วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 13:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 20:09 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สันตติมหาอำมาตย์ ขี้เมาผู้บรรลุธรรม
:: ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก
==================

เขาว่าชีวิตเมื่อถึงจุดเปลี่ยนเพราะ “เงื่อนไข” พร้อมแล้ว ย่อมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มหาโจรองคุลิมาลเปลี่ยนใจในทันทีทันใดหันเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ไม่ช้าก็บรรลุพระอรหัต และหลายต่อหลายคนเป็นเช่นว่านี้

สันตติมหาอำมาตย์ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนี้

ท่านผู้นี้เป็นถึงมหาอำมาตย์คนสำคัญของแคว้นโกศล หลังจากที่ปราบปัจจันตชนบทที่ก่อความไม่สงบขึ้นลงได้ราบคาบในครั้งหนึ่ง ได้รับการไว้วางพระทัยจากพระเจ้าปเสนทิโกศลมาก มากถึงขนาดปูนบำเหน็จความดีความชอบที่ไม่เคยมีใครได้มาก่อน คือ ได้รับพระราชทานราชสมบัติ ๗ วัน

พูดให้ชัดก็คือ ทรงแต่งตั้งให้สันตติมหาอำมาตย์ครองราชย์บัลลังก์ ปกครองประเทศแทนพระองค์ ๗ วัน พระราชทานสตรีที่ฉลาดในการขับร้องฟ้อนรำประโคมดนตรี สวยเลิศประเสริฐศรีหนึ่งนาง นามกรใดไม่แจ้ง ช่างเถอะข้อนั้นสำคัญไฉนขอให้รำสวยบริการดีเป็นใช้ได้

แม่หนูติ๋ม เอ๊ย! แม่นางรำคนสวยก็เสิร์ฟท่านมหาอำมาตย์ ซึ่งบัดนี้เป็นพระราชาชั่วคราวด้วยสุราอาหารอย่างดี บำรุงบำเรอให้อิ่มหมีพีมันเมาแล้วเมาอีก

ถึงวันที่ ๗ เป็นวันสิ้นกำหนดความเป็นราชาชั่วคราว เขาประดับประดาด้วยเครื่องอลังการทุกอย่าง ขึ้นข้างทรงตัวประเสริฐไปยังท่าน้ำเพื่อสรงสนาน พอดีพระบรมศาสดาเสด็จเข้าไปโปรดสัตว์ (บิณฑบาต) ยังพระนคร ผ่านไปทางนั้น สันตติมหาอำมาตย์เห็นพระพุทธองค์ จึงค้อมศีรษะถวายบังคมพระพุทธองค์ด้วยจิตนอบน้อม

พระพุทธองค์ทรงแย้มพระสรวล พระอานนท์กราบทูลถามว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นสาเหตุให้พระพุทธองค์ทรงทำการแย้มสรวลให้ปรากฏ”

“อานนท์ เธอเห็นสันตติมหาอำมาตย์นั่นไหม”

“เห็น พระเจ้าข้า”

“สันตติมหาอำมาตย์ วันนี้มึนเมาสุราแทบครองสติไม่อยู่ วันนี้เขาจะมาสำนักเรา ได้ฟังโศลกธรรม ๔ บทจากเรา จะได้บรรลุอรหัตผลและปรินิพพาน”


นัยว่า พระกระแสรับสั่งกับพระอานนท์นี้ มีผู้ได้ยินและเล่าต่อๆ กันไป ประชาชนที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาต่างก็ชื่นชมโสมนัสกับผลสำเร็จอันเกิดแก่สันตติมหาอำมาตย์ แต่บางจำพวกที่เป็นมิจฉาทิฐิได้ทราบเรื่องนี้แล้วก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็มหาอำมาตย์เมาหยำเปออกอย่างนี้ จะได้บรรลุพระอรหัตผลในวันนี้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

เมื่อไม่เชื่อก็คอยจับผิด ตามดูสันตติมหาอำมาตย์ทุกฝีก้าว ว่าจะไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจนบรรลุพระอรหัตจริงหรือไม่

ข้างฝ่ายสันตติมหาอำมาตย์ เมื่อสรงสนานเสร็จแล้วก็เข้าไปพักอยู่ ณ พระราชอุทยาน เพื่อดื่มน้ำจัณฑ์ต่อ พลางเรียกนางนักฟ้อนมาร่ายรำขับร้องให้ฟังไปด้วย เรียกว่ากินทั้งทางปาก ทั้งทางตา และทางหู ว่าอย่างนั้นเถอะ

เนื่องจากนางได้ทำงานรับใช้สันตติมหาอำมาตย์ตลอดทั้ง ๗ วันไม่ได้พักผ่อนเลย จึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ถึงขนาดล้มทั้งยืนในขณะที่ร่ายรำอยู่ หมดสติแน่นิ่งไป

สันตติมหาอำมาตย์สั่งให้คนไปดู เมื่อได้รับรายงานว่า “นางสิ้นใจแล้ว เจ้านาย” เท่านั้น ก็เกิดความเศร้าโศกเป็นกำลัง เสียใจที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้นางถึงแก่ชีวิต ความเมามายที่มีมาตลอดสัปดาห์ได้หายเป็นปลิดทิ้ง เขารำลึกถึงพระบรมศาสดาทันที

“มีแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเท่านั้นที่จะบรรเทาความโศกเศร้าของเราได้”

เขาคิดเช่นนั้น จึงรีบไปเฝ้าพระพุทธองค์ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทันที

พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยญาณว่า บัดนี้อินทรีย์ของสันตติมหาอำมาตย์แก่กล้าพอที่จะฟังธรรมเข้าใจแล้ว จึงตรัสโศลกธรรมความว่า

กิเลสเครื่องกังวลใด ที่เคยมีในกาลก่อน (อดีต)
เธอจึงละกิเลสเครื่องกังวลนั้นเสีย
กิเลสเครื่องกังวลอย่าได้มีแก่เธอในภายหลัง (อนาคต)
ถ้าเธอไม่ยึดมั่นในขันธ์ในท่ามกลาง (ปัจจุบัน)
จักเป็นผู้เที่ยวไปไหนได้อย่างสงบรำงับ


ความหมายของโศลกธรรมสั้นๆ นี้ ก็คือ จงอย่ายึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะขันธ์ ๕ เป็น “ภาระ” (ของหนัก) ใครยึดมั่นถือมั่นก็เรียกว่า “คนแบกของหนัก” ปลง (วาง) ของหนักเสียได้ ก็จะเป็น “เบา”

สันตติมหาอำมาตย์พิจารณาตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตทันทีที่ตรัสจบ เมื่อล่วงรู้อายุขัยของตนจักมีในวันนั้น จึงกราบทูลขอพระพุทธานุญาตปรินิพพาน

พระพุทธองค์ทรงประทานอนุญาต พร้อมตรัสสั่งให้สันตติมหาอำมาตย์คลายความสงสัยของเหล่ามิจฉาทิฐิ บุคคลที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ (ไม่เชื่อว่าสันตติมหาอำมาตย์ผู้ขี้เมาจักบรรลุพระอรหัตผลพร้อมปฏิสัมภิทา) สันตติมหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศาสดา แล้วเหาะขึ้นสู่อากาศสูงประมาณต้นตาลลงมากราบถวายบังคมอีกครั้ง ขึ้นไปนั่งในอากาศ แล้วประกาศบุพกรรม (กรรมเก่า) ของตนให้พระพุทธองค์และฝูงชนได้ทราบ

จากนั้นก็เข้าเตโชธาตุปรินิพพาน เปลวไฟลุกโพลงขึ้นเผาร่างของเขากลางอากาศนั้นแล คงเหลือแต่ธาตุเป็นสีขาวดุจดอกมะลิโปรยลงยังพื้นดิน


กรรมเก่า หมายถึง กรรมดีที่สันตติมหาอำมาตย์เล่าให้ประชาชนฟัง อันมีพระพุทธองค์ประทับเป็นประธานนั้น ก็คือในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ได้เที่ยวชักชวนให้ประชาชนทำทาน สมาทานอุโบสถศีล เป็นต้น มิได้ขาด จนพระราชาแห่งแคว้นทรงทราบ เห็นเขาเดินป่าวประกาศจึงพระราชทานรถม้าและช้างให้เป็นพาหนะสำหรับเที่ยวป่าวประกาศชักชวนผู้คนให้ทำบุญกุศล

หลังจากสันตติมหาอำมาตย์ปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลายต่างก็ “ตั้งวง” สนทนาธรรมกัน ณ อุปัฏฐานศาลา (หอฉันอันเป็นศาลาธรรมด้วย) ในเย็นวันหนึ่งว่า สันตติมหาอำมาตย์แต่งกายอย่างเลิศหรู นั่งบนคอช้างที่ประดับประดาอย่างงดงาม บรรลุธรรมทั้งๆ ที่อยู่ในเครื่องแต่งกายอันโอฬาร เราจะเรียกเขาว่าเป็น “สมณะ” หรือ “พราหมณ์” ได้ไหมหนอ

พระพุทธองค์เสด็จมา ทรงทราบเรื่องเข้าจึงตรัสว่า จะเรียกบุตรของเราว่าสมณะ (ผู้สงบ) หรือพราหมณ์ (ผู้ลอยบาปได้) ก็สมควรทั้งนั้น แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า

แม้ว่าประดับประดาอย่างดี หากประพฤติธรรมสม่ำเสมอ สงบ ฝึกฝนตนเป็นผู้เที่ยงตรงอริยมรรค มีความประพฤติประเสริฐ ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย คนเช่นนี้จะเรียกว่าเป็น “พราหมณ์” เป็น “สมณะ” หรือ “ภิกษุ” ก็ย่อมได้

พระพุทธองค์ตรัสว่า จะแต่งกายอย่างไรก็ได้ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่จิตใจ จิตใจปฏิบัติธรรมจริงหรือไม่ ถ้าฝึกฝนตนอย่างจริงจัง ดำเนินตามอริยมรรคในที่สุด ก็เข้าถึงจุดสูงสุดแห่งชีวิต คือ บรรลุพระอรหัตผลแน่นอน



:b8: :b8: :b8: คัดลอกมาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


==================

:b45: อุบาสก ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46457

:b45: พระเจ้าปเสนทิโกศล
พระมหากษัตริย์ผู้อุปถัมภ์พระศาสนา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=61924


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2018, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร