วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 04:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เพศครงข้ามปุถุชนแล้วย่อมมองเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับอริยชนก็มองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็พยายามล่ะความสัมพันธ์ที่มองว่าธรรมดา ให้อยู่ในวิสัยเฉยๆเป็นปกติ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
นี่เหรอที่ผู้ชายแย่งกัน ฆ่ากันตายก็มี เห็นแล้วปลง ทั้งเขาทั้งเราเป็นเหมือนกัน

เอาอีกแล้ว คุยกันในกระทู้"โง่ในกิเลสตนเอง" ยังไม่เก็ทหรือ
เอารูปสองรูปมาเทียบกัน ถามหน่อยรู้หรือว่าเขาทำกรรมฐานอย่างไร
ก็เห็นๆอยู่ว่า มันเป็นคนละคน คนสาวเป็นฝรั่ง คนแก่เป็นคนไทย
คุยธรรมโชว์กิเลสตัวเองแบบนี้ เมื่อไรจะพ้นมารเสียที

ทำเป็นมาเปรียบเทียบสังขาร หมอศัลยกรรมผ่าเครื่องในสาวๆทุกวัน
มันยังอดทำหมาหยอกไก่พยาบาลสาวๆไม่ได้เลย นับปะสาอะไร
มามองรูป หมอผ่าศพบางคนยังชอบแต่งตัวเช้งกะเด๊ะอยู่เลย

กิเลสมันเกิดที่รูปคนสาว มันก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ มันใช่เอารูปคนแก่มา
แล้วก็คิดไปเองว่า คนสาวจะต้องแก่ แบบนี้เขาเรียก เอากิเลสมาบดบังกิเลส
แทนที่จะรู้กิเลสตัวเดียว ที่นี้ครบหมดกิเลสกี่ตัวยึดมันเข้า
ดูให้ดีรู้ให้ลึก มองรูปสาวมันก็อยาก หันไปมองรูปคนแก่มันก็ไม่อยากนะซิ
เห็นมั้ยว่าจิตมันก็หลงตามกิเลสนั้นแหล่ะ


กิเลสมันเกิดที่รูปคนสาว ก็ต้องมองไปที่รูปคนสาว
แล้วใช้สติปัฏฐานตามรู้กาย อายตนะ12 ขันธ์ห้า มันเป็นการดับในเรื่องกามราคะ
หรือกามคุณห้าในส่วนของตาและรูป

[๘๖] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระอุตติยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้า
พระองค์หลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า กามคุณ ๕ พระผู้มีพระภาค
ตรัสไว้แล้ว กามคุณ ๕ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้วเป็นไฉนหนอ?
[๘๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละๆ อุตติยะ กามคุณ ๕ เหล่านี้ เรากล่าวไว้แล้ว
กามคุณ ๕ เป็นไฉน? คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ น่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่น่ารัก ยั่วยวน ชวนให้กำหนัด

เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยหู ... กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยจมูก ... รสที่พึงรู้แจ้ง
ด้วยลิ้น ... โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่น่ารัก ยั่วยวน
ชวนให้กำหนัด ดูกรอุตติยะ กามคุณ ๕ เหล่านี้แล เรากล่าวไว้แล้ว.
[๘๘] ดูกรอุตติยะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ บุคคลพึงเจริญ เพื่อละกามคุณ
๕ เหล่านี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน? คือ ความเห็นชอบ ฯลฯ ความตั้งใจ
ชอบ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ บุคคลพึงเจริญ เพื่อละกามคุณ ๕ เหล่านี้แล.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =466&Z=496


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
นี่เหรอที่ผู้ชายแย่งกัน ฆ่ากันตายก็มี เห็นแล้วปลง ทั้งเขาทั้งเราเป็นเหมือนกัน

เอาอีกแล้ว คุยกันในกระทู้"โง่ในกิเลสตนเอง" ยังไม่เก็ทหรือ
เอารูปสองรูปมาเทียบกัน ถามหน่อยรู้หรือว่าเขาทำกรรมฐานอย่างไร
ก็เห็นๆอยู่ว่า มันเป็นคนละคน คนสาวเป็นฝรั่ง คนแก่เป็นคนไทย
คุยธรรมโชว์กิเลสตัวเองแบบนี้ เมื่อไรจะพ้นมารเสียที

ทำเป็นมาเปรียบเทียบสังขาร หมอศัลยกรรมผ่าเครื่องในสาวๆทุกวัน
มันยังอดทำหมาหยอกไก่พยาบาลสาวๆไม่ได้เลย นับปะสาอะไร
มามองรูป หมอผ่าศพบางคนยังชอบแต่งตัวเช้งกะเด๊ะอยู่เลย

กิเลสมันเกิดที่รูปคนสาว มันก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ มันใช่เอารูปคนแก่มา
แล้วก็คิดไปเองว่า คนสาวจะต้องแก่ แบบนี้เขาเรียก เอากิเลสมาบดบังกิเลส
แทนที่จะรู้กิเลสตัวเดียว ที่นี้ครบหมดกิเลสกี่ตัวยึดมันเข้า
ดูให้ดีรู้ให้ลึก มองรูปสาวมันก็อยาก หันไปมองรูปคนแก่มันก็ไม่อยากนะซิ
เห็นมั้ยว่าจิตมันก็หลงตามกิเลสนั้นแหล่ะ


กิเลสมันเกิดที่รูปคนสาว ก็ต้องมองไปที่รูปคนสาว
แล้วใช้สติปัฏฐานตามรู้กาย อายตนะ12 ขันธ์ห้า มันเป็นการดับในเรื่องกามราคะ
หรือกามคุณห้าในส่วนของตาและรูป

[๘๖] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระอุตติยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้า
พระองค์หลีกออกเร้นอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า กามคุณ ๕ พระผู้มีพระภาค
ตรัสไว้แล้ว กามคุณ ๕ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้วเป็นไฉนหนอ?
[๘๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละๆ อุตติยะ กามคุณ ๕ เหล่านี้ เรากล่าวไว้แล้ว
กามคุณ ๕ เป็นไฉน? คือ รูปที่จะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ น่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่น่ารัก ยั่วยวน ชวนให้กำหนัด

เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยหู ... กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยจมูก ... รสที่พึงรู้แจ้ง
ด้วยลิ้น ... โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่น่ารัก ยั่วยวน
ชวนให้กำหนัด ดูกรอุตติยะ กามคุณ ๕ เหล่านี้แล เรากล่าวไว้แล้ว.
[๘๘] ดูกรอุตติยะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ บุคคลพึงเจริญ เพื่อละกามคุณ
๕ เหล่านี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน? คือ ความเห็นชอบ ฯลฯ ความตั้งใจ
ชอบ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ บุคคลพึงเจริญ เพื่อละกามคุณ ๕ เหล่านี้แล.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =466&Z=496
ที่เอารูปมาลงให้ดูความแตกต่าง ว่าคนเราในที่สุดแล้ววัยสาวหรือวัยหนุ่มสุดท้ายมันก็ล่วงโรยตามกาลเวลา จะมายึดติด หรือมั่วแย่งชิงกับสิ่งที่มันไม่มีวันคงที่อยู่เลยสุดท้ายมันก็แค่นี้ มันจะได้ก่อเกิดปัญญา ที่จะนำไปพัฒนาต่อให้มันยิ่งๆขึ้น ส่วนเรื่องกรรมฐานนะผมพอเอาตัวรอดได้ว่าแต่พี่โฮเถอะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เพศครงข้ามปุถุชนแล้วย่อมมองเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับอริยชนก็มองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็พยายามล่ะความสัมพันธ์ที่มองว่าธรรมดา ให้อยู่ในวิสัยเฉยๆเป็นปกติ

กิเลสเรื่องกามไม่เกี่ยวกับเพศ ถ้าเอาเรื่องเพศเอามาเกี่ยวมันต้องไปดู
เรื่องของ รูปราคะและอรูปราคะ

ก็ถึงได้บอกว่า...บิกทู่ขี้โม้มีเมียบอกไม่ยุ่งกับเมีย
ใครมีเมียไม่ยุ่งกับเมีย เขาเรียกพระอรหันต์ พระอนาคา ต้องเป็นผู้สละเรือน สละครอบครัวแล้ว
ผมถึงไล่ให้ไปบวชยิกๆไง

บิกทู่ไม่ได้ขี้โม้อย่างเดียว แถมขี้โกหกให้เขาจับได้ กามราคะซึ่งเป็นกิเลสเบื้องต่ำยังละไม่ได้
แต่ทำมาคุยว่า ละกิเลสเบื้องสูงได้ หรืออาจเป็นเพราะว่าไม่เข้าใจเลยมั่วๆส่งไป :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 05:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ที่เอารูปมาลงให้ดูความแตกต่าง ว่าคนเราในที่สุดแล้ววัยสาวหรือวัยหนุ่มสุดท้ายมันก็ล่วงโรยตามกาลเวลา จะมายึดติด หรือมั่วแย่งชิงกับสิ่งที่มันไม่มีวันคงที่อยู่เลยสุดท้ายมันก็แค่นี้ มันจะได้ก่อเกิดปัญญา ที่จะนำไปพัฒนาต่อให้มันยิ่งๆขึ้น ส่วนเรื่องกรรมฐานนะผมพอเอาตัวรอดได้ว่าแต่พี่โฮเถอะ

สอนให้ยังทำมาอวดดีอีกแน่ะ แบบนี้หรือที่ว่าเอาตัวรอดได้เรื่องกรรมฐาน
กรรมฐานปะสาไรครับ ถึงได้เละตุ้มเป่ะแบบนี้

กรรมฐานเขาอยู่กับปัจจุบัน ดันไปเอารูปคนสาวกับคนแก่มาเทียบทั้งๆที่เป็นคนละคนกัน
อย่างนี้เรียก"กำถั่วไม่ใช่กรรมฐาน" คิดไปเองว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

แล้วถ้าอยากจะคิด ก็คิดแต่เรื่องของตัว ไม่ต้องไปคิดให้ชาวบ้านเขา
ผู้หญิงสาวมันอาจโดนรถชนตาย ตอนยังสาวอยู่ก็ได้

การจะทำให้เกิดปัญญา มันไม่ได้ทำในลักษณะนี้ ใครมันก็รู้ว่าสาวแล้วต้องแก่
มันเป็นความรู้ทางโลกชนิดที่เรียกว่าเด็กมันก็รู้

ปัญญามันเกิดได้ก็จากรูปนั้นแหล่ะ แต่ต้องเป็นรูปใดรูปหนึ่งเพียงรูปเดียว
ไม่ใช้เอามาเปรียบเทียบกันอย่างนี้

ดูรูปผู้หญิงนั้นแล้วเกิดอารมณ์ใดขึ้นก็รู้ ต่อจากนี้สัญญาจะทำหน้าที่ของมัน
ทำให้เห็น ความเป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา นี่คือเหตุปัจจัยแห่งปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 06:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
ที่เอารูปมาลงให้ดูความแตกต่าง ว่าคนเราในที่สุดแล้ววัยสาวหรือวัยหนุ่มสุดท้ายมันก็ล่วงโรยตามกาลเวลา จะมายึดติด หรือมั่วแย่งชิงกับสิ่งที่มันไม่มีวันคงที่อยู่เลยสุดท้ายมันก็แค่นี้ มันจะได้ก่อเกิดปัญญา ที่จะนำไปพัฒนาต่อให้มันยิ่งๆขึ้น ส่วนเรื่องกรรมฐานนะผมพอเอาตัวรอดได้ว่าแต่พี่โฮเถอะ

สอนให้ยังทำมาอวดดีอีกแน่ะ แบบนี้หรือที่ว่าเอาตัวรอดได้เรื่องกรรมฐาน
กรรมฐานปะสาไรครับ ถึงได้เละตุ้มเป่ะแบบนี้

กรรมฐานเขาอยู่กับปัจจุบัน ดันไปเอารูปคนสาวกับคนแก่มาเทียบทั้งๆที่เป็นคนละคนกัน
อย่างนี้เรียก"กำถั่วไม่ใช่กรรมฐาน" คิดไปเองว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

แล้วถ้าอยากจะคิด ก็คิดแต่เรื่องของตัว ไม่ต้องไปคิดให้ชาวบ้านเขา
ผู้หญิงสาวมันอาจโดนรถชนตาย ตอนยังสาวอยู่ก็ได้

การจะทำให้เกิดปัญญา มันไม่ได้ทำในลักษณะนี้ ใครมันก็รู้ว่าสาวแล้วต้องแก่
มันเป็นความรู้ทางโลกชนิดที่เรียกว่าเด็กมันก็รู้

ปัญญามันเกิดได้ก็จากรูปนั้นแหล่ะ แต่ต้องเป็นรูปใดรูปหนึ่งเพียงรูปเดียว
ไม่ใช้เอามาเปรียบเทียบกันอย่างนี้

ดูรูปผู้หญิงนั้นแล้วเกิดอารมณ์ใดขึ้นก็รู้ ต่อจากนี้สัญญาจะทำหน้าที่ของมัน
ทำให้เห็น ความเป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา นี่คือเหตุปัจจัยแห่งปัญญา

:b35: :b35: :b35:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Quote Tipitaka:
อธิบายอายตนะโดยไตรลักษณ์
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้ามีความประสงค์จะทรงแสดงอาการแห่งอาย-
ตนะเหล่านั้นอันบัณฑิตพึงเห็นแจ้งตามความเป็นจริง จึงเริ่มคำมีอาทิว่า จกฺขุํ
อนิจฺจํ (จักขุไม่เที่ยง) ดังนี้.
บรรดาอายตนะเหล่านั้น บัณฑิตพึงทราบว่า จักขุ ชื่อว่า ไม่เที่ยง
ด้วยอรรถว่า มีแล้วหามีไม่ ดังนี้ก่อน. ชื่อว่า ความไม่เที่ยง ด้วยเหตุ ๔
อย่าง แม้อื่นอีก คือ โดยมีความเกิดขึ้นและมีความเสื่อมไปเป็นที่สุด ๑ โดย
ความแปรปรวนไป ๑ โดยความเป็นของชั่วคราว ๑ โดยปฏิเสธความเที่ยง ๑.
จักขุนั้นนั่นแหละ ชื่อว่า เป็นทุกข์ ด้วยอรรถว่า บีบคั้น อีกอย่างหนึ่ง
จักขุนี้เกิดขึ้นแล้วย่อมถึงซึ่งการตั้งอยู่ (ฐิติ) เมื่อตั้งอยู่ ย่อมลำบากด้วยชรา
ถึงชราแล้ว ย่อมแตกดับไปแน่แท้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เป็นทุกข์ เพราะ
เหตุ เหล่านี้ คือ โดยความเป็นของบีบคั้นเนือง ๆ ๑ โดยความเป็นของ
ทนได้ยาก ๑ โดยเป็นวัตถุตั้งแห่งทุกข์ ๑ โดยปฏิเสธความสุข ๑.
อนึ่ง จักขุนั้น ชื่อว่า เป็นอนัตตา ด้วยอรรถว่าไม่เป็นไปในอำนาจ.
อีกอย่างหนึ่ง ความที่จักขุนั้นเป็นไปในอำนาจของใคร ๆ ในฐานะ ๓ เหล่านี้

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร