วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 21:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องบรรจุพระพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญหรอก (เพราะรธน.ปทท.ถูกฉีกบ่อยๆ) แต่บรรจุไว้มั่นในหัวจิตหัวใจของพ่อแม่พี่น้องชาวบึงกาฬ ชาวพุทธทั่ว ปท. สาธุๆๆ :b8:

รูปภาพ

ขอคารวะด้วยใจ :b8:

ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา

https://th-th.facebook.com/bpct2556/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 09 ต.ค. 2016, 05:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นักข่าวมุสลิมถามจี้นายกฯ "รัฐ" จะทำอย่างไรเรื่อง "มัสยิด" จ.บึงกาฬ

เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 27 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในขณะที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ ได้มีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวมุสลิม ไวท์ชาแนล (http://news.whitechannel.tv/) ได้สอบถามถามกรณีเกิดการคัดค้านการสร้างมัสยิดที่ จ.บึงกาฬ

โดยผู้สื่อข่าวมุสลิมได้ถามว่า "ตอนนี้สำนักจุฬาราชมนตรีมีข้อห่วงกังวล เกี่ยวกับการคัดค้านสร้างมัสยิดที่ จ.บึงกาฬ เพราะได้มีการอนุญาตให้สร้างจากท้องถิ่นตามกฎหมายแล้ว แต่ว่ามีกลุ่มบางกลุ่มที่พยายามปลุกปั่นทางโซเชียลมีเดีย"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบผู้สื่อข่าวดังกล่าวว่า เรื่องนี้คู่ขัดแย้งต้องไปทำความเข้าใจกันจะให้รัฐแก้ทุกอย่างคงไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขยายขึ้นไปได้อีก และถ้ารัฐเข้าไปแล้วเกิดความขัดแย้งขึ้นมาใครจะเป็นผู้รับผิดชอบได้บ้าง

ผู้สื่อข่าวมุสลิมคนดังกล่าวได้ถามต่อไปอีกว่า "แล้วรัฐจะมีการตั้งเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ ?"

นายกรัฐมนตรีตอบกลับไปทันทีว่า " ไม่ต้องตั้งเวทีหรอกผมสั่งการให้เขาดูอยู่แล้ว แล้วถ้าคนเขาไม่ยอมกันทั้งคู่จะให้ผมทำอย่างไร หรือจะให้จับทั้งคู่ หรือจะให้ผมเอาทหารไปล้อมให้สร้างมัสยิดหรอ ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันจะทำอย่างไรได้ ต้องหาวิธีการอยู่ร่วมกันให้ได้"

https://th-th.facebook.com/bpct2556/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากคำบอกเล่าจากพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกลานนี้เอง ดังนี้



หลังจากออกจากมหาลัยสงฆ์ ถึงเวลาแล้วที่จะออกเดินทางตามที่ตั้งใจไว้ และจะไม่กลับมา
อีกแล้ว

โดยเริ่มจากกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อสร้างบ้านให้พ่อก่อนและเพื่อทดสอบตัวเอง
เพราะถ้าผ่านที่บ้านมาได้ก็สามารถไปอยู่ทุกหนแห่งได้สบาย และก็บังเอิญพระที่มาจำพรรษา
ในถ้ำราชคฤห์ ออกพรรษาก็ย้ายออกพอดีเลยอยู่คนเดียวถือโอกาสทดสอบตัวเองเรื่องความ
กลัว อยู่ภาวนาในถ้ำเป็นเวลาเดือนกว่าเรื่องการปฏิบัติ ความกลัวก็ไม่มีปัญหาเพราะอยู่
ไปๆก็ได้ผีนี้แหละเป็นเพื่อนทำให้หายกลัวไปเลย

แต่มีปัญหาเรื่องอาหารการฉัน ตอนเช้าไปบิณฑบาตใส่แต่ทางบ้านกับบ้านญาติอีกสองหลัง บ้านอื่นไม่ใส่ และที่บ้านใส่ก็เพราะบอกให้ใส่ทุกๆวันจะได้กับข้าวมาสามถุง ก็ฉันอยู่แค่นี้ อยู่ไปๆรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาหารการฉัน

เพราะเหมือนไปบังคับให้เขามาใส่บาตร อยู่ได้เดือนกว่าก็เลยเดินทางไปดอยอ่างขาง
อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ตอนอยู่ดอยอ่างขางได้เจอเหตุการณ์หนึ่งทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคน
อิสลามทำร้าย

เรื่องมีอยู่ว่ามีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อนตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยื่นอยู่หน้าร้านรอพระเพื่อนปรากฎว่ามีคนอยู่ขั้นบนโยน กระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็งก็เลยไม่เป็นไรมาก

ด้วยความตกใจก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆเขาก็เห็นนะแต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุยได้เจอเอกสารเล่มหนึ่ง จริงๆแล้วก็เคยอ่านนานแล้ว เป็นเอกสารที่หลุดออกมาเกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม ในเอกสารเขียนถึงดอยอ่างขางและดอยปุยแล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือเขาสำเร็จแล้ว คือตรงใหนเป็นแหละท่องเที่ยว ย่านเศรษกิฐ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในเพื้นที่แล้วค้าขายเพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางจะมีร้านของคนอิสลาม
เกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โตตั่งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุย

ร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้ง รวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน

จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณบาตร ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธคือเปิดแต่เช้ามืดพอตอนเช้าพระไปบิณฑบาตร นักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลยจะได้แต่อาหารอิสลาม ก็คง
ไม่แปลกที่มีข่าวว่าจะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลานที่ดอยหลอด

และช่วงที่อยู่ดอยปุย ก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่ง คือตอนเช้าเราจะลงไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านม้ง
มียายคนหนึ่ง แกจะพาหลานสองคนมารอใส่บาตรตรงจุดจำหน่วยตั๋วเพื่อเข้าชมดอกฝิ่นเป็น
ประจำทุกๆวันไม่เคยขาด

ดูแล้วก็คงจะมีฐานะอยากจน แต่มีศรัทธามาใส่บาตรทุกวัน เรายังรู้สึกเปลื้อมเลย แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะกำลังเดินบิณฑบาตรปรากฎว่า มีคนอิสลามประมาณร้อยกว่าคนเหมารถแดงขึ้น มาถึงแล้วก็แบ่งกันแยกย้ายเดินสำรวจดูหมู่บ้าน จะว่ามาเที่ยวทำไม
มาแต่เข้ามืด ร้านค้ายังไม่เปิดเลย

พอเดินบิณฑบาตรมาถึงยายที่ว่าปรากฎว่ามีคนอิสลามล้อมอยู่ประมาณ10คน พอเห็นพระเดินมาก็เปิดทางให้ยายใส่บาตร พอใส่เสร็จก็มาล้อมยายอีก และจากวันนั้นยายคนนี้ไม่มาใส่บาตรอีกเลย ก็แปลกใจเหมือนกัน

จริงๆแล้วก็เจออะไรมาเยอะ แต่ไม่อยากเอามาเล่าก็เพราะบางส่วน จากเหตุการที่พบเจอกับความ
คิดว่า ออกจากมหาลัยสงฆ์แล้วจะไม่กลับมาอีก เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้น ขนาดหนีจากเมืองมาอยู่ตาม
ป่าเขา กลับมาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้ายังมาอยู่แบบนี้ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

อย่างที่ว่าพระก็เหมือนกับเต่าไม่มีกระดองใครสาดอะไรมาก็โดนเต็มๆก็เลยตัดสินใจกลับจำพรรษาที่วัดในสังกัดเพื่อมาตั่งหลักใหม่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่ออีก คคห.หนึ่ง



ที่เคยเล่าว่ามีคนอิสลามมาสำรวจดูหมู่บ้านม้งตอนพระบิณฑบาต

จริงๆแล้วมีข้อมูล คือ เขามาสำรวจดูว่าบ้านไหนใส่บาตรเขาจะยื่น


ข้อเสนอเพื่อให้เลิกใส่เพื่อให้พระอยู่ไม่ได้. เช่นกับยายที่พาหลานมาใส่บาตร เขาเห็นว่ามีเด็กด้วยกลัวเด็กจะซึมซับ เห็นแล้วสงสารยาย บางวัน แกยังอุส่าห์มาแอบดักใส่บาตร

ชาวเขามีประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองทุกคนที่เกิดก็ซึมซับในประเพณีวัฒนธรรม

โดยเฉพาะด้านความเชื่อ ถึงบางคนนับถือพุทธก็จริง แต่ยังขาดความเข้าใจประเพณีพุทธ เพราะไม่ได้ปลุกฝังมาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งต่างจากชาวคริสต์ในสกลนคร ถึงจะนับถือคริสต์ก็จริง แต่พวกเขานับถือพุทธมาก่อน คุ้นเคยกับประเพณีพุทธมาตั่งแต่บรรพบุรุษ แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ภายหลัง เมื่อเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็จริง สิ่งที่ถูกฝัง สิ่งที่คุ้นเคยก็ยังอยู่ จึงไม่แปลกที่พวกเขายังมาใส่บาตร หรือบางคนที่ใส่บาตรมีญาติพี่น้องที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคริสต์มาบวชอยู่ก็มี

ที่มหาลัยสงฆ์ ก็มีพระเพื่อนที่มาจากสกลนครก็เล่าให้ฟัง เขามาบวชแต่ญาติทางบ้านเปลี่ยนไปนับถือคริสต์แต่ก็ยังใส่บาตรอยู่ และที่สำคัญคือชาวคริสต์ในสกลนครนั้นถูกซื้อตัวไป เรื่องการปฏิบัติจึงไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่

แต่อย่าลืมว่า อิสลามไม่เหมือนคริสต์นะ คริสต์ยังเข้ากันได้ แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ

viewtopic.php?f=1&t=49704&start=60

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิทานชาดกเรื่องนกกระจาบ (แตกสามัคคี)

https://www.youtube.com/watch?v=brtgBoVyt38

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้ปลุกให้ไปฆ่าฟันเขานะ เออ :b32:

รูปภาพ



แต่ให้รู้ความจริงไว้ว่าเออแน่ปัจจุบันมันมีเรื่องอย่างนี้ๆเกิดขึ้นจริงแล้วตั้งแต่ใต้ยันเหนืออีสานโน่นรู้ไว้ :b1:


เขาลงทุนปลอมบวชแล้วทำผิดเช่นดื่มเบียร์ดื่มเหล้า...เพื่อทำลายภาพลักษณ์ภิกษุในพระพุทธศาสนาเลยนะ เออ

กดดู

https://scontent.fbkk5-2.fna.fbcdn.net/ ... e=58383F79

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หรือจะจริงอย่าง อ.บรรจบว่า



มติ สนช.ผ่าน กม.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ มท.ดูแลพาไปประกอบพิธีแทนกรมการศาสนา

ประชุม สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ ปรับให้ มท.ดูแลแทนกรมการศาสนาเพื่ออำนวยความสะดวก เพราะมีผู้ให้ความสนใจเดินทางจำนวนมาก ให้ มท.1 นั่ง ปธ.คกก.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ เพิ่มปลัด วธ.ร่วมด้วย “ครูหยุย” หวั่นผู้ประกอบการนั่ง กก.มีผลประโยชน์ทับซ้อน กมธ.รับปากเขียนกันไว้ให้รอบคอบกันมีส่วนได้เสีย ก่อนมีมติเห็นชอบผ่านเป็น กม.


2 ก.ย.เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธานเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจญ์ พ.ศ. 2524

เนื่องจากปัจจุบันผู้นับถือศาสนาอิสลามให้ความสนใจเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เป็นจำนวนมาก จึงได้มีการแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) ที่มีหน่วยงานราชการในภูมิภาคสามารถใกล้ชิดประชาชนในทุกพื้นที่ ทำหน้าที่ส่งเสริมกิจการฮัจญ์แทนกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์

รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย โดยรัฐมนตรีว่าการทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ และให้มีกรรมการโดยตำแหน่ง 11 คนจากเดิม 10 คน โดยเพิ่มปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมทั้งให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์ฯ ตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการ มีส่วนร่วมในกิจการฮัจญ์ไม่เกิน 7 คนเพื่อทำหน้าที่เสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์


จากนั้นได้พิจารณาเรียงลำดับรายมาตรา โดยนายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ สนช.อภิปรายว่าไม่ติดใจที่ กมธ.ได้แก้ไขเพิ่มปลัดวัฒนธรรมเป็นกรรมการ เพราะมีความเกี่ยวข้อง แต่ที่มีความกังวลในเรื่องของการตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมฯ ที่กำหนดให้มีผู้ประกอบการเกี่ยวกับกิจการฮัจญ์มาเป็นคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งคนเหล่านี้มีส่วนได้ส่วนเสียและผลประโยชน์ทับซ้อนกับการนำประชาชนไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่กรุงเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย


นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า คนที่จะมาเป็นคณะอนุกรรมการฯ จะต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์เกี่ยวกับกิจการฮัจญ์มีหน้าที่เพียงเสนอแนะ เสนอมาตรการคุ้มครองแก่ผู้เดินทางไปประกอบ พิธีฮัจญ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกมีความกังวล ทาง กมธ.ก็จะรับข้อสังเกตดังกล่าวไปเขียนไว้ท้ายร่าง พ.ร.บ.เพื่อให้การตั้งอนุกรรมการฯมีความรอบคอบป้องกันไม่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการฯ


ภายหลังอภิปรายเสร็จสิ้นที่ประชุม ได้ลงมติเห็นชอบวาระ 3 ด้วยคะแนน 161 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000088220

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2016, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวพุทธผิดหวังอย่างแรง!! "พรบ.นมัสการฯ"

สิ่งที่พระคุณเจ้าดำเนินการนี้ คือ “การสร้างสะพานบุญ การสร้างโอกาสให้คนพุทธ” ให้มีโอกาสเดินทางไปกราบสถานที่พวกเราเรียกว่า “สังเวชนียสถาน” ที่ชาวพุทธจำนวนมากคาดหวังว่าในชีวิตต้องมีสักครั้งได้ไปกราบไหว้

พลันที่ทราบข่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติไม่เห็นชอบในการพิจารณา ร่าง “พ.ร.บ.นมัสการ 4 สังเวชนียสถาน” โดยให้เหตุผลว่า “ชาวพุทธไม่จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.ดังกล่าว” กระแสความไม่พอใจในกลุ่มชาวพุทธ ที่มีเชื้ออยู่อาการน้อยใจอยู่แล้วประทุขึ้นมาฉับพลัน

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผู้ผลักดัน คือ พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม หัวหน้าฝ่ายวิชาการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศฯ และคณะเดินสายชี้แจง ยื่นหนังสือผ่านทั้งตัวแทนรัฐบาล มหาเถรสมาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมาธิการศาสนาฯ แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้ “ไร้การเหลียวแล”

ก่อนหน้านี้มีพระสงฆ์ และชาวพุทธจำนวนมาก “คาดหวัง” ว่ารัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะพิจารณาอย่าง “เท่าเทียม” เหมือนกับบางศาสนาที่เขานำร่องมาก่อนแล้ว 30 กว่าปี เวลาเดินทางไปแสวงบุญแบบนี้ต้องมีตัวแทนขององค์กรศาสนาของเขาชัดเจน มีกองทุนเงินสำรองจ่ายค่าที่พัก มีการอำนายความสะดวกทั้งเรื่องหนังสือเดินทาง การตรวจสุขภาพ ทีมหมอ และการบริการสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยที่เดินทางไปปฎิบัติศาสนกิจ

ไม่ทราบเหตุผลลึกๆ ว่า คุณปู่สมพร เทพสิทธา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ ชุดนี้ปฏิเสธเพราะอะไร?!? คำว่า “ชาวพุทธไม่จำเป็นต้องมี พ.ร.บ.ดังกล่าว” ผมเชื่อลึกๆ ว่าหากไม่มีคนแหย่หรือคนสั่ง ด้วยวัยวุฒิคุณวุฒิ และภูมิความรู้อย่างประธานคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้ คงไม่ปฏิเสธแบบสิ้นใยไมตรีเช่นนี้

http://www.dailynews.co.th/article/526553

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2016, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จากหนังสือจารึกบุญจารึกธรรม มานิดหน่อย (มียาว) แต่นิดหน่อยก็พอเห็นภาพครั้งอดีตที่พุทธสูญสลายจากชมพูทวีป แล้วลองเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันในไทยดู


๑๗๐๐ ปี หลักการแค่นี้ รักษาไม่ได้

โดยประวัติส่วนรวมในอินเดียทั้งหมด ว่าพระพุทธศาสนาในอินเดียนี้ แบ่งได้เป็นยุคๆ

ยุคที่ ๑ ประมาณ ๕๐๐ ปีแรก เป็นยุคของพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท คือแบบที่มาถึงเรานี้ รุ่งเรืองอยู่ประมาณ ๕๐๐ ปี

ยุคที่ ๒ ต่อจากนั้นเป็นยุคของมหายาน ตั้งแต่ประมาณหลัง พ.ศ.๕๐๐ ไปจนถึง พ.ศ. ๑๐๐๐ แต่เป็นมหายานที่ยังหนักแน่นอยู่

ยุคที่ ๓ หลัง พ.ศ. ๑๐๐๐ มหายานเริ่มเสื่อมลง และราวพ.ศ. ๑๐๐๐ ก็เกิดพุทธศาสนามหายานแบบลัทธิตันตระ ซึ่งมีเรื่องเวทมนตร์คาถามาก

ยุคที่ ๔ หลัง พ.ศ. ๑๕๐๐ เป็นตันตระยุคเสื่อมโทรม และทรามมาก จนถึงกับให้พระพุทธเจ้ามีศักติทำนองว่าเป็นชายา ฝรั่งแปลว่า consort มีการเสพสุรา และเสพกาม ถือเป็นการบรรลุนิพพานได้

ฮินดูตอนนั้น ก็เหลวเละมาก ฮินดูก็มีตันตระ พุทธก็มีตันตระ แข่งกันมา แต่ก็คือกลายเป็นเหมือนๆกัน แล้วก็กลมกลืนกันนั่นเอง และระหว่างนี้แหละที่พุทธศาสนาได้กลมกลืนกับศาสนาฮินดูจนหมดความหมายพิเศษของตนเอง ความเสื่อมทรามทั้งด้านกามและไสยศาสตร์เด่นมาก ตั้งแต่ พ.ศ.๑๕๐๐ จนมาถึง พ.ศ.๑๗๐๐ ก็พอดีมุสลิมเตอร์ก ยกทัพเข้ามากวาดล้างทำลายเสียเรียบหมดเลย

มีเรื่องเล่าไว้ว่า เมื่อมุสลิมเตอร์กยกกองทัพมาฆ่าเผาๆนั้น พระที่อยู่ในมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาต่างๆก็หนี ที่ถูกฆ่าก็มรณะไป ที่หนีได้ก็ลงเรือไปพม่าบ้าง หนีขึ้นเหนือไปเนปาลบ้าง ไปทิเบตบ้าง ที่ทิเบตมีหลักฐานเหลืออยู่


เล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่นาลันทา หรือมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแถบนั้นถูกทำลาย เมื่อกองทัพมุสลิมเตอร์ก ยกเข้ามา อันแสดงถึงความเชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ และเวทมนตร์ว่าเป็นอย่างไร มีตัวอย่างหลักฐานค้างอยู่ที่ทิเบตเล่าว่า พระองค์หนึ่งมีเวทมนตร์คาถาขลัง และมีพัดกายสิทธิ์ ก็บอกว่า เดี๋ยวพอกองทัพมันมานะ ฉันจะใช้พัดนี้โบก กองทัพมันจะแตกกระจัดกระจาย กระเจิงไปหมด (แต่ผลที่แท้ก็คือพระเองถูกฆ่าหมด น้อยนักหนีรอดไปได้) แสดงว่า ตอนนั้น พระพุทธศาสนาเสื่อมโทรม เต็มไปด้วยความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา กลายเป็นมนตรยาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2016, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้เพิ่มที่

viewtopic.php?f=1&t=53209&p=399521#p399521

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าอาวาสวัดตอหลัง อ.ระแงะ นราธิวาส เข้ารับอิสลาม

https://www.youtube.com/watch?v=oWxibr6LIHo



เข้ารับอิสลามทั้งผ้าเหลืองเนี่ยนะ !!! เจ้าอาวาสนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะจิตใจเรียกร้อง รุ่งเช้าโผล่เข้ารับอิสลามทั้งผ้าเหลือง

วันที่ 3 ตุลาคม ที่สำนักงานณะกรรมการอิสลสมประจำจังหวัดนราธิวาส (กอจ.นราธิวาส) เจ้าอาวาสวัดตันติการาม ” วัดตอหลัง” ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ได้เข้ารับอิสลามโดยที่ยังสวมผ้าเหลือง โดยได้กล่าวกาลีเมาะห์ชาดะห์(กล่าวปฏิญานตนเข้ารับศาสนาอิสลาม)

ศิษย์เก่า วิทยาลัยเกษตรกรรมนราธิวาส รุ่น 2 นายหัสดิน ศิริสุวรรณ อดีตเจ้าอาวาสวัดตอหลัง โดยให้เหตุผลว่าคืนก่อนเข้ารับอิสลาม มีอาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับทั้งคืน ฝันและคิดว่า ต้องเข้าอิสลามให้ได้ ในตอนเช้า จึงโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่ อ.เจาะไอร้อง ให้มารับตัว..พาไปเข้ารับอิสลามที่ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส
ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปตอนช่วงที่ นายหัสดิน ศิริสุวรรณ ขณะเข้ารับอิสลามออกไปในโลกออนไลน์ ก็เป็นประเด็นเกิดขึ้นตามมา เมื่อขณะที่ นายหัสดิน เข้ารับอิสลามนั้น ยังห่มจีวรสีเหลืองของทางพุทธศาสนาอยู่ เป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างมาก บ้างว่าไม่เหมาะสม บ้างว่าไม่ให้เกียรติ บ้างก็ว่าทำไมไม่ลาสิกขาให้เรียบร้อยก่อน สร้างความสงสัยให้แก่ผู้พบเห็นในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง

http://www.zocialx.com/4838/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหรียญพันห้า เป็นเหตุทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรณีพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสที่ จ.นราธิวาส ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา เข้าปฏิญาณตนรับอิสลามทั้งๆ ที่ยังครองผ้าเหลืองส่อเค้าพลิกผัน เมื่อถูกตรวจสอบพบว่าอาจเป็นการพยายามสึกจากพระเพื่อหนีการตรวจสอบพฤติการณ์เจาะด้านหลังองค์พระประธานในศาลาการเปรียญเพื่อนำพระเครื่องที่ประเมินค่ามิได้ออกไป

ภาพและเสียงที่แชร์กันทางเฟซบุ๊ค แสดงให้เห็นว่าพระวัยกลางคนรูปหนึ่งกำลังปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม ทั้งๆ ที่ยังสวมจีวร ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเหตุใดจึงเข้าทำพิธีรับอิสลามทั้งๆ ที่ยังครองจีวร หลายคนที่ได้รับชมคลิปไม่เชื่อว่าเป็นภาพจริง

“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบจนได้รับการยืนยันว่า พิธีปฏิญาณเข้ารับอิสลามนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ต.ค.59 ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส

ส่วนพระรูปนี้คือ พระครูปัญญาธนากร ศิริสุวรรณ อายุ 60 ปี พรรษา 23 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดตันติการาม หรือ วัดน้ำตอหลัง ตั้งอยู่ที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นามเดิมคือ นายหัสนิล ศิริสุวรรณ ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยในพื้นที่

ข้ออ้างในการเปลี่ยนศาสนาจากพุทธไปรับอิสลามที่มีการระบุในโซเชียลมีเดีย คือ นายหัสนิล ขณะยังเป็นพระ และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้ำตอหลังนั้น นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะคิดแต่ว่าต้องเข้าอิสลามให้ได้ พอรุ่งเช้าจึงโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ให้ไปรับตัว และพาเข้ารับอิสลาม โดยหลังเข้ารับอิสลามแล้ว เจ้าอาวาสได้เปลื้องจีวร และสวมชุดแบบมุสลิม ใช้ชื่อว่า “เป๊าะซู”

อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ของ “ทีมข่าวอิศรา” ช่วงบ่ายของวันอังคารที่ 4 ต.ค. พบข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า ที่วัดน้ำตอหลัง มีการประชุมร่วมกันระหว่างปลัดอำเภอระแงะ ในฐานะตัวแทนนายอำเภอ, พระผู้ปกครอง, ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และคณะกรรมการวัดตันติการาม รวมถึงชาวบ้าน เกี่ยวกับพฤติการณ์ของพระครูปัญญาธนากร อดีตเจ้าอาวาส ที่ได้เจาะด้านหลังองค์พระประธานในศาลาการเปรียญ แล้วนำพระเครื่องออกไปนับพันองค์ โดยชาวบ้านและกรรมการวัดทราบเรื่องมาก่อนหน้านี้

ภายหลังการประชุม ตัวแทนกรรมการวัดได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ระแงะ เพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นในวันพุธที่ 5 ต.ค. จะจัดตัวแทนจากทุกฝ่าย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด รวมถึงบัญชีเงินฝากของวัดจำนวน 4 เล่มด้วย

ไม่รู้เหตุผลครองจีวรรับอิสลาม

สำหรับการเข้ารับอิสลามทั้งๆ ที่ยังครองจีวรนั้น “ทีมข่าวอิศรา” ได้ตรวจสอบไปยัง นายต่วนดอเล๊าะ ต่วนกะจิ กรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ได้รับการยืนยันว่า มีพระเข้ารับอิสลามจริง ทำพิธีกันสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายอับดุลอาซิซ เจ๊ะมามะ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดฯ เป็นผู้ทำพิธี ส่วนกรณีที่พระครองจีวรขณะรับอิสลามนั้น ไม่สามารถตอบเหตุผลได้

ขั้นตอนการเข้ารับอิสลามนั้น นายต่วนดอเล๊าะ อธิบายว่า ไม่มีเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ใดๆ เพียงแค่เจ้าตัวมีความตั้งใจจะเข้ารับอิสลาม ก็สามารถเข้ามาได้ ไม่ว่าศาสนาอะไร หรือเป็นใครมาจากไหน แต่ต้องเป็นคนดี สามารถเข้ามาทำพิธีได้

ในการทำพิธี ผู้ที่จะทำพิธีจะต้องอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างและระบบชีวิตในอิสลามที่มีความเกี่ยวพันกับหลักศรัทธา 6 ประการคือ 1.ศรัทธาในอัลลอฮ์ 2.ศรัทธาในมลาอิกะฮ์ (ทูตสวรรค์ของอัลลอฮ์) 3.ศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ 4.ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต 5.ศรัทธาในกฎกำหนดสภาวการณ์ของพระเจ้า และ 6.การยืนยันความศรัทธา

สำหรับการยืนยันความศรัทธามี 5 ประการ คือ 1.การกล่าวปฏิญาณตนว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และมูฮัมหมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์”

2.การละหมาดวันละ 5 เวลา 3.การถือศีลอด 4.การจ่ายซะกาต (จ่ายทาน) และ 5.การทำฮัจญ์

จากนั้น ผู้ทำพิธีก็จะถามผู้ที่เข้ารับอิสลามว่า จะรับหรือไม่รับ ถ้ารับก็จะกล่าวปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม มีการทำความสะอาดร่างกาย รวมทั้งขลิบอวัยวะเพศชายด้วย


http://www.isranews.org/%E0%B9%80%E0%B8 ... 50565.html


http://pantip.com/topic/35667283

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 05 ต.ค. 2016, 16:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนพุทธวิจารณ์แซ่ดทำไมไม่สึกก่อน

การที่พระเข้ารับอิสลามทั้งๆ ที่ยังครองจีวร ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะจากคนพุทธในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเหตุใดจึงไม่สึก หรือลาสิกขาก่อนเข้ารับอิสลาม

นายรักษ์ชาติ สุวรรณ์ แกนนำเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ชายแดนใต้ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงต้องมีการบันทึกภาพการรับอิสลามระหว่างยังครองจีวร อยากให้ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์และหาข้อมูลให้รอบด้านด้วย

ทั้งนี้ การเข้ารับอิสลามถือว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าพุทธศาสนาเราละเลยในวัตรปฏิบัติทางพุทธ ต้องกลับมาคิดสร้างความเข้มแข็งของพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น เช่น อิสลามเน้นให้มีการละหมาดวันละ 5 ครั้ง ให้ไปมัสยิด ฉะนั้นพุทธก็ต้องสร้างความเข้มแข็งด้วยการรณรงค์ให้ชาวบ้านเข้าวัด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2016, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หรือจะจริงอย่างเขาว่า :b10:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 35 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร