วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




BsA96dmCUAAK7in.jpg
BsA96dmCUAAK7in.jpg [ 73.83 KiB | เปิดดู 2524 ครั้ง ]
เรื่องน้องแก้มเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันมากอยู่ในขณะนี้
ถ้าเรามองตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์
น้องแก้มนั้นเป็นผู้รับผลของกรรมที่เคยกระทำเอาไว้มาในอดีต
เป็นอันว่าน้องแก้มได้ใช้ผลของกรรมที่ก่อเอาไว้แล้ว
ผลของกรรมนั้นก็เป็นอันสิ้นสุดลง ตามกฎเกณท์ของกรรมที่เป็นผู้ตัดสิน
ผลจะไม่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญหรือเกิดขึ้นมาลอยๆ โดยไม่ได้อาศัยเหตุนั้นไม่มี

ส่วนเจ้าเกมนั้นได้สร้างเหตุใหม่ หมายถึงก่อกรรมใหม่และต้องรอชดใช้กรรม
ต่อไปในอนาคต รอเวลาปัจจัยจะส่งผลเมื่อไหร่เท่านั้น อาจจะในชาตินี้ หรือในชาติต่อไปก็เป็นได้
หรือเจ้าเกมอาจจะต้องโทษประหารชีวิตในชาตินี้ โดยอาศัยสร้างเหตุในชาตินี้เพื่อเป็นปัจจัยให้เกิดผล
ของกรรมเก่าที่ทำมาแล้วในอดีตก็ได้

ทั้งสองคนนี้ถ้าถามว่าใครเลวกว่ากันก็ต้องตอบว่าเลวด้วยกันทั้งคู่
เพียงแต่ว่าน้องแก้มได้สร้างกรรมเอาไว้ไม่มีคนเห็น ฉะนั้นเราจึงต้องอาศัยผลของกรรมอันนั้น
มองไปหาอดีต พระองค์ทรงสอนว่า ผลย่อมเกิดมาจากเหตุ เหตุเช่นไรผลก็ย่อมเป็นช่นนั้น
เข้าหลักที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ทั้งสองคนนี้ถ้าถามว่าใครที่น่าสงสารกว่ากัน ต้องขอตอบว่าเจ้าเกมนั่นแหละ
เป็นคนที่น่าสงสารเพราะเขาได้สร้างกรรมชั่วเอาไว้ ส่วนน้องแก้มเราควรจะดีใจว่าเขา
ได้ใช้กรรมของเขาแล้ว เมื่อเป็นดังนี้น้องแก้มย่อมจะได้ไปเกิดในที่สุคติเป็นที่หวังได้

ที่วิจารณ์มานี้เป็นไปตามหลักธรรม ก็ย่อมสวนกับกระแสของโลก
ก็ขอให้ดูบทนี้ ในบทสวดมนต์อภิณหปัจเวกขณ์ ตัดมาบางตอน

กัมมัสสะโกมหิ, เรามีกรรมเป็นของๆ ตน
กัมมะทายาโท, เราเป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ, เรามีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ, เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
กัมมะปะฏิสะระโณ, เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสามิ, เราจักทำกรรมอันใดไว้
กัลป์ยาณัง วา ปาปะกัง วา, ดีหรือชั่วก็ตาม
ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามี, เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นไป
เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง. เราทั้งหลายพึงพิจารณาอย่างนี้ทุกวันๆ เทอญ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 21:08 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุค่ะลุงหมาน...และขอให้น้องแก้มมีสุขคติเป็นที่หมายค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2014, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_34167711639235.jpeg
IMG_34167711639235.jpeg [ 96.97 KiB | เปิดดู 2392 ครั้ง ]
เมื่อเหตุมี ผลก็ต้องมี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2014, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันลุงหมาน อย่างเรื่องของคุณน้อง คุนน้องแทบไม่อยากจะเชื่อเลย มันยิ่งกว่าละครน้ำเน่า คุนน้องคิดว่าคุนน้องขึ้นไปอยู่บนที่สูงแล้ว ศีลคุนน้องก็ไม่มีด่างพร้อย ได้แต่มองดูคนอื่นแล้วนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ(งงแปลว่าไงมะรู้ :b32: ) และอะไรก็ไม่สามารถดึงคุนน้องลงที่ต่ำได้ แต่พอเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับตนเอง คุนน้องอยากจะวิ่งหนีด้วยความกลัว เหมือนวัวที่เห็นเสือกำลังจะตะคุบเราอยู่ตลอดเวลา cry คุนน้องรู้เลยว่าวิบากคุนน้องยังไม่หมดในเรื่องกามเม cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2014, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องวิบากกรรมส่งผล
ผู้ที่กระทำกรรมอันใดไว้ไม่ว่าดีหรือหรือชั่วต้องได้รับผลทั้งสิ้น
และก็จะหาที่ยืนสักนิดหนึ่งที่พ้นจากกรรมเหล่านี้ไม่มีเลย การทำเหตุนั้น
ก็เหมือนเราเอาเมล็ดพืชมาปลูก ปลูกพืชเช่นใดก็จะได้ผลของพืชเช่นนั้น

ส่วนที่งอกออกมาเป็นลำต้นนั่นแหละคือวิบาก ส่วนการให้ผลพืชนั้นก็ต้องอาศัยปัจจัย
มีดิน น้ำ อากาศ แสงสว่าง ที่เหมาะสม ดังนั้นกรรมก็เช่นเดียวกัน จะช้าหรือเร็วนั้นอยู่ที่ปัจจัย
ในการให้ผลของกรรม เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะให้ผลทันที

ทุกวันนี้เราอาจจะไม่ได้เคยสังเกตุว่า เรานั้นเป็นผู้ที่เกิดมารับผลของกรรมทั้งสิ้น
และก็ได้ทำกรรมใหม่อีกโดยที่จะไม่มีว่างเว้นเลย เช่น ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส
ได้สัมผัส ล้วนแล้วเป็นผลกรรมมาจากผลของกรรมที่เราเคยทำมาแล้วทั้งสิ้น
ที่มีทั้งดีและไม่ดี และการเห็น การได้ยิน เหล่านี้เป็นต้น

เราไม่เข้าใจไม่มีการโยนิโสมสิการ ก็จะเป็นการกระทำเหตุของกรรมใหม่อีก เช่น เวลาเราเห็นไม่ดี
เราก็จะบ่น จะว่า จะด่า ว่าใครชอบทำเลอะเปอะเปื้อน เวลาเราได้ยินเสียงวิทยุดังเกินไป เราก็จะบ่นจะว่า
รำคาญจริง เหล่านี้เป็นต้น หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พอใจบ้างไม่พอใจบ้างล้วนแล้วก็เป็นวิบากของเราเองทั้งสิ้น

แม้พระมหาโมคคัลลานะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วมีฤทธิมากมาย
แต่ก็ยังถูกโจรทุบจนร่างกายแหลกเหลว เพราะเศษกรรมที่หลงเหลืออยู่
ในชาติก่อนเคยทุบตีพ่อแม่ไว้

พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นลูกเศรษฐี
บิดาของพระองค์มีภรรยาหลายคน ภรรยาคนหนึ่งมีลูกชาย พระองค์เกรงว่าทรัพยสมบัติ
ส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไปให้แก่น้องชายต่างมารดานั้นจึงลวงน้องชายไปฆ่าที่ซอกเขา
แล้วเอาหินทับไว้ ตายจากชาตินั้นบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิอยู่ในนรกนานปี
เกิดมาในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผล
ให้พระองค์ถูกพระเทวทัตกลิ้งหินกระทบนิ้ พระบาทจนห้อพระโลหิต

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร