วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 00:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2012, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 821


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

คนตระหนี่ถี่เหนียวท่านก็มายกเป็นตัวอย่างไว้เหมือนกัน เพราะเป็นความจริงด้วยกัน คนตระหนี่ถี่เหนียวไปที่ไหนคับแคบตีบตัน ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม เช่นอย่างเกิดมาเป็นคนขอทาน ไปเกิดในแมใด ลูกของแม่ใด เด็กคนนี้ไปเกิดในสถานที่ใดแม่นั้นอดอยากขาดแคลนลำบากลำบน อุ้มลูกไปขอทาน ไม่มีใครให้ทาน

ถ้าวันไหนไม่เอาลูกไปแล้ววันนั้นเป็นธรรมดาๆ ขอทานได้ทั่วไป อัธยาศัยของมนุษย์มีการสงเคราะห์กันเป็นพื้นฐานมาดั้งเดิม ไม่ใช่พึ่งมามีวันนี้คืนนี้ มีมาดั้งเดิม ถ้าวันไหนลูกไปด้วย วันนั้นอดอยากทั้งแม่ทั้งลูก ถ้าวันไหนลูกไม่ได้ไปด้วย ไปขอทานลำพังตนได้มา นี่อำนาจแห่งความคับแคบตีบตันมันปิดกั้นไว้หมด นี่ท่านก็แสดงเอาไว้

แล้วก็มาถึงพระเราอีก นี้เอาในตำรามาพูดนะ ท่านเอาความจริงมาพูด คนที่ว่านี่แหละมาบวชเป็นพระ บิณฑบาตมาฉันไม่เคยอิ่ม จนร่ำลือไปหมด พระองค์นี้ไปไหนไปด้วยความอดอยาก ไปที่ไหนไม่เคยสมบูรณ์

ถ้าพระองค์นี้ไปไหนพระองค์อื่นพลอยอดอยากด้วย นั่นฟังซิ ร่ำลือไปหมดนะไม่ใช่ธรรมดา ไปที่ไหนๆ ลำบาก การทำบุญเขาทำอยู่ทั่วๆ ไป พระบิณฑบาตก็ไปเหมือนกัน ท่านก็ไปเหมือนกันกับเขา แต่กรรมของท่านกับพระทั้งหลายต่างกัน แน่ะ ถ้าให้ไปข้างหน้าบันดลบันดาลไม่ให้เขาเห็นเสีย ยิ่งให้อยู่สุดท้ายข้าวหมดแล้ว มันยังไงกัน เสียงดังไปหมดในวงพุทธศาสนาเรา

กระเทือนไปถึงพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ ท่านก็มาเองเพราะร่ำลือเหลือประมาณความอดอยากขาดแคลนของพระองค์นี้ตั้งแต่วันบวชมา ว่างั้นนะ

บิณฑบาตฉันจังหันไม่เคยอิ่มเลย มันหากเป็นอยู่ในกรรมนั่นแหละ ทีนี้พระสารีบุตรมา บรรจุข้าวเต็มบาตรท่านมาเลย ทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์มาเยี่ยมพระองค์นี้ให้เห็นด้วยความสัตย์ความจริง มาก็เข้าถึงเลย ได้ทราบว่าท่านอดอยากขาดแคลนตั้งแต่บวชมา บิณฑบาตฉันวันหนึ่งๆ ไม่เคยอิ่ม เป็นความจริงไหม ว่าเป็นความจริง เพราะอะไรจึงไม่อิ่ม พระท่านไม่ให้เหรอ หรือเขาไม่ใส่บาตรให้ ท่านก็บรรยายไป พระท่านทำทุกอย่าง แต่กรรมอันนี้มันก็เหนือทุกอย่างเหมือนกัน

จึงว่าที่ท่านพูดว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ นี่ก็พุทธภาษิต
ไม่มีอะไรมีอำนาจเหนือกรรมไปได้
ไม่ว่ากรรมดีกรรมชั่ว
ใครอย่าอวดเก่ง กรรมเหนือตลอดนะ
ตัวนั้นละเป็นผู้มีอำนาจทำกรรม
และกรรมนั้นแหละมีอำนาจบังคับตัวเองในทางชั่ว
เสริมตัวในทางที่ดี คือกรรมดีกรรมชั่วของตัวเองนั้นแล
ไม่ใช่กรรมนี้เหาะลอยมาจากไหน มาจากเจ้าของเองผู้ทำ
นั่นท่านว่า นี่ท่านบอกไว้ในตำรา
น่าสลดสังเวชนะ

เอาวันนี้ ท่านว่างั้นนะ พระสารีบุตรเองใส่บาตรให้เลย ถามทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดลออเราไม่พูดมากแหละ ย่นเวลาเข้ามาให้พอดี เอ้า จะใส่บาตรให้ ใส่แต่ของดิบของดี ก็พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์เป็นอัครสาวกเป็นพระอรหันต์ ใส่บาตรให้เต็ม

เอ้า วันนี้ท่านฉันให้อิ่มนะ ใส่บาตรให้เต็ม เต็มแล้วฉัน เวลาท่านฉันพระสารีบุตรต้องจับขอบปากบาตรเอาไว้ ฟังซิ ถ้าปล่อยนี้ปั๊บจะหมดไปๆ เลย ใครมองเห็นเมื่อไรว่าหมดเมื่อไร นี่ละอำนาจของกรรมเห็นต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น

พระสารีบุตรจับขอบปากบาตรเอาไว้ เอา วันนี้ฉันให้อิ่มนะให้พอ ท่านก็ฉันอิ่มวันนั้น เลยตายในวันนั้นนะ อาจจะอิ่มวันเดียวก็ตาย นี่อำนาจผลกรรมแสดงให้เห็น...


ที่มา... http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13849


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 16:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 18:22
โพสต์: 70


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร