วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


**************************************************

ภาพที่ ๗๖
ปัจฉิมพระสาวกสุภัททปริพาชก


ในภาพ...สุภัททปริพาชกเข้าไปหาพระอานนท์ บอกว่า
ตนประสงค์จะขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลถามปัญหาธรรมบางอย่าง
ซึ่งข้องใจมานาน พระอานนท์ปฏิเสธปริพาชกว่า อย่าเลย
อย่าได้รบกวนพระพุทธองค์เลย เพราะพระองค์กำลังจะปรินิพพาน

พระพุทธองค์ทรงได้ยินการโต้ตอบระหว่างพระอานนท์กับสุภัททปริพาชก
จึงตรัสให้สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าได้ โดยตรัสกับพระอานนท์ว่า

“อานนท์ ประโยชน์อันใดที่เขาจะได้จากเรา
แม้ลมหายใจสุดท้ายเราก็จะยอมมอบให้เขา”

เมื่อสุภัททปริพาชกได้โอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
จึงทูลถามปัญหาที่ข้องใจมานาน หลังจากพระพุทธองค์ตรัสตอบปัญหาแล้ว
เขาเกิดความเลื่อมใส ทูลขอบวช พระพุทธองค์ตรัสว่า

นักบวชในศาสนาอื่นจะขอบวชต้องอยู่ปริวาสครบ ๔ เดือนก่อน
สุภัททปริพาชกกราบทูลว่า แม้จะให้อยู่ถึง ๔ ปีก็ยอม
พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาตให้สงฆ์บวชให้สุภัททปริพาชกในคืนวันนั้น
สุภัททปริพาชกอุปสมบทแล้ว บำเพ็ญเพียรไม่นาน
ในคืนนั้นเองก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงนับเป็นพระอรหันต์สาวกองค์สุดท้าย
ที่ทันเห็นพระพุทธองค์ขณะดำรงพระชนม์ชีพ


**************************************************

ปัจฉิมสาวกอรหันต์และพวงดอกไม้มาร
http://www.dhammajak.net/book/anon/anon25.php

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


**************************************************

ภาพที่ ๗๗
พระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน


ในภาพ...วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระพุทธองค์ทรงประทับสีหไสยาส
ท่ามกลางหมู่สงฆ์และทวยเทพ
ดอกไม้ทิพย์ทั้งปวงร่วงโปรยลงมาเป็นพุทธบูชา
เข้าสู่สถานที่พุทธปรินิพพานจนละลานตาทั่วอุทยาน

พระบรมศาสดาได้ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า
“หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว
วะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ”

แปลว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”

หลังจากนั้นพระพุทธองค์ทรงเข้าสมาบัติตามลำดับดังนี้
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว

ทรงเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ออกจากอากาสานัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน ออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ออกจากอากิญจัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว

ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ออกจากอากิญจัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน ออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว

ทรงเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ออกจากอากาสานัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จดับขันธปรินิพพาน


**************************************************

มหาปรินิพพานสถูป และมหาปรินิพพานวิหาร
พระพุทธรูปปางปรินิพพาน กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=44811

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

**************************************************

ภาพที่ ๗๘
พิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า
ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา ใน “วันอัฏฐมีบูชา”
ซึ่งตรงกับวันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ หรือ เดือน ๗
(ปีที่มีอธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองหน)
หลังจากเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๘ วัน
คือหลังจาก “วันวิสาขบูชา” แล้ว ๘ วัน



ในภาพ...หลังจากพระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
เหล่าภิกษุสงฆ์ เทพเทวดา พวกเจ้ามัลลกษัตริย์
ได้ถวายการสักการะพระพุทธสรีระ
พวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้
และเครื่องดนตรีทุกชนิดที่มีอยู่ในเมืองกุสินาราตลอด ๗ วัน
แล้วให้พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ระดับหัวหน้า (มัลลปาโมกข์) ๘ องค์
สระสรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ แล้วอัญเชิญพระพุทธสรีระ
ไปทางทิศตะวันออกของพระนครเพื่อถวายพระเพลิง
พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ถามถึงวิธีปฏิบัติพระพุทธสรีระกับ

“พระอานนท์เถระ” แล้วทำตามคำของพระอานนท์เถระนั้น
คือ ห่อพระพุทธสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี
แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า ๕๐๐ คู่
แล้วอัญเชิญประดิษฐานลงในหีบทองที่เต็มไปด้วยนํ้ามันหอม
แล้วทำจิตกาธาน (อ่านว่า จิต-ตะ-กา-ธาน แปลว่า เชิงตะกอน)
ด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด
จากนั้นให้พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ระดับหัวหน้า (มัลลปาโมกข์) ๔ องค์
พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ


“พระอนุรุทธะเถระ” แจ้งว่า “เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอ
พระมหากัสสปเถระและหมู่ภิกษุใหญ่ ๕๐๐ รูป
ผู้กำลังเดินทางจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารานี้
เพื่อมาถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระบรมศาสดาเสียก่อน
ไฟก็จะลุกไหม้”

ก็เทวดาเหล่านั้นเคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ
และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อนในอดีต
จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปเถระอยู่ในพิธี


ครั้งนั้นพระมหากัสสปเถระและหมู่ภิกษุใหญ่ ๕๐๐ รูป
กำลังเดินทางจากเมืองปาวาจะไปยังเมืองกุสินารา
เพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
ระหว่างทางได้แวะพักร้อนที่ร่มไม้ ขณะที่กำลังนั่งพักอยู่นั้น
ได้มีอาชีวกะ (พราหมณ์) ผู้หนึ่งถือ “ดอกมณฑารพ”
ที่ผูกติดกับกิ่งไม้ต่างร่ม เดินสวนทางมา
พระมหากัสสปเถระได้เห็นก็ทราบว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น
ดอกมณฑารพนี้มีเพียงในเทวโลกแดนสวรรค์ ไม่มีในเมืองมนุษย์
การที่มีดอกไม้นี้อยู่แสดงว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพระบรมศาสดา
พระมหากัสสปเถระจึงถามอาชีวกะ (พราหมณ์) นั้นว่า
ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพระบรมศาสดาบ้างหรือไม่
อาชีวกะ (พราหมณ์) นั้นตอบว่า...
พระสมณโคดมได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปล่วงเจ็ดวันแล้ว
ดอกไม้นี้ข้าพเจ้าได้เก็บมาจากบริเวณที่เสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น


เมื่อพระมหากัสสปเถระและหมู่ภิกษุใหญ่เดินทางมาถึง
สถานที่ถวายพระเพลิง “มกุฏพันธนเจดีย์” เมืองกุสินาราแล้ว
ห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี
กระทำประทักษิณรอบเชิงตะกอน ๓ รอบ
พระมหากัสสปเถระเปิดผ้าทางพระบาทแล้ว
ถวายบังคมพระบาททั้งสองด้วยเศียรเกล้าแล้วอธิษฐานว่า

“ขอพระยุคลบาทของพระองค์ที่มีลักษณะเป็นจักร
อันประกอบด้วยซี่พันซี่ ขอจงชำแรกคู่ผ้า ๕๐๐ คู่
พร้อมทั้งสำลี ไม้จันทน์ ออกเป็นช่อง
ประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าของข้าพระองค์ด้วยเถิด”


เมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็บังเกิดความอัศจรรย์
พระยุคลบาทก็แหวกคู่ผ้า ๕๐๐ คู่ออกมา
โผล่พ้นปลายหีบทองพระบรมศพ
เพื่อประทานให้นมัสการเป็นพิเศษแก่พระเถระ
พระเถระจับพระยุคลบาทไว้และน้อมนมัสการเหนือเศียรเกล้าของตน
เมื่อพระเถระและหมู่ภิกษุใหญ่ ๕๐๐ รูปถวายบังคมแล้ว
ฝ่าพระยุคลบาทก็เข้าประดิษฐานในที่เดิม
ครั้นแล้วเปลวเพลิงก็ลุกโพลงท่วม
พระพุทธสรีระของพระบรมศาสดาด้วยอำนาจของเทวดา
เมื่อเพลิงใกล้จะดับ ก็มีท่อน้ำไหลหลั่งลงมาจากอากาศ
และมีน้ำพุ่งขึ้นจากกองไม้สาละ ดับไฟที่ยังเหลืออยู่นั้น

พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ก็ประพรม “พระบรมสารีริกธาตุ”
ด้วยของหอม ๔ ชนิด รอบๆ บริเวณก็โปรยข้าวตอกเป็นต้น
แล้วจัดกองกำลังอารักขา จัดทำสัตติบัญชร (ซี่กรงทำด้วยหอก)
เพื่อป้องกันภัย แล้วให้ขึงเพดานผ้าไว้เบื้องบน
ห้อยพวงของหอม พวงมาลัย พวงแก้ว
ให้ล้อมม่านและเสื่อลำแพนไว้ทั้งสองข้าง
ตั้งแต่มกุฏพันธนเจดีย์จนถึงศาลาด้านล่าง ให้ติดเพดานไว้เบื้องบน
ตลอดทางติดธง ๕ สีโดยรอบ ให้ตั้งต้นกล้วย และหม้อน้ำ
พร้อมกับตามประทีปมีด้ามไว้ตามถนนทุกสาย

พวกเจ้ามัลลกษัตริย์นำพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายวางลงในรางทอง
แล้วอัญเชิญไว้บนคอช้าง นำพระบรมสารีริกธาตุเข้าพระนคร
ประดิษฐานไว้บนบัลลังก์ที่ทำด้วยรัตนะ ๗ อย่าง
กั้นเศวตรฉัตรไว้เบื้องบน แล้วจัดกองกำลังอารักขา
จากนั้นจัดเหล่าช้างเรียงลำดับกระพองต่อกันล้อมไว้
พ้นจากเหล่าช้างก็เป็นเหล่าม้าเรียงลำดับคอต่อกัน
จากนั้นเป็นเหล่ารถ เหล่าราบ รอบนอกสุดเป็นทหารธนูล้อมอยู่
พวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดฉลองพระบรมสารีริกธาตุตลอด ๗ วัน


:b39:

“มกุฏพันธนเจดีย์” ตั้งอยู่ห่างจาก “มหาปรินิพพานสถูป”
ไปทางด้านทิศตะวันออก ๑ กิโลเมตร
เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า
คนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือ รัมภาร์สถูป
เดิมทีเป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอม
หลังจากที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว ก็ได้สร้างพระสถูปครอบลง
ต่อมาก็ได้ถูกรุกรานทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง
ภายหลังได้ถูกขุดค้นพบเป็นซากกองอิฐพระสถูปขนาดใหญ่
ดังที่เห็นในปัจจุบัน พระสถูปนี้วัดโดยรอบฐานได้ ๔๖.๑๔ เมตร
และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗.๑๘ เมตร
อย่างไรก็ตาม ตามหลักฐานก็เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือ
สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า
หรือมกุฏพันธนเจดีย์ตามที่ชาวพุทธเรียกชื่อกัน
ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี


**************************************************

:b47: :b44: :b47:

• รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันอัฏฐมีบูชา” •
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45500

พระมหากัสสปะ ประธานในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=42337

“มกุฏพันธนเจดีย์” สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=86&t=53927

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

**************************************************

ภาพที่ ๗๙
แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ


ในภาพ...เมื่อข่าวการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองค์
และการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
กระทั่งพระพุทธสรีระกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุทราบกันโดยทั่วไปแล้ว
เหล่ากษัตริย์ในนครต่างๆ เมื่อทราบข่าวก็ปรารถนาจะได้พระบรมสารีริกธาตุ
จึงส่งสาสน์ ส่งคณะฑูตมาขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปสักการบูชา
เหล่ามัลลกษัตริย์ (แห่งเมืองกุสินารา) ตอบปฏิเสธแข็งขันไม่ยอมแบ่งให้
ด้วยเหตุผลว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานในเมืองของเรา”

ดังนั้น กษัตริย์ในพระนครต่างๆ เช่น
พระเจ้าอชาตศัตรู จอมกษัตริย์แคว้นมคธ และกษัตริย์เหล่าอื่นๆ
จึงยกกองทัพมาด้วยหวังว่าจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ
เมื่อยกกองทัพมาถึงหน้าประตูเมือง
ทำท่าจะเกิดศึกสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ

ครั้งนั้น พราหมณ์ผู้ใหญ่คนหนึ่ง คือ โทณพราหมณ์
หวั่นเกรงว่าจะเกิดสงครามใหญ่ จึงประกาศว่า
“พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา ทรงสรรเสริญขันติ สรรเสริญสามัคคีธรรม
การที่เราจะมาประหัตประหารเพราะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ
ของพระองค์ผู้ประเสริฐ ย่อมไม่สมควร
ดังนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายจงยินดีในการที่จะแบ่งกันไปเป็น ๘ ส่วน
และนำไปบูชายังบ้านเมืองของท่านทั้งหลายเถิด”

วาทะของโทณพราหมณ์ มีดังนี้

สุณนฺตุ โภนฺโต มม เอก วากฺยํ อมฺหาก พุทฺโธ อหุ ขนฺติวาโท
น หิ สาธุกํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส สรีรภาเค สย สมฺปหาโร
สพฺเพว โภนฺโต สหิตา สมคฺคา สมฺโมทมานา กโรมฏฐภาเค
วิตฺถาริกา โหนฺตุ ทิสาสุ ถูปา พหู ชนา จกฺขุมโต ปสนฺนา


คำแปลจากปฐมสมโพธิกถา มีดังนี้
“ท่านทั้งหลายจงสดับคำแห่งเราสักครู่หนึ่ง
ซึ่งพระบรมครูแห่งเราย่อมตรัสเทศนา
ซึ่งขันติธรรมว่าประเสริฐแล
ซึ่งมาเกิดยุทธประหารในที่พระสารีริกธาตุ
อันศาสดาปรินิพพานนี้ บ่มิดี บ่มิสมควร

ดูกรท่านทั้งหลาย จงอดกลั้นเสียซึ่งโทษ
จึงคิดประนีประนอมพร้อมหฤทัยยินดีด้วยกัน
เราจะแบ่งปันพระบรมธาตุออกเป็น ๘ ส่วน
ให้แก่บพิตรทั้งปวงตามควร องค์ละส่วนเสมอกัน
จะได้อัญเชิญไปก่อพระสถูปบรรจุไว้ทุกพระนคร
เป็นที่ให้ไหว้บูชาแห่งมหาคนในทิศทั้งหลายต่างๆ”


:b39:

กษัตริย์ทั้งหลายจึงมีมติให้โทณพราหมณ์เป็นผู้แบ่ง
พระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคออกเป็น ๘ ส่วนเท่ากัน

โทณพราหมณ์ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุทั้ง ๑๖ ทะนาน
ให้แก่เจ้าเมืองทั้ง ๘ นำไปสักการบูชาที่บ้านเมืองของตนเท่าๆ กัน
แล้วแอบเอา “พระเขี้ยวแก้ว” (ทาฒธาตุ) ใส่มวยผม
พระอินทร์จึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานบนสวรรค์


ครั้งนั้น พระเจ้าแผ่นดินแห่งแคว้นมคธ
พระนามว่า อชาตศัตรู เวเทหิบุตร ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในนครราชคฤห์

พวกกษัตริย์ลิจฉวี เมืองเวสาลี ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวสาลี

พวกกษัตริย์ศากยะ เมืองกบิลพัสดุ์ ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกบิลพัสดุ์

พวกกษัตริย์ถูลี (ฐลิยะ) เมืองอัลกัปปะ ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองอัลกัปปะ

พวกกษัตริย์โกลิยะ เมืองรามคาม ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองรามคาม

พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวฏฐทีปกะ

พวกเจ้ามัลละ เมืองปาวา ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองปาวา

พวกเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกุสินารา


โทณพราหมณ์ ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองตุมพะ (ทะนานทองตวงพระบรมสารีริกธาตุ)

พวกกษัตริย์โมริยะ เมืองปิปผลิวัน ก็ได้กระทำพระสถูป
และการฉลองพระอังคารพระผู้มีพระภาคในเมืองปิปผลิวัน


พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง
รวมกับพระสถูปบรรจุตุมพะเป็นเก้าแห่ง
และรวมกับพระสถูปบรรจุพระอังคารเป็นสิบแห่ง

พระสรีระของพระพุทธเจ้ามีแปดทะนาน
เจ็ดทะนานบูชากันอยู่ในชมพูทวีป
ส่วนพระสรีระอีกทะนานหนึ่ง
พวกนาคราชบูชากันอยู่ในรามคาม


พระเขี้ยวองค์หนึ่งเทวดาชาวไตรทิพย์บูชาแล้ว
ส่วนอีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในคันธารบุรี
อีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในแคว้นของพระเจ้ากาลิงคะ
อีกองค์หนึ่งนาคราชบูชากันอยู่

พระทนต์ ๔๐ องค์บริบูรณ์
พระเกศาและพระโลมาทั้งหมด พวกเทวดานำไปองค์ละองค์ๆ
โดยนำต่อๆ กันไปในจักรวาล ดังนี้แล


:b49: :b50: :b49:

สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ หรือโทณพราหมณ์เจดีย์
ปัจจุบันตั้งอยู่ทางด้านหลังของ “วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์”
เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
โดยมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่เป็นที่สังเกต

จากบันทึกหลวงจีนเฮียงจัง (พระถังซัมจั๋ง) กล่าวตอนหนึ่งว่า
“เห็นเสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราชอีกอันหนึ่งปักอยู่ที่หน้าสถูป
อันเป็นสถานที่ที่มีการแบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุ”


**************************************************

:b47: :b44: :b47:

เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก “วันอัฏฐมีบูชา”
โทณพราหมณ์ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วนเท่าๆ กัน
แล้วมอบให้ผู้ครองนครทั้ง ๘ นำไปสักการบูชาที่บ้านเมืองของตน

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=48446

โทณพราหมณ์ ผู้แจกพระบรมสารีริกธาตุ
(อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=50448

ตำนาน “พระบรมสารีริกธาตุ” (Buddha Relics)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=22328

พุทธเจดีย์ เจดีย์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ๔ ประเภท
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=43001

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


**************************************************

ภาพที่ ๘๐
พระบรมสารีริกธาตุและอัฐบริขารสถิตในภพ ๓


ในภาพ...สิ่งอันเป็นสัญญลักษณ์แทนความเป็นพระพุทธเจ้า
กษัตริย์และเทพในโลกทั้ง ๓ ได้อัญเชิญ
พระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว พระอังคารธาตุ
และพุทธอัฐบริขารสำคัญ ไปประดิษฐ์ในภพของตน
พร้อมทั้งสังเวชนียสถานทั้งสี่ คือ
สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน
เพื่อทักษิณาถวายการเคารพบูชาสักการะสูงสุด


**************************************************

ตำนานพระบรมสารีริกธาตุ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=22328

พุทธสังเวชนียสถาน : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

**************************************************

ภาพที่ ๘๑
พุทธกิจหลักประจำวัน ๕ ประการ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=32716


ในภาพ...แสดงถึงพุทธกิจของพระบรมศาสดาขณะดำรงพระชนม์
พระบรมศาสดาทรงมีพระเมตตากรุณาโปรดหมู่เวไนยสัตว์
ทรงมีกิจเพื่อสอนผู้อื่นเป็นรายวัน

พุทธกิจหลักประจำวัน ๕ ประการ
พุทธกิจประการที่ ๑
ในเวลาเช้า ทรงเสด็จออกบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์โลก

พุทธกิจประการที่ ๒
ในเวลาเย็น ทรงแสดงธรรมแก่ผู้สนใจในการฟังธรรม
หมู่ชนหลายวรรณะที่มาสู่ความเป็นพุทธมามกะ

พุทธกิจประการที่ ๓
ในเวลาค่ำ ทรงประทานพระโอวาทให้กรรมฐานแก่ภิกษุทั้งหลาย

พุทธกิจประการที่ ๔
ในเวลาเที่ยงคืน ทรงแสดงธรรมและตอบปัญหาแก่หมู่เทวดาทั้งหลาย

พุทธกิจประการที่ ๕
ในเวลาใกล้รุ่ง ทรงตรวจดูสัตว์โลกที่อาจจะรู้ธรรมที่ประองค์ทรงแสดง
แล้วเสด็จไปอนุเคราะห์แสดงธรรมแก่ผู้ที่ปรากฏในข่ายพระญาณ


**************************************************

:b8: :b8: :b8: ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ ::
เว็บวัดพระบาทน้ำพุ phrabatnampu.org
:b50: :b49: :b50: รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหาโดย ::
สาวิกาน้อย แห่งลานธรรมจักร dhammajak.net

“ภาพพุทธประวัติ” อันทรงคุณค่ายิ่ง พร้อมคำบรรยาย ๓๕ ภาพ
(ผลงานของอาจารย์กฤษณะ สุริยกานต์)

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=38097

“ภาพพุทธประวัติ” พร้อมคำร้อยกรอง-คำบรรยายโดยสังเขป
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613

ภาพพระพุทธประวัติ (ครูเหม เวชกร)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=18&t=31170

:b44: ---------------------------------------------------- :b44:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 16:28
โพสต์: 106

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:
ขอให้เจริญในบุญยิ่งๆขึ้นไปด้วยค่ะ
tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2011, 03:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ ท่านสาวิกาน้อย ขอให้ท่านอบอุ่นในอู่ทะเลบุญและเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2011, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 15:47
โพสต์: 417

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: วิปัสนา-กรรมฐาน เล่ม 1-2
ชื่อเล่น: นา
อายุ: 44
ที่อยู่: 140/19 ถ.อภัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าแก้ไขคนอื่น จงแก้ไขตัวเราเอง

....................................................

เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เจ้ามาเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา

...................................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 13:40
โพสต์: 76

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ ที่นำภาพสวยๆ มีสาระมาให้ชม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2012, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b45: :b8: :b8: :b8: :b45:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 10:28
โพสต์: 439


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญ
เป็นบุญตาที่ได้เห็นจริงๆ
ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปคะ

.....................................................
สรรพสิ่งทุกอย่าง ล้วนมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

.................................................................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลอยู่ในตัว
การกระทำของตนย่อมเป็นกรรมที่ตนกำหนดเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2013, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณครับ

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะครับ
:b8:

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2013, 16:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ภาพงดงามเหลือเกิน
อนุโมทนาสาธุบุญค่ะ

ขออนุญาตนำไปเป็นภาพมหามงคลที่บ้านนะคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร