วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2012, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด

หลวงพ่ออภัยวงศ์ หรือ “หลวงพ่อปางอภัยทาน”
พระประธานในอุโบสถ วัดแก้วพิจิตร ต.บางบริบูรณ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี


“วัดแก้วพิจิตร” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๒
ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ตั้งอยู่ในเขตหมู่ที่ ๔ ตำบลบางบริบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี

บนริมฝั่งขวาของแม่น้ำปราจีนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก
ประมาณ ๒ กิโลเมตร สร้างขึ้นโดยนางประมูลโภคา (นางแก้ว ประสังสิต)


เพื่อให้วัดเป็นสถานที่ในการทำบุญตักบาตร ถือศีลฟังธรรม
โดยมีผู้ร่วมกันบริจาคที่ดิน แรงงาน และทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง
สิ่งก่อสร้างภายในวัด ระยะแรกประกอบด้วย ศาลาการเปรียญ
หอสวดมนต์ กุฏิสงฆ์ อุโบสถ ศาลาท่าน้ำ และเรือนแพ ฯลฯ
ภายในอุโบสถแต่เดิมประดิษฐานรอยพระพุทธจำลอง

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๔ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)
ซึ่งอพยพครอบครัวมาจากพระตะบอง ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาแม่น้ำปราจีนบุรี
ได้เกณฑ์ช่างชาวเขมรมาด้วย
และได้สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมและหนังสือไทย
เป็นอาคารตึกชั้นเดียวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง ๑๑ เมตร
ยาว ๔๐ เมตร ชั้นบนเป็นดาดฟ้ามียอดโดม ๓ ยอด
ตรงกลางดาดฟ้าเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมียอดหลังคาเป็นโดม
อาคารหลังนี้ได้รับพระราชทานนามว่า โรงเรียนอภัยพิทยาคาร

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๑ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)
เห็นว่าอุโบสถหลังเดิมของวัดชำรุดทรุดโทรมมาก
จึงได้รื้อและก่อสร้างใหม่เป็น อุโบสถก่ออิฐถือปูน
ลักษณะสถาปัตยกรรม เป็นศิลปกรรมผสมผสาน ๔ ชาติ
คือ ศิลปะไทย จีน ตะวันตก และเขมร โดยก่อสร้างบนที่เดิม
ขนาดอาคารจำนวน ๕ ห้อง กว้าง ๑๗ เมตร ยาว ๒๑.๓๐ เมตร
ได้รับการผูกพัทธสีมา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๔


ภายใน “อุโบสถ” วัดแก้วพิจิตร เป็นที่ประดิษฐาน
พระประธานในท่านั่งขัดสมาธิทำปาง ซึ่งเรียกกันว่า
“หลวงพ่อปางอภัยทาน” หรือ “หลวงพ่ออภัยวงศ์”


นอกจากนี้ ยังมีภาพเขียนบนผืนผ้าเล่าเรื่องพระพุทธประวัติ
ใส่กรอบแขวนไว้ในอุโบสถ ๑๓ ภาพ แต่ได้ถูกโจรกรรมไป

พระพุทธรูปปางอภัยทาน เป็นศิลปะกรุงรัตนโกสินทร์
ตามแบบพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๔ หล่อด้วยโลหะทองแดง
มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑ เมตร ๗ เซนติเมตร

พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
พระหัตถ์ขวายกขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกด้านนอก
พระองค์วางตั้งฉากอยู่บนพระเพลา
พระหัตถ์ซ้ายวางหงายฝ่าพระหัตถ์ขึ้นอยู่บนพระเพลา
พระเนตรและพระอุมาฝังด้วยอัญมณี อยู่ภายใต้ฉัตรเงิน ๕ ชั้น
เป็นพระพุทธรูปที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงออกแบบและทรงประทานพระนามว่า “ปางอภัยทาน”

พระพุทธรูปมีลักษณะเหมือนมนุษย์สามัญ
และเลียนแบบพระพุทธรูปคันธารราษฎร์ของอินเดีย
พระพักตร์เป็นแบบประติมากรรมกรีกโรมัน
พระเกศาหยักศกรวบเป็นมวยกลางพระเศียร
ครองจีวรเป็นริ้วแบบธรรมชาติ


พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะรูปแบบใกล้เคียงกันกับพระพุทธรูปปางขอฝน
ซึ่งเป็นแบบพระราชนิยมในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่างกันตรงที่พระพุทธรูปนี้เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งเท่านั้น

สาธุชนที่มานมัสการมักมาขอพร ๓ ประการ ที่ประสบความสำเร็จ คือ

พรข้อที่ ๑ ถ้าท่านเป็นผู้ใจร้อน เมื่อได้นมัสการแล้วใจจะเย็นลงสงบขึ้น

พรข้อที่ ๒ ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีคำพูดไม่มีความหมาย
พูดแล้วไม่ประทับใจผู้รับฟัง พูดแล้วเหมือนขวางหูผู้รับฟัง
เมื่อได้นมัสการแล้วจะเป็นผู้ที่พูดแล้ว
มีความหมายติดตรึงใจผู้รับฟัง ประทับใจผู้ร่วมสนทนา

พรข้อที่ ๓ จะล่วงเกินผู้ใดก็ตามจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
เมื่อได้นมัสการแล้วจะได้รับการให้อภัยจะไม่มีการโกรธไม่มีศัตรู


ในปี พ.ศ.๒๔๖๔ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)
ได้จัดสร้างหอไตร ๑ หลัง ขนาดกว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๒ เมตร
บริเวณที่เคยเป็นศาลาการเปรียญ
เป็นสถาปัตยกรรมผสมศิลปะตะวันตกกับศิลปะไทย
และสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น
เป็นอาคารขนาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๒ เมตร
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหอไตร

สิ่งสำคัญนอกจากการนมัสการหลวงพ่ออภัยวงศ์
คือ อุโบสถ ๔ ชาติ กล่าวคือ ฝรั่งเศส เขมร จีน และไทย
ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกล่าวขวัญอย่างมากว่าเป็นการสร้างที่แปลก
ด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
อันงดงามไว้ได้ถึง ๔ ชาติในอุโบสถหลังเดียวกัน
โดยอุโบสถหลังนี้จำลองแบบมาจากวัดพระเจ้าช้างเผือก
เมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา (ราชอาณาจักรกัมพูชา)


ด้วยความสำคัญของวัดแห่งนี้ ทางด้านศิลปกรรม ประวัติศาสตร์
ความเป็นมา และการเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาที่สำคัญ
ของจังหวัดปราจีนบุรี กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียน
วัดแก้วพิจิตรให้เป็นโบราณสถานของชาติ ในปี พ.ศ.๒๕๓๓
และในปี พ.ศ.๒๕๓๕ จังหวัดปราจีนบุรีจึงได้ดำเนินการบูรณะ
วัดแห่งนี้อีกครั้ง โดยใช้รูปแบบวิธีการบูรณะของกรมศิลปากร


อนึ่งในการเยี่ยมชมและนมัสการ จะมีคุณวารินทร์ คุ้มกาญจน์
วิทยากรบรรยายพิเศษของกรมศิลปากร นำชมให้ความรู้โดยตลอด

หากสาธุชนท่านใดมีโอกาสเดินทางไปแถบภาคตะวันออก
ใกล้จังหวัดปราจีนบุรีแล้ว ควรแวะไปที่วัดแก้วพิจิตร
ชมลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศิลปกรรมผสมผสาน ๔ ชาติ
พร้อมนมัสการหลวงพ่ออภัยวงศ์ หรือ “หลวงพ่อปางอภัยทาน”
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

รูปภาพ

รูปภาพ


:b39: รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก...
หนังสือไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
กองบรรณาธิการข่าวสด สำนักพิมพ์มติชน


:b8: ขอกราบขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =7&gblog=1

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2012, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อุโบสถ วัดแก้วพิจิตร
เป็นศิลปกรรมผสมผสานทั้งหมด ๔ ชาติ
คือ ศิลปะไทย, จีน, ตะวันตก และเขมร


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2013, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่เคยไปที่วัดแก้วพิจิตร จ.ปราจีนบุรี เลยค่ะ จะหาโอกาสไปให้ได้ในเร็ววันนี้คะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร