ผมว่าทรงไว้
เรียกความเป็นใหญ่

ตาเอาไว้มอง
หูเอาไว้ฟัง
เป็นต้น

ก็นั่นล่ะ ไม่เห็นด้วย ก็คือไม่เห็นด้วย
การไปตัดสินความเห็นที่ไม่เห็นด้วย ว่า "มั่ว" โดยอีกฝ่ายไม่มีโอกาสมาแสดงด้วย
นี่คือการตัดสินเอาเองไว้ก่อน เพื่อจะบอกว่าโฮฮับมีปัญญารึ

เขาเรียกว่า โฮฮับว่านอนสอนง่าย เรียกให้ทำอะไรก็ทำ ....บอกให้ไปคาบห่วงยางก็วิ่งไปคาบเลย

คำว่า "โง่" เหมาะสำหรับโฮฮับแล้ว ไม่รู้ภาษาไม่รู้ความ
คำว่า "โง่" เป็นคำด่าตรงไหน โง่แปลว่าอะไรโฮับ เป็นคำวิเศษณ์ หรือคำกริยา หรือคำนาม หรือคำบุพบท หรือคำอุทาน ไม่มีนะในพจนานุกรม บอกว่า โง่ เป็นคำด่า

ชอบไปก๊อปปิ้ที่อื่นเขามาด่าเล่นข้างเดียวแล้วเขาจะมีโอกาสได้แก้ตัวไหมล่ะ
นิสัยแบบนี้พันทิพย์เขาจึงให้ใบแเดง เข้าไม่ได้ก็เอาเขามาด่าหมดที่ไปแล้วหรือไง

โฮฮับ ถูกตอกย้ำความไม่รู้ภาษา เลยเฉไฉ พิมพ์นู่นนั่นนี่ออกมา
หากไม่รู้จักภาษา จะเอาอะไรมาอธิบาย นอกจากแถกมโนไปเรื่อยๆเปื่อยๆ
เมื่อ โฮฮับ ไม่รู้ภาษา สิ่งที่โฮฮับแสดง

เช่นอาจจะเป็นอย่างนี้ คือ
คน ทั่วๆไปก็เข้าใจว่าเป็นสายพันธ์หนึ่งของสัตว์โลก มีลักษณะอย่างที่เห็นๆ กัน คือมีหัว มีรยางค์ 4 กินทางปาก ถ่ายทางรูก้น แล้วก็มีการนอน มีการสืบพันธ์ุ มีสมองซึ่งมีวิวัฒนาการมากกว่าสัตว์อีกหลายสายพันธ์ุ มีความฉลาด เรียนรู้ได้...

แต่ โฮฮับ คงไม่เข้าใจ หรือ อาจจะเห็นคน เป็นหมาไปก็ได้

คนที่ไม่รู้ภาษา ไม่เข้าใจภาษา ก็จะเบลอๆ ติดต่อสื่อสารกับใครก็ไม่ชัดเจน ถ้าไม่เข้าขั้นวิกฤต ก็เรียกว่า คนโง่
ถ้าเข้าขั้นวิกฤต ก็เรียกว่า คนบ้า

โฮฮับ โง่ หรือ บ้าครับ

อธิบายให้ฟังสำหรับผู้มีความมุ่งหมั่นตั้งใจ

ลักษณะของการทรงไว้ ในที่นี้ท่านหมายถึงสภาวธรรมครับ
สภาวธรรมใดที่สามารถทรงความเป็นปัจจุบันธรรมได้นั้น....ท่านเรียกปัจจุบันธรรมนั้นว่า อินทรีย์ครับ

ในขณะที่ตามองเห็นวัตถุธรรม สิ่งที่ทรงความป็นใหญ่ในขณะนั้นเรียกว่า ...จักขุนทรีย์
หรือในขณะที่หูกำลังได้ยิน สิ่งที่ทรงความเป็นใหญ่ขณะนั้นเรียกว่า... โสตินทรีย์ .

การทรงไว้ไม่ใช่ธาตุอย่างที่นายกรัชกายแกมั่วหรอกครับ

พูดไม่คิด! เว็บพันทิบเป็นเว็บสาธารณะ ใครเข้าไปแสดงความเห็นที่เว็บแห่งนี้
ย่อมต้องรู้อยู่แกใจว่า ใครๆก็สามารถวิพากวิจารย์ความเห็นที่ตัวโพสได้
ซึ่งไม่ว่าจะโพสที่เว็บอื่น หรือจะเอาไปลงวิจารณ์ในคอลัมน์หนังสือก็ย่อมได้

ถ้าเขาแสดงความเห็นในไดอารีส่วนตัว แล้วผมไปเอาโพสวิจารณ์ก็ว่าไปอย่าง
เช่นนั้นเหมือนตัวตลกรุ่นเด็กครับ เถียงธรรมสู้ไม่ได้ ก็พยายามเอาเรื่องไร้สาระมาโจมตี....ทำได้เลอะเทอะน่าขำมาก

ตัวเองก็บอกเองว่า จะเอาไปแปะที่เว็บพันทิบ พอเห็นเรายินดี ก็รีบเปลี่ยนมาหาเรื่อง
พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยแสดงว่าคำพูดเช่นนั้นมีค่าไม่ถึงสลึงเฟื้อง



ไม่มีราคาเลย! ถ้าไม่รู้จักคำว่าละอายใจ มันก็ต้องปล่อยแล้ว
พุทโถ่! ทำเป็นพูดจาวางมาดเป็นผู้ใหญ่ ที่ไหนได้เริ่มเห็นลาย

โฮฮับ .....
คงพูดออกมาว่า "มั่ว" ไม่คิด
ไม่รู้ภาษา จนไปไม่เป็นแล้วสินะ

เช่นนั้นกลายเป็นเช่นนี้ไปซะแล้วครับพี่น้องครับ

ไอ้อาการแบบนี้เขาเรียก พาล หรือบ้า ครับ พี่น้องช่วยตอบหน่อยซิครับ

เป็นตนที่น่ารังเกียจ

ดูทุกอย่างตามที่เป็นมันก็เป็นเช่นนั้นเองค่ะ
ดูไปเรื่อยค่ะอย่าซีเรียสอย่าถือสีถือสาเลย

ทำให้นึกถึง พระสูตร ที่ตรัสว่า...
เมื่อใดที่ อริยสาวก มารู้จักความก่อขึ้นแห่งอินทรีย์หก...ฯ ท่าน เรียกว่า เป็นพระโสดาบัน


แล้ว ธาตุ เป็นการทรงไว้ ของสภาวธรรม ที่เป็นปัจจุบันธรรม
แสดงว่า ธาตุ ท่านทรงใช้เรียกทั้ง ฝั่งอวิชชา และฝั่งมีวิชชาแล้ว ใช่ไหมคะ?

อนุโมทนาครับ

เรา ก็น่าจะพอใจกะคำอธิบายนี้มาก
น่าจะเช่นเดียวกะ คุณ Student

ต้องสารภาพกะคุณโฮฮับว่า
เราเอง ก็ขัน เจื้อยๆ ตลอดมา ว่า ธาตุ คือ ทรงไว้ ซึ่งความเป็นธาตุ เหมือนกัน

ขอบคุณ จริงๆ ขอรับ ท่านโฮ

ต้องเป็นอินทีย์๕ครับ ไม่ใช่๖ บุคคลผู้เข้าถึงความเป็นอินทรีย์คืออริยะ เริ่มแต่โสดาบัน
อินทรีย์๕ที่ว่า ก็ได้แก่.... สตินทรีย์ ๑ ปัญญินทรีย์ ๑ สัทธินทรีย์ ๑ วิริยินทรีย์ ๑ สมาธินทรีย์ ๑



ยกตัวอย่าง ในขณะที่ตาเห็นภาพ กายใจจะไปรับรู้ความรู้สึกที่ปสาทตา
ปัจจุบันขณะนี้เรียกว่า..... จักขุนทรีย์........นี่คือวิชชา คือบุคคลมีสัมปชัญญะรู้ทันผัสสะ

แต่ถ้าเป็นในขณะที่ตาเห็นภาพ กายใจหลงไม่รับรู้ ไปรู้สึกอีกที่ก็ที่มโนทวาร
นี้คือ การปรุงแต่ง(ไม่เห็นสภาพความเป็นจริง) และลักษณะของการปรุงก็คือ
สมอง(มโนทวาร) จะคิดฟุ้งซ่านว่า ตาเห็นภาพที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ.....นี่คือ อวิชชา
วิชชากับอวิชชาต่างกันตรงนี้

กับคำจักขุธาตุจะใช้ว่าทรงไว้ไม่ได้ ถ้ากล่าวว่าทรงไว้ซึ่งจักขุธาตุเท่ากับเป็นอวิชชา
สิ่งที่เป็นธาตุแท้ และก็ทรงไว้ไว้ตลอดเวลาก็คือ ธาตุ๔ในมหาภูติรูป๔
จักขุธาตุเป็นอุปาทายรูป ก็คือเกิดจากการปรุงแต่งอันมีมหาภูติรูป๔เป็นเหตุปัจจัย
แท้จริงแล้ว ตามสภาพธรรมที่เป็นจริง จักขุก็คือ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ นั้นเอง
คำว่า หู ตา จมูกเกิดจากการปรุงแต่งของ นามรูปในปฏิจจฯ