วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 13:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2008, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ธัมมวิจัย กับ ธัมมวิจารณ์ ต่างกันอย่างไร
พระพุทธยานันทภิกขุ (หลวงพ่อดิเรก พุทธยานันโท)
วัดป่าพุทธยานันทาราม : ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา


ธัมมวิจารณ์ ก็คือ การตรึกตรองพิจารณาไปในสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว
ในสิ่งที่เป็นไปแล้วเป็นอดีต เป็นอนาคตไปแล้ว
นำมานึกคิดพินิจพิจารณาอีก นี้เรียกว่า “ธรรมวิจารณ์”

แต่ ธรรมวิจัย ที่เป็นองค์ของโพชฌงค์ คือ ตรึกนึก ในสิ่งที่มันกำลังเกิด
เช่น ว่าเรากำลังนั่งปฏิบัติ ความง่วงกำลังเกิด
เราตรึกนึกเห็นอาการง่วงอันนั้น หาเหตุที่ไปที่มา
แล้วก็ไปแก้ไขมันจนหลุดหรือหมดไป อันนี้เป็น “ธรรมวิจัย”
เป็น นิโรจสัจจ์ แต่ธัมมวิจารณ์นั้นเป็น สมุทัยสัจจ์


การปวดแข้ง ปวดขา การง่วง การเหงา การเบื่อ การเซ็ง การอึดอัดขัดเคือง
อันเป็นอาการของนิวรณ์ต่างๆ
เราเข้าไปตรึกตรองในส่วนที่เป็นกายสังขาร
ที่กำลังเบียดเบียนเราอยู่ เราตรึกรองและแก้ไขจบนั้น จึงเป็น “ธรรมวิจัย”

พอเปลี่ยนไปท่าใหม่ สักพักมันก็เกิดใหม่อีก
กำหนดรู้ตรึกนึก แก้ไขแล้วก็จบที่เป็นกายสังขาร หรือเป็นทุกขเวทนา
มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขบำบัดไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ในปัจจุบันนี้เขาก็สอนไว้อีกแบบหนึ่ง
บอกว่าต้องกำหนดรู้ทุกขวทนาทางกายให้ถึงที่สุด
ให้มันระเบิดไปเลย ให้มันโล่งไปเลย ให้มันแตกหักไปเลย
เพื่อที่จะได้เห็นอนัตตาตัวจริง อย่างนี้ก็มี

ทีนี้คนที่ไม่แจ่มแจ้งเรื่องนี้ก็จะสับสน อันไหนมันถูกกันแน่

บางท่านก็บอกว่า กำหนดรู้แก้ไขปรับเปลี่ยนไปเองเลย
ไม่ต้องไปทุกขเวทนากับมัน
บางอาจารย์ก็บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยน
กำหนดรู้อยู่ตรงนั้น ให้มันเจ็บถึงที่สุดแล้วมันจะโล่งไปเอง

ความจริงต้องยึดหลักที่ว่า การไม่เบียดเบียนตนเอง
เป็นหลักอันหนึ่งในอวิหิงสาวิตก


เราจะต้องเอาหลักของมรรคมาตัดสินเสมอ
การเอาทุกขเวทนามาเบียดเบียนตนเอง
โดยสำคัญผิดว่าเป็นองค์ธรรม
มันก็ผิดจากหลักขององค์มรรคอยู่แล้ว


เราก็ต้องเอาตัวหลักมาตัดสิน
ไม่ใช่เอาตัวทิฏฐิอาจารย์มาตัดสิน


การไม่เบียดเบียนตนทำอย่างไร
ก็คือการไม่ทำร้ายตนเองด้วยความไม่รู้
แต่สามารถเอาทุกขเวทนามาเป็นองค์มรรคได้
แต่อย่าเอาทุกขเวทนามาทรมานตน


การทำตนเองให้ลำบากมันไปผิดองค์มรรค
แต่การทรมานกิเลสให้ลำบากนั้นเป็นธัมมวิจยะ
และเป็น สัมมัปปัญญา ด้วย เป็นตัว นิโรธสัจจ์ ด้วย


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : เคลื่อนไหวไปสู่ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม (ภายใน ๗ วัน), โดย พระพุทธยานันทภิกขุ,
จัดพิมพ์โดย กองทุนเพื่อนสติ, พิมพ์ครั้งที่ ๔, หน้า ๔๕-๔๖)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2013, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 14:43
โพสต์: 68

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2013, 17:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




2013-02-23 06.45.17_resize_resize - Copy.jpg
2013-02-23 06.45.17_resize_resize - Copy.jpg [ 93.82 KiB | เปิดดู 2374 ครั้ง ]
:b8:
สาธุอนุโมทนาครับ กราบท่านอาจารย์พระมหาดิเรก
:b27:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร