วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


Facebook ลานธรรมจักร - http://www.facebook.com/larndhammajak
ห้องแชดสนทนาธรรม - http://www.dhammajak.net/chat/



กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2015, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีเพื่อน

เฮ้ย.! เพื่อน วันนี้ ที่นัด กูไป ไม่ได้นะ
พอดีเมียกูบอกให้เอาผ้าไปตาก
ตอนนนี้กูมาถึงนครสวรรค์แล้ว กูยังคิดไม่ออกเลยว่า

มันจะให้เอาผ้าไปทำอะไรที่ตาก กูก็ไม่กล้าถาม
มันไม่ชอบให้เป็นเรื่องมาก เดี๋ยวถึงตากแล้วจะค่อยโทรหามันอีกที
แค่นี้นะเพื่อน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2015, 15:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผอ.......เมื่อเช้าทำไมไม่เข้าประชุม
ครู........ผมเดินไปแล้ว
ผอ.......แล้วทำไมไม่เข้าไป
ครู........ก็เห็นหน้าประตูเขียนว่า เลื่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2015, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้ว ขำดีค่ะ ขออนุญาตคัดต่อให้เพื่อนๆอ่านนะคะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 05:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พบบุญ เขียน:
อ่านแล้ว ขำดีค่ะ ขออนุญาตคัดต่อให้เพื่อนๆอ่านนะคะ :b12:

ยินดีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 05:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภรรยาคู่หนึ่งเดินมาถึงบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนมาอธิษฐานขอพร
ฝ่ายชายเริ่มโน้มตัวไปข้างหน้า ตั้งจิตอธิษฐานและโยนเหรียญลงไป
ฝ่ายภรรยาอยากอธิษฐานเช่นกันแต่เธอโน้มตัวไปมากเกินจนเสียศูนย์ ตกลงไปในบ่อ
แล้วจมน้ำตาย สามีพูดขึ้นเบาๆว่า “ว้าว ได้ผลจริงๆด้วย”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 06:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รถบัสคันหนึ่ง เต็มไปด้วยประชากร “เมีย” ทั้งหลาย ได้เกิดอุบัติเหตุจนบรรดาเมียเสียชีวิตทั้งคันรถ
บรรดา “สามี” ต่างโศกเศร้าประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นก็ระริกระรี้

ยกเว้นชายคนหนึ่ง ยังคงเศร้าโศกต่อไป แม้เวลาผ่านเลยไปหลายสัปดาห์แล้ว
เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงได้เศร้าใจนานขนาดนั้น
ผู้ชายคนนั้นตอบสั้นๆ ว่า “เมียตู….ขึ้นรถไม่ทัน”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 06:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นายA: วันก่อน ไปแบงค์ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะ เสื้อยืด พนักงานแบงค์ไม่มีใครสนใจเลย
นายB: คงเป็นเพราะแต่งตัวมอซอไปสินะ
นายA: ใช่ๆ…ผมเลยตัดสินใจถอนเงินสด 10 ล้านบาท ที่นี้แหละ พนักงานโวยวายใหญ่เลยครับ
นายB: อ๋อ..คือแบ๊งค์ กลัวเสียลูกค้าเงินฝาก?
นายA: แม่งด่าผมว่า “มรึ..ต้องมีเงินในบัญชีก่อน”
นายB: ….

ข้อคิด “ดูคนอย่าดูแค่ภายนอก ให้ดูเงินในกระเป๋ามันด้วยนะ”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีกับภรรยา กำลังนั่งคุยกัน

สามี : คุณจำได้มั้ย? เมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนที่เราแอบมีอะไรกัน แล้วพ่อของคุณจับได้
แล้วพ่อคุณถามผมว่า “จะแต่งงาน” หรือ “จะติดคุก?”
ภรรยา : อ๋อ.. จำได้ค่ะ ชั้นจำวันนั้นได้แม่นเลย
สามี : วันนั้นผมก็ตอบพ่อคุณไปว่า..จะแต่งงาน
เมีย : แล้วมันยังไงเหรอ?
สามี : ถ้าวันนั้น….ผมเลือกที่จะติดคุก วันนี้ ผมก็น่าจะพ้นโทษไปแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 07:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้เข้าห้องน้ำในห้าง ยืนฉี่อยู่ดีๆ ตาเหลือบไปมองที่โถฉี่ มันเขียนว่า
“โต๊โต” (TOTO) มันรู้ได้ไงก็ไม่รู้ อายมากอ่ะ – -!
พอเปลี่ยนไปอีกโถ งงอีก มันบอกว่า “โคตรโต” (Cotto)
นี่เราไม่เคยบอกใครเลย ทำไมมันถึงรู้ได้ รีบเปลี่ยนไปอีกโถ มันบอก…
“ขนาดมาตรฐานคนอเมริกัน” (American Standard)
เดี๋ยวนี้โถฉี่มันฉลาดนะ แต่โกรธตอนไปล้างมือ ก๊อกมันบอกเรา
“สั้นว่ะ” (Sanwa) ทีนี้เซ็งเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 06:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วตัวเบ๊าเบา

☀ถ้าทุกคน ได้ทุกอย่าง ได้ดั่งคิด
☀สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน
☀ได้มาบ้าง เสียไปบ้าง ช่างปะไร
☀หน้าที่ใคร ทำให้ดี เท่านี้พอ
☀อีกไม่นาน วันผันผ่าน ก็ต้องจาก
☀จะมีมาก หรือมีน้อย วัยถอยถอน
☀เอาอะไร ไปไม่ได้ นั้นแน่นอน
☀วันจากจร เหลือเพียงแต่ แค่ตำนาน
☀ก็วันนี้ มีพอกิน มีพอใช้
☀ไม่เท่าใคร แต่เพียงพอ ก็สุขได้
☀ทำหน้าที่ สมควร ก่อนด่วนไป
☀จากเมื่อไหร่ หลับตาได้ ไม่อาวรณ์......

จงดูแลรักษาของล้ำค่า 4อย่างนี้ดีๆ

1. ร่างกาย เป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่ไปกับเราตราบสิ้นชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร ไม่มีใครจะดูแล เขาได้ดีเท่ากับตัวเรา

2. คู่ชีวิต คือ คนที่จะ ดูแล เข้าข้างและ ปกป้องเราไปตลอดชีวิต ลงทุนเพียงนิด ผลได้ทวีคูณ

3. เพื่อน เพื่อนดีๆ มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินทุกอย่างบนโลก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน จริงใจ ฯลฯ มีเงินก็ซื้อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

4. ทรัพย์สมบัติ

ยิ่งอายุมากขึ้น ความสามารถในการหามันเพิ่มจะยิ่งลดลง ดังนั้นต้องรู้จักใช้มันให้คุ้มค่าสูงสุด ข้อคิดดีสำหรับที่ผู้อายุจะถึง50ปีหรือเกิน50ปีในอนาคต

คนอายุเกิน 50 ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว มีเงินเท่าไรก็ ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้

ต่อให้มีไร่นามากมาย ก็กินข้าวได้แค่ วันละสามจาน แม้นจะมีคฤหาสน์หลายสิบหลัง ก็ต้องการ พื้นที่หลับนอนยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร ดังนั้น..ตราบใดที่ ยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดี เหลือหลายแล้ว

อายุเท่านี้แล้ว ควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไป คิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งขันกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะ ในสังคม หรือความ ก้าวหน้าของงาน ฯลฯ

สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆนั้น คือ แข่งกัน มีความสุข, มีสุขภาพ ดี และอายุยืนนาน ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไป ฝังอกฝังใจให้ป่วยการและทำลายสุขภาพตัวเองเลย

หลัง50แล้วอย่างนี้ ควรค้นหาหนทางที่ จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ที่เป็นสุข มีอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสุข นั่นก็ หมายความว่าได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว

ทุกวันที่ผ่านไปจะสูญเสียไป ๑ วัน แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือได้ กำไร จิตใจที่ดี จะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุข โรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดีทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้เลย

ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้ง บ่อยๆ กินอาหารให้ ครบหมู่ ได้วิตามิน และแร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อ ได้แน่นอนว่า ชีวิตที่ เป็นสุขอีก 30 หรือ 40 ปี

เหนือสิ่งอื่นใด..ต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆทจากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับ เพื่อนๆ เพราะเขา เหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายเสมอ

ขอบรรดาสิ่งดีที่สุดจงบังเกิดแก่คุณ "ความร่ำรวยของชีวิต คือ การมีสุขภาพที่ แข็งแรง"

โปรดเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ ที่วัย 50 ขึ้นไป เพื่อเป็นกุศล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องเล่า แฝงแง่คิด (บางคนคิดได้ บางคนไม่ได้คิด)

เศรษฐีคนหนึ่งกำลังจะสิ้นใจตาย ยมทูตได้ปรากฏกายเพื่อมารับวิญญาณของเขา เขาได้ถามยมทูตว่า
“เมื่อผมตายไปแล้ว ผมจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกครับ?”
“ตกนรก!” ยมทูตกล่าว
เศรษฐีเมื่อได้ฟังก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงถามยมทูตขึ้นว่า
“ทำไมผมต้องตกนรก! ในเมื่อผมนำเงินสร้างวัดสร้างโบสถ์สร้างโรงเรียนไว้มากมาย อีกทั้งบริจาคเงินให้แก่องค์กรสังคมสงเคราะห์ต่างๆ ทำไมผมยังต้องตกนรก ผมไม่ยอม!”
“หากเจ้ารู้สึกไม่พอใจ ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหนึ่งอาทิตย์ ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้ หากเจ้าได้รอยยิ้มจากความจริงใจเพียงสามครั้ง เจ้าก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้!”
เศรษฐีได้ฟังรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาคิดในใจ
“กะอีแค่รอยยิ้มจากใจเพียงแค่สามครั้ง มันจะไปยากอะไร!”

เมื่อยมทูตหายไป เขานิ่งคิดว่าใครเป็นคนแรกที่จะมอบรอยยิ้มจากความจริงใจให้กับเขาเป็นคนแรก ใบหน้าของภรรยาก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพ เขาและเธอแต่งงานกันมาสี่สิบกว่าปี เธอนี่แหละที่จะมอบรอยยิ้มจากใจให้เขาเป็นคนแรก
เขาจึงใช้เงินเป็นจำนวนมากซื้อเครื่องเพชรชุดใหญ่มอบให้แก่ภรรยาของเขา
เมื่อภรรยาได้รับของขวัญเป็นเพชรชุดใหญ่ก็ดีใจและประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยมทูตบอกกับเขาว่า
“นี่ไม่ใช่รอยยิ้มจากความจริงใจ เธอเพียงแค่ดีใจที่ได้เครื่องเพชรชุดใหญ่ก็เท่านั้นเอง”
เศรษฐีรู้สึกประหลาดใจกับคำบอกของยมทูต เขาจึงซื้อรถ ซื้อบ้าน อีกทั้งสิ่งที่คิดว่าภรรยาจะต้องชอบให้แก่เธอ แต่เป็นที่น่าประหลาด ภรรยาของเขาดีใจและรอยยิ้มที่เธอมอบให้เขานั้น ยังไม่ใช่รอยยิ้มจากใจจริงที่ยมทูตต้องการ
เวลาผ่านไปเป็นวันที่สามแล้ว เศรษฐียิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะเขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่สี่วันเท่านั้น คนที่เขาคิดว่าจะได้รอยยิ้มจากใจเป็นคนแรก กลับไม่ง่ายดังที่เขาคิดไว้

เช้าวันที่สี่ เขาลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดว่าตนเองจะต้องตายในอีกสามวันข้างหน้า สิ่งที่เขาควรมอบให้แก่ภรรยาก็ได้ทำไปหมดแล้ว เขาเดินคิดไปจนเข้ามาในครัว เขาหยิบกระทะขึ้นมาทอดไข่และไส้กรอก จากนั้นก็ทำการปิ้งขนมปัง เขาลงมือทำอาหารเช้าที่ไม่ได้ทำมาเป็นเวลานาน
เมื่อภรรยาของเขาลงมาจากชั้นบน เห็นสามีอันเป็นที่รักเข้าครัวทำอาหารเช้า ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างอยิ่ง เพราะเธอมีแม่บ้านอยู่หลายคนที่คอยเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้โดยไม่ต้องลำบากให้สามีของเธอลงมือทำเอง

เศรษฐีนำอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะ และเชิญภรรยาทานอาหารเช้าที่เขาเป็นคนเตรียมให้
เมื่อเธอตักอาหารคำแรกเข้าปาก เธอก็นำตาร่วงและยิ้มออกมาให้กับเขา
“ที่รักคะ คุณยังจำตอนที่เราเริ่มสร้างครอบครัวได้ไหม ตอนนั้นเรายังยากจน คุณทำอาหารเช้าง่ายๆแบบนี้ให้ฉันทานทุกเช้าเลย ฉันดีใจที่เช้านี้ได้ทานอาหารฝีมือของคุณอีกครั้งค่ะ”
ในขณะนั้น เศรษฐีสัมผัสได้ว่า รอยยิ้มของภรรยาเป็นรอยยิ้มที่แสนสวยงามเป็นพิเศษ แม้เธอยังไม่ได้แต่งหน้าทำผม แต่รอยยิ้มของเธอช่างดูบริสุทธิ์จริงใจ เศรษฐีเข้าใจในทันทีว่า หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตทานอาหารเช้ากับภรรยาเลย จึงลืมไปแล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการจากเขาจริงๆในตอนนี้ก็คือความใส่ใจนั่นเอง
และในเช้านั้น ยมทูตก็ได้บอกกับเขาว่า
“เจ้าได้รอยยิ้มจากใจแล้วหนึ่งครั้ง!”

สายของวันนั้น เขาเข้าบริษัทและหวังว่าจะได้รอยยิ้มจากใจเป็นครั้งที่สองจากลูกน้องคนสนิท
เขาเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามาพบที่ห้อง
“ผมตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมอบหุ้นของบริษัทส่วนหนึ่งให้แก่คุณ ”
ลูกน้องคนสนิทดีใจเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาตอนนี้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ได้แต่ยืนโค้งคำนับกล่าวคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เศรษฐีกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของลูกน้องคนสนิทยังมีความทุกข์ใจปนอยู่
เศรษฐีได้แต่งตั้งลูกน้องคนสนิทให้ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมอบหุ้นของบริษัทจำนวนหนึ่งให้แก่เขา แต่เศรษฐีก็ยังไม่ได้รอยยิ้มจากใจของลูกน้องคนนี้เลย

เช้าวันที่เจ็ด เศรษฐีเรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามาพบ เศรษฐีแจ้งให้ลูกน้องคนสนิททราบว่า ได้เซ็นอนุมัติให้เขาลาพักพร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับห้าใบสำหรับเขาและลูกเมีย
“คุณทำงานเหมือนขายชีวิตให้ผมมานาน ผมไม่เคยให้คุณได้พักผ่อนอยู่กับลูกเมียเลย ผมให้คุณพักอยู่กับลูกเมียเป็นเวลาหนึ่งเดือน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปฮาวายห้าใบ พาลูกเมียไปพักผ่อนนะ”
ลูกน้องคนสนิทรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก จากสีหน้าที่เคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนโอนและอบอุ่นขึ้นในทันที เขายิ้มออกมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย มันเป็นรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นจากลูกน้องคนนี้มาก่อน ทำให้เขาก็รู้สึกสบายใจไปด้วย
“ขอบพระคุณท่านมากครับ ผมไม่ได้พาลูกเมียไปพักผ่อนนานแล้วสินะ พวกเขาคงคิดว่าหัวใจของผมทำด้วยเหล็กที่แทบไม่มีความรู้สึกเหมือนพ่อคนอื่นๆ ผมจะทำตามที่ท่านเมตตาครับ ขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ!”
สิ้นเสียงของลูกน้องคนสนิท ยมทูตก็ได้กระซิบบอกเขาว่า
“เจ้าได้รอยยิ้มจากใจเป็นครั้งที่สองแล้ว”
เศรษฐีเพิ่งได้รอยยิ้มแห่งความจริงใจเพียงแค่สองครั้ง แต่ทว่า เวลาของเขาก็เหลือไม่ถึงวันแล้ว

เศรษฐีได้แต่ทอดถอนหายใจ
“เราคงต้องยอมรับความจริงแล้วสินะ!” เศรษฐีเอ่ยกับตัวเอง
เพราะทั้งภรรยาและลูกน้องคนสนิท เขาต้องใช้เวลาไปตั้งเจ็ดวัน ถึงจะได้รอยยิ้มจากความจริงใจของเธอและเขา หากเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องยอมรับที่จะต้องตกนรกอย่างไม่มีทางเลือกอื่น
เมื่อเขานึกถึงนรก จิตใจก็หดหู่เศร้าสร้อย เขาตัดสินใจถอดสูทที่สวมอยู่ออก จากนั้นก็เดินออกจากบริษัทเพื่อนั่งรถเมล์ไปเที่ยวยังที่ต่างๆ
เขารู้สึกถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยสร้างเนื้อสร้างตัวร่วมกับภรรยา บรรยากาศแบบนี้เขาไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะโดยปกติ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็จะมีรถยนต์คันหรูพร้อมคนขับอีกทั้งเอกสารที่จะต้องเซ็นอนุมัติมากมาย เขาแทบจะหาเวลาว่างเดินทอดน่องเพียงลำพังในตรอกซอกซอยอย่างนี้ไม่ได้
เขาคิดว่า ไหนๆอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ต้องถูกยมทูตพาไปนรกแล้ว ก็เสพสุขช่วงเวลาที่เหลือนี้ให้เพียงพอก็แล้วกัน ณ ขณะนั้น จิตใจเขาปลอดโปล่งโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาเดินอยู่บนถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย แล้วเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่บนฟุตบาท ไม่มีใครสนใจเด็กหญิงคนนี้เลย เพราะต่างคนต่างก็รีบเร่งกันทั้งนั้น
“ไหนๆก็จะตายแล้ว เราลองถามเด็กคนนี้ก็แล้วกัน ว่าเธอร้องไห้ทำไม?” คิดแล้วก็เดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้น

เด็กน้อยพลัดหลงกับพ่อแม่ จึงตกใจร้องไห้ เมื่อเขารู้ความจริง ก็พาเธอไปที่สถานีตำรวจและแจ้งว่ามีเด็กพลัดหลงกับพ่อแม่ที่ตลาด ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อประสานงานกับพ่อแม่
เศรษฐีนั่งรอพ่อแม่ของเด็กน้อยให้มารับด้วยจิตใจจดจ่อ เขาเพ่งมองไปที่นาฬิกา เวลาของเขาใกล้จะหมดแล้วสินะ
เมื่อพ่อแม่ของเด็กน้อยเดินขึ้นมาที่โรงพัก สามคนพ่อแม่ลูกวิ่งเข้ามากอดกันกลมและร้องไห้ดังสนั่นโรงพัก
เขามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกปิติและอิ่มเอิบในหัวใจ
“โธ่เอ๊ย การได้ช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นความสุขอย่างนี้นี่เอง!” เขาอุทานขึ้นมาเบาๆ
แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มนั้นทันที เพราะยมทูตได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
เขายื่นมือให้กับยมทูต แต่ทว่า ยมทูตกลับส่ายหัวให้กับเขา
“เจ้าไม่ต้องลงนรกกับข้า เพราะเจ้ามีคุณสมบัติขึ้นสวรรค์แล้ว!” ยมทูตกล่าวขึ้น
เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง
“ท่านว่าอะไรนะ?” เขาถามอย่างลนลาน
“รอยยิ้มที่เกิดจากความจริงใจครั้งที่สามครบแล้ว”
ยมทูตยื่นกระจกเงาให้เขามองใบหน้าของตนเอง พลางพูดว่า
“ที่จริงมันเกิดได้เมื่อสักครู่หนึ่งแล้ว!”
เศรษฐีมองตัวเองในกระจกเงา จากใบหน้าอันเคร่งขรึมเศร้าหมองไร้ราศี บัดนี้เปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอิบและมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก มันไม่ใช่ใบหน้าของกรรมการผู้จัดการใหญ่ใจยักษ์ แต่มันเป็นใบหน้าของคุณลุงคนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา เขาเห็นรอยยิ้มแห่งความจริงใจนั้นบนใบหน้าของตนเอง

“ใจของเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะต้องพาเจ้าไปยังนรก แต่ทว่า เทวทูตยังไม่มารับเจ้า นั่นแปลว่าเจ้ายังพอมีเวลาที่จะสร้างความดีในโลกนี้ได้อีก” พูดจบ ยมทูตก็หายวับไปกับตา
“ที่แท้ รอยยิ้มที่สามอยู่ที่ตัวข้าเองหรือนี่?” เศรษฐีกวาดสายตามองออกไปนอกสถานีตำรวจด้วยความอิ่มเอิบใจ

คุณมี 2 ทางเลือก
1. ถ้าคุณได้อ่านแล้ว เห็นว่าดีมีประโยชน์ช่วยเตือนสติได้ โปรดแชร์เพื่อเป็นธรรมทาน
2. ถ้าเห็นว่าบทความด้านบน ไร้สาระ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลาในการอ่านนี้ คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและจงลืมๆมันไป

ผมได้อ่านหมดแล้ว และได้เลือก ข้อ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2016, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: :b4: :b17:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร