ปัจจุบันขณะ
หมายถึงเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดขึ้น

เช่น กำหนดรู้ลมหายใจ ในขณะเดียวกันยุงกัดที่แขน

ทั้งสองอย่างเป็นปัจจุบันขณะ แม้จิตไม่ได้กำหนดรู้ก็ตาม

ปัจจุบันอารมณ์ หมายถึง อารมณ์เดียวในขณะนั้น

เช่น ยุงกัด แต่ไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก

ไม่ค่ะ...ต้องเกิดในภพภูมิมนุษย์ก่อนถึงจะเป็น...คน
เพราะชาตินี้ที่รู้ว่าเป็นคนมีตัวตนก่อนไหมจึงเป็นปุถุชนก่อนไง

ถึงได้เข้ามาศึกษาธัมมะว่าไม่มีตัวคน
มีแต่สิ่งที่มีจริงที่ปรากฏให้รู้ได้
ว่ามีแต่ธัมมะที่เป็นอนัตตา
มีให้รู้ทีละขณะเดียวจริง
ที่ละเอียดเป็นจิตเกิดดับ
สืบต่อไม่ขาดสายเลย
ทุกขณะที่มีสติรู้ตื่น
รู้ชัดรู้เบิกบาน
ด้วยธรรมน๊า

เป็นปัญญารู้ไม่ใช่ตัวตนที่รู้ว่า
เกิดเป็นปุถุชนก่อนเป็นอริยบุคคล
ถ้าไม่รู้ตัวว่ายังเป็นปุถุชนตายแน่ๆ
ผลของกรรม1คือ1ขณะจิตสุดท้าย
ของชาตินี้ที่เรียกว่าจุติจิตเคลื่อนคือ
ต้องเป็นผลของกรรมหนึ่งที่ทำให้สิ้นสุด
ความเป็นคนๆนี้เคลื่อนไปปฏิสนธิคือเกิด
ในภพภูมิใหม่ตามกรรมไม่ใช่เลือกได้ว่าภพไหน
ไปแบบไม่มีความรู้สึกณขณะจิตสุดท้ายกรรมดีรึเปล่า

อ้อ ต้องเป็นมนุษย์ก่อน จึงเป็น คน

อืม...แล้วโลกมนุษย์ที่คนเราเดินแกว่งไปแกว่งมา ส่ายไปส่ายมา ไม่ใช่ คน ไม่ใช่ มนุษย์ ไม่ใช่ ปุถุชน หรือขอรับ หรือเป็นอริยบุคคล

ต้องปฏิสนธิคือเกิดในท้องคนถึงจะเป็นคนที่เรียกว่าภพภูมิมนุษย์

โลกตามความหมายในพระพุทธศาสนาคือสิ่งที่มีการเกิด-ดับ
ศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าต้องรู้จักตนจึงจะถึงอภิธรรมน๊า
ธัมมะขณะจิตขณะเดียวที่เป็นปัจจุบันขณะไม่ใช่ตัวตนคน

อ้อๆ ต้องเกิดในท้องคนถึงเป็นคน (ทำนองเกิดในท้องแมว ก็เป็นแมว) เกิดในท้องมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ ถูกไหมครับ

เป็นไปได้มั้ยที่เกิดสลับกัน เช่น มนุษย์เกิดในท้องคน คนเกิดในท้องมนุษย์ ปุถุชนเกิดในท้องคน คุณโรสว่าเป็นไปได้มั้ยขอรับ

แค่สมมุติบัญญัติของตนยังแยกไม่ออก
อยู่ภพภูมิไหนคะแสดงว่าไม่เข้าใจคำสอน
ควรขยันฟังพระพุทธพจน์ในเสียงอ.สุจินต์
https://m.youtube.com/watch?v=4Oxr_U3-GcY

คุณโรสตอบเองเถอะครับ

คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นปุถุชน

เป็นอะไรครับปัจจุบัน

ถามแบบคุณกรัชกายที่ไม่รู้จักตนเรียกว่าถามไม่ได้สาระ
ตอบไปแล้วยังถามแบบคนไม่รู้ตัวไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเป็นอ่ะ
ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้อะไรมีประโยชน์ที่จะตอบ
แค่ประโยชน์ตนคุณยังไม่รู้ประโยชน์ท่านคงไม่ต้องพูดถึงเลย
รู้จักตนจึงรู้จักผู้อื่น/ตนเป็นอะไรยังคิดไม่ได้ก็หยุดถามดีกว่านะ

ที่ถามนี่แหละพื้นฐานการเข้าใจสารธรรม

คุณโรส เป็น คน หรือเป็นมนุษย์

หลักของการปฏิบัติเราต้องยึดเอาพุทธบัญญัติมาเป็นหลักนำทาง
ไม่ใช่ไปเอาคำแปลมั่วๆที่เกิดจากความไม่รู้แล้วมาอวดโชว์.......

ความหมายของคำว่า "ปัจจุบันหรือปัจจุบันขณะ" อันเกี่ยวข้องกับจิตนั้นก็คือ .....การที่กระบวนการของจิต
กำลังเกิดความเป็นเป็นอิทธิบาท

กระบวนการของจิตหรือกระบวนการของอิทธิบาทหนึ่งๆก็คือ....ความเป็นปัจจุบันหรือปัจจุบันขณะของจิต

มันยังไงอ่ะ อธิบายหน่อยสิ

มันคนละเรื่อง! สติปัฏฐานไม่ใช่จิตมันจึงเป็นปัจจุบันไม่ได้ สติปัฏฐานเป็นเพียงชื่อที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นมา มันเป็นเพียงโวหารไม่ใช่สัจจะ

สติปัฏฐานหรือมหาสติปัฏฐานสี่เป็นพุทธบัญญัติ(ชื่อหรือโวหาร) มันเป็นเพียงชื่อของหลักธรรมๆหนึ่งใน โพธิปักขิยธรรม


ตัวสัจจะหรือองค์ธรรมที่เป็นจริงคือ.....องค์ธรรมในอินทรีย์ห้า ได้แก่ สติ ปัญญา ศรัทธา วิริยะ สมาธิ
ตัวองค์ธรรมที่ทำให้เกิดความเป็นปัจจุบันขณะได้คือ.....อินทรีย์ทั้งห้า

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง อิทธิบาทต้องอาสัยอินทรีย์ห้า




ไม่ใช่!! การปฏิบัติทางจิตตามหลักของพุทธแท้ๆคือ การปฏิบัติตามหลักของ โพธิปักขิยธรรม
มันเป็นการปฏิบัติเพื่อละวางสังโยชน์ที่มากระทบกายใจของเรา มันไม่มีกำหนดเป็นระยะเวลา
เรื่อง"ขณะจิต" มันเป็นเพียงการอุปมาอุปไมยของสาวกรุ่นหลัง ซึ่งในความเป็นจริงหาใช่เช่นนั้นเมื่อเทียบเคียงกับ
แก่นธรรมของพระพุทธองค์

เราไม่สามารถรู้หรือเห็นความเป็นจิตได้เพราะมันเป็นปรมัตถ์ธรรม(นามธรรม)
แต่ที่เรารู้ความเป็นไปเป็นมาของจิตก็เพราะอาศัยการเจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธองค์
นั้นก็คือพระพุทธองค์เป็นคนบอกความเป็นลักษระของจิตให้เราหรือสาวกฟัง เราหรือสาวกไม่ได้ไปเห็นเอง
ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธจีงกล่าวสรรเสริญพระพุทธองค์ว่า.....ทรงตรัสรู้ด้วยตนเอง



เลอะเทอะ

ป้าสุจินต์แกมั่วไปเรื่อย เอาพุทธพจน์มาละเลงตามใจชอบ
ไม่ไหวจะเคลียร์

โฮฮับ ไหนลองว่าความหมาย ปัจจัตตัง ที่เคยเอ่ยอ้างให้ฟังหน่อยสิ ได้แก่อะไร

ที่พูดมามั่วทั้งหมด.......ลักษณะของลมหายใจที่กล่าวมา ไม่ใช่จิต แต่เป็นเรื่องของกาย
กายของบุคคลประกอบด้วย ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ........ลมหายใจก็คือธาตุลมที่เป็นองค์ประกอบของกาย

ความเป็นปัจจุบันขณะก็คือ อินทรีย์ห้าและลักษณะสั้นยาวของลมหายใจ(ลม)
ความเป็นปัจจุบันขณะไม่ได้หมายเพียงแค่ลมหายใจสั้นหรือยาว อาการท้องพองหรือยุบ
แต่ปัจจุบันขระหมายรวมลมหายใจสั้นและยาว ท้องพองหรือยุบ.....เพราะทั้งหมดเป็นกระบวนการเดียวกัน
จึงรวมเรียกว่า ปัจจุบันขณะ



ไอ้ที่เราไปคิดเรื่องเยียบแบบตายนั้นแหล่ะ.....คือความเป็นปัจจุบัน มันไม่ใช่หลงไปในอดีต
อดีตคือท้องพองยุบ ความคิดเรื่องแมวท่านเรียกว่า ธรรมที่เป็นปัจจุบันของธัมมารมณ์ที่มากระทบมโนทวาร