ฟังแล้วมีความสุขจัง



ใครตั้งใจฟังให้จบอาจบรรลุเลยนะ

ฟังธรรมจักรหรอ ท่องให้ได้แล้วก็สวดทุกๆวัน น้อง big จำได้หมดไหม แปลออกไหมว่าหมายถึงอะไรบ้าง


อ้อ เขาแปลให้แล้ว

ผมเน้นตรงนี้มากเกี่ยวกับการปฏิบัติ แต่ไม่ได้ท่องแบบสวดหรอกครับความจำไม่ดี ผมเน้นความเข้าใจมากกว่าครับ

พี่กายเคยผ่านสำนักนั้นนะ ตั้ง ถ. สายพิโลก หล่มสัก น้อง big ยังไปประจำไหม?

ต้มซดน้ำด้วยดิ

555ขอเป็นน้ำเห็ดสามอย่างดีกว่าอร่อยดี ซื้อที่วังน้ำเขียว

ผมเคยไปครั้งหนึ่ง แต่ผ่านบ่อย ส่วนใหญ่แล้วไปที่ปราจีนเพราะอยู่ใกล้ๆบ้าน ปีนี้ไปมาสามครังแล้วครับ

เล่ากิจกรรมของผู้ที่พำนักที่นั่นในแต่ละวันๆบ้างดิ

เมื่อก่อนเคยเจอท่านหนึ่งที่วัดภาซ้อนแก้ว แนะนำเขาไปที่นั้นเขาพาเมียเขาไปด้วย พอเขาไปด้วย พอออกจากสำนักเขารีบโทรศัพท์มาขอบคุณผมเลย ว่าเขาเป็นหนี่ชีวิตผม ผมบอกว่าไม่ถึงขนาดนันหรอก

ตอนแรกคุยกันก็ขัดคอกันเพราะเขาเป็นคนรวยมากๆผ่านชีวิตมาเยอะเหมือนกัน อีโก้เนียเต็มเลย ผมบอกว่าเอาอย่างนี้ไปดูสถานที่ก่อนค่อยว่ากัน ผมก็นั้งรถพาเข้าไปเขาเป็นคนขับ พอถึงสถานที่นั้นเขาถูกใจมากเพราะเงียบดี เขาเลยรีบกลับกรุงเทพไปพาเมียมาปฎิบัติทันทีที่ผมบอกเขาเลย

ก็เป็นอะไรที่มีความสุขที่ได้บอกตนให้ได้ปฎิบัติธรรม ส่วนต่อจากนั้นก็แล้วแต่ใครจะเป็นอย่างไร ผมทำโทรศัพท์หายไม่เคยติดต่อกันนานแล้ว

ที่นั้นเป็นคอร์สที่นั้นจะเป็นคอร์สสิบวัน ตื่นตี4 ทุกวัน นั่งสมาธิถึง6โมงเช้า ทานอาหาร 8 โมงนั่งอธิฐานพร้อมกัน1ชั่วโมง นั่งไปถึง11โมงทานอาหาร พักถึงบ่ายโมงครึ่ง นั่งต่อ พอบ่ายสองโมง นั่งอธิฐานพร้อมกันอีกหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วนั่งไปเรื่อย ถึง5โมงเย็นกินข้าว 6เย็ยเริ่งนั่อธิฐานอีกหนึ่งชั่วโมง

ตอยเย็นหลังจากการนั่งอะิฐานนั้นจะมีการบรรยายธรรมะทุกวันเป็นการสร้างความเข้าใจในการปฎิบัติไปด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย จนถึงสามทุ่ม แยกย้ายกันนอน การบรรยายนั้นจะมีองค์ธรรมทั้งหมดคือโพธิปักขิยธรรม จะเป็นเทปการบรรยายทั้งหมด เรียกว่าใครไม่เข้าใจธรรมะก็พอจะเข้าใจได้บ้างทีเดียว พร้อมๆกับวิธีปฎิบัติไปพร้อมๆกัน

ทุกสำนักจะบรรยายเหมือนกันทั่วโลกพร้อมกันแม้กระทั้งเวลาการปฎิบัติ ที่สำนักนี้จะมีต่างชาติมากพอสมควรบางครังมีถึง5ประเทศ การบรรยายธรรมะช่วงเย็ยนั้น จะต้องแยกกันไปตามห้องที่จัดให้ แต่ในชั่วโมงปฎิบัตินั้นจะมีวิธีบรรยายเกี่ยวกับการปฎิบัติเป็นภาษไทยและอังกฤษ ที่นี่ไม่มีการสวดมนต์ 10วันนี้จะไม่มีการพูดกัน จะมีธรรมบริกรคอยตรวจสอบดูแลคอยจัดอาหารให้ทุกอย่าง

ศิษย์มีหน้าที่ปฎิบัติอย่างเดียว สงสัยอะไร ถามธรรมบริกรจะพาไปพบอาจารย์ผู้ช่วยสอน ก็ประมาณนี้แหละครับส่วนวิธีการสอนนั้นขอไม่บอกนะครับ ศึกษาได้ที่เว็บที่เป็นลายเซ็นข้างล่างได้

เขาให้เริ่มต้นยังไงครับ เท่าที่พูดมามองไม่เห็นจุดเริ่ม ที่เรียกว่าเป็นหลักการปฏิบัติ หรือ

ให้คิดพิจารณาอะไรต่ออะไรกันไปตามแต่ใครจะคิดอะไรได้ หรือไงครับ


คล้ายๆฟังธรรมจักรงี้ ใครฟังเข้าใจก็บรรลุกันไปเลย

อานาปานสติครับเป็นหลัก ที่นี่ที่เคยบอกว่าที่จะต้องเข้าไปรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในร่างกายให้ได้ก่อนถึงเรียกว่าวิปัสนาจริงๆรับรู้ทางความรู้สึกจริงไม่ใช่แบบถ่องจำหรือคิดเอาจะต้องรู้สึกถึงความรู้สึกเิกิดดับจริงๆทางร่างกาย

สมมุติว่าผมนึกถึงติ่งหูผมจะต้องรับความรู้สึกที่นั้นได้ทันที นึกถึงปลายนิ้วเท้าจะต้องรับรู้ความรู้สึกได้ทันที นึกส่วนไหนในร่างกายจะต้องรับรู้ได้ทันที่ เรียกว่าสติแหลมคมรู้ชัด ว่องไว ก็จะเห็นการเกิดดับที่เกิดดับอยู่จริงๆ ส่วนเรื่องอื่นๆก็ไม่ต่างอะไรกันก็เป็นการเข้าใจธรรมะทั้งหมดตามองค์ธรรมทั้งหมด แต่ที่นี่เน้นนั่งสมาธิเพื่อฝึกสติให้แหลมคมว่องไวเพื่อประจักแจ้งความจริงหรือเรียกว่าปัญญาที่แท้จริง และฝึกว่างอุเบกขาทั้งสุขและทุกข์ที่เกิดกับความรู้สึกจริงๆ

เปรียบเหมือนความร้อนของลมหายใจออกทั้งที่มันร้อนแต่เราหรือบางคนทั้งชีวิต ไม่เคยสัมผัสได้เลย ทั้ๆมันร้อนอยู่แท้ๆ แล้วเราจะรู้อะไรจริงเรื่องรูปกับนามที่แท้จริงได้ล่ะ ทั้งๆมันมีอะไรอีกมากมายที่มันเกิดขึ้นจริง แต่เราไม่เคยเขาไปสัมผัสได้จริง

อานาปานสตินี่แล่ะครับที่ะรรมชาตได้ให้ไว้กับมนุษย์เป็นอาวุธหนึ่งที่จะนำเราข้ามสะพานเชื่อมระหว่างรูปหรือนาม กายหรือจิต เมื่อเราสัมผัสได้จริงแล้วเท่ากัยเราได้เจาะเข้าไปลึกที่สุดเท่าที่จิตจะเจาะเข้าไปได้ เหมือว่าเรากำลังสอนสิ่งดีๆให้จิตในสวนลึก ความรู้ทั้งหมดถ้าเอามาสอนในขณะจิตที่อยู่ชันผิวๆของจิตมันไม่สามารถเข้าไปถอนรากถอนโคนของกิเลได้ มันเป็นการละเล่นทางเชาว์ปัญญาเฉยๆ สู้กิเลสไม่ได้

อันนีผมมั่นใจจริงๆ เพราะสิ่งที่ผมเป็นคนที่ไม่น่าจะลดละอะไรได้เลย เพราะผมเป็น หนุ่มนักเสพแบบว่าไม่ธรรมดาคนหนี่งเลยครับ ในที่นี้ไม่ใช่ว่าจะไปกล่าหาว่าวิธีอื่นไม่สามารถทำได้นะครับ ผมมาทางนี้และปฎิบัิตเห็นผลพอสมควรก็เท่านั้นครับ และรู้สึกว่าตัวเองมั่นคง100%ครับ

แบบนี้จะวางอุเบกขายังไงครับ

อานาปานสติ ดังกล่าว มีวิธีทำยังไงครับ