วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


ก ร ร ม นิ มิ ต - ค ติ นิ มิ ต
:: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

แสดง ณ วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๖


รูปภาพ

กรรมในทางพุทธศาสนาท่านแสดงไว้ตามตำราหลายอย่าง ผู้สนใจศึกษาตามตำรับตำราก็พอเข้าใจและได้ความรู้กว้างขวาง เพราะท่านแสดงไว้ดีหมดทุกอย่าง

วันนี้จะแสดงเฉพาะเรื่องกรรมที่ติดตามคน หรือ กรรมที่จะนำคนให้ไปเกิดในคตินั้นๆ นั่นคือ กรรมนิมิต กับ คตินิมิต

กรรม หมายถึง การกระทำ

คนเรานั้นกายกับใจเป็นเกลอกัน อยู่ร่วมกันสนิทสนมกลมเกลียวกันดีที่สุด จะทำอันใดพร้อมเพรียงกันทุกสิ่ง ไม่ว่าจะทำชั่วทำดี ทำบาปทำบุญ พร้อมเพรียงกันทุกประการ


แต่เวลากายแตกดับ กายไม่ได้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดจากการทำร่วมกันนั้น ใจเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว

ที่ว่าไม่ได้รับผิดชอบในที่นี้หมายความถึงว่า กายไม่ได้รับกรรม เพราะเมื่อแตกดับหรือตายแล้วทอดทิ้งไว้ในดิน กลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปตามเดิม เรียกว่ารูปสลายไปตามสภาพของมัน ไม่ได้รับรู้ด้วย

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ กายกับใจร่วมกันทำงานก็จริง เช่น ไปฉ้อโกงลักขโมยของเขา ไปตีศีรษะเขา ทำทุจริตประพฤติผิดต่างๆ นานา แต่กายเป็นผู้ได้รับโทษให้ปรากฏ เมื่อถูกจับกุมมันก็ต้องจับที่กาย เอาไปติดคุกติดตะรางกายเป็นผู้ไปติดคุก หรือเขาจะเอาไปฆ่าไปประหาร เขาก็ประหารที่กาย

ในขณะที่มีชีวิตอยู่ดูเหมือน ว่ากายรับภาระหนักกว่าใจ แต่ความเป็นจริงแล้ว ใจก็รับภาระหนักเหมือนกัน หากไม่มีใครเห็น ความทุกข์กลุ้มอกกลุ้มใจนั้นจะหนักยิ่งกว่ากายด้วยซ้ำ


เพราะเมื่อเขาเอากายไปประหาร ไปฆ่า ถ้าหากไม่มีใจมันก็ไม่รู้สึกอะไร ก็เหมือนกับตัดท่อนกล้วยหรือท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้นเอง กายไม่มีความอาลัยอาวรณ์กับ ความเป็นอยู่ของมันเลย ฆ่าก็ฆ่าไป สับก็สับไป ตีก็ตีไป

ผู้อาลัยอาวรณ์ ผู้เป็นทุกข์เดือดร้อน คือ ตัวใจ ดังนั้นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ร่วมกันจึงทำกรรมร่วมกัน และเวลารับผลกรรมก็รับร่วมกัน

แต่เวลาแตกเวลาดับ คือใจหนีจากร่างแล้ว กายไม่ได้รับรู้อะไรอีก กรรมต่างๆ จะเป็นบาปหรือบุญ เป็นกุศล หรืออกุศลก็ตาม ใจเป็นผู้รับมอบไปคนเดียวหมด

ในขณะที่หนีจากกัน ต่างคนต่างไม่อาลัยอาวรณ์กัน เวลาที่กายมันจะแตกดับ ใจก็หนีไปคนเดียว ไม่ได้ร่ำได้ลากันเลย

หรือบางครั้งบางคราว กายจะหนีจากใจ เช่น รถชนตาย หรือฟ้าผ่า หรือเกิดอุปัทวเหตุด้วยประการต่างๆ ก็ดี เวลาดับเวลาตายก็วูบวาบไปประเดี๋ยวนั้น ไม่ได้ร่ำได้ลากันเลย ทั้งๆ ที่อยู่มาด้วยกันตั้งแต่แรก สนิทสนมกลมกลืนกันตลอดมา เวลาจะจากกันจริงๆ จังๆ ต่างคน ต่างไปไม่อาลัยอาวรณ์กันและกัน

ธรรมชาติของคนเรามันเป็นอยู่อย่างนี้ คนที่ไปยึดไปถือนั่นแหละท่านเรียกว่า กิเลส


กิเลสอันนี้แหละนำให้เกิดการกระทำ คือ กรรม กรรมนี่แหละเป็นของมีผล มีกำลังมาก ไม่มีใครสามารถที่จะกีดกัน หรือต้านทาน หรือแก้ไขด้วยประการต่างๆ ได้ กรรมอันนี้ไม่มีหนทางแก้ไขเลย

ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่ทำกรรมชั่วประการต่างๆ ด้วยอำนาจของกิเลสแล้วคิดว่าจะแก้ไขทีหลัง หรือบางคนยังพูดดันทุรังไปอีกว่า ไปสู้กันอยู่ในนรกหรือแก้ไขกันกับนายยมบาล เป็นต้น

ความจริงมันไม่มีหนทางแก้ไขเลย คนเราเวลาจะตาย มันต้องมีเครื่องดึงดูดชักจูง คือ กรรม ที่เรียกว่า กรรมนิมิต คตินิมิต

คนจะตายมันจะต้องหมดความรู้สึก คือ ไม่รู้จักเจ็บปวด ใจทอดธุระกายแล้วจึงค่อยตาย

ในขณะที่ใจทอดธุระกาย ไม่ยึดกาย ปล่อยวางกาย ยังเหลือแต่ใจ ตอนนั้นนิมิตจะเกิดขึ้นเป็นภาพของกรรม คือการกระทำต่างๆ จะมาปรากฏขึ้นในขณะนั้น


ผู้ที่เคยทำดี ทำบุญสุนทาน สร้างกุศลมากมาย จิตใจอิ่มเอิบเบิกบาน ก็จะปรากฏภาพที่เราทำดีนั้นแหละ เช่น เราเคยสร้างกุฏิ เวลาเราสร้างก็ไม่เคยสร้างใหญ่โต ไม่สวยสดงดงามอะไรมาก แต่ว่าภาพที่มาปรากฏในขณะนั้นมันจะสวยงามวิจิตร เป็นของน่าเพลิดเพลินเจริญใจอย่างยิ่ง และในขณะนั้นจิตจะต้องยึดเอาเป็นอารมณ์ คือเป็นอารมณ์แน่วแน่ในเรื่องนั้น นี่เรียกว่า กรรมนิมิต คือ นิมิตจากการกระทำ

ส่วนคตินิมิตนั้น อาจจะปรากฏเห็นพวกเทวดาหรือมนุษย์ก็ตามที่เป็นผู้มีความสุขสบาย แต่งกายงดงาม น่าเพลิดเพลินเจริญใจ มาเรียงรอบเรียกร้องอ้อนวอนขอให้ไปอยู่ด้วยในสถานที่โอ่โถงสวยงาม น่าอยู่น่าชม ซึ่งเราจะมองเห็นสถานที่เช่นนั้นด้วยตนเอง และเขามาแห่แหนอย่างสมเกียรติสมยศ ที่เขาเรียกกันว่า เทวดามารับคนมีบุญ

เขาจะพูดว่าเทวดาอะไรก็ช่างเถอะ แต่ว่านิมิตมันเป็นอย่างนั้น และเราเห็นชัดด้วยตนเอง

คราวนี้เราก็เลยไปตามเขา เพราะความชอบใจมีมาก ก็ไปตามความชอบใจ อันนี้เรียกว่า คตินิมิต “คติจะไปมองเห็นที่จะไป” เป็นทางกรรมที่ดี

ส่วนกรรมที่ชั่ว เราเคยทำบาปกรรม คิดชั่วช้าเลวทราม ฉ้อโกง ลักขโมย ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ประพฤติผิดด้วยประการต่างๆ ในขณะที่จิตใจมันปล่อยวางกายนั้น จะปรากฏภาพที่เราทำความชั่วต่างๆ ให้เห็นชัดขึ้นมา โดยที่เราไม่ตั้งใจ

ใจจะคิดนึกระลึกถึง เราลืมไปแล้วนานแสนนานทีเดียว ภาพจะแสดงขึ้นมาปรากฏในใจ หรือบางทีอาจแสดงออกมาภายนอกก็ได้ เช่น คนฆ่าหมู ฆ่าวัว ในขณะนั้นจะแสดงอาการทางกาย ทำท่าทีปฏิกิริยาของการที่เราทำความชั่ว ฆ่าหมู ฆ่าวัว นั้นให้ปรากฏแก่คนอื่น

ทั้งๆ ที่เรามีสติอยู่ แต่มันปรากฏขึ้นมา หรือว่าบางทีในขณะนั้นจะเผลอสติไปก็ได้ ทำให้ปรากฏขึ้นมา อันนี้เรียกว่ายังไม่ทันแตกทันดับ คือกายกับใจยังรวมกันอยู่


ถ้าหากเรายังเหลือแต่ใจอย่างเดียว คือมันทอดทิ้งกายแล้วดังอธิบายมานั้น มันจะปรากฏภาพความชั่วของตน ซึ่งเป็นเหตุให้วิตกวิจาร เดือดร้อน วุ่นวาย หรือหวาดเสียวน่ากลัวอย่างแสนสาหัส เช่น ปรากฏว่ามีคนใจอำมหิตโหดร้ายหน้าบึ้งหน้าเบี้ยวมาลากมาผูก มัดเอาไป กระชากขู่เข็ญด้วยประการต่างๆ จะขอร้อง อ้อนวอนสักเท่าใดก็ไม่มีใครจะช่วยเหลือได้ และก็ไม่ให้อภัยเสียด้วย หรือปรากฏเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว วิตก สะดุ้ง ตกใจ แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ อันนี้เรียกว่า กรรมนิมิตในทางชั่ว

ส่วนคตินิมิตนั้น อาจจะไปเห็นที่ซึ่งเราจะไปอยู่ เช่น เห็นหลุมถ่านเพลิง ไฟลุกโซนอยู่ตลอดกาลเวลา กองไฟใหญ่โต หรือว่าเห็นสถานที่อันทุรกันดาร อดอยากยากแค้น เดือดร้อนด้วยประการต่างๆ เป็นสถานที่ซึ่งเขาจะเอาเราไปนั้น เกิดสะดุ้งหวาดกลัวสุดแสน แต่ไม่สามารถแก้ไขได้

(มีต่อ)

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2008, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กรรมนิมิต - คตินิมิต ทั้งสองอย่างนี้ อันใดอันหนึ่งจะเกิดก่อนก็ได้ กรรมนิมิตเกิดขึ้นก่อนก็ได้ หรือคตินิมิตเกิดขึ้นก่อนก็ได้ แต่ว่าทั้งสองอย่างนี้แหละจะเป็นเครื่องดึงดูดและชักจูงเอาจิตใจของเราที่ทอดทิ้งจากกาย แล้วนั้นให้ไปเสวย

อาจจะมีปัญหาถามว่า เมื่อกายกับใจยังปรอง ดองสามัคคีกันอยู่ การทำก็ไม่เห็นทารุณโหดร้าย สักเท่าใดนัก แต่เมื่อจิต คือใจนี้ทอดทิ้งกายแล้ว ทำไมจึงทำให้เกิดนิมิตโหดร้ายน่ากลัว แสดงอาการโหดร้ายเหลือเกิน

นั่นเป็นธรรมดาถึงเรื่องในใจของคนเรา ถ้ายังอยู่กับกายพร้อมเพรียง ก็ยังมีการที่จะปลดเปลื้องและแก้ไขได้

สมมติว่า เรานั่งหรือเรานอนเหนื่อย มันเหนื่อยที่ใจ เราก็พลิกกาย มันก็พอที่จะแก้ไขปลดเปลื้องกันได้

หรืออ่อนเพลีย หิวข้าว กระหายน้ำ เราก็ดื่มน้ำลงที่กาย ใจก็ค่อยสบายขึ้น นี่ช่วยกันแก้ไขได้ แต่ถ้ายังเหลือแต่ใจอันเดียวแล้วมันหมดหนทาง ไม่มีหนทางแก้ไข เหตุนั้นเมื่อทุกข์จึงทุกข์แสนสาหัส สุขก็สุขแสนยิ่ง มันมีสิ่งเดียวเท่านั้น เหลือใจสิ่งเดียว และก็เป็นของเบาอีกด้วย

ของเบาๆ นั้น ไม่ว่าอะไร ลองพิจารณาของภายนอกก็แล้วกัน เช่น รถวิ่งตามถนนหนทาง ถ้าพลาดบางครั้งบางคราวไม่เหลือเกินก็พอมีหนทางแก้ไข คือสามารถที่จะปลดเปลื้องแก้ไขด้วยประการต่างๆ ได้


ถ้าหากว่าเป็นว่าว เมื่อขึ้นไปปลิวอยู่บนอากาศ มันเป็นของเบาๆ พอแฉลบ ก็วูบลงเลย ของเบาเป็นอย่างนั้น

ใจเป็นของเบาเหมือนกัน ถ้ามันตกลงได้เอนไปทางไหนแล้วจะไปอย่างสุดขีดเลย เหตุนั้น สุขก็สุขอย่างสุดขีด ทุกข์ก็ทุกข์อย่างสุดขีด ดังนั้น เมื่อถึงตอนนี้จึงเรียกว่าไม่มีหนทางแก้ไข ที่บางคนว่าจะไปแก้ไข ตอนไปหรือตายไปแล้วจะไปแก้ไขนั้น อย่าไปหวัง ไม่มีทางแก้ไขเลย

ที่ท่านเรียกว่า นรก ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส หรือ สวรรค์ ได้ความสุขอย่างยิ่ง ไม่ใช่อยู่ที่อื่นที่ไกล อยู่เฉพาะในขณะนั้นแหละ ในขณะที่จิตมันว่างทอดทิ้งร่างนั่นล่ะ ไม่ได้หมายความว่าอยู่ใต้ดินหรืออยู่บนอากาศกลางหาวที่ไหน

ขณะที่จิตมันถอนจากร่างแล้วนั่น เกิดกรรมนิมิต - คตินิมิต ปรากฏเห็นนรก - สวรรค์ กันตรงนั้นเอง

เหตุนั้นผู้ที่มาเข้าใจในเรื่องทั้งหลายนี้แล้ว จะแก้ไขตนเองก็พึงแก้ไขเสียในขณะที่ตนยังมีชีวิตอยู่ คือ เมื่อกายกับใจยังร่วมกันอยู่นี้ จะประกอบกุศลให้มีคุณงามความดีเจริญงอกงามขึ้น ก็พากันพร้อมใจเจริญ รู้สึกตนแล้วยังแก้ไขได้

เมื่อทำดีแล้ว ก็ทำให้เจริญยิ่งขึ้นๆ ไปได้ ถ้าหากว่าใจทอดทิ้งกายแล้ว ไม่มีหนทางแก้ไขเลย

ผลของกาย กับใจร่วมกันทำ เรียกว่า กรรม มาส่อแสดงให้ปรากฏ


กรรม เป็นของมีพลังอย่างยิ่ง ไม่มีใครจะต้านทานหรือห้ามปรามไว้ได้ ไม่มีใครจะมาร้องขออ้อนวอนได้เลย

กรรมให้ผลยุติธรรมอย่างยิ่ง ทำลงไปแล้วมากน้อยเท่าใดก็ได้ผลเท่าที่ตนทำนั่นแหละ ไม่เหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ กายกับจิตยังรบกันอยู่ ปลิ้นปลอกหลอกลวงได้สารพัดทุกอย่าง จะโกหกมายาได้ทั้งนั้นนั้น

ส่วนไปถึงตรงนั้นแล้ว ยังเหลือแต่ใจ ไม่มีอัฐ ไม่มีสตางค์ ไม่มีทนายความ ไม่มีใครจะอ้อนวอนร้องขอได้ และไม่ให้อภัยกันเสียด้วย

เมื่อถึงตรงนั้นแล้ว มีอย่างใดก็ต้องตรงไปตรงมาเลย ไม่มีการยกเว้น กรรมดังนี้ไม่มีพ่อมีแม่ ไม่มีพี่น้อง ไม่มีญาติวงศ์ ไม่มีครูมีอาจารย์ เป็นเอกสิทธิ์ของมันคนเดียว มันไม่เลือกหน้าใครทั้งนั้น กรรมถึงได้ชื่อว่าเป็นของมีกำลังมาก

กรรมได้ชื่อว่าแยกสัตว์ให้เป็นไปต่างๆ นานา เช่น เราทำกรรมชั่วด้วยประการต่างๆ มันจะแยกให้เราไปเกิดในที่ชั่ว

ถ้าเราทำกรรมดี มันจะแยกเรามาในทางดี

ในทางที่ชั่วหรือที่ดีนั้น คนอื่นจะมาแยกไม่ได้ สุขหรือทุกข์คนอื่นมาแยกไม่ได้ กรรมเท่านั้นเป็นคนแยก เราจะมาแก้ตัวและผลัดเปลี่ยนกันไม่ได้ทั้งนั้น

นั่นจึงเป็นของน่ากลัว เป็นสิ่งที่เราพึงสังวรและรู้สึกตัว จงรีบทำเสียตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่

เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทรงสอนให้เราละชั่วทำดี เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เป็นโชคลาภอย่างยิ่ง

ถ้าหากเรามาระลึกได้ถึงเรื่องนิมิตว่า กรรมนิมิต คตินิมิต เป็นสิ่งที่ไม่มีหนทางแก้ไขได้ เป็นสิ่งที่ควรจะกลัวและพยายามแก้ไขตนเสีย จึงจะไม่สายเกินกาล รีบแก้ไขเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้

เพราะเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิด ด้วยเหตุ - ผลของกรรมนำให้ไปเกิด

ถ้าเราแก้ไขเสียได้แล้ว การเกิดการตายก็เรียกว่าสั้นเข้ามา คือว่า ใกล้ที่จะสิ้นสุดลงไป

เพราะฉะนั้น ให้พากันศึกษา พิจารณาธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าดังที่อธิบายมานี้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตนทุกๆ คน เอวํ ฯ


จาก...พระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ ๘ “กรรมนิมิต - คตินิมิต” หน้า ๕๕๓-๕๖๐
หนังสือ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๑๐
ผู้เรียบเรียงและจัดพิมพ์ : รศ.ดร.ปฐม-รศ.ภัทรา นิคมานนท์
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ : เดือนธันวาคม ๒๕๔๘
:b8: :b8: :b8:


----- จบ -----

>>> กระทู้เกี่ยวเนื่องกัน

:b44: มรณสติ (หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=28579

:b44: สิ่งที่จิตระลึกถึงก่อนตายมี ๓ ชนิด (พระพรหมบัณฑิต)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3437

:b44: ค ว า ม ต า ย และ อ า ร ม ณ์ ที่ ป ร า ก ฏ ก่ อ น ต า ย
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=44228

:b44: จิตก่อนเกิดและก่อนตายเป็นอย่างไร (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=40797

:b44: ปุถุชนตายมีกรรมนิมิต แต่พระอรหันต์ไม่มี (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=50660

:b44: กรรมนิมิตก่อนตาย (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=50923

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 10:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2013, 10:07
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 13:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


Sathu Ka :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2015, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b46:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2017, 08:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2018, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2019, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b8: :b8: :b8: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2019, 20:52 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2019, 10:03 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร