วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่พึงเอาทุกข์มาทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์ :b1:

รูปภาพ

“หายใจไม่ออก” ข้อความสุดท้ายจากพี่ชาย อุทาหรณ์เตือนใจสุดเศร้าจากผู้สูญเสีย

cry Onion_no

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีการแชร์ข้อความจากสมาชิกเฟซบุ๊ก Sakdithat Tuwichian ซึ่งเป็นภาพที่มีลายมือเขียนแทบไม่รู้เรื่องบนกระดาษแผ่นเล็กๆ พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง โดยได้รับการแชร์ออกไปถึงกว่า 3 หมื่นครั้งแล้ว และอีกกว่า 2 หมื่นคอมเม้นต์ ที่แท้กชื่อคนที่รัก ให้ได้อ่านข้อความนี้

โดยข้อความได้ระบุว่า “เศร้าแท้…บังเอิญเจอกระดาษแผ่นนี้ พี่ชายผมเขียนไว้ก่อนสิ้นลม อ่านว่า... “ห า ย ใ จ ไ ม่ อ อ ก

ตอนเขาเขียน เขาพูดไม่ได้ เพราะใส่เครื่องช่วยหายใจ ..คิดดูเถอะ ขนาดใส่เครื่องหายใจยังเขียนว่าหายใจไม่ออก… .จริงๆผมไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันผ่านมาแล้ว แล้วก็อยากให้ผ่านๆไปเร็วๆ… จนมาเจอกระดาษแผ่นนี้ .. ขอเล่า ละกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใคร…

พี่ผมเป็นมะเร็งปอด รู้ตัวก็ระยะสุดท้าย..คืนก่อนเขาจะเสีย ผมนั่งเฝ้าเขาทั้งคืน ยันถึงเช้า ผมเห็นทุกอย่างทุกนาทีว่าเขาเจ็บปวดยังไง.. เห็นที่เขาพยายามดึงท่อที่คอออก.. เห็นที่เขาจ้องหน้าผมแล้วน้ำตาไหล บีบมือผมไว้แน่นเหมือนพยายามจะพูดอะไร .. เห็นจนวินาทีที่เขาจากไป.. เห็น ทั้ง 4-5 ครั้ง ที่หมอพยายามปั๊มหัวใจยื้อขีวิต และผมเองนี่แหละที่บอกหมอว่า “พอเถอะ ไม่ต้องปั๊มแล้ว”.. ผมนี่แหละ วิ่งตามไปปลอบแฟนเขาที่วิ่งไปนอนดิ้นร้องไห้หน้าบันไดโรงพยาบาล ..ผมนี่แหละเป็นคนโทรบอกข่าวร้ายกับญาติๆ

ก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนั้นยังไงได้หมด ไม่รู้ว่าบอกใครให้เชื่อได้ยังไงว่า บุหรี่คือสาเหตุที่ฆ่าพี่ชายผม ไม่รู้จะบอกใครยังไงให้เชื่อ เพราะก่อนพี่ชายจะเขา รพ.ผมเองก็ยังไม่เชื่อ.. แล้วก็คงไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมผมถึงไม่แตะ บุหรี่ เหล้า อีกเลย ..แล้วก็ไม่ได้จะมาบอกให้ใครเลิกหรือให้ใครเชื่อ “แค่จะบอกว่า goo กับพี่ชายเลิกได้เพราะอะไร..” แล้วก็จะบอกว่ามันมีวิธีเลิกที่ดีกว่านี้

https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_203405

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยาสูบโวกำไรพุ่งสูงเฉียด 9 พันล. แจกโบนัส 7 ด. ปีนี้หวังปรับองค์กรเป็นนิติบุคคล ร่วมทุนจีน ญี่ปุ่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการยาสูบ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของโรงงานยาสูบในรอบปี 2559 ที่ผ่านมามีกำไรกว่า 8,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 7,105 ล้านบาท จากผลประเมินของสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โรงงานยาสูบอยู่ในระดับที่ดีมาก ส่งผลให้ปีนี้สามารถจ่ายโบนัสให้พนักงานถึง 7 เดือน ค่อนข้างสูงกว่าเมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจอื่นในกลุ่มเดียวกัน และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป็น77.08% จากปีที่ผ่านมา 76.17%

นางสาวดาวน้อย กล่าวว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากการรายได้จากการจำหน่ายบุหรี่ เพราะปริมาณการผลิตลดลง แต่เป็นผลกำไรจากประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน และผู้บริหารโรงงานยาสูบ โดยสามารถลดต้นทุนวัตถุดิบจากการบริหารจัดการ และควบคุมค่าใช้จ่ายด้านในการผลิตบุหรี่ เช่น ซอง ก้นกรอง และสารปรุง ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต การบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ลดการทำงานล่วงเวลา การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการตลาด/ การขายทำให้โรงงานยาสูบสามารถแย่งส่วนแบ่งจากบุหรี่ต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนการซื้อใบยาลดลง ซึ่งโรงงานยาสูบใช้ใบยาต่างประเทศลดลง โดยใช้ใบยาในประเทศที่มีคุณภาพสูงทดแทนการนำเข้า ทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง

นางสาวดาวน้อย กล่าวว่า ในปี 2560 ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยในปีงบประมาณ 2560 โรงงานยาสูบ มีความมุ่งมั่นที่จะต้องเร่งผลักดันเรื่องต่างๆ ที่สำคัญทั้งที่เป็นเรื่องนโยบายของรัฐ และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะในเรื่องการปรับสถานะองค์กรเป็นนิติบุคคล ล่าสุดร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. … ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคาดว่ากฎหมายจะผ่านสภานิติบัญญัติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้ในปีนี้

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า การเป็นนิติบุคคลจะเปิดโอกาสให้โรงงานยาสูบร่วมทุนกับต่างประเทศได้ ขณะนี้มีบริษัทยาสูบ ในประเทศ จีน ญี่ปุ่น สนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนกับโรงงานยาสูบ โดยจีนติดต่อผ่านกระทรวงการคลัง และขณะนี้เริ่มเจรจากับโรงงานยาสูบบ้างแล้ว โดยเขาพร้อมจะรอกฎหมายนิติบุคคล เนื่องจากมั่นใจในกระบวนการผลิตของโรงงานยาสูบ คาดว่าการร่วมทุนจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ในการ่วมทุนโรงงานยาสูบตั้งเงื่อนไขการร่วมทุนคือ ไม่ใช่การผลิตเพื่อขายในประเทศ การผลิตยังเป็นของคนไทย และต้องใช้ใบยาสูบไทยไม่น้อยกว่า 70% นอกจากนี้ยังมีประเทศพม่า สิงคโปร์ สนใจจะมาจ้างผลิต แต่ต้องรอกฎหมายนิติบุคคลเช่นกัน

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปี 2560 โรงงานยาสูบ เริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะไปเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าที่ประเทศ ลาว หลังจากนั้นเตรียมวางแผนจะไปเปิดตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์ และวางเป้าหมายเปิดตัวปีละประเทศ ในแถบประเทศอาเซียน ซึ่งในการไปทำตลาดต่างประเทศนี้ จะใช้ยี่ห้อเดิมที่โรงงานยาสูบผลิตอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นยี่ห้อใด ขอไปสำรวจความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ก่อน

นางสาวดาวน้อย กล่าวต่อว่า ยาสูบให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เป็นมาตรฐานและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เตรียมนำกัญชง มาปลูกเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาสูบ คาดว่าจะเริ่มปลูกมนปี2561 โดยครม. อนุมัติให้ปลูกกัญชงนำร่อง 6 จังหวัด 15 อำเภอ ในเขตภาคเหนือ ถ้าทำได้สำเร็จดีจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้โรงงานยาสูบ และรัฐอย่างมหาศาล เพราะเมล็ดกัญชงมีราคาสูงมากเป็นล้านบาทต่อกิโลกรัม

http://www.matichon.co.th/news/452705

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผลการดำเนินงานของโรงงานยาสูบในรอบปี 2559 ที่ผ่านมามีกำไรกว่า 8,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 7,105 ล้านบาท


ว่ามีกำไรแปดพันกว่าล้าน แล้วทางรัฐได้เคยทำสถิตในแต่ละปีๆบ้างไหมว่า รัฐบาลหมดเงินไปกับการรักษาผู้คนที่เป็นโรคซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่ปีหนึ่งๆกี่ร้อยกี่พันล้าน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(พุทธธรรมหน้า ๑๑๐๕)

“ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามจะมีผล ความเพียรจะมีผลได้อย่างไร ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้

๑.ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

๒.ไม่ละทิ้งสุขที่ชอบธรรม

๓.แม้ในสุขที่ชอบธรรมนั้น ก็ไม่หมกมุ่นสยบ

๔.เพียรทำเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป (โดยนัยว่าเพียรปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสุขที่สูงขึ้นไปจนสูงสุด)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2017, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในข้อ ๑. ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์ จะเห็นว่า คนเรานี้ชอบเอาทุกข์มาทับถมตน คือ ตัวเองอยู่ดีๆ ไม่ได้เป็นทุกข์อะไร แต่ชอบหาทุกข์มาใส่ตัว ตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่ คนกินเหล้าเมายา เสพยาเสพติด ตัวเองก็อยู่สบายๆ กลับไปเอาสิ่งเหล่านั้นที่รู้กันอยู่ชัดๆว่ามีโทษมาก ตั้งแต่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ทั้งที่รู้อย่างนี้ ก็เอามาใส่ตัวเองให้เกิดทุกข์เกิดปัญหาขึ้นมา


ลึกลงไป ทางจิตใจ บางคนก็เที่ยวเก็บอารมณ์อะไรต่างๆที่กระทบกระทั่งนิดๆหน่อยๆทางตา บ้าง ทางหู บ้าง ได้เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ได้เห็นคนนั้นคนนี้ เขาทำอันนั้นอันนี้ ได้ยินเขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็รับเอามาเก็บไว้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ผ่านไปแล้ว แต่พอมีเวลาไปนั่งเงียบๆ ก็ยกเอามาคิด เอามาปรุงแต่งในใจ ทำให้ใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ไม่สบายใจ ก็กลายเป็นทุกข์ อย่างนี้ ก็เป็นการเอาทุกข์มาทับถมตนอย่างหนึ่ง

ทางพระก็สอนว่า ผู้ที่ยังอยู่กับชีวิตในระดับชาวบ้านนั้น ถ้าจะปรุงแต่งก็ไม่ว่า แต่ขอให้ปรุงแต่งในทางดี อย่างไปปรุงแต่งไม่ดี
ถ้าปรุงแต่งไม่ดี ท่านเรียกว่าอปุญญาภิสังขาร ได้แก่ ปรุงแต่งเรื่องร้ายๆ เรื่องบาปอกุศล เป็นเรื่องโลภะ โทสะ โมหะ ก็กลายเป็นปรุงแต่งทุกข์

ท่านให้เปลี่ยนใหม่ ให้มีสติมากั้นมายั้ง ด้านที่ไม่ดี ให้หยุดไปเลย แล้วก็ปรุงแต่งดีๆ ให้เป็นปุญญาภิสังขาร ให้เป็นเรื่องบุญเรื่องกุศล ปรุงแต่งจิตใจในทางที่ดี อย่างน้อยให้มีปราโมทย์ ต่อไปปีติ ปัสสัทธิ เข้าทางดีไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็จะแก้ปัญหาได้ และเดินหน้าไปในทางของความสุข

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าตรัสถึงพวกนิครนถ์ที่บำเพ็ญตบะ คนพวกนี้เอาทุกข์มาทับถมตนชัดๆ เวลาโกนผม ก็ไม่ใช้วิธีโกน แต่เอาแหนบมาถอนผมทีละเส้นๆ จนหมดหัว พวกนักบำเพ็ญตบะนั้น คิดวิธีขึ้นมาทำกันต่างๆ แม้แต่เตียงที่ดีๆ จะทรมานตัวเอง ก็เอาตะปูไปตอกๆแล้วก็นอนบนตะปู หรือนอนบนหนาม แล้วก็อดข้าวอดน้ำ เวลาหนาวก็ไปยืนแช่น้ำในแม่น้ำ เวลาร้อนก็มายืนตากที่แดด อย่างนี้เป็นต้น

การบำเพ็ญตบะเหล่านี้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า เป็นการเอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่ได้เป็นทุกข์ ก็นำมาเล่าไว้ เป็นการยกอดีตมาให้ฟัง เพื่อจะได้เทียบเคียง สำหรับยุคปัจจุบัน ก็ขอนึกตัวอย่างเอาเอง ตามหลักที่ว่าไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่ได้เป็นทุกข์นี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(ตัวอย่างเยอะแยะ ดูตัวอย่างเบาๆ)

เห็นแล้วสลดใจ! ชายนั่งดมกาวกลางถนนเมืองภูเก็ต รถขับผ่านไปมาหลบกันวุ่น

ในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้แชร์ภาพเหตุการณ์เป็นภาพชายวัยกลางคน นั่งอยู่กลางถนนที่มีรถผ่านไปมา สภาพเมามายไม่ได้สติ เมื่อสังเกตในมือพบว่า กำลังถือกระป๋องกาว และหยิบขึ้นมาสูด โดยไม่ได้สนใจรถที่วิ่งผ่านไปมา สร้างความหวาดเสียว และสร้างความสลดใจให้กับผู้ที่มาพบเห็น ซึ่งเหตุเกิดบนถนนในต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เผยปัญหาการติดสารระเหยยังพบเห็นในหลายพื้นที่ ซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างมาก

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_208072

ให้เข้ากับสถานการณ์ ฟังเพลง บ้านป่าเมืองดอน

https://www.youtube.com/watch?v=hclIncnajAE

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งแห่งการกระทำของบุคคล, เจตนาที่เป็นตัวการในการกระทำกรรม มี ๓ อย่าง คือ

๑. ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ

๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุญ คือ บาป

๓. อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นอเนญชา คือ กุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจร ๔

เรียกง่ายๆได้แก่ บุญ บาป ฌาน


ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ, สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา (เฉพาะที่เป็นกามาวจร และรูปาวจร)


อปุญญาภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายชั่ว ได้แก่ อกุศลเจตนาทั้งหลาย

อเนญชาภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน

ตามหลักเขียนอาเนญชาภิสังขาร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในข้อ ๒ ไม่ละทิ้งสุขที่ชอบธรรม ความสุขที่ชอบธรรม ก็มีทั่วๆไป อย่างชาวบ้านที่ประกอบการงานอาชีพสุจริต ได้เงินทองมา ก็ใช้จ่ายบริโภคเลี้ยงดูครอบครัว และผู้คนที่ตนรับผิดชอบ ตามหลักความสุขของชาวบ้าน (คิหิสุข) ๔ อย่าง ว่าสุขจากการมีทรัพย์ สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ สุขจากความไม่เป็นหนี้ และสุขจากประกอบกรรมดีงามอันปราศจากโทษ จากการทำกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่สุจริต ความสุขที่ไม่มีการเบียดเบียนใคร เป็นต้น ถ้าเป็นสุขที่ชอบธรรมอย่างนี้ ท่านไม่ให้ละเลยทอดทิ้ง

ความสุขที่ชอบธรรมมีนานัปการ พูดตามหลักโน้น ตามหลักนี้ ได้มากมาย อย่างที่ผ่านมาแล้ว ก็มีสุขได้ทั้งนั้น จะเอาสุขจาก ทาน ศีล ภาวนา ก็ได้ ซึ่งสูงขึ้นไปถึงสุขในการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา หรือจะเอาสุขจากชุดเมตตา กรุณา หรือชุดสังคหวัตถุ ฯลฯ ได้ทั้งนั้น

รวมความก็คือ สุขที่ชอบธรรมเหล่านี้ ไม่ต้องไปรังเกียจ ไม่ต้องไปละทิ้ง (พวกลัทธิบำเพ็ญตบะ เขามุ่งทรมานตน เขาจึงหลีกเลี่ยงความสุข)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุขของคฤหัสถ์ 4 อย่าง ที่ขีดเส้นใต้เต็มๆ

ความสุขอันชอบธรรมที่คฤหัสถ์ควรมี

หลักการนี้ เรียกกันง่ายๆว่า ความสุขของคฤหัสถ์ 4 ประการ ดังที่พุทธพจน์ที่ตรัสแก่อนาถบิณฑิกคฤหบดีว่า

“ดูกร คหบดี ความสุข 4 ประการนี้ เป็นสิ่งที่คฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ควรได้ควรถึงอยู่เรื่อยๆ ตามสมัย ความสุข 4 ประการนั้น คือ อัตถิสุข โภคสุข อนณสุข อนวัชชสุข

1. อัตถิสุข (สุขเกิดจากความมีทรัพย์)เป็นไฉน? คือกุลบุตรมีโภคะอันหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า เรามีโภคะที่หามาได้ ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขนอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม นี่เรียกว่า อัตถิสุข

2. โภคสุข (สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์บริโภค) เป็นไฉน? คือกุลบุตรกินใช้และทำสิ่งดีงามอันเป็นบุญทั้งหลาย ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรอัน เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ ซึ่งเป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรมเธอ ย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่าด้วยทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร....ได้มาโดย ธรรม เราก็ได้กิน ใช้ และได้ทำสิ่งดีงาม อันเป็นบุญทั้งหลาย นี้เรียกว่า โภคสุข

3. อนณสุข (สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้) เป็นไฉน? คือกุลบุตรไม่ติดหนี้สินไรๆของใครๆ ไม่ว่าน้อยหรือมาก เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่าไม่ติดหนี้สินไรๆของใครๆ เลยไม่ว่าน้อยหรือมาก นี้เรียกว่า อนณสุข

4. อนวัชชสุข (สุขเกิดจากกรรมดีงามไร้โทษ) เป็นไฉน? คืออริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรมดีงาม ไร้โทษ ประกอบด้วยวจีกรรมดีงาม ไร้โทษประกอบด้วยมโนกรรมดีงาม ไร้โทษ เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า เราเป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรมดีงาม ไร้โทษ ประกอบด้วยวจีกรรมดีงาม ไร้โทษ ประกอบด้วยมโนกรรมดีงาม ไร้โทษ นี้เรียกว่า อนวัชชสุข

“เมื่อตระหนักถึงความสุขจากความไม่เป็นหนี้แล้ว คนจะพึงระลึกถึงสุขที่เกิดจากความมีทรัพย์ เมื่อกินใช้ก็เห็นแจ้งชัดด้วยปัญญา ถึงโภคสุข เมื่อเห็นอย่างแจ้งชัด เขามีปัญญาดี ย่อมเข้าใจทั้งสองส่วนเทียบกันได้ แลเห็นว่า ความสุขทั้ง 3 อย่างข้างต้นนั้น มีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 ของความสุข ที่มีความประพฤติสุจริตไร้โทษ”
(องฺ.จตุกฺก.21/62/90)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อไปข้อที่ ๓ แม้ในสุขที่ชอบธรรมนั้น ก็ไม่หมกมุ่น ไม่สยบ ข้อนี้สำคัญมาก เป็นการพัฒนาก้าวหน้าไปไกล เพราะว่า เมื่อประสบความสุขที่ชอบธรรม เราไม่ละทิ้ง เรามีความสุขอย่างนั้นได้ นั่นก็ดีอย่างยิ่งแล้ว แต่คนก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมากับความสุขนั้นได้อีก นั่นก็คือ เกิดความคิด ความหลงเพลิน หมกมุ่น ที่จะทำให้ขี้เกียจ ทำให้ประมาท แล้วก็ทำให้เสื่อมได้ ใครผ่านจุดนี้ไปได้ ก็จะเป็นผู้ที่ได้พัฒนาในขั้นที่สำคัญ

พูดรวบรัดว่า แม้ในสุขที่ชอบธรรม ก็ไม่สยบ ไม่หลงติด ไม่มัวเมา ไม่หมกมุ่น เมื่อปฏิบัติได้ถูกต้องในขั้นนี้ ก็จะเป็นการพัฒนาที่สำคัญ คือ ความสุขไม่อาจครอบงำเราได้

หนึ่ง ไม่ทำให้เราตกลงไปในความประมาท ความสุขไม่กลายเป็นโทษ

สอง ไม่ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพ เราไม่ตกเป็นทาสของความสุข ยังคงเป็นอิสระอยู่ได้

สาม เปิดโอกาสให้การพัฒนาความสุขเดินหน้าก้าวต่อสูงขึ้นไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุดท้าย ข้อ ๔ เพียรกำจัดเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป เป็นขั้นจะไปให้ถึงความสุขที่สมบูรณ์เด็ดขาด หมายความว่า ตราบใด เหตุแห่งทุกข์ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่ ทุกข์ยังมีเชื้ออยู่ ก็ยังไม่จบสิ้น ทุกข์ก็ยังเกิดขึ้นอีกได้ ยังมีทุกข์แฝงอยู่ ก็เป็นความสุขที่ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องกำจัดเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป

จากข้อนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจว่า ทำไมท่านจึงใช้คำว่า ดับทุกข์ เพราะเป็นคำที่ชี้ชัด และเด็ดขาด

ถ้าจะบอกว่า พัฒนาความสุข นั่นก็ดี ก็พัฒนาก้าวหน้ากันไป แต่อย่างที่บอกแล้ว คือเป็นแบบปลายเปิด ไม่รู้จัดหมายที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ชัดลงไป

ในช่วงต้น บอกผ่านมาทั้งเชิงลบเชิงบวกแล้ว ในที่สุด จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ต้องปิดรายการด้วยคำเชิงลบ ให้เด็ดขาดว่า ทุกข์ไม่เหลือแล้ว มีแต่สุขอย่างเดียว เต็มเปี่ยม สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม คำว่า “เพียรกำจัด...” ก็บอกอยู่ในตัวว่า การกำจัดเหตุแห่งทุกข์นั้น ก้าวไปกับความเพียร เหตุแห่งทุกข์มิใช่ว่าจะหมดปุ๊บปั๊บ เช่น ทำให้ โลภะ โทสะ โมหะ ลดน้อยลงไป ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เบา บางลงไป ซึ่งก็จะดำเนินไปด้วยการปฏิบัติตามมรรค มีการเจริญ ศีล (อธิสีลสิกขา) สมาธิ (อธิจิตตสิกขา) ปัญญา (อธิปัญญาสิกขา) บรรเทากิเลสทั้งหลาย ลดอวิชชาลงไป เมื่อพูดเชิงสัมพันธ์ นี่ก็คือการทำความสุขให้เพิ่มขึ้นมาๆ

เพราะฉะนั้น ข้อ ๔ นี้ พูดอีกสำนวนหนึ่ง ก็คือ การพัฒนาความสุขนั่นเอง แต่เพื่อให้ชัดเจน ก็บอกกำกับไว้ด้วยว่า พัฒนาจนสูงสุด หรือจนสมบูรณ์ จึงได้ใส่ในวงเล็บไว้ด้วยว่า “โดยนัยว่า เพียรปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสุขที่สูงขึ้นไปจนสูงสุด” ก็คือพัฒนาจนถึงความสุขที่สมบูรณ์ ก็คือเป็นบรมสุขนั่นเอง

ทีนี้ จะทำสำเร็จอย่างนั้นได้ ก็ต้องรับกันกับข้อ ๓ ที่ว่า แม้ในสุขที่ชอบธรรม ก็ไม่หมกมุ่นสยบ ไม่มัวติดเพลิน แล้วประมาท จม หยุด ปล่อยตัวอยู่แค่นั้น หรือเถลไถลออกไป พอข้อ ๓ เปิดโอกาสให้ ความเพียรก็พาขึ้นมาข้อ ๔ ต่อไป เป็นอันจบกระบวน

นี่ก็คือวิธีปฏิบัติต่อความสุข ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ให้แล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บรม อย่างยิ่ง, ที่สุด

บรมสุข สุขอย่างยิ่ง ได้แก่ นิพพาน

นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตรธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2017, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
...ถ้าข้อความสุดท้ายเขียนว่า หายใจไม่ออก...อย่าเหยียบสายออกซิเจน...
:b13:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 43 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 50 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร