่รู้หรือปัญาคนเกิดลดลงตามปีพ.ศที่เพิ่มขึ้น
คนสมัยก่อนเขามีปัญญามากกว่าจึงแต่งเพลง
สอดแทรกความจริงตามความรู้ความเข้าใจ
ในพระพุทธศาสนาเอาไว้แต่คนสมัยนี้น่ะ
ไม่ชอบฟังคำสอนไงเลยไม่รู้อะไรเยอะ
ปกติจิตเกิดดับ1ขณะเนี่ยมีตัวกรรม
ที่เกิดร่วมด้วยคือเจตสิก7ประเภท
และ7ประเภทนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน
คือมี2ฝ่ายคือดีกะไม่ดีแยกกัน
เวลาดีก็ดีทั้ง7เวลาไม่ดีก็ไม่ดีทั้ง7
จึงเป็นที่มาของการปรุงแต่งจิตตามกรรม
ที่มันเกิดดับไปเร็วมากถ้ากะพริบตาแล้ว
ไม่ทันเลยให้ทราบว่านั่นแหละคือไม่ดีแหละ


ไม่ดูดินฟ้าอากาศเลย เขาถามเป็นข้อๆนั่นน่า ตอบเลย ข้อไหน

:b32:
ไม่มีข้อถูกนี่รู้ตรงที่รู้ชัดไงว่าดีหรือไม่ดีโดยไม่มีตัวตนกั้นจะให้ว่าไง
ตามรู้จักจิตตอนกำลังฟังสิคะเพราะกำลังเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆค่ะ
ขณะไหนดีก็รู้ขณะไหนไม่ดีก็รู้เพราะฟังจนชำนาญในการระลึกตรง
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
วิถีจิตเวลาจิตเป็นกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือดี7หน
วิถีจิตเวลาจิตเป็นอกุศลจะมีชวนะแล่นไป7ขณะคือชั่ว7หน


แหม ๆ ตั้งชื่อกระทู้เหมือนเพลงเลย :b13:

ถามจริงๆ ตอบตรงๆนะ คุณโรสนับวิถีจิตได้เอง หรือไปจำมาจากไหน ตรงๆข้อนะ มีช้อยให้เลือก

1. ฉันนับได้เองเลยชัวร์

2. เปล่าหรอกฉันไม่เคยนับสักที ฟังเขาพูดมาจ้า


ข้อไหน

Kiss
นี่ไม่รู้หรือปัญาคนเกิดลดลงตามปีพ.ศที่เพิ่มขึ้น
คนสมัยก่อนเขามีปัญญามากกว่าจึงแต่งเพลง
สอดแทรกความจริงตามความรู้ความเข้าใจ
ในพระพุทธศาสนาเอาไว้แต่คนสมัยนี้น่ะ
ไม่ชอบฟังคำสอนไงเลยไม่รู้อะไรเยอะ
ปกติจิตเกิดดับ1ขณะเนี่ยมีตัวกรรม
ที่เกิดร่วมด้วยคือเจตสิก7ประเภท
และ7ประเภทนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน
คือมี2ฝ่ายคือดีกะไม่ดีแยกกัน
เวลาดีก็ดีทั้ง7เวลาไม่ดีก็ไม่ดีทั้ง7
จึงเป็นที่มาของการปรุงแต่งจิตตามกรรม
ที่มันเกิดดับไปเร็วมากถ้ากะพริบตาแล้ว
ไม่ทันเลยให้ทราบว่านั่นแหละคือไม่ดีแหละ


ไม่ดูดินฟ้าอากาศเลย เขาถามเป็นข้อๆนั่นน่า ตอบเลย ข้อไหน

:b32:
ไม่มีข้อถูกนี่รู้ตรงที่รู้ชัดไงว่าดีหรือไม่ดีโดยไม่มีตัวตนกั้นจะให้ว่าไง
ตามรู้จักจิตตอนกำลังฟังสิคะเพราะกำลังเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆค่ะ
:b17: :b17:



ก็ตอบตามโจทก์ซี่ ข้อไหน 1. เห็นเอง 2.ฟังเขามาอีกที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 06:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้ากรัชกายนี่ก็แปลกคน
คนที่เขาไม่พูดด้วยก็จะให้เขาพูด
จะให้เขาพูดในเรื่องของมึงที่มึงอยากพูด
มึงท่าจะเข้าใจอะไรยากจัง บ้าป่าว

มึงจะพูดอะไรมึงก็เขียนไปซิ
เที่ยวไปละลานกระทู้คนอื่นเขาให้เป็นกระทู้ขยะไปทุกระทู้
จะคุยด้วยก็ให้มันไปทางเดียวกันหน่อย ไอ้บ้าเอ้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
เจ้ากรัชกายนี่ก็แปลกคน
คนที่เขาไม่พูดด้วยก็จะให้เขาพูด
จะให้เขาพูดในเรื่องของมึงที่มึงอยากพูด
มึงท่าจะเข้าใจอะไรยากจัง บ้าป่าว

มึงจะพูดอะไรมึงก็เขียนไปซิ
เที่ยวไปละลานกระทู้คนอื่นเขาให้เป็นกระทู้ขยะไปทุกระทู้
จะคุยด้วยก็ให้มันไปทางเดียวกันหน่อย ไอ้บ้าเอ้ย


โผล่มาก็หัวร้อนเชียทำมา :b12: ไปทางเดียวกัน ก็ไม่เรียกว่าถกเถียงกันสิเออ มึงนี่ก็โฮ่อิบฮายเบย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชั่ว 7 ที ดี 7 หนทุกคนหรือนั่น ต่อแต่นี้ไป ถ้าว่าทั้งสามท่านข้างต้นเข้าใจนะ กรัชกายเป็นเจ้าภาพอาหารข้าวไข่เจียว 1 มื้อ :b12: จริงๆนะไม่ใช่พูดเล่น

วิถีจิต "จิตในวิถี" คือ จิตในวิถีแห่งการรับรู้เสพอารมณ์, จิตซึ่งเกิดขึ้นเป็นไปในวิถี คือพ้นจากภวังค์ หรือพ้นจากภาวะที่เป็นภวังคจิต (และมิใช่เป็นปฏิสนธิจิต หรือจุติจิต)

พูดอีกอย่างหนึ่งว่า จิต ๑๑ ชื่อ ซึ่งทำกิจ ๑๑ อย่าง นอกจากปฏิสนธิกิจ ภวังคกิจ และจุติกิจ,
"วิถีจิต" เป็นคำรวม เรียกจิตทั้งหลาย ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้อารมณ์ ๖ ทางทวารทั้ง ๖ (คำบาลีว่า วิถีจิตฺต) อธิบายอย่างง่าย พอให้เข้าใจเป็นพื้นฐานว่า

สัตว์ทั้งหลาย หลังจากเกิดปฏิสนธิแล้ว จนถึงก่อนตายคือจุติ ระหว่างนั้น ชีวิตเป็นอยู่โดยมีจิตที่เป็นพื้น เรียกว่า ภวังคจิต (จิตที่เป็นองค์แห่งภพ หรือจิตในภาวะที่เป็นองค์แห่งภพ) ซึ่งเกิดดับสืบเนื่องต่อกันไปตลอดเวลา (มักเรียกว่า ภวังคโสต คือ กระแสแห่งภวังค์)

ทีนี้ ถ้าจิตอยู่ในภาวะภวังค์ เป็นภวังคจิต และเกิดดับสืบต่อไปเป็นภวังค์โสตเท่านั้น ก็เพียงแค่ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนหลับอยู่ตลอดเวลา
แต่ชีวิตนั้น เป็นอยู่ดำเนินไป โดยมีการรับรู้ และทำกรรมทางทวารต่างๆ เช่น เห็น ได้ยิน ดู ฟัง เคลื่อนไหว พูดจา ตลอดจนคิดการต่างๆ จิตจึงมิใช่แค่เป็นองค์แห่งภพไว้เท่านั้น
แต่ต้องมีการรับรู้เสพอารมณ์ทำกรรมทางทวารทั้งหลายด้วย
ดังนั้น เมื่อ มีอารมณ์ คือ รูป เสียง ฯลฯ มาปรากฏแก่ทวาร (มาสู่คลองในทวาร) คือ ตา หู ฯลฯ ก็จะมีการรับรู้ โดยภวังคจิตที่กำลังเกิดดับสืบต่อกระแสภพกันอยู่นั้น แทนที่ว่า ภวังคจิต หนึ่งดับไป จะเกิดเป็นภวังคจิตใหม่ขึ้นมา ก็กลายเป็นว่า ภวังคจิตหนึ่งดับไป แต่เกิดเป็นจิตหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในวิถี แห่งการรับรู้เกิดขึ้นมา (ตอนนี้ พูดอย่างภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายว่า จิตออกจากภวังค์ หรือจิตขึ้นสู่วิถี) แล้ว ก็จะมีจิตที่เรียกชื่อต่างๆ เกิดขึ้นมาทำหน้าที่ต่อๆกันไป ในวิถีแห่งการรับรู้เสพอารมณ์นั้น จนครบกระบวน จบวิถีไปรอบหนึ่ง แล้วก็เกิดเป็นภวังคจิตขึ้นมาอีก (พูดอย่างภาษาชาวบ้านว่า ตกภวังค์),

จิตทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นมาทำหน้าที่ แต่ละขณะในวิถีแห่งการรับรู้เสพอารมณ์นั้น จนจบกระบวน เรียกว่า "วิถีจิต" และ
จิตแต่ละขณะในวิถีนั้น มีชื่อเรียกเฉพาะของมัน ตามกิจ คืองาน หรือหน้าที่มันทำ, เมื่อตกภวังค์อย่างที่ว่านั้นแล้ว ภวังคจิตเกิดดับต่อกันไป แล้วก็เปลี่ยน (เรียกว่า ตัดกระแสภวังค์) เกิดเป็นวิถีจิตขึ้นมารับรู้เสพอารมณ์อีก แล้วพอจบกระบวน ก็ตกภวังค์ เป็นภวังคจิตขึ้นอีก สลับกันหมุนเวียนไป
โดยนัยนี้ ชีวิตที่ดำเนินไป แม้ในกิจกรรมเล็กน้อยหนึ่งๆ จึงเป็นการสลับหมุนเวียนไปของกระแสภวังคจิต (ภวังคโสตะ) กับ กระบวนวิถีจิต (วิถีจิตตปวัตติ) ที่เกิดดับสืบต่อไป มากมายไม่อาจนับได้

ในการรับรู้เสพอารมณ์ทำกรรมครั้งหนึ่งๆ ที่เป็นการเปลี่ยนจากภังคจิต มาเป็นวิถีจิต จนกระทั่งกลับมาเป็นภังคจิตอีกนั้น
แยกแยะให้เห็นลำดับขั้นตอนแห่งความเป็นไป พอให้ได้ความเข้าใจคร่าวๆ (ในที่นี้ จะพูดถึงเฉพาะปัญจทวารวิถี คือการรับรู้ทางทวาร ๕ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ในกรณีที่รับอารมณ์ที่มีกำลังมาก คืออติมหันตารมณ์ เป็นหลัก) ดังนี้


ก. ช่วงภังคจิต (เนื่องจากเมื่อจบวิถี ก็จะกลับเป็นภวังค์อีก ตามปกติจึงเรียกภวังคจิต ที่เอาเป็นจุดเริ่มต้นว่า "อตีตภวังค์" คือ ภวังค์ที่ล่วงแล้ว หรือภวังค์ ก่อน) มี ๓ ขณะ ได้แก่

๑. อตีตภวังค์ (ภวังคจิตที่สืบต่อมาจากก่อน)

๒. ภวังคจลนะ (ภวังค์ไหวตัวจากอารมณ์ใหม่ที่กระทบ)

๓. ภวังคุปัจเฉท (ภวังค์ขาดจากอารมณ์)


ข. ช่วงวิถีจิต มี ๑๔ ขณะ ได้แก่

๑. ปัญจทวาราวัชชนะ (การคำนึงอารมณ์ใหม่ทางทวารนั้นๆ ในทวารทั้ง ๕ ถ้าอยู่ในมโนทวารวิถี ก็เป็นมโนทวารวัชชนะ)

๒. ปัญจวิญญาณ (การรู้อารมณ์นั้นๆ ในอารมณ์ทั้ง ๕ คือ เป็นจักขุวิญญาณ หรือโสตวิญญาณ หรือฆานวิญญาณ หรือชีวหาวิญญาณ หรือกายวิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง)

๓. สัมปฏิจฉนะ (สัมปฏิจฉันนะ ก็เรียก, การรับอารมณ์จากปัญจวิญญาณ เพื่อเสนอแก่สันตีรณะ)

๔. สันตีรณะ (การพิจารณาไต่สวนอารมณ์)

๕. โวฏฐัพพนะ (ตัดสินอารมณ์)

๖ - ๑๒ ชวนะ (การแล่นไปในอารมณ์ คือ รับรู้เสพทำต่ออารมณ์ เป็นช่วงที่ทำกรรม โดยเป็นกุศลชวนะหรืออกุศลชวนะ หรือไม่ก็กิริยา) ติดต่อกัน ๗ ขณะ

๑๓ - ๑๔ ตทารมณ์ (ตทาลัมพณะ หรือตทาลัมพนะ ก็เรียก, "มีอารมณ์นั้น" คือมีอารมณ์เดียวกับชวนะ ได้แก่ การเกิดเป็นวิปากจิต ที่ได้รับอารมณ์ต่อจากชวนะ เหมือนได้รับผลประมวลจากชวนะมาบันทึกเก็บไว้ ก่อนตกภวังค์) ต่อกัน ๒ ขณะ แล้วก็สิ้นสุดวิถี คือ จบกระบวนของวิถีจิต เกิดเป็นภวังคจิตขึ้นใหม่ (ตกภวังค์)
เมื่อนับตลอดหมดทั้งสองช่วง คือตั้งแต่อตีตภวังค์จุดเริ่ม มาจนจบวิถี ก็มี ๑๗ ขณะจิต


ในส่วนรายละเอียด วิถีจิตมีความเป็นไปแตกต่างกันหลายแบบ เช่น ในปัญจทวารวิถี ที่พูดมาข้างต้นนั้น เป็นกรณีที่รับอารมณ์ซึ่งมีกำลังเด่นชัดมาก (อติมหันตารมณ์)


แต่ถ้าอารมณ์ที่ปรากฏเข้ามามีกำลังไม่มากนัก (เป็นแค่มหันตารมณ์) ภวังค์จะยังไม่ไหวตัว จนถึงภวังคจิตขณะที่ ๓ หรือขณะที่ ๔ จึงจะไหวตัวเป็นภวังคจลนะ ในกรณีอย่างนี้ ก็จะมีอตีตภวังค์ ๒ หรือ ๓ ขณะ และเมื่อขึ้นสู่วิถี ก็จะไปจบแค่ชวนะที่ ๗ ดับ แล้วก็ตกภวังค์ โดยไม่มีตทารมณ์เกิดขึ้น,
ยิ่งกว่านั้น ถ้าอารมณ์ที่ปรากฏมีกำลังน้อย (เป็นปริตตารมณ์) ก็จะผ่านอตีตภวังค์ไปหลายขณะ (ตั้งแต่ ๔ ถึง ๙ ขณะ) จึงเป็นภวังคจลนะ และ
เมื่อขึ้นสู่วิถีแล้ว วิถีนั้นก็ไปสิ้นสุดลงแค่โวฏฐัพพนะ ไม่ทันเกิดชวนจิต ก็ตกภวังค์ไปเลย, และ
ถ้าอารมณ์ที่ปรากฏนั้นอ่อนกำลังเกินไป (เป็นอติปริตตารมณ์) ก็จะผ่านอตีตภวังค์ไปมากหลายขณะ
จนในที่สุดเกิดภวังคจลนะขึ้นมาได้ ๒ ขณะ ก็กลับเป็นภวังค์ตามเดิม คือภวังค์ไม่ขาด (ไม่มีภวังคุปัจเฉท) และไม่มีวิถีจิตเกิดขึ้นเลย จึงเรียกว่าเป็นโมฆวาระ,
ส่วนในมโนทวารวิถี เมื่อภวังค์ไหวตัว (ภวังคจลนะ) และภวังค์ขาด (ภวังคุปัจเฉท) แล้วขึ้นสู่วิถี จะมีเพียงมโนทวาราวัชชนะ (การคำนึงอารมณ์ใหม่ทางมโนทวาร) และเกิดเป็นชวนจิต ๗ ขณะต่อไปเลย (ไม่มีสัมปฏิจฉนจิต เป็นต้น) เมื่อชวนะครบ ๗ แล้ว ในกรณีที่อารมณ์ที่ปรากฏเด่นชัด (วิภูตารมณ์) ก็จะเกิดตทารมณ์ ๒ ขณะ แล้วตกภวังค์
แต่ถ้าอารมณ์อ่อนแรงไม่เด่นชัด (อวิภูตารมณ์) พอครบ ๗ ชวนะแล้ว ก็ตกภวังค์ไปเลย โดยไม่มีตทารมณ์เกิดขึ้น,
อนึ่ง ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นวิถีจิตในกามภูมิทั้งสิ้น ยังมีวิถีจิตในภูมิที่สูงขึ้นไปอีก ในฝ่ายมโนทวารวิถี (จิตในปัญจทวารวิถี อยู่ในกามภูมิอย่างเดียว) ซึ่งเป็นจิตที่เป็นสมาธิขั้นอัปปนา และมีความเป็นไปที่แตกต่างจากวิถีจิตในกามภูมิ เช่น ชวนะไม่จำกัดเพียงแค่ ๗ ขณะ

เมื่อเข้าฌานแล้ว ตราบใดยังอยู่ในฌาน ก็มีชวนจิต เกิด ดับ สืบต่อกันไปตลอด นับจำนวนไม่ได้ โดยไม่ตกภวังค์เลย ถ้าเกิดเป็นภวังคจิตขึ้นเมื่อใด ก็คือออกจากฌาน ดังนี้ เป็นต้น รายละเอียดของวิถีจิตระดับนี้ จะไม่กล่าวในที่นี้.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชวนะ "การแล่นไป" "การไปเร็ว" "การสว่างวาบ" ความเร็ว, ความไว, จิตขณะที่แล่นไปในวิถี ทำหน้าที่รับรู้เสพอารมณ์ทางทวารทั้งหลาย (ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ)

เป็นวิถีจิตในช่วง หรือขั้นตอนที่ทำกรรม (เป็นกุศลชวนะ หรือ อกุศลชวนะ แต่ถ้าเป็นจิตของพระอรหันต์ ก็ไม่ทำกรรม เป็นกิริยาชวนะ) จึงถือว่าอยู่ในช่วงที่สำคัญ, โดยทั่วไป และอย่างมากที่สุด
ปุถุชนในกามภูมิ มีชวนจิตเกิดขึ้น ๗ ขณะ แล้วเกิดตทารมณ์ (ตทาลัมพณะ หรือตทาลัมพนะ ก็เรียก) เป็นวิปากจิตขึ้นมา ๒ ขณะ แล้วก็เกิดเป็นภวังคจิต เรียกกันว่า ตกภวังค์ เป็นอันสิ้นสุดวิถีจิต คือสิ้นสุดการรับอารมณ์ไปวิถีหนึ่ง,
ที่ว่ามานี้ เป็นกรณีที่ รับอารมณ์ที่มีกำลังแรงหรือเด่นชัดมาก (ถ้าเป็นอารมณ์ใหญ่มากทางปัญจทวาร คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เรียกว่า อติมหันตารมณ์ ถ้าเป็นอารมณ์เด่นชัดทางมโนทวาร เรียกว่า วิภูตารมณ์)
แต่ถ้าอารมณ์ที่รับนั้นมีกำลังไม่มากนัก หรือไม่เด่นชัด (คือเป็นมหันตารมณ์ทางปัญจทวาร หรือเป็นอวิภูตารมณ์ทางมโนทวาร)
พอชวนจิตขณะที่ ๗ ดับไป ก็เกิดเป็นภวังคจิตต่อเลย (เรียกว่าตกภวังค์) ไม่มีตทารมณ์เกิดขึ้น, ยิ่งกว่านั้น

ในทางปัญจทวาร ถ้าอารมณ์ที่กระทบ มีกำลังน้อย (เป็นปริตตารมณ์) หรืออ่อนกำลังอย่างยิ่ง (เป็นอติปริตตารมณ์) วิถีจิตจะเกิดขึ้นน้อยขณะ แล้วเกิดเป็นภวังคจิต (ตกภวังค์) โดยไม่มีชวนจิต เกิดขึ้นเลย, ที่ว่ามานั้น เป็นการพูดทั่วไป

ยัง มีข้อพิเศษหลายอย่าง เช่น ในกามภูมินี้แหละ ในกรณีที่อารมณ์อ่อนกำลังชวนจิตเกิดเพียง ๕ ขณะ ในเวลาเป็นลม สลบ ง่วงจัด เมาเหล้า เป็นต้น หรือกรณีมีปสาทวัตถุอ่อนกำลัง ยิ่งอย่างทารกในครรภ์หรือเพิ่งเกิด ชวนจิตเกิดขึ้นเพียง ๔-๕ ขณะ

ส่วน ในภูมิที่สูงขึ้นไป เช่น ในการบรรลุฌานแต่ละขั้นครั้งแรก ในการทำกิจแห่งอภิญญา ในการสำเร็จกิจแห่งมรรค และในเวลาออกจากนิโรธสมาบัติ ชวนจิตเกิดขึ้นขณะเดียว (แต่ในเวลาเข้านิโรธสมาบัติชวนจิตเกิดขึ้น ๒ ขณะ)

สำหรับผู้ ชำนาญในฌาน ชวนจิต (อัปปนาชวนะ) จะเกิด ดับ ต่อเนื่องไปตลอดเวลาที่อยู่ในฌานนั้น อาจจะตลอดทั้งวัน ไม่มีกำหนดจำนวนขณะ (เป็นอัปปนาวิถี ตลอดเวลาที่ฌานจิตยังสืบต่อติดเนื่องกันไป) จนกว่าจะเกิดเป็นภวังคจิตขึ้นมา สันตติของฌานจิตก็ขาดตอน เรียกว่าตกภวังค์ คือออกจากฌาน,


คำว่า "ชวนะ" นี้ ใช้หมายถึงจิต ซึ่งทำหน้าที่รับอารมณ์ในวิถี ก็ได้ หมายถึง การทำหน้าที่ของจิตในการรับอารมณ์นั้น ก็ได้
ถ้าต้องการความหมายให้จำเพาะชัดลงไป ก็เติมคำกำกับลงไปว่า "ชวนจิต" หรือ "ชวนกิจ" ตามลำดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 25 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร