วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 16:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 90 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 05:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคล ๑๒

ประเภทของบุคคล ท่านจัดไว้เป็น ๑๒ คือ ปุถุชน ๔ อริยบุคคล ๘ ๑ปุถุชน ๔ ได้แก่
๑. ทุคคติอเหตุกบุคคล
๒. สุคติอเหตุกบุคคล
๓. ทวิเหตุกบุคคล
๔. ติเหตุกบุคคล

อริยบุคคล ๘ ได้แก่

มัคคบุคคล ๔
๑. โสดาปัตติมัคคบุคคล
๒. สกทาคามิมัคคบุคคล
๓. อนาคามิมัคคบุคคล
๔. อรหัตตมัคคบุคคล

ผลบุคคล ๔
๑. โสดาปัตติผลบุคคล
๒. สกทาคามิผลบุคคล
๓. อนาคามิผลบุคคล
๔. อรหัตตผลบุคคล

ทุคคติอเหตุกบุคคล ๑ ได้แก่ บุคคลในอบายภูมิรวม ๔ ภูมิ
คือ นรก ๑ ภูมิ เปรต ๑ ภูมิ อสุรกาย ๑ ภูมิ และสัตว์ดิรัจฉาน ๑ ภูมิ สัตว์ทั้ง ๔ นี้
ปฏิสนธิด้วย อุเบกขาสันตีรณอกุสลวิบาก ๑ ดวง

สุคติอเหตุกบุคคล ๑ ได้แก่ มนุษย์ผู้ หูหนวก ตาบอด เป็นบ้า เป็นใบ้ พิกลพิการต่าง ๆ ๑ ภูมิ
และเทวดาบางจำพวกในชั้นจาตุมหาราชิกา ๑ ภูมิ สัตว์ใน ๒ ภูมินี้ ปฏิสนธิด้วย อุเบกขาสันตีรณ
กุสลวิบาก ๑ ดวง

ทวิเหตุกบุคคล ๑ ได้แก่ มนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดาทั้ง ๖ ภูมิ (รวมเรียกว่า กาม สุคติภูมิ ๗)
ผู้ไม่มีปัญญา สัตว์ใน ๗ ภูมินี้ ปฏิสนธิด้วย มหาวิบากญาณวิปปยุตต ๔ ดวง

ติเหตุกบุคคล ๙ ได้แก่ ปุถุชน ๑ อริยบุคคล ๘
ปุถุชน ๑ ได้แก่ มนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดา ๖ ภูมิ รูปพรหม ๑๐ ภูมิ (เว้น สุทธาวาส ๕ ภูมิ อสัญญสัตต ๑ ภูมิ)
และอรูปพรหม ๔ ภูมิ รวมเป็น ๒๑ ภูมิ ด้วยกัน เป็นสัตว์ผู้มีปัญญาทั้งนั้นซึ่งปฏิสนธิด้วย
มหาวิบากญาณสัมปยุตต ๔ ดวง มหัคคตวิบาก ๙ ดวง

อริยบุคคล ๘ ได้แก่ มัคคบุคคล ๔ ผลบุคคล ๔ ในมนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดา ๖ ภูมิ รูปพรหม ๑๕ ภูมิ (เว้น
อสัญญสัตต ๑ ภูมิ) และอรูปพรหม ๔ ภูมิ สัตว์ใน ๒๖ ภูมินี้ ปฏิสนธิด้วย มหาวิบากญาณสัมปยุตต ๔ ดวง
มหัคคตวิบาก ๙ ดวง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อให้เห็นได้ชัดว่า อริยบุคคล ๘ นั้น บุคคลใดมีได้ในภูมิใดบ้าง ขอแสดง ดังนี้

โสดาปัตติมัคคบุคคล ๑

บุคคลนี้มีได้ ๑๗ ภูมิ คือ
มนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดา ๖ ภูมิ รูปพรหม ๑๐ ภูมิ

บุคคลนี้มีไม่ได้ใน ๑๔ ภูมิ คือ
อบาย ๔ ภูมิ สุทธาวาส ๕ ภูมิ อสัญญสัตต ๑ ภูมิ อรูปพรหม ๔ ภูมิ

โสดาปัตติผลบุคคล ๑ สกทาคามิมัคคบุคคล ๑
สกทาคามิผลบุคคล ๑ อนาคามิมัคคบุคคล ๑

บุคคลทั้ง ๔ นี้ มีได้ใน ๒๑ ภูมิ คือ
มนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดา ๖ ภูมิ
รูปพรหม ๑๐ ภูมิ อรูปพรหม ๔ ภูมิ

บุคคลทั้ง ๔ นี้ มีไม่ได้ใน ๑๐ ภูมิ คือ
อบาย ๔ ภูมิ สุทธาวาส ๕ ภูมิ อสัญญสัตต ๑ ภูมิ

อนาคามิผลบุคคล ๑
อรหัตตมัคคบุคคล ๑ อรหัตตผลบุคคล ๑

บุคคลทั้ง ๓ นี้ มีได้ใน ๒๖ ภูมิ คือ
มนุษย์ ๑ ภูมิ เทวดา ๖ ภูมิ รูปพรหม ๑๕ ภูมิ อรูปพรหม ๔ ภูมิ

บุคคลทั้ง ๔ นี้ มีไม่ได้ใน ๕ ภูมิ คือ
อบาย ๔ ภูมิ
อสัญญสัตต ๑ ภูมิ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


จิตที่ไม่มีในบุคคลบางจำพวก

บุคคลบางจำพวก ไม่มีจิตบางประเภทเลย มีสำนวนเก่าท่านกล่าวไว้
ซึ่งถ้าได้ พิจารณาแล้ว ก็พอจะเข้าใจได้ จึงเห็นว่าควรจะคงสำนวนนั้นไว้
โดยไม่เปลี่ยนแปลง แก้ไขเลย ดังมีข้อความต่อไปนี้

สัตว์ที่เป็นอเหตุก และ ทวิเหตุกนั้น เป็นสัตว์บุญน้อย ไม่ได้สำเร็จกิริยาชวนะ
( ชวนะจิตของพระอรหันต์ ) และ อัปปนาชวนะ ( หมายถึงสัตว์ที่เป็นอเหตุก และ
ทวิเหตุกนั้น ไม่สามารถทำฌาน และบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ ในชาติที่ปฏิสนธิด้วย
อุเบกขาสันตีรณกุสลวิบาก ๑ ดวง และ มหาวิบากญาณวิปปยุตต ๔ ดวง นั้น )
ถึงเกิดในสุคติ จิตที่เป็นกามาวจรวิบากญาณสัมปยุตตก็ไม่มีในสันดาน

ถ้าเป็นอเหตุกสัตว์ในทุคคติแล้ว ก็ยิ่งชั่วร้อยเท่าพันทวี แม้แต่จิตที่เป็นมหา
วิบากญาณวิปปยุตต ก็ไม่มีในสันดาน ท่านที่เป็นติเหตุกหรือ ไตรเหตุ มีไตรเหตุเกิด
พร้อมด้วยปฏิสนธิจิตนั้น ถ้าบำเพ็ญพระกัมมัฏฐาน ก็จะได้สำเร็จเป็นพระขีณาสพ
ขาดจากกุสลชวนะ และอกุสลชวนะ มีแต่ กิริยาชวนะ และอรหัตตชวนะ

ปุถุชนที่เป็นติเหตุกหรือไตรเหตุ ยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็ไม่มีกิริยาชวนะในสันดาน
โลภชวนะที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหสัมปยุตตวิจิกิจฉา และกิริยา ชวนะก็ดี
ย่อมไม่มีในสันดานแห่งเสกขบุคคลคือ พระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี
พระอนาคามีบุคคลนั้น ในสันดานไม่มีปฏิฆชวนะ และกิริยาชวนะ และโลภ ชวนทิฏฐิสัมปยุตต
และโมหชวนวิจิกิจฉาสัมปยุตต

โลกุตตรชวนะนั้น มีกำหนดเกิดเป็นส่วน ๆ กัน โสดาปัตติชวนะนั้น จำเพาะ มีในสันดาน
พระโสดาบัน ครั้นถึงพระสกทาคามีแล้ว โสดาปัตติชวนะก็ขาดไป มีแต่สกทาคามีชวนะ
ในสันดาน ครั้นได้อนาคามีแล้ว สกทาคามีชวนะก็ขาดไป มีแต่ อนาคามีชวนะ
ครั้นได้อรหัตตแล้ว อนาคามีชวนะก็ขาดไป มีแต่อรหัตตชวนะอยู่ใน สันดาน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


วิถีจิตของบุคคล

บุคคลทั้ง ๑๒ (ปุถุชน ๔, อริยบุคคล ๘)นั้น บุคคลใดมี วิถีจิต ได้เท่าใด ท่านได้แสดงไว้
เป็นส่วนรวม ดังมีคาถา สังหคะเป็นคาถาที่ ๙ แสดงไว้ว่า

๙. อเสกฺขานํ จตุจตฺตา- ฬีส เสกฺขาน มุทฺทิเส
ฉปญฺญาสาว เสสานํ จตุปญฺญาส สมฺภวา ฯ


แปลความว่า อเสกขบุคคล มีวิถีจิต ๔๔
เสกขบุคคล มีวิถีจิต ๕๖
บุคคลนอกนั้น มีวิถีจิต ๕๔

อธิบาย

อเสกขบุคคล คือบุคคลที่ไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว หมายถึงพระอรหันต์ มีวิถีจิต ๔๔ คือ
อเหตุกจิต ๑๘
มหากิริยา ๘
มหาวิบาก ๘
มหัคคตกิริยา ๙
อรหัตตผล ๑

ที่มีวิถีจิต ๔๔ นี้ หมายถึง พระอรหันต์อยู่ในกามภูมิ และได้ฌานทั้งรูปฌาน และอรูปฌานด้วย
เสกขบุคคล คือ บุคคลที่ยังต้องศึกษาต่อไปอีก หมายถึง พระโสดาบัน พระสกทาคามี
และพระอนาคามี มีวิถีจิต ๕๖ คือ
อกุสลจิต ๗ (เว้นทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉา ๑)
อเหตุกจิต ๑๗ (เว้นหสิตุปปาทะ)
มหากุสล ๘
มหาวิบาก ๘
มหัคคตกุสล ๙
โลกุตตรจิต ๗ (เว้นอรหัตตผล)

ที่มีวิถีจิต ๕๖ นี้กล่าวเป็นส่วนรวมทั้ง ๗ บุคคล เว้นแต่อรหัตตผลบุคคล บุคคลเดียวเท่านั้น
บุคคลนอกนั้นคือ บุคคลที่นอกจากพระอริยะทั้ง ๘ หมายถึง บุคคลที่ยังเป็น ปุถุชนอยู่
และอยู่ในกามภูมิ มีวิถีจิต ๕๔ คือ
อกุสลจิต ๑๒
อเหตุกจิต ๑๗ (เว้นหสิตุปปาทะ)
มหากุสล ๘
มหาวิบาก ๘
มหัคคตกุสล ๙

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ขยายความ

เพื่อให้เห็นได้ชัดเป็นรายบุคคล ว่าแต่ละบุคคลมี วิถีจิต และประเภทจิตที่ไม่
สามารถจะมีได้นั้นเท่าใด อะไรบ้าง จึงขอแสดงดังต่อไปนี้

ทุคคติบุคคล

ได้วิถีจิต ๓๗ ดวง คือ......................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๕๒ ดวง คือ
อกุสล ๑๒........................................................หสิตุปปาทะ ๑
อเหตุก ๑๗.......................................................มหาวิบาก ๘
มหากุสล ๘.......................................................มหากิริยา ๘
....................................................................มหัคคตจิต ๒๗
....................................................................โลกุตตร ๘

สุคติบุคคล และ ทวิเหตุกบุคคล

ได้วิถีจิต ๔๑ ดวง คือ....................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๔๘ ดวง คือ
อกุสลจิต ๑๒.............................................หสิตุปปาทะ ๑
อเหตุกจิต ๑๗.............................................มหาวิบากญาณสัมปยุตต ๔
มหากุสลจิต ๘.............................................มหากิริยา ๘
มหาวิบากญาณวิปปยุตต ๔...............................มหัคคตจิต ๒๗
................................................................โลกุตตร ๘

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ติเหตุกปุถุชน (กามบุคคล)

ได้วิถีจิต ๕๔ ดวง คือ.......................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๓๕ ดวง คือ
อกุสลจิต ๑๒.................................................หสิตุปปาทะ ๑
อเหตุกจิต ๑๗................................................มหากิริยา ๘
มหากุสลจิต ๘................................................มหัคคตวิบาก ๙
มหาวิบากจิต ๘...............................................มหัคคตกิริยา ๙
มหัคคตกุสลจิต ๙............................................โลกุตตรจิต ๘

โสดาบัน และ สกทาคามิบุคคล (กามบุคคล)

ได้วิถีจิต ๕๐ ดวง คือ...........................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๓๙ ดวง คือ
โลภทิฏฐิคตวิปปยุตต ๔ ........................................โลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔
โทสมูลจิต ๒.....................................................วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑
อุทธัจจสหคตจิต ๑...............................................หสิตุปปาทะ ๑
อเหตุกจิต ๑๗....................................................มหากิริยา ๘
มหากุสล ๘.......................................................มหัคคตวิบาก ๙
มหาวิบาก ๘......................................................มหัคคตกิริยา ๙
มหัคคตกุสล ๙....................................................โลกุตตรจิต อีก ๗
โสดาปัตติผล หรือ สกทาคามิผล ๑

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อนาคามิบุคคล (กามบุคคล)

ได้วิถีจิต ๔๘ ดวง คือ............................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๔๑ ดวง คือ
โลภทิฏฐิคตวิปปยุตต ๔.........................................โลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔
อุทธัจจสหคตจิต ๑...............................................โทสมูลจิต ๒
อเหตุกจิต ๑๗.....................................................วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑
มหากุสล ๘........................................................หสิตุปปาทะ ๑
มหาวิบาก ๘.......................................................มหากิริยา ๘
มหัคคตกุสล ๙.....................................................มหัคคตวิบาก ๙
อนาคามิผล ๑......................................................มหัคคตกิริยา ๙
.....................................................................โลกุตตรจิต อีก ๗

อรหัตตบุคคล (กามบุคคล)

ได้วิถีจิต ๔๔ ดวง คือ..............................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๔๕ ดวง คือ
อเหตุกจิต ๑๘......................................................อกุสล ๑๒
มหาวิบาก ๘........................................................มหากุสล ๘
มหากิริยา ๘........................................................มหัคคตกุสล ๙
มหัคคตกิริยา ๙.....................................................มหัคคตวิบาก ๙
อรหัตตผล ๑.......................................................โลกุตตรจิต อีก ๗

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 18:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พรหมปุถุชน ในปฐมฌานภูมิ ๓ ตติยฌานภูมิ ๓ และ
จตุตถฌาน เฉพาะ เวหัปผลาภูมิ ๑


ใน ๗ ภูมินี้ มีจิตได้ ๓๙ ดวง คือ..................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๕๐ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘......................................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒.......................................................ฆาน ชิวหา กาย ๖
อเหตุกจิต ๑๑......................................................หสิตุปปาทะ ๑
มหากุสล ๘........................................................มหาวิบาก ๘
มหัคคตกุสล ๙....................................................มหากิริยา ๘
ปฐมฌานวิบาก หรือ..............................................มหัคคตวิบาก อีก ๘
จตุตถฌานวิบาก หรือ ๑..........................................มหัคคตกิริยา ๙
ปัญจมฌานวิบาก.................................................โลกุตตรจิต ๘

พรหมปุถุชน ใน ทุติยฌานภูมิ ๓

ใน ๓ ภูมินี้ มีจิตได้ ๔๐ ดวง คือ................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๔๙ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘ ....................................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒......................................................ฆาน ชิวหา กาย ๖
อเหตุกจิต ๑๑.....................................................หสิตุปปาทะ ๑
มหากุสล ๘.......................................................มหาวิบาก ๘
มหัคคตกุสล ๙....................................................มหากิริยา ๘
ทุติยฌานวิบาก ๑..................................................มหัคคตวิบาก อีก ๗
ตติยฌานวิบาก ๑..................................................มหัคคตกิริยา ๙
..................................... ...............................โลกุตตรจิต ๘

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พรหมอนาคามี ใน สุทธาวาส ๕ ภูมิ

ใน ๕ ภูมินี้ มีจิตได้ ๓๕ ดวง คือ.........................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๕๔ ดวง คือ
โลภทิฏฐิคตวิปปยุตต ๔ ................................................โลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔
อุทธัจจสหคตจิต ๑.......................................................โทสมูลจิต ๒
อเหตุกจิต ๑๑.............................................................วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑
มหากุสล ๘................................................................ฆาน ชิวหา กาย ๖
มหัคคตกุสล ๙............................................................หสิตุปปาทะ ๑
ปัญจมฌานวิบาก ๑.......................................................มหาวิบาก ๘
อนาคามิผล ๑.............................................................มหากิริยา ๘
...........................................................................,มหัคคตวิบาก อีก ๘
............................................................................มหัคคตกิริยา ๙
............................................................................โลกุตตรจิต ๗
พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี ในรูปพรหมชั้นอื่น ๆ คือ ใน ปฐมฌานภูมิ ๓
ในทุติยฌานภูมิ ๓ ในตติยฌานภูมิ ๓ และในจตุตถฌานภูมิ เฉพาะเวหัปผลาภูมิ ๑ รวม ๑๐ ภูมินั้น
ก็มีจิตได้ ๓๕ ดวง เท่ากับพรหมอนาคามี ในสุทธาวาสภูมินี้ เพียงแต่
ก. เปลี่ยนปัญจมฌานวิบาก เป็น ปฐมฌานวิบาก ทุติยฌานวิบาก ตติยฌาน วิบาก หรือ
จตุตถฌานวิบากให้ตรงตามที่ได้ที่ถึง
ข. เปลี่ยน อนาคามิผลเป็น โสดาปัตติผล สกทาคามิผล หรือคงเป็นอนาคามิ ผล ให้ตรงตาม
ที่ได้บรรลุอริยผลชั้นนั้น ๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พรหมอรหันต์ ในสุทธาวาสภูมิ ๕

ใน ๕ ภูมินี้ มีจิตได้ ๓๑ ดวง คือ...................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๕๘ ดวง คือ
อเหตุกจิต ๑๒.......................................................อกุสล ๑๒
มหากิริยา ๘........................................................ฆาน ชิวหา กาย ๖
มหัคคตกิริยา ๙.....................................................มหากุสล ๘
ปัญจมฌานวิบาก ๑.................................................มหาวิบาก ๘
อรหัตตผล ๑.........................................................มหัคคตกุสล ๙
.......................................................................มหัคคตวิบาก อีก ๘
......................................................................โลกุตตรจิต อีก ๗
พระอรหันต์ในรูปพรหมชั้นอื่น ๆ ก็มีจำนวนจิตเท่ากันนี้ เพียงแต่เปลี่ยน ปัญจมฌานวิบาก
เป็น ปฐมฌานวิบาก ทุติยฌานวิบาก ตติยฌานวิบาก หรือ จตุตถ ฌานวิบาก ให้ตรงตามที่ได้ที่ถึง

อรูปพรหมปุถุชน ในอากาสานัญจายตนภูมิ

ในภูมินี้ มีจิตได้ ๒๔ ดวง คือ........................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๖๕ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘.........................................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒..........................................................อเหตุกจิต ๑๗
มโนทวาราวัชชนจิต ๑.................................................มหาวิบาก ๘
มหากุสล ๘............................................................มหากิริยา ๘
อรูปกุสล ๔............................................................รูปาวจรจิต ๑๕
อากาสานัญจายตนวิบาก ๑...........................................อรูปวิบาก อีก ๓
.........................................................................อรูปกิริยา ๔
.........................................................................โลกุตตรจิต ๘

พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี ที่เป็นอากาสานัญจายตน พรหม มีจิตได้เพียง ๒๐ ดวง
และประเภทจิตที่ไม่มี ๖๙ ดวง โดยต้องเพิ่มหรือลด ดังนี้

ก. ทางฝ่ายจิตที่มีได้ ต้องเพิ่มโสดาปัตติผล หรือสกทาคามิผล หรืออนาคามิ ผล ขึ้น ๑ ดวง แล้วแต่ว่า
บรรลุผลจิตชั้นใด และต้องหักโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑ รวม ๕ ดวง ออกเสียด้วย
คงเป็น ๒๔+๑-๕ เท่ากับ ๒๐ ดวง

ข. ทางฝ่ายประเภทจิตที่ไม่มี ต้องเพิ่มโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต๔ วิจิกิจฉาสหคต จิต ๑ รวม ๕ ดวง
และต้องลดโลกุตตรจิตออกเสีย ๑ ดวง คงเป็น ๖๕+๕-๑ เท่ากับ ๖๙ ดวง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อรูปพรหมปุถุชน ในวิญญาณัญจายตนภูมิ

ในภูมินี้ มีจิตได้ ๒๓ ดวง คือ...........................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๖๖ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘...........................................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒............................................................อเหตุกจิต ๑๗
มโนทวาราวัชชนจิต ๑..................................................มหาวิบาก ๘
มหากุสล ๘.............................................................มหากิริยา ๘
อรูปกุสล ๓..............................................................รูปาวจรจิต ๑๕
วิญญาณัญจายตนวิบาก ๑..............................................อากาสานัญจายตนกุสลจิต ๑
..........................................................................อรูปวิบาก อีก ๓
..........................................................................อรูปกิริยา ๔
..........................................................................โลกุตตรจิต ๘

พระโสดาบัน พระสกทาคามี และ พระอนาคามี ที่เป็นวิญญาณัญจายตน พรหม มีจิตได้เพียง ๑๙ ดวง
และประเภทจิตที่ไม่มี ๗๐ ดวง ต้องเพิ่มหรือลด ดังนี้

ก. ทางฝ่ายจิตที่มีได้ ต้องเพิ่มโสดาปัตติผล หรือสกทาคามีผล หรือ อนาคามี ผล ขึ้น ๑ ดวง
แล้วแต่ว่าบรรลุผลจิตชั้นใด และต้องหักโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑ รวม ๕ ดวง
ออกเสียด้วย คงเป็น ๒๓+๑-๕ เท่ากับ ๑๙ ดวง

ข. ทางฝ่ายประเภทจิตที่ไม่มี ต้องเพิ่มโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉา สหคตจิต ๑ รวมเพิ่ม ๕ ดวง
และต้องลดโลกุตตรจิตออกเสีย ๑ ดวง คงเป็น ๖๖+๕-๑ เท่ากับ ๗๐ ดวง

อรูปพรหมปุถุชน ในอากิญจัญญายตนภูมิ

ในภูมินี้ มีจิตได้ ๒๒ ดวง คือ..........................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๖๗ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘............................................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒.............................................................อเหตุกจิต ๑๗
มโนทวาราวัชชนจิต ๑...................................................มหาวิบาก ๘
มหากุสล ๘..............................................................มหากิริยา ๘
อากิญจัญญายตนกุสล ๑................................................รูปาวจรจิต ๑๕
เนวสัญญานาสัญญายตนกุสล ๑........................................อากาสานัญจายตนกุสล ๑
อากิญจัญญายตนวิบาก ๑...............................................วิญญาณัญจายตนกุสล ๑
...........................................................................อรูปวิบาก อีก ๓
...........................................................................อรูปกิริยา ๔
...........................................................................โลกุตตรจิต ๘

พระเสกขบุคคล ๓ ที่เป็นอากิญจัญญายตนพรหม มีจิตได้เพียง ๑๘ ดวง
และประเภทจิตที่ไม่มี ๗๑ ดวง ทั้งนี้ต้องเพิ่มหรือลด ดังนี้

ก. ทางฝ่ายจิตที่มีได้ ต้องเพิ่ม โสดาปัตติผล หรือ สกทาคามิผล หรือ อนาคา มิผล ขึ้น ๑ ดวง แล้วแต่ว่า
บรรลุผลจิตชั้นใด และต้องหักโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑ รวม ๕ ดวงออกเสียด้วยคงเป็น ๒๒+๑-๕ เท่ากับ ๑๘ ดวง

ข. ทางฝ่ายประเภทจิตที่ไม่มี ต้องเพิ่มโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉา สหคตจิต ๑ รวมเพิ่ม ๕ ดวง
และต้องลดโลกุตตรจิตออกเสีย ๑ ดวง คงเป็น ๖๗+๕-๑ เท่ากับ ๗๑ ดวง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


อรูปพรหมปุถุชน ในเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ

ในภูมินี้ มีจิตได้ ๒๑ ดวง คือ....................................งงประเภทจิตที่ไม่มี ๖๘ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘................................................... โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒.....................................................อเหตุกจิต ๑๗
มโนทวาราวัชชนจิต ๑...........................................มหาวิบาก ๘
มหากุสล ๘......................................................มหากิริยา ๘
เนวสัญญานาสัญญายตนกุสล ๑................................รูปาวจรจิต ๑๕
เนวสัญญานาสัญญายตนวิบาก ๑...............................อรูปกุสล อีก ๓
...................................................................อรูปวิบาก อีก ๓
...................................................................อรูปกิริยา ๔
...................................................................โลกุตตรจิต ๘

พระเสกขบุคคล ที่เป็น เนวสัญญานาสัญญายตนพรหม มีจิตได้เพียง ๑๗ ดวง เท่านั้น
และประเภทจิตที่ไม่มี ๗๒ ดวง ทั้งนี้ต้องเพิ่ม หรือลด ดังนี้

ก. ทางฝ่ายจิตที่มีได้ ต้องเพิ่มโสดาปัตติผล หรือ สกทาคามิผล หรือ อนาคา มิผล ขึ้น ๑ ดวง
แล้วแต่ว่าบรรลุผลจิตชั้นใด และต้องหักโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉาสหคตจิต ๑ รวม ๕ ดวง
ออกเสียด้วย คงเป็น ๒๑+๑-๕ เท่ากับ ๑๗

ข. ทางฝ่ายประเภทจิตที่ไม่มี ต้องเพิ่มโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต ๔ วิจิกิจฉา สหคตจิต ๑ รวมเพิ่ม ๕ ดวง
และต้องลดโลกุตตรจิตออกเสีย ๑ ดวง คงเป็น ๖๘+๕-๑ เท่ากับ ๗๒

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอรหันต์ ในอากาสานัญจายตนภูมิ

มีจิตเกิดได้ ๑๕ ดวง คือ..............................................ประเภทจิตที่ไม่มี ๗๔ ดวง คือ
มโนทวาราวัชชนจิต ๑................................................อกุสลจิต ๑๒
มหากิริยา ๘..........................................................อเหตุกจิต ๑๗
อรูปกิริยา ๔...........................................................มหาวิบาก ๘
อากาสานัญจายตนวิบาก ๑...........................................มหากิริยา ๘
อรหัตตผล ๑..........................................................รูปาวจรจิต ๑๕
.........................................................................อรูปกุสล ๔
........................................................................อรูปวิบาก อีก ๓
........................................................................โลกุตตรจิต อีก ๗

พระอรหันต์ ในวิญญาณัญจายตนภูมินั้น ประเภทจิตที่เกิดได้ต้องหักอรูปกิริยา คือ
อากาสานัญจายตนกิริยา ออกเสีย ๑ และเปลี่ยน อากาสานัญจายตนวิบาก
เป็นวิญญาณัญจายตนวิบาก คงเหลือจิตที่เกิดได้ ๑๔ ดวงส่วนประเภทจิตที่ไม่มี
ก็ต้องเพิ่มอรูปกิริยา คือ อากาสานัญจายตนกิริยา ๑ รวมเป็น ๗๕ ดวง ด้วยกัน
พระอรหันต์ ในอากิญจัญญายตนภูมินั้น ประเภทจิตที่เกิดได้ ต้องหัก อรูป กิริยา คือ
อากาสานัญจายตนกิริยา ๑ วิญญาณัญจายตนกิริยา ๑ รวม ๒ ดวง ออกเสีย และเปลี่ยน
อากาสานัญจายตนวิบาก เป็นอากิญจัญญายตนวิบากคงเหลือ จิตที่เกิดได้ ๑๓ ดวง
ส่วนประเภทจิตที่ไม่มี ก็ต้องเพิ่มอรูปกิริยา คือ อากาสานัญจายตนกิริยา ๑ วิญญาณัญจายตนกิริยา ๑
รวมเพิ่ม ๒ เป็น ๗๖
พระอรหันต์ ในเนวสัญญานาสัญญายตนภูมินั้น ประเภทจิตที่เกิดได้ ต้องหัก อรูปกิริยา คือ
อากาสานัญจายตนกิริยา ๑ วิญญาณัญจายตนกิริยา ๑ และ อากิญ จัญญายตนกิริยา ๑ รวม ๓ ดวง
ออกเสีย และเปลี่ยนอากาสานัญจายตนวิบาก เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนวิบาก
คงเหลือจิตที่เกิดได้ ๑๒ ดวง

ส่วนประเภทจิตที่ไม่มี ก็ต้องเพิ่มอรูปกิริยา คือ อากาสานัญจายตนกิริยา ๑ วิญญาณัญจายตนกิริยา ๑ และ อากิญจัญญายตนกิริยา ๑ รวมเพิ่ม ๓ จึงเป็น ๗๗
อนึ่ง ที่ต้องลดจิตของอรูปชั้นต่ำออกเสียนั้น เพราะเหตุว่าในอรูปพรหมชั้นสูง ได้ก้าวล่วงอารมณ์
ของอรูปชั้นต่ำเสียแล้ว ดังนั้นอารมณ์ในอรูปชั้นต่ำจึงไม่มี ที่จะได้ เป็นปัจจัยให้แก่อรูปพรหมชั้นสูง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2013, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


วิถีจิตตามภูมิ

ภูมิ อันเป็นชั้นที่อยู่แห่งสัตว์นั้น ในที่นี้จำแนกเพียง ๓ ภูมิ คือ กามภูมิ ๑ รูปภูมิ ๑ และอรูปภูมิ ๑
เมื่อกล่าวโดยส่วนรวมทั้ง ๓ ภูมิแล้ว ในภูมิใดมีวิถีจิตเกิดได้เท่าใดนั้น มีคาถาสังคหะเป็นคาถาที่ ๑๐
แสดงว่า

๑๐. อสีติ วิถีจิตฺตานิ กาเม รูเป ยถารหํ
จตุสฏฺฐี ตถารูเป เทวฺจตฺตาฬีส ลพฺภเร ฯ


แปลความว่า กามภูมิ มีวิถีจิต ๘๐
รูปภูมิ มีวิถีจิต ๖๔
อรูปภูมิ มีวิถีจิต ๔๒
มีรายละเอียดดังนี้

กามภูมิ ๑๑

มีวิถีจิต ๘๐ คือ..............................................ไม่มีจิต ๙ ดวง คือ
อกุสลจิต ๑๒ ................................................มหัคคตวิบาก ๙
อเหตุกจิต ๑๘
กามาวจรโสภณจิต ๒๔
มหัคคตกุสล ๙
มหัคคตกิริยา ๙
โลกุตตรจิต ๘

รูปภูมิ ๑๕ ภูมิ (เว้นอสัญญสัตตภูมิ)

มีวิถีจิต ๖๔ คือ.....................................ไม่มีจิต ๒๕ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘.......................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒........................................ฆานวิญญาณจิต ๒
อเหตุกจิต ๑๒......................................ชิวหาวิญญาณจิต ๒
มหากุสล ๘.........................................กายวิญญาณจิต ๒
มหากิริยา ๘........................................มหาวิบาก ๘
มหัคคตกุสล ๙.....................................มหัคคตวิบาก ๙
มหัคคตกิริยา ๙
โลกุตตรจิต ๘

อรูปภูมิ ๔

มีวิถีจิต ๔๒ คือ......................................ไม่มีจิต ๔๗ ดวง คือ
โลภมูลจิต ๘.........................................โทสมูลจิต ๒
โมหมูลจิต ๒.........................................อเหตุกจิต ๑๗
มโนทวาราวัชชนจิต ๑...............................มหาวิบากจิต ๘
มหากุสล ๘..........................................รูปาวจรจิต ๑๕
มหากิริยา ๘.........................................อรูปวิบาก ๔
อรูปกุสล ๔.........................................โสดาปัตติมัคคจิต ๑
อรูปกิริยา ๔
โลกุตตรจิต ๗

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2013, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อความส่งท้าย

วิถีจิต คือ ลำดับความเป็นไปของจิตตามทวารทั้ง ๖ ย่อมเกิดขึ้นรับอารมณ์ ใหม่
และเป็นไปดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ตลอดเวลา ไม่ขาดสายจนตลอดชีวิตแห่งสัตว์ นั้น
เมื่อสิ้นสุดวิถีจิตแต่ละวิถี ต้องมีภวังคจิตเกิดมาคั่นไว้ชั่วระยะหนึ่งก่อน แล้ว จึงจะเริ่มเป็น
วิถีจิตต่อไปใหม่ ภวังคจิตที่เกิดมาคั่นแต่ละวิถีนี้ มีจำนวนไม่เท่ากัน
หลังวิถีจิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเกิดภวังคเพียง ๒ ขณะ พระสารีบุตร
ย่อมเกิดเพียง ๑๖ ขณะ แต่ทว่าสัตว์อื่นทั้งหลายนั้นเกิดมากจนไม่อาจ นับได้
อนึ่งสัตว์ที่เกิดในโลกทั้งปวง ถ้าปราศจากประสาทแห่งทวารใดแล้ว ก็ปราศ จากจิตที่เกิดทางทวาร
นั้น ๆ สัตว์ที่เกิดเป็นอสัญญสัตตพรหมนั้นไม่มีจิต จิตปวัตติ คือ ความเป็นของ จิตวิถีจิตจึงไม่มี
จิตระงับสงบอยู่ถึง ๕๐๐ มหากัปป์ ต่อเมื่อจุติจากอสัญญีภพแล้ว จึงประพฤติเป็นไปในภพทั้ง ๓


อวสานคาถา ปริจเฉทที่ ๔

อิจฺจานุรุทฺธรจิเต อภิธมฺมตฺถสงฺคเห
จตุตฺโถ ปริจฺเฉโทยํ สมาเสเนว นิฏฺฐิโต ฯ

นี่ปริจเฉทที่ ๔ ( ชื่อ วิถีสังคหวิภาค ) ในปกรณ์ อันรวบรวมซึ่งอรรถแห่งพระอภิธรรม
ที่พระอนุรุทธาจารย์ รจนาไว้ จบแล้วโดยย่อเพียงเท่านี้แล

ที่มา http://www.thepathofpurity.com

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 90 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร