วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2012, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่ทองรัตน์ สอนธรรมแก่คนที่สอนได้ยาก
คัดบางตอนจาก...หนังสือมณีรัตน์...อัญมณีแห่งไพรสณฑ์
(ปฏิปทาหลวงปู่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กฺนตสีโล).
พิมพ์ครั้งที่ ๔. สำนักพิมพ์ธรรมดา : กรุงเทพฯ. ๒๕๕๒


รูปภาพ
ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล และสานุศิษย์บรรพชิต
บันทึกภาพร่วมกัน ณ สำนักวัดป่าข่าโคม หรือวัดป่าหนองอ้อ
บ้านข่าโคม ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

เมื่อออกพรรษาในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
สานุศิษย์บรรพชิตขององค์หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
ที่แยกย้ายกันไปอยู่จำพรรษาในบริเวณใกล้ๆ
ต่างองค์ต่างมารวมกันที่สำนักวัดป่าข่าโคม หรือวัดป่าหนองอ้อ
เพื่อเตรียมต้อนรับผ้าป่าของทางพระราชวังซึ่งจัดมาทอดถวายเป็นครั้งแรก
โดยมี “เจ้าจอมมารดาทับทิม” นำคณะมาทอดถวายผ้าป่า ๗๐ กอง

๑. พระอาจารย์อุย บ้านหนองดินดำ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
(พระอุปัฎฐากหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ในช่วงนั้น)
๒. พระอาจารย์บัวพา ปญฺญาภาโส ๓. สามเณรหงส์ทอง ธนกัญญา
(พระหงส์ทอง สหธมฺโม หลานพระอาจารย์ดี ฉนฺโน)
๔. สามเณรผาย ๕. สามเณรคำดี ๖. พระอาจารย์ทองรัตน์ กนฺตสีโล
๗. พระอาจารย์ทอง อโสโก ๘. พระอาจารย์ดี ฉนฺโน
๙. พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ๑๐. พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล

---------------

:b44: ได้รับมอบหมายให้จำพรรษา
ณ บ้านชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี

พ่อใหญ่กัณหา สุทธิพันธ์ เล่าว่า

พ่อใหญ่พร้อมกับญาติโยมบ้านชีทวน
เมื่อทราบว่าหลวงปู่เสาร์กลับมาพำนักที่บ้านข่าโคม
จึงได้ร่วมกันนำผ้าไหมไปถวายหลวงปู่เสาร์เพื่อบังสุกุลเย็บจีวร
เมื่อทำพิธีเสร็จ ได้กราบอาราธนานิมนต์ท่านให้ไปจำพรรษาที่บ้านชีทวนอีกครั้งหนึ่ง
เพราะแต่ก่อนท่านเคยธุดงค์ไปพำนักและสั่งสอนที่บ้านชีทวน
จนญาติโยมส่วนใหญ่เข้าใจแนวทางการปฏิบัติ
ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ไปตามทิศต่างๆ วัดนั้นจึงว่างจากพระกรรมฐานไปนาน
ในสมัยก่อนการจะหาพระปฏิบัติกรรมฐานนี้ยากมาก
บางหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านเห็นพระกรรมฐานต่างก็กลัวกัน หลบเข้าป่าไปคนละทิศละทาง
เข้าไปบิณฑบาตในบางหมู่บ้านแทบจะไม่ได้ข้าวฉัน เพราะคนกลัวพระกรรมฐาน


หลวงปู่เสาร์ เมื่อเห็นญาติโยมยังให้ความศรัทธา
ที่จะนำข้อประพฤติปฏิบัติไปใช้ เพื่อพัฒนาตนเอง
จึงได้บอกญาติโยมไปว่า ถ้าจะให้ท่านไปจำพรรษาที่บ้านชีทวนท่านไปไม่ได้
เพราะรับนิมนต์ญาติโยมทางบ้านข่าโคมไว้แล้ว

ญาติโยมที่มีศรัทธาเป็นทุนอยู่เดิมแล้ว ได้พยายามกราบอ้อนวอนทุกวิถีทาง
ที่จะนิมนต์พระกรรมฐานไปเป็นที่พึ่ง เป็นผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ
หรือท่านอาจจะหยั่งดูความศรัทธาของญาติโยมก็ยากที่จะเดาได้ จึงไม่บอกรับง่ายๆ
เมื่อทราบแน่ว่าความศรัทธาในพระศาสนาของญาติโยมที่บ้านชีทวนยังแน่นแฟ้นดี
จึงให้ความหวังกับพ่อใหญ่กัณหาและญาติโยมที่ไปด้วยกันว่า

"ถ้าจะเอาพระไปเดี๋ยวนี้ ยังไม่ได้ เพราะพระยังไม่มา"

ญาติโยมก็เห็นพระมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมหลวงปู่จึงบอกว่ายังไม่มา
ญาติโยมกลัวว่าจะไม่ได้พระเณรไปจำพรรษา
ซึ่งเหลือเวลาเพียง ๓ วันก็จะเข้าพรรษาแล้ว ได้ถามหลวงปู่ไปว่า

"หลวงปู่ขะน้อย พระอยู่ในวัดมีหลายองค์อยู่ แบ่งให้ไปก่อนบ่ได้บ้อขะน้อย"

หลวงปู่ได้บอกปฏิเสธและบอกว่า

"บ้านชีทวนเป็นบ้านเจ้าคัมภีร์ใหญ่ ถ้าให้พระที่มีภูมิจิตภูมิธรรมไม่แก่กล้าพอ
เกรงว่าจะเอาไม่อยู่ ให้รออีกสัก ๒ วัน ท่านจึงจะมาถึง"


ในช่วงนั้นครูบาอาจารย์เฒ่าไม่ทราบว่าไปธุระที่ไหน
ญาติโยมเมื่อได้ยินหลวงปู่เสาร์รับปากว่าจะให้พระไปจำพรรษาด้วย
แม้ว่าเป็นเวลาที่ใกล้จะเข้าพรรษาเต็มที ต่างพากันดีอกดีใจ และลาท่านกลับบ้าน

ทุกคนได้ตั้งความหวังและดีใจกันเป็นที่สุด ที่จะได้พระกรรมฐานไปจำพรรษาใกล้บ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ต่างก็จัดสถานที่ ซ่อมแซมกุฏิวิหาร
ทำความสะอาดวัดให้เป็นที่รื่นรมย์เหมาะแก่การพำนักของแขกสำคัญที่จะมาพักด้วย

เมื่อครบ ๒ วัน ญาติโยมบ้านชีทวนต่างมุ่งหน้าไปยังบ้านข่าโคม
พร้อมภัตตาหาร ต่างออกเดินทางแต่เช้ามืด เมื่อไปถึงและได้ถวายภัตตาหารแล้ว
จึงได้กราบเรียนถามถึงพระที่จะรับไปจำพรรษาที่บ้านชีทวน



:b44: เป็นตัวอย่างในการเรียกขานพ่อแม่พี่น้อง
ด้วยคำที่ไพเราะ สุภาพ

หลวงปู่เสาร์จึงบอกว่า "นั่น พระที่ท่านจะไปจำพรรษากับพวกเจ้า"
หลวงปู่เสาร์ชี้ไปทางครูบาอาจารย์เฒ่า (หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล)

ญาติโยมรู้สึกพอใจ ที่หลวงปู่เสาร์ท่านได้จัดพระให้
ถึงแม้ไม่ใช่หลวงปู่เสาร์ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ และกราบนิมนต์ครูบาอาจารย์เฒ่า
เพื่อเดินทางไปจำพรรษาที่บ้านชีทวนพร้อมพระอีก ๓ รูป

ในระหว่างที่จำพรรษาที่บ้านชีทวนนั่นเอง
ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ต้องเจออุปสรรคปัญหาหลายประการ
อย่างที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์เสาร์ท่านบอกไว้ก่อนมาไม่มีผิด
พ่อใหญ่กัณหา โยมอุปัฏฐากผู้ใกล้ชิดได้เล่าให้ฟังว่า

"ปัญหาแต่ละอย่าง ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ทองรัตน์คงจะอยู่ไม่ได้
เพราะมันหนักและยุ่งยากมากในการแก้ทิฐิคน"


ปัญหาอันดับแรก เช่น เมื่อกราบอาราธนาท่านไปจำพรรษา
โยมก็ได้แบ่งแยกกันเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งบอกว่า
"เป็นพระเป็นเจ้าไปอยู่ป่า นั่งหลับหูหลับตาสิเห็นหยัง แม้แต่คนตาดีๆ มืนตาเบิ่ง มันยั๋งบ่เห็น"
(เป็นพระเป็นเจ้าอยู่ในป่า นั่งหลับหูหลับตามันจะเห็นอะไร แม้แต่คนตาดีๆ ลืมตาดูมันยังไม่เห็น)

ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่า
"ซ่างเขา คนเขาเว่า เขาบ่เห็นนำเฮา" (ช่างเขา คนเขาพูดเขาไม่เห็นกับเรา)

พวกผู้หญิงชอบเอาครุ (ถังน้ำสานด้วยไม้ไผ่พอกด้วยชัน) ไปตักน้ำในบ่อของวัดป่า

ครูบาอาจารย์ก็บอกว่า
"แม่เอ๊ย อย่าเอาครุลงตักน้ำในส้าง (บ่อน้ำ) เด้อ ให้เอาครุที่ลูกหาให้นั้นตัก"

พวกโยมที่เป็นปฏิปักษ์ท่าน หาว่าครูบาอาจารย์เฒ่าหวงน้ำ
โยมอุปัฏฐากก็ได้ถามครูบาอาจารย์ว่า
"เป็นหยัง ครูบาจารย์จั๋งห่ามแนวนั่น หรือแพงน้ำบ่"
(ทำไมพระอาจารย์จึงห้ามเอาถังลงตักน้ำในบ่อ หรือว่าหวงน้ำรึ)


ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจว่า

"เมื่อพวกแม่ เอาครุคาวปูคาวปลาตักน้ำ
เมื่อพระเจ้าพระสงฆ์ไปตักน้ำนั้นมากินมาฉัน พระนั่นเพิ่นกะเป็นอาบัติตั๋วพ่อ"
(พวกผู้หญิงเอาครุที่มีคาวปูคาวปลาติดอยู่มาใช้ตักน้ำ คาวปูคาวปลาก็จะปนลงไปในน้ำบ่อ
เมื่อพระนำเอาน้ำดังกล่าวมากินมาฉัน ก็จะเป็นอาบัติโดยไม่รู้ตัว)


อดีตพ่อกำนันใจ เชื้อปทุม บ้านชีทวน เล่าว่า
ครูบาอาจารย์จะใช้สรรพนามแทนตัวว่า "ลูก"
จะพูดกับญาติโยมทั้งผู้หญิงผู้ชายว่า "พ่อ" "แม่" หมดทุกคน
และเคยถามท่านเป็นการส่วนตัว ท่านได้ให้คำตอบว่า

"ที่ใช้คำพูดอย่างนั้น ต้องการหัดให้ลูกเขา รู้จักพูดกับพ่อแม่ด้วยคำพูดที่สุภาพ"

น่าจะเป็นไปได้ที่เด็กสมัยก่อน เวลาพูดกับผู้ใหญ่
มักพูดใช้นำหน้าสรรพนามว่า "อี" เช่น อีพ่อ อีแม่ พี่ชายก็ "บัก"
พี่สาวก็ "ไอ้นั่น ไอ้นี่" ซึ่งฟังดูแล้วไม่สุภาพ



:b44: หลวงปู่เสาร์ท่านว่า
"ถ้าบ่แม่นท่านทองรัตน์ บ่มีไผสิเอาอยู่"

หลังจากได้มอบหมายให้ไปจำพรรษาที่บ้านชีทวนแล้ว
ก่อนไปหลวงปู่เสาร์ได้สั่งกำชับว่า บ้านชีทวนนี้เป็นบ้านที่มีการศึกษามาก
เป็นมหาก็เยอะ เรื่องที่จะไปพูดเฉยๆ ไม่มีอุบาย จึงยากที่คนเหล่านั้นจะเชื่อ
เคยส่งพระไปหลายรูปแล้ว ต้องหันหลังกลับอย่างไม่เป็นท่าเพราะถูกลองภูมิ
แม้แต่หลวงปู่เสาร์สมัยที่ไปสร้างวัดใหม่ๆ ยังเคยถูกลองดีมาแล้ว


หลวงปู่เสาร์ได้บอกว่า "ถ้าบ่แม่นท่านทองรัตน์ บ่มีไผสิเอาอยู่"
(ถ้าไม่ใช่ท่านทองรัตน์แล้ว ไม่มีใครสอนคนบ้านนี้ได้)


ในช่วงที่มาพักกันในแถบนี้ มีหลวงปู่เสาร์อยู่บ้านข่าโคม
ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์อยู่บ้านชีทวน
ครูบาอาจารย์บุญมากอยู่บ้านท่าศาลา วัดป่าเรไร
ครูบาอาจารย์ทองอยู่บ้านสวนงัว

ในพรรษาลูกศิษย์ทั้งมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย
ที่ไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆ ต่างก็มาลงอุโบสถร่วมกันที่วัดป่าหนองอ้อ
ต่อมาพระผู้ใหญ่ทางเมืองหลวงทราบข่าวว่า
มีพระธรรมยุตกับมหานิกายร่วมลงอุโบสถกัน
จึงได้แจ้งมายังหลวงปู่เสาร์ให้พระทั้งสองนิกายงดลงอุโบสถร่วมกัน
หลวงปู่เสาร์เลยบอกว่า ถ้าทางการเขาไม่ให้รวม
ก็ให้ลูกศิษย์แต่ละวัดลงอุโบสถกันเอง เมื่อมีงานจึงมาร่วมปรึกษาประชุมกัน

โยมบ้านชีทวนในสมัยนั้น หาผู้ที่เห็นความดีครูบาอาจารย์เฒ่าท่านยากมาก
เพราะครูบาอาจารย์เฒ่าท่านจะสอนทุกวิถีทาง ที่จะให้โยมรู้จักการทำบุญทำทาน เช่น

- บ้านไหนที่เตรียมจะใส่บาตรแล้วลืมมองดูพระ ท่านก็จะยืนรอ
แล้วร้องบอกให้มาใส่บาตร และรอจนโยมคนนั้นมาใส่บาตร
ท่านจึงจะไปรับบาตรบ้านหลังอื่น ท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคือง

- เมื่อไปบิณฑบาต ท่านจะทำความคุ้นเคยกับญาติโยมทุกคน
แม้แต่วันไหนฝนตก ท่านก็บอกว่า
"แม่ไม่ต้องลงมาจากบ้านหรอก มันเปียก ลูกจะไปรับเอง"

จนบางคนคิดรังเกียจท่าน หาว่าเป็นพระเป็นเจ้าทำตัวประจบญาติโยม
แต่ท่านไม่เดือดร้อนแต่อย่างไรถ้าบ้านไหนไม่เคยใส่บาตร ท่านก็พยายามให้โยมคนนั้นใส่จนได้

- บางครั้งเห็นกล้วยสุกอยู่บนต้น ท่านก็พูดกับโยมว่า
"แม่! กล้วยมันสุกคาเครือ บ่อยากได้บุญบ้อ คันอยากได๋กะเอามาใส่บาตรตี้"
(แม่! เห็นกล้วยสุกอยู่บนต้น ไม่อยากได้บุญบ้างหรือ ถ้าอยากได้ก็เอามาใส่บาตรบ้างสิ)

ท่านยืนรอจนโยมนำกล้วยมาใส่บาตร เมื่อถึงวัดท่านก็ไม่ฉัน
ถือว่าของนั้นได้มาไม่บริสุทธิ์ขัดต่อธรรมวินัย แต่ที่ทำไปเพื่อสอนให้คนรู้จักเสียสละ


- มีโยมบางคนเห็นท่านไปที่บ้านทุกวันก็บอกว่า "ข้าวยังไม่สุก"
วันต่อมาท่านได้แบกฟืนไปให้พร้อมทั้งพูดว่า "เอ้า! แม่ฟ้าวเร่งไฟเข้า ลูกสิท่า"
(เอ้า! แม่รีบเร่งไฟเข้า ลูกจะรอ)
ท่านรอจนข้าวสุก โยมนำมาใส่บาตรแล้วท่านจึงไป กลับมาถึงวัดท่านก็เอาออก ไม่ฉัน

- แม่ชีเลียนเล่าว่า แม่ชีคำที่เคยประพฤติปฏิบัติร่วมกันที่บ้านหนองฮี
และได้มีโอกาสติดตามไปกราบครูบาอาจารย์เฒ่าในที่ต่างๆ เล่าให้ฟังว่า

บางครั้ง ถ้าบ้านไหนไม่เคยเข้าวัดให้ทานเลย
ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านจะสั่งให้แม่ชีไปขอเอาอะไรก็ได้
หมากพลู บุหรี่ ตามแต่จะให้ พอได้มา
จะไม่ใช้ประโยชน์จากของที่ได้มาจากการร้องขอ

การกระทำดังกล่าว ทำให้โยมบางคนที่ไม่เข้าใจ
ต่างก็แกล้งหาเรื่องใส่ท่านต่างๆ นานา
บางครั้งเมื่อท่านออกไปบิณฑบาตก็พูดใส่ท่านว่า
ท่านทำตัวไม่เหมาะสม แต่ท่านไม่สนใจ

บางคนทนไม่ได้จริงๆ ถึงกับเอาค้อนตอกสิ่วใส่บาตรให้ท่าน
เมื่อไปถึงวัด ท่านพูดกับพระเณรว่า
"โยมเขาคิดว่าทางวัดป่าบ่มีค้อนตอกสิ่ว เขาเลยใส่บาตรให้"


รูปภาพ

:b44: ไม่ถือสาใครเพราะมุ่งเมตตา

ทุกวัน ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านก็บิณฑบาตตามปกติ
เหมือนไม่มีอะไร หลายวันต่อมา โยมคนนั้นทำทีมาใส่บาตรเหมือนเดิม
มีข้าวและห่อใบตองกล้วยอย่างดี ห่อใหญ่เป็นพิเศษ

ขากลับวัด ครูบาอาจารย์เฒ่าก็ได้พูดกับพระเณรว่า
โยมคนที่เอาค้อนตอกสิ่วใส่บาตรให้
วันนี้เขาเอาอะไรหนอใส่บาตรให้ ห่อใหญ่ผิดปกติ

เมื่อไปถึงวัด ทุกวันครูบาอาจารย์เฒ่าจะจัดอาหารออกจากบาตร
ถ้ามีอาหารส่วนไหนที่ว่าไม่ถูกตามธรรมวินัย เช่น
ของนั้นเอ่ยปากขอมา อาหารดิบ ท่านจะเลือกออกไม่ฉัน
เมื่อเลือกเสร็จจะแบ่งให้พระเณรได้ฉันทุกรูป


วันนี้ก็เช่นกัน ท่านเลือกอาหารเสร็จ จะแกะอาหารแบ่งแจกพระเณร
แต่ผิดสังเกตว่าวันนี้ได้ห่อใบตองซึ่งห่อใหญ่ผิดปกติ
ประกอบกับโยมคนนี้ได้ต่อว่าท่านหลายครั้งแล้ว
ท่านเลยค่อยๆ แกะไม้กลัดห่อใบตองนั้นออก

ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดว่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปได้
เมื่ออาหารประหลาดมีสี่ขากระโดดออกมาจากห่ออย่างรวดเร็ว
ด้วยความว่องไวเป็นทุนเดิมของครูบาอาจารย์เฒ่า
ท่านรีบตะครุบอาหารประหลาดนั้นไว้ได้พร้อมกับพูดว่า

"เอ้อ สะมามัวเขาบ่ใส่บาตรให้พ่อน้อเจ้าน้อ เกือบเจ้าไปเข่าหม้อต้มเขาแล้วน้อ"
(หากว่าเขาไม่เอาเจ้าใส่บาตรพ่อนะ เจ้าคงจะเข้าหม้อให้เขาต้มเสียแล้ว)

เสร็จแล้วให้สามเณรนำอาหารประหลาด คือกบนั้นไปปล่อย

วันต่อมา ท่านออกบิณฑบาตตามปกติ ไม่ผิดสังเกตอะไร
โยมคนที่ใส่กบให้ท่านเมื่อวานนี้ก็มายืนมองท่านด้วยอาการขำขำ
แต่ท่านทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และต่อมาเมื่อท่านออกไปรับบิณฑบาตตอนเช้า ได้มีคนเขียนบัตรสนเท่ห์ใส่บาตรท่าน

เมื่อกลับถึงวัด ท่านได้ห่มจีวรพาดสังฆาฏิอย่างดี
เอาบัตรสนเท่ห์นั้นให้พระเณรอ่านว่า

"เอ้า ลูกอ่าน อมฤตธรรมแน่นี่ เทวดาเขาใส่บาตรมา หาฟังยากตั๋ว"


พระเณรได้อ่านไป ตัวท่านได้พนมมือฟังไป ใจความมีว่า

"พระผีบ้า เป็นพระเป็นเจ้า ไม่มีสำรวม ไม่มีศีล ไม่มีวินัย
ประจบสอพลอขอของจากชาวบ้าน พระแบบนี้ถึงจะเหาะเหินเดินอากาศได้
ก็ไม่นับถือเป็นพระ ให้รีบออกจากวัดไป ถ้าไม่ไปจะเอาลูกตะกั่วมาฝาก"


พอพระเณรอ่านจบ ท่านได้พนมมือสาธุจนพระเณรได้ยินทุกรูป และท่านได้พูดว่า

"เอาเก็บไว้ใต้แท่นพระบูชาเด้อ โลกธรรมแปดมันนี่เอง
แต่ก่อนได้ยินแต่ชื่อว่า มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ
มีสรรเสริญ-มีนินทา มีสุข-มีทุกข์ โอ๊ยของดีตั๋วนี่
สาธุ...พ่อได้ฟังแล้วแก่นธรรมเพิ่งมามื่อนี่ (วันนี้) เอง เก็บไว้เก็บไว้"


วันต่อมาท่านได้ออกบิณฑบาตเหมือนเดิม
โยมที่เอาบัตรสนเท่ห์ใส่บาตรเมื่อวาน ยืนยิ้มหน้ารั้วบ้านที่ท่านเดินผ่าน
พระเณรสังเกตดูอาการท่าน ก็ไม่เห็นอาการโกรธเคืองโยมคนนั้นแต่อย่างใด

๒-๓ วันต่อมา ครอบครัวของโยมคนนั้น เกิดความวุ่นวายขึ้น ทั้งตบทั้งตีกัน
จนในที่สุดโยมคนนั้นเกิดเป็นบ้าขึ้น อยู่บ้านก็หวาดระแวงว่าจะมีคนมาฆ่า
ต้องไปหลบซ่อนอยู่ในป่า ถึงญาติพี่น้องจะตามไปเกลี้ยกล่อมอย่างไร
ก็ไม่ยอมกลับบ้าน พูดได้คำเดียวว่ากลัวคนจะมาฆ่า

สุดท้ายญาติพี่น้องต้องนำขันดอกไม้มาขอขมาต่อครูบาอาจารย์เฒ่า
ถึงท่านจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน แต่ญาติของโยมคนนั้นก็ไม่เชื่อ
ผลสุดท้ายครูบาอาจารย์เฒ่าจึงได้โอกาสเทศนาให้ฟังถึงโทษและกรรมต่างๆ ที่ใส่ร้ายคนอื่น
แล้วบอกให้ญาติของโยมคนนั้นกลับ พอกลับไปถึงบ้าน โยมคนที่ใส่ร้ายท่านก็มีอาการปกติดี

ชาวบ้านทนดูเหตุการณ์ต่างๆ
ที่ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านถูกแกล้งไม่ไหว จึงได้ถามท่านว่า


"ขอโอกาสขะน้อย ครูบาจารย์บ่เคียด บ่ขมเขาบ้อ ที่เขาแกล้งทุกมื่อทุกเว่น
แม้นขะน้อยสิหนีมันแต่ดน บ่อยู่ให้เขาแกล้งดนปานนี้ดอก"
(ขอโอกาสครับ ครูบาจารย์ไม่โกรธเขาเหรอที่เขาแกล้งต่างๆ ทุกวี่ทุกวัน
ถ้าเป็นกระผมจะหนีไปนานแล้ว ไม่อยู่ให้เขาย่ำยีนานขนาดนี้หรอก)


และท่านได้พูดว่า "ท่าไทบ้านชีทวนบ่ไห้นำ สิบ่หนี"
(ถ้าชาวบ้านชีทวนไม่ร้องไห้ตาม จะไม่ยอมหนี)


ต่อมาโยมส่วนใหญ่เข้าใจเจตนาท่านดีแล้ว ทุกคนให้ความเคารพศรัทธาท่านมากขึ้น
พ่อใหญ่กัณหา พ่อใหญ่เตือน พร้อมชาวบ้านที่ได้นิมนต์ท่านมาอยู่จำพรรษาที่บ้านชีทวน
ประสงค์จะได้สร้างวัดถวายท่าน โยมหลายคนได้ถวายที่ดินให้ท่าน
บางคนมีที่ดินอยู่ไกลวัดแต่อยากถวาย ต้องแลกเปลี่ยนแย่งกันถวายให้ท่าน เมื่อตกลงกันได้แล้ว
พ่อใหญ่สารวัตรและกำนันเตือนจึงนำเรื่องไปกราบเรียนครูบาอาจารย์เฒ่าท่าน
เพื่อนำเรื่องดังกล่าวขอขึ้นจดทะเบียนเป็นวัดให้ถูกต้อง

ในเรื่องการสร้างวัดนี้ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านไม่อยากให้สร้าง

ท่านบอกว่า "บ่ต้องสร้างหรอกพ่อ นาลูกมีแล่ว นาฝั่นนี้ลูกมีแล่ว"
พร้อมกับชี้ไปที่บาตร (ไม่ต้องสร้างวัดหรอกพ่อ ลูกมีนาแล้ว-นาแปลงนี้หมายถึงบาตร)


:b45: :b45:

:b47: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=26860

:b47: รวมคำสอน “หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&p=308827

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2015, 14:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบสาธุๆๆ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2016, 13:12 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2018, 10:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2018, 07:13 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล
พระอริยเจ้าผู้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่น

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2018, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


น้อมกราบองค์หลวงปู่เจ้าค่ะ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร