วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 18:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


แล้วสุดท้ายเมื่อรู้ว่าตนจะตายอย่างนี้ ยิ่งเป็นทุกข์ใจหลายสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนอบรมตน ไม่ได้มีบุญกุศลพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในใจแล้วก็เป็นทุกข์หลายล่ะทีนี้ กลัวตายก็กลัว กลัวพลัดพรากจากของรักของชอบใจต่างๆ ในโลกอันนี้ก็กลัว นั่นแหละความทุกข์อะไรๆ มันก็ไปรวมลงเวลาจวนจะตายนั่นหม๊ดเลย

นั่นล่ะพระองค์เจ้าจึงตรัสว่า “ความตายนั่นเป็นทุกข์” บางคนว่า เอ้า ตายไปแล้วมันจะไปรู้จักอะไรล่ะ ทำไมจึงว่ามันเป็นทุกข์ มันไม่ได้หมายอย่างนั้น หมาย “เมื่อรู้ว่าตนจะตาย” นี่แหละมันเป็นทุกข์ หมอช่วยไม่ได้แล้วอย่างนี้นะ นี่มันเป็นทุกข์หลายแหละผู้ที่ไม่รู้เท่า ผู้ที่ไม่ได้ภาวนา ไม่ได้พิจารณาให้รู้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วก็ย่อมเป็นทุกข์แล้วก็สะดุ้งหวาดกลัว ดังนั้นในอภิณหปัจจเวกขณ์*นั้นน่ะพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนให้นึกถึงความแก่ ความเจ็บ ความตายนี่ทุกวันทุกวันเลย นึกว่า เราเกิดมามีรูปมีนามอันนี้มาแล้วมันต้องแก่ มันต้องทรุดโทรมไป แล้วก็มีโรคภัยมาเบียดเบียนบาดนิเมื่อร่างกายทรุดโทรมลงไปแล้ว เมื่อยังหนุ่มแน่นภูมิคุ้มกันมันแข็งแรงอยู่ มันก็ยังป้องกันโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้เกิดขึ้นในร่างกายนี้ เว้นเสียแต่กรรมเวรหนหลัง มันจะตามมาสนองเอา

แต่ทีนี้พอถึงวัยชรามาแล้วน่ะไอ้ร่างกายนี้มันก็ทรุดโทรมลงไป ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมอันนี้ก็น้อยลงไป ทรุดโทรมลงไป ไม่แข็งแรงอยู่เหมือนเดิมแล้ว เออ อย่างนี้แหละ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันทรุดโทรมลงไปแล้วทีนี้รับประทานอาหารก็ไม่ได้เต็มที่เลย รสชาติของอาหารก็ไม่อร่อยเหมือนแต่เมื่อยังหนุ่ม นอนก็หลับไม่ได้มาก หลับไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ตื่น อะไรๆ มันก็ลดน้อยถอยลงเบาลงเบาบางลงไปเลยสังขารร่างกายอันนี้ อันนี้พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ทุกฺขํ” แปลว่า “ทนได้ยาก ทนลำบาก ทนอยู่ไม่ได้” แต่คนผู้หลงผู้เมาแล้วหากไม่ยอมรับรู้ความทุกข์ของร่างกายสังขารอันนี้ ปัญหามันมีอยู่ตรงนี้เรื่องมันน่ะ

มีแต่ผู้ที่ฝึกฝนอบรมจิตใจของตนให้สงบลงไป นั่นแหละจึงยอมรับรู้ความเปลี่ยนแปลง ความทนได้ยากของร่างกายสังขารอันนี้ จึงยอมรับว่า อ๋อ เป็นความจริงอย่างนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมันก็จะต้องวิตก “แล้วเราจะกอบโกยเอาไปทำไม” บาดนิ “เราจะมายึดมั่นถือมั่นอยู่ในโลกอันนี้ทำไม” ในเมื่อมาอาศัยในโลกอันนี้อยู่แล้วก็โลกอันนี้ก็ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่เป็นไปตามใจหวังเลย ใครจะไปอยากทรุดโทรมล่ะมีอัตภาพร่างกายนี้มาแล้ว


*อภิณหปัจจเวกขณ์ หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ควรพิจารณาอยู่เนืองๆ
เรื่องที่ควรพิจารณาทุกๆ วัน มี ๕ ประการ คือ
๑. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
๒. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
๓. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
๔. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
๕. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว



:b44: :b44:


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“ตามรอยพระศาสดา”



:: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 69 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร