วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2015, 18:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2013, 21:44
โพสต์: 173

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s006 นอนๆอยู่ดีๆขยับตัวไม่ได้หรือที่เรียกว่าโดนผีอำ

สาเหตุหลักที่เจอเกิดจากความกลัวที่เราปะทะมากๆ กับความเครียด

ทำให้สารเคมีในสมองหลั่ง เพราะช่วงแรกๆมันเกิดจากภาวะที่เราสะสมมาบวกกับความล้าของร่างกาย
ที่ต้องต่อสู้มากๆติดต่อกัน และที่สำคัญส่วนใหญ่คนที่นอนคว่ำมักจะเป็นกันเยอะค่ะ
เพราะช่วงแรกๆเคยเป็น แต่ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่า มันคงไม่อยู่กับเราตลอดไป
หาวิธี ไม่นอนคว่ำ ไม่ดูอะไรที่ตื้นเต้นรบกวนจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอ
ถ้าเป็นให้ตั้งสติ ค่อยๆหายใจเข้าออก สติเท่านั้นที่ชนะทุกอย่าง อย่ามโนเองว่า
เกิดจากตรงนี้ ตรงนู้นตรงนั้นรึเปล่า คือใช้หลักการเหตุและผล ค่อยๆแก้ปัญหา
เพื่อนรุ่นน้องเป็นตอนกลางคืนทรมานมาก เลยแนะนำดื่มน้ำเยอะๆ(ยารักษาโรคไป)เปลี่ยนการนอนใหม่
พออีกไม่กี่วันหายเป็นปกติ เคยเป็นมีคนบอกว่าให้ช่วงเเรกอย่าดิ้นหรือขยับทั้งตัว พยายามเอานิ้วทั้ง5แตะสลับกัน เช่น พยายามให้นิ้วโป้งแตะนิ้วชี้ นิ้วกลางนิ้วนาง เพราะส่วนนั้นมีปลายประสาทอยู่
ค่อยๆขยับ ตามแต่ที่เราถนัด เดี๊ยวก็หาย cool cool

ปกติเวลานอนไขสันหลังเราจะถูกล็อคไว้ ทำให้เราขยับตัวไม่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เราขยับตัวตามความฝัน แต่ก็มีบางครั้งที่ล็อคไม่อยู่ ทำให้เราขยับตามความฝัน เรียกว่านอนละเมอ อาการผีอำก็ตรงกันข้ามคือ เราตื่นแล้วแต่ไขสันหลังยังล็อกอยู่ทำให้ขยับตัวไม่ได้

อำมีหลายแบบ ต้องสามารถนำเรื่องราวเก็บไปคิดจริงๆจนหลับๆตื่นๆ
ไม่ก็เกิดขึ้นจากการทำอะไรแล้วเกิดความกลัวจนเครียด วิธีแก้ที่ดีนะค่ะ
1.ปรับการนอนใหม่
2.เครียดให้น้อยลง
3.ก่อนนอนหาอะไรอุ่นๆดื่มซะ จะได้ผ่อนคลาย
4.สวดมนต์ก่อนนอนเพื่อให้สงบ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2015, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ประมาณว่าหยุดฟุ้งซ่าน หยุดมโน ก็จะดีขึ้นใช่มั้ยคะคุณหมอ Kiss

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2015, 20:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2013, 21:44
โพสต์: 173

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
ประมาณว่าหยุดฟุ้งซ่าน หยุดมโน ก็จะดีขึ้นใช่มั้ยคะคุณหมอ Kiss



จะบอกว่าหนู๋เป็นนะช่วงหนึ่งหายแล้ว บางทีเคยเป็นแบบไม่กล้าหลับด้วย เพราะคิดเยอะแยะหลายอย่าง
ทรมาน แล้วก็หาย พอเพื่อนเป็นก็หาวิธีให้ แล้วก็หาย จริงๆนะเพื่อนหนู๋กับคนอื่นๆบอกว่าให้เลิกคิด
หาอะไรเพลินๆทำ เช่น ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง ออกกำลังกาย แล้วก็หลับเลย^_^ s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2015, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


JIT TREE เขียน:
SOAMUSA เขียน:
ประมาณว่าหยุดฟุ้งซ่าน หยุดมโน ก็จะดีขึ้นใช่มั้ยคะคุณหมอ Kiss



จะบอกว่าหนู๋เป็นนะช่วงหนึ่งหายแล้ว บางทีเคยเป็นแบบไม่กล้าหลับด้วย เพราะคิดเยอะแยะหลายอย่าง
ทรมาน แล้วก็หาย พอเพื่อนเป็นก็หาวิธีให้ แล้วก็หาย จริงๆนะเพื่อนหนู๋กับคนอื่นๆบอกว่าให้เลิกคิด
หาอะไรเพลินๆทำ เช่น ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง ออกกำลังกาย แล้วก็หลับเลย^_^ s006 s006



ก็ขอบคุณหนูมากค่ะที่มาทำกระทู้อธิบายให้เข้าใจ
ก็เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปค่ะ.

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2015, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


JIT TREE เขียน:
.....

อำมีหลายแบบ ต้องสามารถนำเรื่องราวเก็บไปคิดจริงๆจนหลับๆตื่นๆ
ไม่ก็เกิดขึ้นจากการทำอะไรแล้วเกิดความกลัวจนเครียด วิธีแก้ที่ดีนะค่ะ
1.ปรับการนอนใหม่
2.เครียดให้น้อยลง
3.ก่อนนอนหาอะไรอุ่นๆดื่มซะ จะได้ผ่อนคลาย
4.สวดมนต์ก่อนนอนเพื่อให้สงบ :b8: :b8: :b8:


การอำมีหลายแบบ...และก็น่าจะหลายสาเหตุ..ด้วยนะครับ
แต่ไม่พ้นไปจาก..ร่างกายนี้...แหละ
ร่างกายที่ประกอบด้วย..กายและใจ..รูปกับนาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


หากมีโยนิโสมนสิการดี หมั่นมีเมตตาอยู่เสมอ มีสติมีการฝึกอบรมจิตมาดีแล้ว
เห็นอะไรก็จะคิดไปในแง่บวกว่า

ควรหรือไม่ที่จะให้ความรู้ผู้อื่นในอีกแนวทางไว้ด้วย
เพราะทุกคนนั้นใช่ว่าเจอเหตุการณ์ผีอำ จะต้องมีเหตุมาจากผีมาจากวิญญาณเสมอไป
แน่นอนว่าท่านควรพิสูจน์ด้วยตนเองด้วยการมีสติ และแก้ไขร่างกายและจิตใจก่อน
ตามคำแนะนำของกระทู้นี้ค่ะ ซึ่งเธอเป็นสาวน้อยแสนสวยอายุ20กว่าๆเท่านั้น
และเธอก็เรียนมาทางด้านรักษาคนป่วย

หรือแม้แต่พบเจอผีจริง. หากร่างกายและจิตใจของท่านแข็งแรงด้วยการดูแลดีแล้วตามคำแนะนำ และท่าน
หมั่นฝึกสติอบรมจิตด้วยดี มีเมตตา แผ่ส่วนบุญ ท่านก็อาจจะมีความสุขขึ้น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข

หากเป็นผู้ที่อบรมตนดีแล้ว ก็จะมีการโยนิโสมนสิการเกิดขึ้นในจิตมาก พบเจอสิ่งใดก็จะคิดบวก
และร่วมกันสร้างสรรประโยชน์ให้ความรู้แก่ผู้อื่นในอีกแง่มุมอื่นบ้างค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 11:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อำมีหลายแบบ ต้องสามารถนำเรื่องราวเก็บไปคิดจริงๆจนหลับๆตื่นๆ 
ไม่ก็เกิดขึ้นจากการทำอะไรแล้วเกิดความกลัวจนเครียด


:b1: ตรงนี้ทำให้เกิดความเข้าใจดีค่ะคุณJittee เพราะเคยเป็นบ่อยๆมาก มันมีเป็นระดับด้วย :b5:


:b53: มักจะเกิดขึ้นตอนฝัน..ต่อเนื่อง..แล้วเริ่มรู้สึกตัว..เหมือนตื่นแล้วจริงๆ..แต่ขยับตัวไม่ได้..ด้วยความกลัว..
ก็จะปรุงแต่ง..แล้วดิ้นรน..อยากหลุดพ้น
ซึ่งวิธีก็จะเป็นไปตามความสามารถของแต่ละคน..แต่สุดท้ายแล้วเมื่อไม่ว่าจะทำวิธีไหน..ก็ยังทุกข์..
ยังสานต่อทุกข์..ก็จะเข้าใจเอง

:b53: ดีขึ้นมาหน่อย มักจะเกิดเวลาเหมือนใกล้จะหลับ เคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น
(เวลาอยู่คนเดียวไอเดียต้องหลับไปพร้อมความกลัว)
แต่เริ่มจะจับอาการนั้นทัน..ก็จะรีบ..ขยับตัว ตรงนี้ความปรุงแต่งเห็นสิ่งนั่นนี่เริ่มน้อยลง คือเริ่มสนใจที่พยายามขยับตัว
ที่ค่อนข้างใช้พลัง :b5: :b5: :b9:
แต่พอดิ้นหลุด..ความงัวเงีย ก็จะทำให้เคลิ้มต่อ..ก็เอาอีก..คือถ้าหลุด..แล้วพลิกตัว..บางทีก็จะหายไป..แค่บางที
..ส่วนมากเป็นต่อได้เป็นสิบๆรอบ..จนเหนื่อย..แต่ก็แปลกเอาเข้าจริงๆสุดท้ายก็หลับต่อไปได้ :b12:

:b53: ดีขึ้นมาอีก..เมื่อจับตรงต้นอาการ อาจจะชา,หรือเริ่มหนัก คนที่เคยเป็นบ่อยๆน่าจะรู้
คือมาปุ๊บ..ก็จะขยับตัว..สัมผัสจะเหมือนมันหนืดๆ นิดหนึ่ง ยางเหนียวๆเริ่มคลาย ก็จะลุกเลย
ผ่อนคลายด้วยกิริยาอื่นๆ..แล้วค่อยกลับมานอนต่อ

:b55:นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ไอเดียก็เชื่อว่า..บางทีเหมือน..มีอะไรเร้นลับแอบแฝงจริงๆ
ด้วยเคยมีเวรกรรมร่วมกันมา..และหากเราเป็นเหมือนเครื่องรับการสื่อสารใดๆได้..ก็ควรจะหาวิธีปิด
เพราะ..ก็จะมีอะไรๆ..สื่อมาหาอยู่เรื่อยๆ..จะทำให้เกิดความไม่สงบ..
เพราะ..เคยสร้างเวรกรรมมาเยอะเหลือเกิน
ทำความสงบให้เกิดขึ้น..เร่งสร้างบุญบารมี..อุทิศส่วนกุศล..ให้เขาไปจะดีกว่า..จะได้จบๆกันไป

แค่ความเห็นหนึ่งนะคะ :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
อำมีหลายแบบ ต้องสามารถนำเรื่องราวเก็บไปคิดจริงๆจนหลับๆตื่นๆ 
ไม่ก็เกิดขึ้นจากการทำอะไรแล้วเกิดความกลัวจนเครียด


:b1: ตรงนี้ทำให้เกิดความเข้าใจดีค่ะคุณJittee เพราะเคยเป็นบ่อยๆมาก มันมีเป็นระดับด้วย :b5:


:b53: มักจะเกิดขึ้นตอนฝัน..ต่อเนื่อง..แล้วเริ่มรู้สึกตัว..เหมือนตื่นแล้วจริงๆ..แต่ขยับตัวไม่ได้..ด้วยความกลัว..
ก็จะปรุงแต่ง..แล้วดิ้นรน..อยากหลุดพ้น
ซึ่งวิธีก็จะเป็นไปตามความสามารถของแต่ละคน..แต่สุดท้ายแล้วเมื่อไม่ว่าจะทำวิธีไหน..ก็ยังทุกข์..
ยังสานต่อทุกข์..ก็จะเข้าใจเอง

:b53: ดีขึ้นมาหน่อย มักจะเกิดเวลาเหมือนใกล้จะหลับ เคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น
(เวลาอยู่คนเดียวไอเดียต้องหลับไปพร้อมความกลัว)
แต่เริ่มจะจับอาการนั้นทัน..ก็จะรีบ..ขยับตัว ตรงนี้ความปรุงแต่งเห็นสิ่งนั่นนี่เริ่มน้อยลง คือเริ่มสนใจที่พยายามขยับตัว
ที่ค่อนข้างใช้พลัง :b5: :b5: :b9:
แต่พอดิ้นหลุด..ความงัวเงีย ก็จะทำให้เคลิ้มต่อ..ก็เอาอีก..คือถ้าหลุด..แล้วพลิกตัว..บางทีก็จะหายไป..แค่บางที
..ส่วนมากเป็นต่อได้เป็นสิบๆรอบ..จนเหนื่อย..แต่ก็แปลกเอาเข้าจริงๆสุดท้ายก็หลับต่อไปได้ :b12:

:b53: ดีขึ้นมาอีก..เมื่อจับตรงต้นอาการ อาจจะชา,หรือเริ่มหนัก คนที่เคยเป็นบ่อยๆน่าจะรู้
คือมาปุ๊บ..ก็จะขยับตัว..สัมผัสจะเหมือนมันหนืดๆ นิดหนึ่ง ยางเหนียวๆเริ่มคลาย ก็จะลุกเลย
ผ่อนคลายด้วยกิริยาอื่นๆ..แล้วค่อยกลับมานอนต่อ

:b55:นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ไอเดียก็เชื่อว่า..บางทีเหมือน..มีอะไรเร้นลับแอบแฝงจริงๆ
ด้วยเคยมีเวรกรรมร่วมกันมา..และหากเราเป็นเหมือนเครื่องรับการสื่อสารใดๆได้..ก็ควรจะหาวิธีปิด
เพราะ..ก็จะมีอะไรๆ..สื่อมาหาอยู่เรื่อยๆ..จะทำให้เกิดความไม่สงบ..
เพราะ..เคยสร้างเวรกรรมมาเยอะเหลือเกิน
ทำความสงบให้เกิดขึ้น..เร่งสร้างบุญบารมี..อุทิศส่วนกุศล..ให้เขาไปจะดีกว่า..จะได้จบๆกันไป

แค่ความเห็นหนึ่งนะคะ :b29:

อาการเหมือนกันเลยค่ะคุนไอเดีย เพียงแค่ต่างกรรมต่างวาระ สงสัยเราสองคนจะบุญเยอะ :b32: เลยมีพลังบางอย่างมาสอนสั่งให้เพียรสร้างบารมี..(อย่างคุนน้องจะโดนสอนสั่งแนวฮาร์ดคอ อะไรที่ชอบทำเป็นสันดาน อนุสัย มันย้อนกลับมาหาเราเพื่อเอาคืน) นักภาวนาทีศีลครบ คุนน้องว่าต้องเจอทุกคน
จะเจอมากเจอน้อยแค่นั้นแล้วแต่เหตุใครเหตุมัน แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกะเรา มันก็เป็นไปเพื่อปล่อยวางหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ แต่เราจะมีปัญญาออกจากทุกข์ได้ไหม ก็อีกเรื่อง แล้วแปลกเราจะเจอตอนที่เราเผลอ เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นไม่คาดฝันมาก่อนและมันจะมาเตือนเสมอเวลา เราเผลอเราหลงลืมมัน มันก็มาเยือนอีก นั่นคือทุกข์ แล้วเรารับสภาวะทุกข์ได้ไหม ยอมรับความตายได้ไหม ถ้าเราเกิดเป็นอีกแน่นอนตอนมีสติเราบอกตนว่า เรารับมือกับความตายได้ แต่พอเค้ามาทดสอบก็เป็นแบบกระทู้ทำสมาธิผีอำ ของคุนน้องนั่นแหละ

ถ้าอดีตชาติเคยอธิษฐานปราถนาพุทธภูมิ มีของเก่าที่เคยทำในอดีตชาติ ชาติปัจจุบัณเมื่อเราได้ปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน ทั้งเจ้ากรรมนายเวร
ไหนจะพยามารขัดขวางสู้กะมารในใจตน แล้วค่อยเจอกัลยามิตรที่มีวาสนาต่อกัน :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 20:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
หากมีโยนิโสมนสิการดี หมั่นมีเมตตาอยู่เสมอ มีสติมีการฝึกอบรมจิตมาดีแล้ว
เห็นอะไรก็จะคิดไปในแง่บวกว่า

ควรหรือไม่ที่จะให้ความรู้ผู้อื่นในอีกแนวทางไว้ด้วย
เพราะทุกคนนั้นใช่ว่าเจอเหตุการณ์ผีอำ จะต้องมีเหตุมาจากผีมาจากวิญญาณเสมอไปแน่นอนว่าท่านควรพิสูจน์ด้วยตนเองด้วยการมีสติ และแก้ไขร่างกายและจิตใจก่อน
ตามคำแนะนำของกระทู้นี้ค่ะ ซึ่งเธอเป็นสาวน้อยแสนสวยอายุ20กว่าๆเท่านั้น
และเธอก็เรียนมาทางด้านรักษาคนป่วย

.....


เห็นด้วยครับ....ว่า..ไม่ใช่เรื่องของผี..เสมอไป
ส่วนมาก...เกิดจากร่างกายเรานี้แหละ...แต่..ร่างกายนี้ก็ประกอบด้วย...กายและใจ
อันนี้ของผมนะ...คร่าวๆ ที่เกิดจากผี..มีไม่ถึง 10 %
จากสิ่งภายนอกซึ่งเป็นอะไรไม่รู้ สัก 60 %
ร่างกายอ่อนเพลีย 30 %


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบัน....หายไปเกือบหมดแล้ว...ครั้งสุดท้าย...ที่โดนอำ..ต้องย้อนไปเมื่อ 2 ปีกว่ามาแล้ว...ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว...ทำงานหนักและเหนื่อยกว่าสมัยก่อนๆเยอะ

แต่ที่...ปัจจุบัน...มีดีกว่าแต่ก่อน..คือ...จิตใจ...ครับ...คือ...ตั้งแต่มารักษาศีล...ทำบุญทำทาน...ศึกษาปฏิบัติธรรมนี้แหละ...รู้สึกได้เลยว่าคุณภาพจิตใจดีกว่าแต่ก่อนเยอะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


JIT TREE เขียน:
ปกติเวลานอนไขสันหลังเราจะถูกล็อคไว้ ทำให้เราขยับตัวไม่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เราขยับตัวตามความฝัน แต่ก็มีบางครั้งที่ล็อคไม่อยู่ ทำให้เราขยับตามความฝัน เรียกว่านอนละเมอ อาการผีอำก็ตรงกันข้ามคือ เราตื่นแล้วแต่ไขสันหลังยังล็อกอยู่ทำให้ขยับตัวไม่ได้

:


ตอนเด็กๆ..ผมสังเกตุอยู่หลายๆครั้ง...และตั้งข้อสัณนิฐานส่วนตัวว่า..เกิดจากเราตื่น..แต่ร่างกายไม่ตื่น

อาการนี้...จะเป็นหลังจากเราหลับไปแล้ว..แล้วมาตื่นขึ้นกลางคัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องจะอุปมาให้ฟัง เหมือนอินู๋คนนึง เทอปวดท้องอย่างรุนแรง จนวินิจฉัยหาสาเหตุ จนทราบแน่ชัดว่า ที่แท้เป็นโรคกระเพราะ ไม่มีอะไร แล้วก็ให้คำแนะนำว่า กินข้าวให้ตรงเวลา บลาๆ
บังเอิญ อีกเคสร่ำร้องว่า ปวดท้อง แถมอธิบายอาการอย่างละเอียด แต่อนิจจา ด้วยความไม่รู้ของเทอ เพราะขาดประสบการณ์ อ่อนต่อโรค :b32:
เทอก็มาแนะนำว่า ปวดท้องโรคกระเพาะนะจ้ะ ต้อง บลาๆๆ.. ทั้งที่เคสนี้ เค้าอาจจะปวดท้องเป็นไส้ติ่ง (ใกล้แตกตาย)หรืออาจจะปวดท้องมะเร็ง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ แบบว่านู๋ไม่รู้ นู๋เป็นแบบนี้ นู๋ก็แนะนำอย่างนี้
เกิดเหตุการจริงกะคนไข้ สงสารพวกปวดท้องไส้ติ่ง กับมะเร็ง อันนี้เปรียบเทียบ
ผีอำก็เหมือนกัน สาเหตุมันครอบจักรวาล คนไม่รู้อธิบายไม่ได้ แต่อธิบายในหลักวิทยาศาสตร์
ที่ปุถุชนเป็นกัน
ซึ่งดันไม่ยอมอธิบายสาเหตุของนักภาวนา
ที่เขาทำความเพียร เพื่อให้เห็นรูปนาม กายใจตน
เพื่อให้รู้คำสอนในพระไตรปิฎก เรื่อง ภพภูมิ มีจริงไม่จริง มันก็ต้องพิสูจน์ใช่ป่ะ แต่ด้วยความไม่รู้ใครเป็นอะไร ก็เหมาว่ามีสาเหตุเดียวใช้ไม่ได้นะ
นักภาวนาเค้าเจอ ทั้งกฏแห่งกรรม เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด เขาโดนสารพัด จนกลัวไม่กล้าทำบาป รีบทำความเพียร ถึงได้บอก เหตุของใครก็เหตุชองคนนั้น ตนเองปวดท้องโรคกระเพาะ แล้วไปฟันธงว่า คนอื่นเขาก็ปวดท้องเป็นโรคแบบตนเอง มันไม่ได้หรอกนะ มันผิดหลัก!
เข้าใจไว้ด้วย :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2015, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องจะอุปมาให้ฟัง เหมือนอินู๋คนนึง เทอปวดท้องอย่างรุนแรง จนวินิจฉัยหาสาเหตุ จนทราบแน่ชัดว่า ที่แท้เป็นโรคกระเพราะ ไม่มีอะไร แล้วก็ให้คำแนะนำว่า กินข้าวให้ตรงเวลา บลาๆ
บังเอิญ อีกเคสร่ำร้องว่า ปวดท้อง แถมอธิบายอาการอย่างละเอียด แต่อนิจจา ด้วยความไม่รู้ของเทอ เพราะขาดประสบการณ์ อ่อนต่อโรค :b32:
เทอก็มาแนะนำว่า ปวดท้องโรคกระเพาะนะจ้ะ ต้อง บลาๆๆ.. ทั้งที่เคสนี้ เค้าอาจจะปวดท้องเป็นไส้ติ่ง (ใกล้แตกตาย)หรืออาจจะปวดท้องมะเร็ง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ แบบว่านู๋ไม่รู้ นู๋เป็นแบบนี้ นู๋ก็แนะนำอย่างนี้
เกิดเหตุการจริงกะคนไข้ สงสารพวกปวดท้องไส้ติ่ง กับมะเร็ง อันนี้เปรียบเทียบ
ผีอำก็เหมือนกัน สาเหตุมันครอบจักรวาล คนไม่รู้อธิบายไม่ได้ แต่อธิบายในหลักวิทยาศาสตร์
ที่ปุถุชนเป็นกัน
ซึ่งดันไม่ยอมอธิบายสาเหตุของนักภาวนา
ที่เขาทำความเพียร เพื่อให้เห็นรูปนาม กายใจตน
เพื่อให้รู้คำสอนในพระไตรปิฎก เรื่อง ภพภูมิ มีจริงไม่จริง มันก็ต้องพิสูจน์ใช่ป่ะ แต่ด้วยความไม่รู้ใครเป็นอะไร ก็เหมาว่ามีสาเหตุเดียวใช้ไม่ได้นะ
นักภาวนาเค้าเจอ ทั้งกฏแห่งกรรม เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด เขาโดนสารพัด จนกลัวไม่กล้าทำบาป รีบทำความเพียร ถึงได้บอก เหตุของใครก็เหตุชองคนนั้น ตนเองปวดท้องโรคกระเพาะ แล้วไปฟันธงว่า คนอื่นเขาก็ปวดท้องเป็นโรคแบบตนเอง มันไม่ได้หรอกนะ มันผิดหลัก!
เข้าใจไว้ด้วย :b6:



พยายามอ่านเนื้อหาที่เจ้าของกระทู้เธออธิบายนะคะว่า เธออธิบายในแนวสุขภาพ

ถ้าจะต้องเหมารวมหมด งั้นเวลาคนเรียนหมอ ก็ต้องเรียนวิชาหมอผี ควบคู่กันไปด้วยแล้วค่ะ

จะทำเนื้อหารวม. หรือฉีกแยกไปแนวไหนก็แล้วแต่ความสามารถและความต้องการทำในแต่ละบุคคล
ที่ตรงนี้ให้อิสระภายใต้กฏของเวป จะแสดงแนวความคิดการสนทนาแนวไหนเชิญค่ะ
ต้องรู้จักชื่นชมความคิดสร้างสรรของสมาชิกท่านอื่นด้วย มองให้เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่ผู้อื่นทำบ้าง
ไม่มุ่งแต่สิ่งที่ตนคิดและทำเท่านั้นค่ะ

ในห้องสนทนานี้มีการทำกระทู้ในเรื่องซ้ำๆ กันมากมาย. ซึ่งก็เป็นผลดีต่อผู้ติดตามอ่าน
และก็ให้ข้อคิดและสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมือนกันบ้าง บางท่านก็ให้แง่คิดและความรู้เพิ่มเติมกันอีกด้วย
อะไรที่เอื้อเฟื้อประโยชน์ต่อกันในสังคมชาวพุทธ ควรจะสนับสนุนกันค่ะ

จิตต้องอยู่เหนืออารมณ์นะคะ อยู่ในสังคมควรรู้จักควบคุมอารมณ์และวาจาค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2015, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


มาวิเคราะห์จิต ที่เราจะมักจะเรียกกันว่าผีอำ และก็เชื่อว่าเคยได้สัมผัสกันมาแล้วทุกคน
ดังนั้นทำให้นึกถึงวิถีจิตที่เรียกว่าโมฆะวาระ จึงยกภาพวิถีจิตโมฆะวาระมาแสดงให้ดู
สำหรับผู้ที่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรมเรื่องวิถีจิต คือ วิถีที่มี อารมณ์สั้นที่สุด มี ๖ นัย คือ

๑) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ. ภ. ภ.
๒) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ. ภ.
๓) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ.
๔) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ.
๕) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. ภ. ภ.
๖) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น.

โมฆะวาระ เพราะอารมณ์นี้ไม่มีวิถีจิตเกิดได้เลยทั้ง ๖ นัย คือไม่ได้รับอารมณ์ใหม่เลย
ก็หมายถึงจึงจิตจะพยายามขึ้นมารับรู้ทางทวาร แต่สุดท้ายก็ตกภวังค์เสียก่อนคือมารับอารมณ์ไม่ได้
คือไมสิ้นสุดวิถีที่เรียกว่าโมฆะวาระนั้นเอง แต่ก็ยังจะพยายามจะขึ้นมาใหม่แต่ก็ไม่สิ้นสุดวิถีอีก
และก็ยังจะพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อจะให้สุดวิถี จึงทำอึดอัดจะขยับกายก็ไม่ได้เพราะมัน
ไม่สิ้นสุดทางทวารกาย ก็ทำให้นึกถึงคนที่เป็นอัมพฤกอัมพาต ที่ขยับกายไม่ได้มันจึงอึดอัด
แต่ก็ยังจะมีความพยายามที่จะขยับให้ได้อยู่นั่นเอง

ต้องขออภัยสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษาเรื่องวิถีจิตมา ณ ที่ด้วย
แต่อยากคุยกับคนที่ศึกษาวิถีจิตมาว่า มันจะเป็นไปได้ไหมว่าในเรื่องผีอำกับวิถีจิตนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2015, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
มาวิเคราะห์จิต ที่เราจะมักจะเรียกกันว่าผีอำ และก็เชื่อว่าเคยได้สัมผัสกันมาแล้วทุกคน
ดังนั้นทำให้นึกถึงวิถีจิตที่เรียกว่าโมฆะวาระ จึงยกภาพวิถีจิตโมฆะวาระมาแสดงให้ดู
สำหรับผู้ที่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรมเรื่องวิถีจิต คือ วิถีที่มี อารมณ์สั้นที่สุด มี ๖ นัย คือ

๑) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ. ภ. ภ.
๒) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ. ภ.
๓) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ. ภ.
๔) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น. ภ. ภ.
๕) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. ภ. ภ.
๖) ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. ตี. น. น.

โมฆะวาระ เพราะอารมณ์นี้ไม่มีวิถีจิตเกิดได้เลยทั้ง ๖ นัย คือไม่ได้รับอารมณ์ใหม่เลย
ก็หมายถึงจึงจิตจะพยายามขึ้นมารับรู้ทางทวาร แต่สุดท้ายก็ตกภวังค์เสียก่อนคือมารับอารมณ์ไม่ได้
คือไมสิ้นสุดวิถีที่เรียกว่าโมฆะวาระนั้นเอง แต่ก็ยังจะพยายามจะขึ้นมาใหม่แต่ก็ไม่สิ้นสุดวิถีอีก
และก็ยังจะพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อจะให้สุดวิถี จึงทำอึดอัดจะขยับกายก็ไม่ได้เพราะมัน
ไม่สิ้นสุดทางทวารกาย ก็ทำให้นึกถึงคนที่เป็นอัมพฤกอัมพาต ที่ขยับกายไม่ได้มันจึงอึดอัด
แต่ก็ยังจะมีความพยายามที่จะขยับให้ได้อยู่นั่นเอง

ต้องขออภัยสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษาเรื่องวิถีจิตมา ณ ที่ด้วย
แต่อยากคุยกับคนที่ศึกษาวิถีจิตมาว่า มันจะเป็นไปได้ไหมว่าในเรื่องผีอำกับวิถีจิตนี้


หนูว่าคนที่เป็นอัมพาตลืมตาและกระพริบตาได้ มีโผฏฐัพพารมณ์ได้บ้างบางส่วนค่ะ
ขยับตัวไม่ได้งานนี้เป็นเพราะปถวีธาตุมีมากจนวาโยธาตุไม่สามารถทำหน้าที่ได้ค่ะ

ถ้าคนที่โดนผีอำ แล้วลืมตาได้ก็มีกายวิญญาณวิถี. ขณะนั้นรู้ร้อนรู้หนาว ก็ขึ้นวิถีค่ะ
กายปสาทมีพื้นที่มาก. ดังนั้นอาจจะได้บ้างบางส่วนค่ะ
แต่ถ้าลืมตาไม่ได้. ขยับไม่ได้นี้. การขยับนี้เป็นกายวิญญัติรูปซึ่งต้องเกิดขึ้นได้ตรงชวนะในวิถีจิตค่ะ
ถ้าจิตไม่ขึ้นวิถี ชวนะไม่มี. กายวิญญัติ. วจีวิญญัติ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ค่ะ ก็คงได้แต่มโนทวารวิถีค่ะ

อาจจะตอบไม่ชัดเจนนักเพราะเรียนผ่านมาปีๆแล้ว. ลุงอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่ผิดหรือถูก
และอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ

:b8: ขอบพระคุณค่ะลุงที่ให้ความรู้แก่หนู

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร