วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 14:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2016, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



ความจริงแล้วอัตภาพร่างกายนี้น่ะมันไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลย
บุญกรรมตกแต่งให้มา ให้ดวงจิตนี้ได้มาอาศัยอยู่
ถ้าหากว่าว่าตามเป็นจริงแล้วนะ บุญกรรมนำดวงจิตนี่
มาเกิดในรูปในนามอันนี้ มาอาศัยอยู่ในรูปในนามอันนี้
ก็เพื่อให้สร้างบุญบารมี เพื่อให้สั่งสมคุณงามความดีให้มากขึ้นในตน


ในชีวิตหนึ่งๆ นี่น่ะ เพราะเมื่อบุคคลสร้างบุญกุศลยังไม่เต็มตราบใดแล้ว
ก็ยังพ้นทุกข์ไปไม่ได้ตราบนั้น อันนี้มันเป็นกฎธรรมดาอันหนึ่งพึงพากันเข้าใจไว้

ถ้าหากว่าไม่จำเป็นต้องสร้างบุญให้เต็มมันก็พ้นไปได้อย่างนี้นะ
มันก็จะมีใครอยู่ค้างโลกอันนี้ล่ะ นั่นล่ะมันก็หนีจากโลกอันนี้หมดแล้วล่ะ
บางคนก็ทำบุญมากมาย สละเงินเป็นล้านๆ ก็มี
แต่แล้วก็ยังพ้นจากทุกข์ไปไม่ได้ ดูตั้งแต่ "พระเวสสันดร" เป็นไงล่ะ

พระเวสสันดรน่ะให้ลูกให้เมียเป็นทาน ให้ช้างให้ม้า พระที่นั่ง เป็นทาน
ให้ราชรถเป็นทาน ให้เงินทองข้าวของเป็นทานอยู่ตั้งเจ็ดวันนู่น
ก่อนจะออกหนีไปบวชอยู่ในเขาวงกต จนกับถึงแผ่นดินไหวปานนั้นแหละ
แล้วพระเวสสันดรก็ยังพ้นทุกข์ไม่ได้ชาตินั้น
หมดอายุสังขารแล้วก็ยังไปเกิดอีกอยู่แต่ว่าด้วยอำนาจบุญกุศลนั้น

ก็ให้ไปเกิดสวรรค์ชั้นดุสิตนู่น..ไม่ได้ไปต่ำแล้ว
แต่ก็ยังไม่พ้นความเกิดแก่เจ็บตาย หมายความว่าอย่างนั้น

เมื่อมาถึงยุคถึงสมัยของพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็น "พระพุทธเจ้า" แล้ว
ก็จึงได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นลงมา มาเกิดกับพระนางสิริมหามายาเทวี
อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะมหาราชครั้งนั้น
เมื่อเกิดมาแล้วถึงเวลาเสด็จออกบวช "บุญ" นั้นแหละ
บุญกุศลที่พระองค์ทำมามากต่อมากแล้วนั่นแหละ
มาดลบันดาลให้พระองค์เบื่อหน่ายในการครองราชสมบัติ
มองดูอะไรก็เห็นแต่เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนทั้งนั้น
เป็นความสุขชั่วคราว ไม่ใช่ความสุขอันถาวรมั่นคง


อันความจริงปราสาทราชมณเฑียรที่พระองค์ประทับอยู่นั้น
ล้วนแต่สวยสดงดงาม มีแต่ความสุขความสำราญ ไม่ทุกข์ร้อนอะไร
แต่แล้วพระปัญญาบารมีแก่กล้าเต็มที่แล้วก็เป็นเหตุ
ให้พระองค์ได้มองเห็นว่าเป็นทุกข์อยู่นั่นแหละ
สุขมันก็สุขเจืออยู่ด้วยทุกข์ ไม่ใช่สุขล้วนๆ
บัดนี้พระองค์จึงนึกเสียว่า อันสุขที่ไม่เจืออยู่ด้วยทุกข์นั้นคงมีแน่

แต่ถ้าเราจะมาแสวงหาความสุขอันไม่เจือด้วยทุกข์อยู่ในพระราชวังอย่างนี้นี่
คงจะไม่ได้พบแน่นอน เพราะว่ามันเกลื่อนกล่นอยู่ด้วย "กามคุณทั้งห้า"
คือ รูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส ซึ่งเป็นเสมือนอย่างเหยื่อเกี่ยวอยู่กับเบ็ด
สำหรับไปล่อปลาอยู่ในน้ำ ปลาหลงไม่เข้าใจว่า มันมีเบ็ดอยู่นั้นก็ไปงับเอา
เบ็ดก็เกาะปาก ไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นอาหารของมนุษย์ไป

อันผู้รู้ทั้งหลายผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ท่านไม่หลงเหมือนปลาหลงเหยื่อเบ็ดทีนี้
แม้จะได้เสวยสุขสมบัติอันมโหฬารอย่างไร พระองค์ก็ยังมองเห็นว่าเป็นของไม่เที่ยง
เป็นของอำนวยความสุขให้ชั่วคราว แต่ความทุกข์ซิ..มีอยู่มากมาย
ทุกข์อะไรล่ะ เอ้า ทุกข์แก่ ทุกข์เจ็บ ทุกข์ตาย นี่แหละ
นี่เป็นทุกข์ประจำร่างกายสังขารนี่ เมื่อผู้ใดยังมาอาศัยร่างกายสังขารนี้อยู่
หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยความทุกข์เหล่านี้ ก็ต้องได้เผชิญกับความทุกข์เหล่านี้
ทุกรุปทุกนามไปเลย ธรรมดาผู้มีบุญมากเมื่อท่านพิจารณาอย่างนี้

แล้วก็ทรงพิจารณาสืบต่อไปว่า ไอ้หนทางที่จะดำเนิน
ไปสู่ความพ้นไปจากรูปจากนามอันนี้คงจะมีหรือไม่นอ..พระองค์ก็ดำริอย่างนี้



:b46: :b46:


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“ความพ้นภัยจากรูปจากนาม”



:: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร