วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2014, 22:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บาป..กับ..อกุศล..เหมือนกันอยู่อย่างคือ..มีผลเป็นทุกข์...
ถ้าคุณwakeup...พูดความจริงแต่พูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ..หรือพูดขวานผ่าซาก....ทำให้ผู้ฟังจิตใจหม่นหมองรู้สึกเป็นทุกข์...
อย่างนี้...การกระทำของคุณwakeup เป็นบาป...เป็นอกุศล...มั้ยครับ??

จะหาเรื่องมั่วไปนอกเรื่องหรือเปล่าเนี๊ย!?

กำลังตะล่อมเข้าจุดต่างหาก

wakeup เขียน:
.. สรุปนะว่าจะอ้างแค่ว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ แล้วบอกว่ากินเนื้อไม่บาปนั้นผิดนะ
ชีวกสูตร พระพุทธเจ้าท่านสอนพระ ซึ่งพระท่านบิณฑบาตมีคนถวายให้เอง และเมื่อ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ก็ไม่บาป ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ก็ขนาดพระถือ227 ยังไม่บาป...เนื่องเพราะ...ไม่เห็น...ไม่ได้ยิน...ไม่ได้สั่ง
แล้วฆราวาสถือแค่ศีล5..จะบาป...เพราะแค่สิ่งที่กินเป็นเนื้อ..ได้อย่างไร...เห็นก็ไม่เห็น...ยินก็ไม่ได้ยิน...สั่งจะเอาตัวนั้นตัวนี้รึก็เปล่า....แล้วจะบาปไปได้อย่างไร....ผิดศีลผิดข้อห้ามผิดกฎหมาย..สำหรับฆราวาสตรงไหนครับ

wakeup เขียน:
ไม่ต้องขอบคุณผมก็ได้ครับที่ช่วยทำให้หลายๆคนมากๆชาวพุทธเข้าใจถูกกัน เข้าใจผิดมาเป็นกี่นานกี่ร้อยปีแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน!?
กินเนื้อสวาปามเนื้อกันอย่างไม่รู้สึกบาปกรรมอะไรกันเลย จะได้ลดลงก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ


คุณwakeupศีล5 ธรรมดา..รักษาครบยังครับ??
ช่วยตัวเองให้ได้ก่อน...ไม่งั้นจะเข้าใจผิด....คิดว่าทำถูก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2014, 22:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บาป..กับ..อกุศล..เหมือนกันอยู่อย่างคือ..มีผลเป็นทุกข์...

ถ้าคุณwakeup...พูดความจริงแต่พูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ..หรือพูดขวานผ่าซาก....ทำให้ผู้ฟังจิตใจหม่นหมองรู้สึกเป็นทุกข์...

อย่างนี้...การกระทำของคุณwakeup เป็นบาป...เป็นอกุศล...มั้ยครับ??

ทำไมคุนน้องไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านwakeup พูดนั้น เป็นมะนาวไม่มีน้ำหรือพูดเป็นขวานผ่าซาก คุนน้องว่าก็เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นในเรื่อง กินเนื้อสัตว์บาปไม่บาป ส่วนคนที่อ่านก็ใช้สติ ใช้ปัญญาโยนิโสกันเอาเอง ว่าการกินของตนนั้นเป็นบาปหรือไม่ (ถ้าไม่เข้าข้างกิเลศตนเองจนเกินไป) เรื่องที่บอกว่าท่านเวคอัพเนียะพูดขวานผ่าซากหรือมะนาวไม่มีน้ำเนียะ เป็นเหตุทำให้จิตใจผู้อื่นหม่นหมองรู้สึกเป้นทุกข์เรื่องกินเนื้อสัตว์ คุนน้องว่าเค้าคนนั้นหรือใครก็ตามที่เป็นทุกข์กะอิแค่คำพูดที่มากระทบสายตา ถึงกลับเกิดความกลัวความละอายก็ควรจะกลับไปพิจารณาใหม่ว่า ผู้อื่นหรือตนเองกันแน่ที่เป็นเหตุทำให้ทุกข์ คนอื่นจะสามารถทำให้เราทุกข์ได้จริงหรือ กิเลศนี่มันเนียนนะเจ้าค่ะมันชอบโยนไปให้คนอื่นตลอด ส่วนท่านเวคอัพเค้าก็รู้ตนเองอยู่แล้วละว่า สิ่งที่ตนเองพูดหรือกระทำไป เป็นไปเพื่อกุศลหรืออกุศล ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาบอกหรอก ใครบอกก็ไม่เท่าตนเองบอก ไม่มีใครหลอกความรู้สึกที่แท้จริงตนเองได้หรอกเจ้าค่ะ


ผมไม่ได้ว่าคุณwakeup นี้ครับ....ผมถามคุณwakeup ว่า...ถ้า.....
ต่างหากครับ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2014, 22:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
มีความเข้าใจผิดที่ว่า แค่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ก็คิดว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาปแล้ว นั่นเป็นการตีความพระสูตรชีวกสูตรแบบผิดๆ
ใครจะแย้งว่าการที่ฆราวาสจ่ายตังสั่งเอาเนื้อนั่นเนื้อนี้มากิน ไม่มีส่วนในการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ไม่บาปก็เชิญแย้งได้ครับ


ถ้าคุณ wakeup มองว่า...การรับประทานเนื้อก็มีส่วนในการฆ่าสัตว์นั้นด้วย
อ้าว...แล้วพระท่านก็ฉันเนื้อเหมือนกัน...จะต่างอะไรกับฆราวาสละ..
.รึว่า..รับประทาน...กับ..การฉันของพระมันต่างกัน
:b32:
ข้อที่จะไม่ผิดของพระ..ท่านก็บัญญัติเอาใว้แล้วว่า...หากไม่เห็น..ไม่ได้ยิน...ไม่รังเกียจ.ก็ฉันได้ไม่อาบัติ

ของฆราวาส....การจะเข้าความผิดข้อปานาติบาต...ก็ต้อง..รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต...รู้ว่ามีชีวิต...จิตคิดจะฆ่า....ได้พยายามฆ่า...สัตว์นั้นตาย...อย่างนี้ผิด100%....หากพยายามฆ่าแต่ไม่ตาย...นี้ศีลทะลุ....นี้ก็เข้าขั้นผิดศีลแล้ว
..แม้จิตไม่คิดจะฆ่าแต่ว่าผลั้งเผลอทำให้สัตว์ตาย...ศีลแค่ด่างแต่ไม่เรียกว่าผิดศีล...คือศีลยังไม่งามบริบูรณ์เท่านั้น

ความจริง...คิดอย่างwakeup นี้ก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่แต่อย่างใด...เป็นความคิดเก่าแก่ อีกข้อหนึ่ง...ดีไม่ดีก็อาจมีตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาแล้วก็เป็นได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
wakeup เขียน:
มีความเข้าใจผิดที่ว่า แค่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ก็คิดว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาปแล้ว นั่นเป็นการตีความพระสูตรชีวกสูตรแบบผิดๆ
ใครจะแย้งว่าการที่ฆราวาสจ่ายตังสั่งเอาเนื้อนั่นเนื้อนี้มากิน ไม่มีส่วนในการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ไม่บาปก็เชิญแย้งได้ครับ


ถ้าคุณ wakeup มองว่า...การรับประทานเนื้อก็มีส่วนในการฆ่าสัตว์นั้นด้วย
อ้าว...แล้วพระท่านก็ฉันเนื้อเหมือนกัน...จะต่างอะไรกับฆราวาสละ..
.รึว่า..รับประทาน...กับ..การฉันของพระมันต่างกัน

ก็อ่านดีๆด้วยครับ หรือผมอาจเขียนไม่ชัดเองก็อธิบายอีกว่า
ก็พระท่านไม่ได้สั่ง พระท่านบิณฑบาต เราถวายให้ท่านกินเอง ท่านกินอะไรก็ได้อยู่แล้ว และพระท่านก็ยังสอนว่าฆ่าสัตว์เป็นบาปนะ แต่ก็ยังไปฆ่ามาให้พระท่านเอง ดังนั้นถ้าพระท่าน 1ไม่รู้ 2ไม่เห็น 3ไม่รังเกียจ พระท่านก็ไม่บาป ตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนตามชีวกสูตรนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ตีความผิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่นยกมาแค่ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รังเกียจ ยกคำสอนมาแค่บางส่วนมันอาจจะตีความผิดกันได้ เอามาใช้กับฆราวาสซึ่งมีปรกติสั่งเอาเนื้อนั่นเนื้อนี่ และจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนให้เขาด้วยที่ไปเอาเนื้อของสัตว์นั้นๆมาให้ แล้วยังว่าไม่มีส่วน ไม่ได้สนับสนุนการฆ่า ซะอีก คนเรานี่นะ!
กบนอกกะลา เขียน:
ของฆราวาส....การจะเข้าความผิดข้อปานาติบาต...ก็ต้อง..รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต...รู้ว่ามีชีวิต...จิตคิดจะฆ่า....ได้พยายามฆ่า...สัตว์นั้นตาย...อย่างนี้ผิด100%....หากพยายามฆ่าแต่ไม่ตาย...นี้ศีลทะลุ....นี้ก็เข้าขั้นผิดศีลแล้ว
..แม้จิตไม่คิดจะฆ่าแต่ว่าผลั้งเผลอทำให้สัตว์ตาย...ศีลแค่ด่างแต่ไม่เรียกว่าผิดศีล...คือศีลยังไม่งามบริบูรณ์เท่านั้น

การฆ่าสัตว์(ปานาติบาต)นั้นบาปอยู่แล้วก็คงเป็นที่เข้าใจกันทั่วๆไปเหมือนกัน แต่การเบียนเบียนสั้ตว์มันก็เป็นบาปได้เหมือนกัน แม้ว่าไม่ได้ฆ่ามัน และผลของบาปกรรมก็คงต่างกันอยู่แล้ว ฆ่ามันเลยก็ต้องบาปหนักกว่า
ลองพิจารณาคำสอนนี้
=========================================
ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา.....น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ..... ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อย ๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.”
ธมฺมปทฏฺฐกถา ๕/๕
=========================================

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2014, 13:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาแล้ว....จากข้อปานาติบาต....ก็มาเป้นการเบียดเบียนแทน...

คุณwskeup ครับ....ขนาดไหนจึงเรียกว่าเบียดเบียน..ครับ

ไปตลาด....ซื้อปลาเค็ม
ไปตลาด...ซื้อปลาที่ตายแล้วโลหนึ่ง
ไปตลาด...สั่งปลาโลหนึ่ง...ทำให้ด้วย.(ไม่ได้ชี้ปลาตัวไหน)
ไปตลาด...สั่งปลาโลหนึ่ง...เอาตัวนี้นะ..เอาตัวนั้นนะ..มันใหญ่ดี...

และ..ทั้งหมดนี้..มีพ่อบ้านเป็นแนอยากกินปลา....พ่อบ้านจะติดร่างแหข้อการเบียดเบียนด้วยมั้ยครับคุณwakeup???

อยากให้คุณwakeupอธิบายให้ด้วยว่า...ขั้นไหนถึงเรียกเบียดเบียนแล้ว..เพราะอะไร....แล้วพ่อบ้านผิดไปด้วยมั้ย..เพราะอะไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอาแล้ว....จากข้อปานาติบาต....ก็มาเป้นการเบียดเบียนแทน...

เอาแล้วกับคุณซิ
"จากข้อปานาติบาต มาเป็นเบียดเบียน"
แล้วผมบอกว่าเป็นปานาติบาตตรงไหนหล่ะ ชี้มาให้ดูซิ ตรงไหนผมว่าเป็นปานาติบาต
พวกคุณ ใช้คำว่า "พวกคุณ" เพราะเจอมาเยอะเลย ที่ชอบโยงมาที่ปาณาติบาตตลอด เป็นผู้ที่เข้าใจผิดโยงมาเอง แล้วก็มาว่าผมซะงั้น

ก็ย้ำอีกทีเนอะ ไม่ใช่แค่ไม่ผิดศิลแล้วไม่บาป อย่างมีอย่างอีกเยอะแยะที่ทำแล้วบาป เช่นการเบียดเบียน
เช่น ทรมานสัตว์ ก็บาป สนับสนุนการฆ่าก็บาป

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... 76&Z=11364
"...สูจิโลมเปรตชาย มีขนเป็นเข็มลอยไปในเวหาส เข็มเหล่านั้นของมัน
หลุดลอยขึ้นไปแล้ว ตกลงที่กายของมันเอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ... สัตว์นั้นเคยเป็น
นายสารถีอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง"

จากอีกแหล่งขยายความว่า สารถีนี้หมายถึงสารถีขับรถม้า

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2014, 23:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอาแล้ว....จากข้อปานาติบาต....ก็มาเป้นการเบียดเบียนแทน...

คุณwskeup ครับ....ขนาดไหนจึงเรียกว่าเบียดเบียน..ครับ

ไปตลาด....ซื้อปลาเค็ม
ไปตลาด...ซื้อปลาที่ตายแล้วโลหนึ่ง
ไปตลาด...สั่งปลาโลหนึ่ง...ทำให้ด้วย.(ไม่ได้ชี้ปลาตัวไหน)
ไปตลาด...สั่งปลาโลหนึ่ง...เอาตัวนี้นะ..เอาตัวนั้นนะ..มันใหญ่ดี...

และ..ทั้งหมดนี้..มีพ่อบ้านเป็นแนอยากกินปลา....พ่อบ้านจะติดร่างแหข้อการเบียดเบียนด้วยมั้ยครับคุณwakeup???

อยากให้คุณwakeupอธิบายให้ด้วยว่า...ขั้นไหนถึงเรียกเบียดเบียนแล้ว..เพราะอะไร....แล้วพ่อบ้านผิดไปด้วยมั้ย..เพราะอะไร?


ถามคุณwakeup อยู่นะ...ตอบด้วย..จะได้ไม่พูดลอยลมไปเรื่อย

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2014, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาแล้วกับคุณซิ
"จากข้อปานาติบาต มาเป็นเบียดเบียน"
แล้วผมบอกว่าเป็นปานาติบาตตรงไหนหล่ะ ชี้มาให้ดูซิ ตรงไหนผมว่าเป็นปานาติบาต
พวกคุณ ใช้คำว่า "พวกคุณ" เพราะเจอมาเยอะเลย ที่ชอบโยงมาที่ปาณาติบาตตลอด เป็นผู้ที่เข้าใจผิดโยงมาเอง แล้วก็มาว่าผมซะงั้น

ขนาดไหนจึงเรียกว่าเบียดเบียนน่ะเหรอ

แล้วพระพุทธเจ้าสอนว่าไง ก็ตามนั้นครับ

ที่นี่ใช้เหตุผลเยอะๆครับ ไม่อยากตอบเยอะเดี๋ยวก็ลบผมซะเฉยๆอีก

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2014, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


เรากินอาหารค่ะ และมีสติในการกินอาหารด้วย

ถ้าเรายังเกิดอยู่ก็ต้องกินอาหาร สังขารโลกสิบนั้น สังขารโลกหนึ่ง คือ สัตว์ต้องกินอาหาร
ถึงแม้ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ยังกินพืชผัก
ในการปลูกพืชผักนั้น คนปลูกก็เบียดเบียนกิ้งกือ ไส้เดือน แมลง ขณะขุดดินพรวนดิน
เอาน้ำราดรดพืช โดนมดตาย ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ราดรดลงไป สัตว์อื่นย่อมตายเช่นกัน

ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ หรอกค่ะ ที่จะปลูกพืชแล้ว พวกสัตว์ในดินและแมลงไม่เดือดร้อน
คงต้องกินผักที่ปลูกแล้วไม่เดือดร้อนชีวิตแมลงและสัตว์อื่นๆ ค่ะ ถ้าจะคิดเยอะ อาหารอื่นๆ ก็คงต้องคิดมากด้วยค่ะ น้ำตาลจากอ้อย ผักต่างๆ ชาวไร่ส่วนใหญ่ก็เผาไร่ก่อนปลูกพืชครั้งต่อไป

กินโปรตีนจากถั่ว ก็ต้องเบียดเบียนสัตว์เหมือนกันค่ะ

มีคนที่กินแต่ผักอย่างเดียว เป็นเวลา 20 กว่าปี แล้วลำไส้มันสะอาดเกินไป ทำให้ลำไส้ปริแตก
ก็มีมาแล้ว หมอต้องสั่งให้กลับมากินเนื้อสัตว์ ฝึกกินปลาไปจนกระทั่งกินเนื้อสัตว์อื่นได้
บางคนกินแต่ผักติดต่อกันไปนานๆ ตัวบวมก็มีค่ะ

ร่างกายของคนส่วนใหญ่ต้องการความสมดุลย์ค่ะ
ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทำกุศล จำเป็นต้องกินก็กินแต่พอประมาณ กินเพื่ออยู่ค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2014, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕
มหาวรรค ภาค ๒
เรื่องสีหเสนาบดี

[78]-[80]

ใช้ประกอบการพิจารณา เกี่ยวกับ ฆราวาส ซื้อเนื้อซื้อปลา....

สีหเสนาบดี อุบาสกผู้หนึ่ง ผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว ใช้ให้ คนไปซื้อเนื้อสดในตลาดเพื่อมาปรุงเป็นภัตตาหาร ถวายพระพุทธองค์ ซึ่งภายหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงฉันภัตตาหารเสร็จ ก็แสดงธรรมีกาถาแก่เสนาบดี แล้วก็เสด็จกลับ.....

.................
ฆราวาส เราๆ ท่านๆ ไปทานอาหาร ในร้านอาหารสั่งเนื้อสั่งปลา ซื้อเนื้อซื้อปลาในตลาด โดยเป็นเนื้อเป็นปลาที่พ่อค้าแม่ค้าจัดทำเสร็จแล้ว ก็ซื้อไป ไม่ผิดศีลปาณาติบาต หรือส่งเสริมผู้อื่นทำปาณาติบาตแต่ประการใด

ไม่ผิดศีล เพราะว่า เนื้อปลาเหล่านั้นไม่ได้เจาะจงทำสำเร็จเฉพาะฆราวาสผู้นั้นผู้นี้
ไม่เป็นการส่งเสริมผู้อื่นทำปาณาติบาต เพราะว่าถ้าพ่อค้าแม่ค้าไม่จัดหามา เราๆท่านๆ ก็ไม่ต้องซื้อไม่เดือดร้อนใจว่าไม่มี ไม่ได้สั่งโดยเฉพาะว่าจงไปหามาให้เรา ดั่งนี้

แต่ผู้บาป จึงมีเพียงบุรุษหนึ่งคือ ผู้ทำปาณาติบาตผู้นั้นเอง

แล้วถ้าไปร้านอาหาร รู้อยู่ว่าร้านอาหารจัดเตรียม สัตว์เป็นๆ ไว้รอให้ลูกค้าสั่งและเราเป็นผู้สั่งดั่งนี้
ก็สั่งไป เหมือน สีหเสนาบดีสั่งพนาย ให้ไปจัดหาเนื้อสดมาทำเป็นภัตตาหารถวายพระพุทธองค์จนเป็นที่โจทก์ของเหล่านิครนถ์...... สัตว์เหล่านั้นไม่ได้จัดเตรียมเฉพาะเพื่อเรา ......

พึงพิจารณา ตามนี้

http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=05&A=1924&Z=2094

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2014, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็ขอซ้ำอีกที เจอมาเยอะที่ชอบโยงมาที่ปาณาติบาตตลอด แล้วผมบอกว่าเป็นปานาติบาตตรงไหนหล่ะ
พวกคุณ ใช้คำว่า "พวกคุณ" เพราะเจอมาเยอะเลย ที่ชอบโยงมาที่ปาณาติบาตตลอด เป็นผู้ที่เข้าใจผิดโยงมาเอง ประเด็นผมอยู่ที่ความเป็นบาป แค่เบียดเบียนสัตว์ก็บาปได้แล้วไม่ต้องถึงขนาดฆ่ามันหรอก

และอีกประเด็นสำหรับผม การทำบาปบางอย่าง ใช่ ถ้าทำครั้งเดียวหรือไม่กี่ครั้งก็คงไม่บาปมากมาย คงไม่ต้องชดใช้กรรมอะไรมากมาย ผลที่ต้องชดใช้ก็อาจแค่ป่วยไม่สบายแค่ไม่กี่วันแล้วก็หาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงว่าไม่ต้องระวังการทำบาป แต่ถ้าป่วยเรื้อรังหรือเป็นบางโรคจนมีผลต่อการปฏิบัติหล่ะ!?
และก็มีคำสอนของพระพุทธเจ้า
=========================================
ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา.....น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ..... ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อย ๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.”
ธมฺมปทฏฺฐกถา ๕/๕
========================================
รวมถึงเรื่อง สูจิโลมเปรต ที่ผมยกมาข้างบน คนนั้นเขาเคยเป็น สารถีขับรถม้า
ซึ่งถ้าใครแค่เคยขับรถม้าแค่ครั้งเดียว ผมก็ว่า คงไม่ถึงขนาดต้องตายแล้วเกิดเป็นเปรตหรอก แต่คนนี้ทำเป็นอาชีพ นั่นหมายถึงทำประจำ ก็เลยสั่งสมบาปจนตายไปเป็นเปรต
และถ้าพระโสดาบันโดยเฉพาะที่เป็นฆราวาสจะขับรถม้าสักครั้งก็คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

เรื่องสีหเสนาบดี ที่คุณ"เช่นนั้น"ยกมา สีหเสนาบดีไม่ผิดศิลข้อปาณาติบาตก็ถูกแล้ว ก็อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้มาเถียงว่ามันผิดศิลข้อนี้หรือไม่ ประเด็นนี้หลายท่านมากๆๆๆๆ ชอบอ้างว่าไม่ผิดศิลข้อปาณาติบาตแล้วก็สรุปง่ายๆว่างั้นไม่บาป มันไม่ถูก

คุณสั่งซื้อเนื้อสัตว์เอาไปกินเป็นประจำ แต่บอกว่าไม่สนับสนุนการฆ่าสัตว์ได้ไง??? มันน่าเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายๆ เพราะมีพวกคุณที่สั่งซื้อ เขาถึงไปฆ่าสัตว์เอาเนื้อมันมาขายให้พวกคุณ มันก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนสั่งซื้อเขาจะเอามาขายให้ใครหล่ะ มันก็เจ๊ง เขาก็ต้องไปทำอย่างอื่น พวกคุณที่สั่งซื้อเนื้อสัตว์เอาไปกินเป็นประจำมีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการฆ่า ดังนั้นมันก็เป็นบาปอย่างนึง

เทียบเคียงกับการซื้อของโจรยังบาปเลยไม่ใช่เหรอ? นี่ก็คนฆ่า(หรือคนขายเนื้อ)ไปเอาจากเจ้าของที่ไม่ได้ยินยอมให้มา พวกคุณก็ไปซื้อมา คงไม่มีสัตว์ไหนที่ยินยอมให้เฉือนเนื้อไปขายหรอกนะ

เนื่องจากเคยโดนลบความเห็นที่โพสไป ก็อาจจะไม่สะดวกที่จะเข้ามาตอบบ่อยๆ เพราะเดี๋ยวตอบไป แล้วไปทำให้ใครไม่พอใจ ก็ลบง่ายๆซะงั้น เวรกรรม! (ที่นี่) ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ไม่ต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ความผิดผมนะ เจอการกระทำไม่มีเหตุผลแบบนี้ หลายท่านก็คงต้องไม่อยากเข้ามาwebboardนี้ คุยกันด้วยเหตุด้วยผลได้มันก็จะเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่นึกอยากลบก็ลบ เพราะแค่ว่าเถียงด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้ หรือ เพราะขัีดกับความเชื่อตัวเองหรือของพวกพ้อง รับไม่ได้กับความเห็นต่าง หรือ .... อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 02:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:

เรื่องสีหเสนาบดี ที่คุณ"เช่นนั้น"ยกมา สีหเสนาบดีไม่ผิดศิลข้อปาณาติบาตก็ถูกแล้ว ก็อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้มาเถียงว่ามันผิดศิลข้อนี้หรือไม่ ประเด็นนี้หลายท่านมากๆๆๆๆ ชอบอ้างว่าไม่ผิดศิลข้อปาณาติบาตแล้วก็สรุปง่ายๆว่างั้นไม่บาป มันไม่ถูก

คุณสั่งซื้อเนื้อสัตว์เอาไปกินเป็นประจำ แต่บอกว่าไม่สนับสนุนการฆ่าสัตว์ได้ไง??? มันน่าเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายๆ เพราะมีพวกคุณที่สั่งซื้อ เขาถึงไปฆ่าสัตว์เอาเนื้อมันมาขายให้พวกคุณ มันก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนสั่งซื้อเขาจะเอามาขายให้ใครหล่ะ มันก็เจ๊ง เขาก็ต้องไปทำอย่างอื่น พวกคุณที่สั่งซื้อเนื้อสัตว์เอาไปกินเป็นประจำมีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการฆ่า ดังนั้นมันก็เป็นบาปอย่างนึง
เทียบเคียงกับการซื้อของโจรยังบาปเลยไม่ใช่เหรอ? นี่ก็คนฆ่า(หรือคนขายเนื้อ)ไปเอาจากเจ้าของที่ไม่ได้ยินยอมให้มา พวกคุณก็ไปซื้อมา คงไม่มีสัตว์ไหนที่ยินยอมให้เฉือนเนื้อไปขายหรอกนะ


ประเด็นที่ 1.เมื่อคุณยอมรับว่าถูกแล้ว ก็คือถูกแล้ว
ประเด็นที่ 2. มีคนประกอบอาชีพฆ่าสัตว์ขายเนื้อ สัตว์ที่ถูกเขานำมาฆ่านั้น เป็นเพราะวิบากกรรมของสัตว์นั้นเองที่ต้องเกิดมาถูกฆ่า แต่คนที่ประกอบอาชีพฆ่าสัตว์ขายเนื้อเป็นผู้มีบาป
ประเด็นที่ 3. หากไม่มีคนประกอบอาชีพฆ่าสัตว์ขายเนื้อ คนสั่งหาอาหารก็ไม่มีจิตดิ้นรนขวนขวายฆ่าสัตว์เอาเนื้อเองเจาะจงเฉพาะ ไม่มีวางขาย ก็ไม่เป็นไร
ประเด็นที่ 4. คนซื้อซากสัตว์ที่ฆ่าไว้แล้ว หรือที่เพิ่งฆ่าใหม่ๆ คนซื้อก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะซื้อตัวนั้นตัวนี้
สภาพซากนั้น ไม่ใช่สัตว์แล้ว เป็นเพียงชิ้นเนื้อ
ประเด็นที่ 5. ไม่มีใครห้ามคนฆ่าสัตว์ขายเนื้อจะเปลี่ยนอาชีพหรือไม่ และไม่มีใครไปสั่งให้เขามาประกอบอาชีพนี้. ดังนั้นคนซื้อซากสัตว์ที่ไม่เลือกเจาะจงเฉพาะ จึงไม่ใช่ผู้สนับสนุนการฆ่า
ประเด็นที่ 6 เรื่องของโจร... ซื้อโดยไม่รู้ว่าเป็นของโจร แต่รู้ภายหลัง ผิดกฏหมาย แต่ไม่บาปขณะซื้อ ต้องส่งคืนให้เจ้าของเมื่อทราบ

รับของโจร โดยไม่รู้ว่าเป็นของโจร แต่มารู้ภายหลังก็เช่นกัน ผิดกฏหมาย แต่ไม่บาปขณะรับ ต้องส่งคืนให้เจ้าของเมื่อทราบ

ซื้อ หรือรับทั้งๆที่รู้ว่าเป็นของโจร ....คือรู้ว่าเป็นของขโมยมา ของเป็นของบุคคลอื่นมีเจ้าของ ทรัพย์ขณะนั้นไม่เหมือนสัตว์ ทรัพย์นั้นยังคงมีเจ้าของอยู่ ถึงแม้ไม่ขโมยมาเฉพาะผู้ซื้อหรือผู้รับ ถ้ารับหรือซื้อก็ยังเป็นบาป ด้วยเหตุว่าความเป็นเจ้าของยังไม่หมดหรือสิ้นสุดไปจากทรัพย์นั้น การรับหรือซื้อจึงบาป

บาปหรือไม่บาป ดูที่เจตนา เท่านั้น
สัตว์ตาย เพราะวิบากกรรมของสัตว์ จึงต้องถูกฆ่าที่ตลาด ก็ตายเพราะวิบากกรรมของสัตว์นั้น แต่ผู้ฆ่าสัตว์ขายเนื้อเป็นผู้บาปแม้สัตว์นั้นจะต้องตายเพราะวิบากของสัตว์นั้นก็ตาม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 02:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup : ทานผัก
wakeup เป็นผู้ส่งเสริมการกำจัดศัตรูพืชไหม ศัตรูพืชที่ต้องตายไปเพราะ การปลูกผักมาให้ wakeup ทาน
wakeup รู้ไหมว่า ต้องมีสัตว์ตายไปมากเพียงไร
wakeup จะมีส่วนร่วมในกรรมแห่งการฆ่านั้นไหม บาปไหม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2014, 07:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณwakeup เขาไม่ตอบคำถามนี้หรอกครับ...เคยถามแล้ว...

คงกลัวว่า..คำตอบจะย้อนมาทำลายความยึดมั่นในใจแก่..ละมั้ง...

ศีล5.พื้นๆ..ยังตอบไม่ได้เลยว่า....รักษาได้ดีแล้ว

เอาง่ายๆ..ให้เข้าใจก่อน...
สิ่งที่แสดงว่าเราเข้าใจศีลแล้ว..นั้นคือ...รักษาศีลได้แล้วนั้นเอง

เมื่อรักษาศีลได้แล้ว...จิตใจเขาจะละเอียดปราณีตขึ้น...จะเห็นสิ่งที่ละเอียดมากกว่าเดิมได้ชัดขึ้น
ทีนี้....จะเริ่มเห็น....ว่า..จิตใจแบบไหนส่งผลให้การกระทำนั้นเป้นการเบียดเบียน.....และแบบไหนเป็นกลางๆไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป...และ...แบบไหนเป็นบุญเป็นกุศล.....ทั้งที่รูปแบบภายนอกเป็นการกระทำอย่างเดียวกัน...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร