วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2013, 17:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าที่เป็นองค์พระปฐมมีจริงไหม?
มีพระนามว่าอะไรครับ ผมเห็นเขาเชิญชวนสร้างกันเยอะตามวัด
และบางคนก็เคยขึ้นไปเฝ้ามาแล้ว (ไม่ขอเอ่ยนาม) ถึงกับบอกว่าท่านเหยียบหัวมาแล้ว
บางคนก็ว่าคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม จริงๆแล้วมันต่างกันตรงไหน
คำถามอาจจะมากไปหน่อยครับ ค่อยๆตอบก็แล้วกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2013, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสรู้ธรรม...อันเดียวกันครับ..และก็นำออกจากกองทุกข์ได้อย่างเดียวกัน

อย่างไม่มีความสงสัย....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2013, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำให้จขกทและสมาชิกอื่นๆ ไปทำความเข้าใจกับคำว่า......ไตรสรณคมณ์ ให้ดีเสียก่อน

และไม่ใช่เข้าใจอย่างเดียว จะต้องมีความศรัทธาไปพร้อมกันด้วย

อย่างแรกขอเกริ่นนำไว้ก่อนว่า ในไตรสรณคมณ์ มีกล่าวไว้เป็นอันดับแรก
นั้นก็คือ......พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ความหมายของบาลีก็คือ การมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
พระพุทธเจ้า ก็คือ.....องค์พระโคดม

ดังนั้นใครที่บอกว่าเป็นพุทธศาสนิกชน คนๆ นั้นจะต้องมีพระโคดมเป็นพระศาสดา
และจะต้องเชื่อแต่คำสอนของพระโคดมแต่เพียงผู้เดียว

เอาแค่นี้ก่อน ขอเวลาไปคิดดูก่อนว่า สมควรที่จะพูดถึง
บทบาลีในไตรสรณคมณ์ที่เหลือหรือไม่ กลัวว่ามันจะไปกระทบกับคนอื่นเขา
เดียวไปหาวิธีพูดเพื่อให้เกิดสันติก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2013, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบว่า มีจริงค่ะ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว หมดเหตุปัจจัยจะไม่ไปเกิดที่ไหนค่ะ
ไม่ปรากฏในที่ใดๆ แล้วค่ะ ไม่ว่าภพภูมิไหน และพระนิพพานก็ไม่ใช่ภพภูมิหรือสถานที่ให้พระพุทธเจ้า
ไปอาศัยอยู่ เพราะนิพพานไม่ใช่ดินแดนหรือภพภูมิ ดังนั้นจึงไม่มีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ปรากฏได้อีกค่ะ
ควรทำความเข้าใจเรื่องพระนิพพานด้วยค่ะว่าหมายถึงอย่างไร

ผู้ที่เห็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งกันได้ทางนิมิตนั้น ก็มีเห็นกันมาก
แม้แต่เด็กอายุ 15 นั่งสมาธิก็เห็นตนเองได้เฝ้าพระพุทธเจ้าในนิมิตขณะนั่งสมาธิอยู่นั้น
ก็ได้ยินว่านั่งสมาธิแล้วได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องราวต่างๆ กันไปค่ะ

แต่ก็ควรจะต้องใช้หลักเหตุและผล พิจารณากันเองค่ะตามแต่เหตุปัจจัยของแต่ละท่านค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2013, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
พระพุทธเจ้าที่เป็นองค์พระปฐมมีจริงไหม?
มีพระนามว่าอะไรครับ ผมเห็นเขาเชิญชวนสร้างกันเยอะตามวัด
และบางคนก็เคยขึ้นไปเฝ้ามาแล้ว (ไม่ขอเอ่ยนาม) ถึงกับบอกว่าท่านเหยียบหัวมาแล้ว
บางคนก็ว่าคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม จริงๆแล้วมันต่างกันตรงไหน
คำถามอาจจะมากไปหน่อยครับ ค่อยๆตอบก็แล้วกัน


เรื่องการระลึกได้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ของพระพุทธเจ้า อันเกิดในโคตมโครต พระองค์นี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=10&A=0&Z=1454&pagebreak=0

พระพุทธเจ้าที่เป็นองค์ปฐมเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพราะไม่มีการยืนยันใดๆ จากพระสูตรว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นองค์ปฐม มีแต่พระนามของพระพุทธเจ้าย้อนหลังไป 91 กัปป์ คือพระนามว่าวิปัสสี

ดังนั้น เรื่องพระพุทธเจ้าองค์ปฐมสมัยนี้ที่สร้างเรื่องราวอย่างเป็นตุเป็นตะขึ้นมา จึงเชื่อไม่ได้ เหลวไหลทั้งสิ้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 01:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


หาก..ณ..ปัจจุบัน....เรากำลังนับเลขที่....1ล้าน.1...1ล้าน2...อยู่....นับจนตาย...แล้วเกิดมานับต่อ....จนเลือนไปแล้วว่านับ

อันแรกว่าอะไร.แต่ต่อให้ลืมยังงัย....นับครั้งแรกคือ.1 ต้องมีอยู่แล้ว..เป็นธรรมดา...

พระพุทธเจ้า....มีมากี่พระองค์แล้วจนนับไม่ได้ก็ตาม...องค์แรกย่อมต้องมีอยู่แล้วตามธรรมดา....

แต่...ไม่ว่าจะมีกี่พระองค์ก็ตาม....กราบเพียงออกนามพระองค์หนึ่ง..ก็เท่ากับกราบพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์...

เรียกว่า..กราบพุทธะถูกเมื่อไร....ก็ถูกพระพุทธะทุกองค์...เพราะทุกๆท่านเป็นธรรมธาตุเช่นเดียวกันแล้ว

และ.หากจะปรามาส.องค์ใดองค์หนึ่ง...ก็เท่ากับปรามาสทุกๆพระองค์ไปด้วย...หรือแม้จะปรามาสพระอรหัตสาวกองค์ใด

องค์หนึ่ง....ก็เท่ากับปรามาสธรรมะธาตุทั้งหลาย.เช่นกัน

พระพุทธ....พระธรรม....และ..พระอริยสงฆ์....เป็นอันเดียวกันก็เพราะอย่างนี้

ดังนั้น...จะองค์แรก...ก็พุทธะ....สมณโคดมก็พุทธะ...สำคัญแต่คนไปกราบ.ว่า...กราบด้วยความเป็นพุทธะ....หรือกราบด้วยกิเลสตน...ว่านี้นั้นสำคัญกว่านั้นนี้....อันนี้กราบผิด

กราบให้ถูก..ต้องกราบที่ความเป็นพุทธะ....ระลึกถึงคุณที่ทรงยากลำบากกว่าจะตรัสรู้ธรรม....ชี้ทางออกจากทุกข์ที่สัตว์โลกไม่อาจจะรู้ได้เอง...ได้เลย

องค์แรก...นั้นมีอยู่แล้ว...ใช้แค่ตรรกศาสตร์ทางโลกๆก็ยังรู้ว่ามี...เพียงแต่เราจะไปสำคัญมั่นหมายเกินความเป้นพุทธะหรือเปล่า..เนี้ย..ก็อยู่ปัญญาของเรา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จะเกิดพระพุทธเจ้ามากี่พระองค์แล้วก็ตามที
ต่อให้พระพุทธเจ้าพระองค์อื่น จะมีศาสนาของตนหรือมีสาวกมากมาย

นอกจากพระโคดมแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจเจกพุทธเจ้า
ถึงแม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นจะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา
เพราะว่าศาสนาของพระพุธเจ้าพระองค์อื่น ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาของพระโคดม

เพราะความสำคัญมันอยู่ที่ ศาสนาที่เรานับถือมีใครเป็นศาสดา
พระธรรมที่เราปฏิบัติเป็นคำสอนของใคร และผู้ที่เผยแผร่พระธรรม
กำลังเผยแผร่พระธรรมคำสอนของผู้ใดอยู่


ก่อนที่พระโคดมพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ทรงกำหนดให้เอาพระธรรมของพระองค์
มาเป็นศาสดาแทนตัวพระองค์ ดังนั้นผู้ใดจะเป็นสาวกในพุทธศาสนาของพระโคดม
บุคคลนั้นจะต้องศึกษาและปฏิบัติแต่ในสิ่งที่พระโคดมสั่งสอน

และผู้ที่จะต้องเอาพระธรรมของพระโคดมมาถ่ายทอดอธิบายความในพระธรรม
ย่อมต้องเป็นพระสงฆ์ เช่นกันพระสงฆ์ย่อมต้องสอนแต่พระธรรมของพระโคดม
ถ้านักบวชคนใดสอนในสิ่งที่ไม่ใช่แนวทางหลุดพ้นตามที่พระพุทธโคดมเคยสอนไว้
นักบวชผู้นั้นย่อมต้องไม่ใช่พระสงฆ์ในพุทธศาสนาของพระโคดม

ศาสนาพุทธของพระโคดม เน้นเรื่องการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น
ศาสนาพุทธที่กล่าวนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อกราบกราน ความเคารพศรัทธาแสดงออกได้ด้วย
การระลึกถึงเพียงเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เรื่องการระลึกได้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ของพระพุทธเจ้า อันเกิดในโคตมโครต พระองค์นี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php ... agebreak=0

พระพุทธเจ้าที่เป็นองค์ปฐมเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพราะไม่มีการยืนยันใดๆ จากพระสูตรว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นองค์ปฐม มีแต่พระนามของพระพุทธเจ้าย้อนหลังไป 91 กัปป์ คือพระนามว่าวิปัสสี

ดังนั้น เรื่องพระพุทธเจ้าองค์ปฐมสมัยนี้ที่สร้างเรื่องราวอย่างเป็นตุเป็นตะขึ้นมา จึงเชื่อไม่ได้ เหลวไหลทั้งสิ้น

คุณเช่นนั้นครับ จะพูดจากรุณาไว้ไมตรีต่อบุคคลอื่นบ้างครับ เอาแค่พอประมาณ
พยายามเน้นเหตุผลในความเห็นที่ตัวแสดง ไม่ใช่มาแสดงอาการข่มคนอื่น
ทั้งๆที่ความเห็นที่ตัวแสดง มันไม่ได้เกี่ยวข้องหรือให้ความกระจ่างต่อผู้อื่นเลย


ที่เอาพระสูตรมาอ้างน่ะแน่ใจแล้วหรือว่าถูกต้อง
ยังมีพระสูตรอีกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่คุณเอามากล่าวอีก
การที่คุณเอาเรื่อง พระวิปัสสีมากล่าว สงสัยถ้าจะไม่รู้ว่า ในพุทธวงศ์พระพุทธเจ้า
ยังมีพระนามพระพุทธเจ้าอีกหลายพระองค์ก่อนที่จะมีพระวิปัสสีอีก


อ้างอิงพระสูตร..................."พุทธปกิรณกกัณฑ์"
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 563&Z=8606

อยากแนะนำเพื่อนสมาชิกครับว่า................................
ถ้าเราจะพิจารณานามของพระพุทธเจ้าจริงๆ แล้ว เราต้องพิจารณาว่า
สิ่งที่กล่าวเป็นเรื่องของ.....อจินไตย อย่าไปให้ความสำคัญหมายมั่น
ที่ว่าเป็นอจินไตย ก็เพราะสิ่งนั้นล้วนแล้วแต่เป็น ....พุทธวิสัย
เป็นสิ่งที่พระโคดมทรงพยากรณ์ ดังนั้นบุคคลอื่นย่อมไม่เข้าใจในสิ่งที่พระโคดมเข้าใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ใน ๔ อสงไขย
พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๑๒ พระองค์
๑. ตัณหังกร ๒. เมธังกร ๓. สรณังกร ๔. ทีปังกร
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปนับไม่ถ้วน เรียกว่าอสงไขยที่ ๑

๕. โกณฑัญญะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปนับไม่ถ้วน เรียกว่าอสงไขยที่ ๒

๖. มังคละ ๗. สุมนะ ๘. เรวตะ ๙. โสภิตะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปนับไม่ถ้วน เรียกว่าอสงไขยที่ ๓

๑๐. อโนมทัสสี ๑๑.ปทุมะ ๑๒. นารทะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปนับไม่ถ้วน เรียกว่าอสงไขยที่ ๔

ยิ่งด้วยแสนกัปป์

๑๓. ปทุมุตระ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๖๙.๙๙๙ ใบ

๑๔. สุเมธะ ๑๕. สุชาตะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๒๘.๑๙๙ ใบ

๑๖. ปิยทัสสี ๑๗. อัตถทัสสี ๑๘. ธัมมทัสสี
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๑.๗๐๕ ใบ

๑๙. สิทธัตถะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๑ ใบ

๒๐. ติสสะ ๒๑. ปุสสะ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าไม่ว่างเว้นอุบัติขึ้นในโลกใบต่อไป

๒๒. วิปัสสี
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๕๘ ใบ

๒๓. สิขี ๒๔. เวสสภู
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าว่างเว้นไป จนโลกที่แตกดับไปพอนับได้ ๒๙ ใบ

ปัจจุบันของโลกใบนี้

๒๕. กกุสันธะ ๒๖. โกนาคมนะ ๒๗. กัสสปะ ๒๘.โคตมะ ๒๙. เมตเตยยะ

นับจากพระทีปังกร พระองค์ที่ทรงพยากรณ์พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนับได้ ๒๔ พระองค์
พระศรีอริยะเมตตรัย จะมาบังเกิดขึ้นในอนาคตในพุทธกัปป์นี้ เป็นองค์ที่ ๒๕ ต่อไป

ถ้านับตั้งแต่ ๒๐ อสงไขย มีพระพุทธเจ้ามาแล้ว ๕๑๒.๐๓๗ พระองค์
ถ้าจะถามพระพุทธเจ้าองค์ปฐมนั้นย่อมหาไม่ได้ เพราะไม่มีที่สิ้นสุด
และก็จะมีต่อไปอย่างที่หาสิ้นสุดมิได้เช่นกัน ดังที่มาในคัมภีร์โสถัตถกีมหานิทาน
และอีกหลายๆ คัมภีร์ได้กล่าวไว้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
คุณเช่นนั้นครับ จะพูดจากรุณาไว้ไมตรีต่อบุคคลอื่นบ้างครับ เอาแค่พอประมาณ
พยายามเน้นเหตุผลในความเห็นที่ตัวแสดง ไม่ใช่มาแสดงอาการข่มคนอื่น
ทั้งๆที่ความเห็นที่ตัวแสดง มันไม่ได้เกี่ยวข้องหรือให้ความกระจ่างต่อผู้อื่นเลย


ที่เอาพระสูตรมาอ้างน่ะแน่ใจแล้วหรือว่าถูกต้อง
ยังมีพระสูตรอีกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่คุณเอามากล่าวอีก
การที่คุณเอาเรื่อง พระวิปัสสีมากล่าว สงสัยถ้าจะไม่รู้ว่า ในพุทธวงศ์พระพุทธเจ้า
ยังมีพระนามพระพุทธเจ้าอีกหลายพระองค์ก่อนที่จะมีพระวิปัสสีอีก


อ้างอิงพระสูตร..................."พุทธปกิรณกกัณฑ์"
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 563&Z=8606


ยกมายิ่งเป็นการดี อีกพระสูตรหนึ่ง
ที่แสดงให้เห็นว่า สมเด็จองค์ปฐมที่แต่งขึ้นเป็นตุเป็นตะในสมัยนี้เหลวไหล สุดๆ

เป็นชาวพุทธต้องรู้ว่า สิ่งใดมอมเมาปัญญา เป็นเนื้องอก
หวังว่า เจ้าของกระทู้คงได้รับความชัดเจน

เรื่องแบบนี้ พุทธบริษัทต้องกล้าฟันธง ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนแต่งขึ้นเพื่อหลอกศรัทธาของคน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 15:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

เรื่องแบบนี้ พุทธบริษัทต้องกล้าฟันธง ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนแต่งขึ้นเพื่อหลอกศรัทธาของคน


ฟันธงจากอะไร?.....จากความรู้ที่มีอยู่..นะหรือ?.....รู้หมดยัง?.....นี้ก็อาจเข้าข่ายงมงายพอ..พอ....กับคนที่ไปไหว้เพราะสำคัญมั่นหมายผิด

ดี....ไม่ดี.....แย่กว่า..เพราะมีจิตอกุศล...คือ.คิดแต่ว่า...เขาหลอกลวงเพื่ออามิส...

ฉลาด...แต่ขาดทุน....อันนี้มันก็แย่กับตัวเราเอง....

ส่วนตัว..เชื่อนะว่ามีองค์ปฐม.....แต่จะทำบุญยังต้องดูใจตัวก่อน....

เชื่อและจะพิสูจน์ด้วย....กะจะพิสูจน์ตอนใจตัวบริสุทธิแล้ว...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2013, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

ส่วนตัว..เชื่อนะว่ามีองค์ปฐม.....แต่จะทำบุญยังต้องดูใจตัวก่อน....

เชื่อและจะพิสูจน์ด้วย....กะจะพิสูจน์ตอนใจตัวบริสุทธิแล้ว...


ส่วนตัวคุณกบ เชื่อ เชื่อจากอะไร?

เช่นนั้น ให้พิจารณาจากพุทธวัจจนะ....... ไม่ใช่เชื่อจากความรู้ส่วนตน...

หรือคุณกบ เชื่อเรื่องว่าคนในผ้าเหลืองพอพูดถึงนิมิตขึ้นมา ก็เชื่อหมดว่าเป็นจริง

ขอเน้น ท่านฤาษีลิงดำ เป็นใครโดยส่วนตัวผมไม่รู้จัก

แต่หากจะรู้เกินพระพุทธองค์... นี่สิแปลก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2013, 06:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องพระพุทธเจ้าองค์องค์ปฐมนั้นเป็นเรื่องอจินไตร ๔

อยู่ในข้อโลกวิสัย เป็นสิ่งที่ไม่ควรรู้ไม่ควรคิดคือเป็นเรื่องสังสาวัฎฎ์อันยาวนาน
ที่ปุถุชนย่อมไม่สามารถที่จะรู้ได้ มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รู้ได้ ที่พระพุทธเจ้ารู้นั้น
ท่านรู้ว่าสังสารวัฏฏ์ไม่มีที่สุดนั่นเอง ไม่ใช่รู้ว่ามีที่สุดของสังสาวัฏฏ์ ถ้ามีที่สุดจริงพระองค์
พระองค์ก็ต้องกล่าวไว้แล้วในพระไตรปิฎก ฉะนั้นสมเด็จองค์ปฐมก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

คือที่สุดที่จะว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้เป็นที่สุดไม่ได้นั่นเอง และจะกล่าวจะมีพระพุทธเจ้า
จะบังเกิดขึ้นอีกเท่าไหร่ก็หาที่สุดไม่ได้เช่นกัน เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังต้องเกิดอยู่
พระพุทธเจ้าก็ต้องมีอุบัติขึ้นเช่นกัน เมื่อมนุษย์ไม่มีการเกิดขึ้นพระพุทธเจ้าก็ไม่อุบัติขึ้น
นั่นแหละเป็นการสิ้นสุดของพระพุทธเจ้า เพราะอะไรจึงว่าสิ้นสุด ก็เพราะว่า
พระพุทธเจ้าก็คือมนุษย์เรานี่เอง หมดมนุษย์ก็หมดพระพุทธเจ้า

และในเรื่องที่สร้างสมเด็จองค์พระปฐมตามวัดนั้นก็ยังมีเห็นกันอยู่มากมายในยุคนี้
ในยุคที่โลกเจริญแล้ว แต่ทางธรรมกลับตกต่ำเป็นอย่างมาก การสร้างนั้นก็ทำไปเถอะ
ก็คิดเสียว่าเป็นการทำบุญ แต่ก็ไม่ควรคิดงมงายว่าสร้างสมเด็จองค์ปฐมเท่านั้นพอ

ส่วนใครจะเชื่อว่ามีจริงก็เป็นเรื่องของตัวส่วนบุคคล เพราะจริตของแต่ละคนสะสมมาไม่เหมือนกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 05:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 เม.ย. 2007, 05:03
โพสต์: 214

ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยคุณพระนาย จากกระทู้เก่าใน ลานธรรมเสวนา

http://larndham.org/index.php?/topic/18 ... %E0%B8%88/


พระพุทธเจ้าองค์แรกที่อุบัติขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ใน " ปฐมมูล "

ทรงพระนามว่า


" พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"

ทรงบำเพ็ญพระบารมีใต้ต้นไม้ตรัสรู้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี

พระองค์เป็นผู้บัญญัติ " ภาษาอักษร " ใน ภาษาบาลี และทรงพยากรณ์ตระกูลของ

พระพุทธเจ้าซึ่งตรัสรู้ต่อไป หลังจากที่พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว

ว่าจะมี 3 ตระกูล

คือ

1. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท " ปัญญาธิกะ"

2. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท "สัทธาธิกะ"

3. ตระกูลพระพุทธเจ้า ประเภท "วิริยาธิกะ"


ถ้าใครได้ศึกษาคัมภีร์ " ปฐมมูล" จะไม่เกิดความสงสัยเลยว่า

" พระพุทธเจ้าองค์แรก มีหรือไม่ ? "

เพราะลำดับการนับ 2 3 4 5 6 7 8 9 ... 100 ....200 ... ยังมีได้

แล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์แรกที่อุบัติขึ้นก่อนทุกพระองค์ก็ต้องมี

หมายเหตุ

ข้อมูลนี้

เป็นคัมภีร์ของล้านนา ชื่อ " ปฐมมูล" บันทึกเป็นภาษาบาลี
เก่าแก่มากจนเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร ต้องเก็บรักษาไว้อย่างระมัดระวังที่สุด


พระพุทธเจ้าติกขะ ทรงใช้เสียงร้อง อะ อา ของเด็กทารก มาเป็นมูลในการบัญญัติภาษาบาลี เพราะในกาละนั้น ไม่มีภาษาอักษร มีแต่ภาษาเสียง

หอสมุดแห่งชาติ แปลคัมภีร์นี้แล้วเผยแพร่แก่ประชาชน




ในปฐมมูล ปรากฎข้อความเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นไทยว่า

" ดูก่อน โกณฑัญญะ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงเทสนาสั่งสอนปาณสัตว์ทั้งหลาย ให้ได้เข้าถึง พระนิพพาน นานประมาณได้ 28

อสงไขย 160 โกฏิ ปลายแสนตัวสัตว์ สำเร็จบริบูรณ์แล้ว

ทรงมีพระชนมายุได้ 100,000 ปีก็ปรินิพพานแล

ดูก่อน โกณฑัญญะ ความเป็นมาของนิทานนี้ สืบเนื่องมาจากพระพุทธเจ้าที่มีมา

แล้วแต่ปางก่อนทุกพระองค์ ทรงเทสนาต่อ ๆ กันมาโดยลำดับ

และในคัมภีร์นี้ ยังมีบาลี ที่กล่าวถึงการสั่งสมพระบารมี ของ พระสังกัจจายะ

นะเถระ อย่างละเอียด เมื่อครั้งศาสนาของ พระพุทธเจ้า " อโนมทัสสี"

ครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร และจบเปรียญธรรม 9 ประโยคหลาย

ท่าน ได้ตรวจสอบเทียบเคียงกับ พระไตรปิฎก และอรรถกถาหลายเล่มแล้ว และเห็น

ว่าเป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงมูลเหตุแห่งพระพุทธศาสนาจริง สมดังชื่อคัมภีร์ " ปฐมมูล"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2013, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การเป็นพระพุทธเจ้านั้น
จะต้องบำเพ็ญสติปัญญามาอย่างเอกอุ ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติ

เมื่อถึงพระชาติสุดท้าย กำลังปัญญาทั้ง 10 ประการ
ก็ถึงจะเต็มเปี่ยม ชนิดที่หาที่สุดไม่ได้
เป็นบาทฐานแห่งการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาน

ถ้าศัพท์เทคนิคก็เรียกว่า ตถาคตญาน หรือ ทศพลญาน
อันหมายถึงกำลังปัญญา 10 ประการที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นพระพุทธเจ้าได้ และสามารถประกาศพระศาสนาให้มั่นคงได้

ด้วยจิตอันทรงมหาปัญญาอันสุดประมาณอย่างที่บอก
เวลาจะตรัสสิ่งใดออกมา
ล้วนแล้วแต่แตกออกมาจากจิตอันเปี่ยมด้วยพระปัญญาดังกล่าว

ดังนั้นเมื่อทรงตรัสสิ่งใด ก็เป็นสวากขตธรรม เป็นคำพูดของสัตบุรุษ
ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งความหมายและการแสดงภาษา
งดงามหมดจรด ไม่ขาดไม่เกิน ไม่กำกวม ไม่วกวน
เป็นอกาลิโกทั้งหมด คือเป็นจริงดังนั้นในทุกเวลาสถานที่ เป็นสัจจะ ไม่มีทางเป็นเท็จได้อีก
เป็นธรรมะของมหาบุรุษ
เป็นโอปนยิกธรรม ไม่หมกเม็ดปิดบัง พร้อมเชิญให้ท้าพิสูจน์ได้ด้วยปัญญาของแต่ละคนโดย
ไม่ต้องพึ่งสิ่งพึ่งพิงภายนอกในการพิสูจน์ธรรม เป็นปัตจัตตังเวทิตัพโพวิญญาหิติ

ด้วยพลังปัญญาดังกล่าว
ราวกับจะทรงหยั่งรู้ว่า สืบไปในอนาคต
คงจะมีพระพุทธเจ้าตัวปลอมมาสร้างความสับสนวุ่นวาย
นอกจากจะทรงตรัสให้พระธรรมคำสอนของพระองค์เป็นศาสดาแล้วสืบไปแล้ว
ยังทรงตรัสสำทับไว้อีกชั้นหนึ่ง ดังปรากฏในพระไตรปิฏก ดังนี้

Quote Tipitaka:
[๒๔๕]
พ. ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
(๑๐) ย่อมรู้ชัดว่า ข้อที่มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ๒ พระองค์ พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียวกัน
ไม่ก่อนไม่หลังกัน นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้

และรู้ชัดว่าข้อที่เป็นฐานะมีได้แล คือ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธพระองค์เดียว
พึงเสด็จอุบัติในโลกธาตุเดียว นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ

จาก
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๕. พหุธาตุกสูตร (๑๑๕)
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 4&item=236


แปลเป็นภาษาง่ายๆอีกที กล่าวได้ว่า
ดูก่อน อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
จะต้องรู้ชัดว่า อะไรที่เป็นไปได้(ฐานะ) อะไรที่เป็นไปไม่ได้(อฐานะ)

[ข้อ ๑๐ ] การที่จะมีพระพุทธเจ้าซ้อนกันอยู่ในโลกธาตุเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ส่วนสิ่งที่เป็นไปได้ คือมีพระพุธเจ้าเกิดขึ้นเพียงพระองค์เดียว ในช่วงก่อนกัน หรือหลังกันเท่านั้น

(คำว่า "ไม่ก่อนไม่หลังกัน ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้"
ก็คือคำว่า "ต้องก่อนกันหรือหลังกันเท่านั้น จึงจะเป็นฐานะที่จะมีได้" )



สรุป
1. พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระสมนโคดม ได้ทรงตรัสไว้ชัดเจน ว่าในยุคที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว จะไม่มีองค์ที่ 2 3 4

2. หลายคนที่พยามตะแบง ก็อาจจะกล่าวว่า ก็ในเมื่อพระสมนโคดมดับขันธ์ไปแล้ว 2556 ปี และสมเด็จองค์ปฐมก็ไม่ได้มาอุบัติขึ้นในระหว่างที่พระสมณโคดมยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ก็คงไม่ถือว่า อุบัติพร้อมกัน ในโลกธาตุเดียวกัน

ถ้าตีความดังนั้น ก็จงอธิบายว่าแล้วพระศรีอารย์อยู่ที่ไหน ก็ไหนว่าหลังจากพระสมณโคดมแล้ว จะเป็นยุคพระศรีอารย์ ไหงเป็นยุคสมเด็จองค์ปฐม

นั่นเพราะการตีความที่ตื้นเขินเอาแต่ประโยชน์ในทิฐิของตน

ยุคของพระศรีอารย์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคำสอนของพระสมณโคมดมได้สาบสุญไปแล้ว โลกว่างจากพระสัทธรรม คนในยุคพระศรีอารย์จะไม่ได้ยินไม่รู้จักคำสอนของพระสมณโคดม
นี่คือความหมายของคำว่ายุค ในเวลาที่เรากล่าวว่า ยุคนี้พระพุทธเจ้าพระองค์นี้
ไม่ได้หมายถึงแค่ช่วงเวลาที่ยังพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์ชีพ แต่หมายความถึงตราบเท่าที่คำสอนของพระองค์ยังอยู่

3. ตามคติของเรา หลังจากพระสมณโคดมแล้ว ถ้าจะมีพระพุทธเจ้ามาโปรด ก็ต้องเป็นคราวของพระศรีอารย์ แต่อยู่ดีๆสลับคิว ได้สมเด็จองค์ปฐมมาซะงั้น

4. ข้อนี้ขอเป็นคำถามก็แล้วกัน ในขณะที่พระสมณโคดมอุบัติขึ้นในฐานะมนุษย์ ทำไมสมเด็จองค์ปฐมไม่มาในร่างมนุษย์? จะมาเข้าฝันเข้านิมิตสั่งสอนแบบนี้ สมพระเกียรติ สมฐานะแห่งต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้วหรือ ท่านปล่อยให้คนนั้นอ้างว่าท่านพูดอย่างนี้ คนนี้อย่าว่าท่านสอนอย่างนั้น อย่างนี้เป็นการแสดงธรรมของมหาบุรุษหรือ เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายกระนั้นหรือ

5. หากเป็นองค์ปฐมต้นกำเนิด เหตุใดการหลังจากทรงดับขันธ์ปรนิพพานของพระองค์ไปแล้ว แล้วขันธ์ของพระองค์ทำไมไม่ดับ ทำไมยังทรงขันธ์ป้วนเปี้ยนในนิมิตชาวบ้านแข่งกับคำสอนของพระสมณะโคดม

6. ถึงเหล่าบรรดาผู้ศรัทธาคำสอนสมเด็จองค์ปฐมทั้งหลาย
ต่อให้มีสมเด็จองค์ทุติย.. องค์ตติ.. องค์จตุ.. องค์เบญจ หรือองค์ที่แสนโกฐ
ถ้าท่านยังไม่รู้วิธีเข้าถึงพระธรรมคำสอนองค์ปัจจุบัน .. จะไปเกาะองค์ไหนก็ได้ผลเดียวกัน
ถ้าพยามเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาตนเองตามคำสอนองค์ปัจจุบัน ก็ไม่จำเป้นต้องพึ่งพิงองค์ไหน เพราะได้ผลเดียวกัน

ท้ายนี้ เพื่อป้องกันศรีธนลชัย ขอชี้แจงว่า ผมไม่ได้โจมตีสมเด็จองค์ปฐม ที่หมายถึงพระพุทธเจ้าพระองค์แรก แต่ผมโจมตีฉายา(instance)ของสมเด็จองค์ปฐมใน version ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นเพียงผลผลิตของขี้ขโมย ที่สร้างกันขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ อาศัยดื่มกินศรัทธาของผู้คนเป็นรูปเป็นร่าง อาศัยพระธรรมของพระสมณโคดมเป็นวัตถุดิบ ปรุงแต่งปลอมแปลงพระธรรมให้วิปริต ราวกับเป็นโจรขโมยของโดยลบชื่อเจ้าของเดิมออก แล้วใส่ชื่อของตนนำออกหาอาหาร อันได้แก่ลาภ ยศ สรรเสริญของชนผู้มากด้วยโลภะ โทสะ โมหะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร