วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 10:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2012, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

คนพูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก

ที่จริงโทษที่ได้รับในนรกน่าจะเป็นโทษที่เกิดจากการทำบาปที่หนักหนารุนแรง
ไม่ควรเป็นโทษที่เกิดจากเพียงการพูดไม่จริง
น่าจะมีหลายคนคิดเช่นนี้ แต่ถ้าคิดให้ดี คิดให้ลึก คิดให้รอบ ก็จะได้ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า
การพูดไม่จริงมีโทษหนักหนาเพียงไรก็ได้ ถึงตกนรกก็ได้

พระพุทธศาสนสุภาษิตที่กล่าวว่า “คนพูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก” เป็นไปได้แน่นอน
อยู่ที่ว่าความไม่จริงที่เกิดจากผู้พูดจะหนักหนาอันควรแก่การเกิดผลเป็นโทษถึงนรกหรือไม่
ผลย่อมเป็นไปตามเหตุทุกกรณี ไม่มีที่เหตุดีจะให้ผลไม่ดี
และไม่มีเหตุไม่ดีที่จะให้ผลดี การพูดก็เช่นกัน

การพูดเป็นเหตุดีก็ให้ผลดี
ผู้พูดจริงย่อมเข้าถึงสวรรค์ได้
ผู้พูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรกได้

ตามพระพุทธศาสนสุภาษิตที่อัญเชิญมานั่นเอง

ท่านผู้พูดธัมมะอย่างถูกต้อง ก็น่าจะเป็นที่เข้าใจกัน
เชื่อมั่นกันว่า ท่านย่อมเป็นผู้เข้าถึงสวรรค์ และพาผู้ได้ยินได้ฟังด้วยความสนใจ ให้เข้าถึงสวรรค์ได้
หรือแม้เข้าถึงเมืองพระนิพพานก็ย่อมได้ สำคัญที่ธัมมะที่ท่านนำมาพูดให้ได้ยินได้ฟังกัน
เป็นความถูกต้องตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงแสดงไว้เป็นพระพุทธศาสนาเพียงใดหรือไม่
และผู้ได้ยินได้ฟังปฏิบัติตามเพียงใดหรือไม่

ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ธัมมะมีความตรงกันอย่างหนึ่ง
คือธัมมะที่ได้พูดหรือได้ฟังนั้น ผู้พูดก็ตาม ผู้ฟังก็ตาม ต้องเข้าใจถูกต้อง
และต้องปฏิบัติให้ถูกให้จริง จึงจะเกิดผล
คือเข้าถึงสวรรค์ก็ได้ เข้าถึงเมืองพระนิพพานก็ได้

การพูดสำคัญจริงๆ เมื่อนึกถึงที่กล่าวมา ถ้าเป็นการพูดจริงเป็นธัมมะจริง
แม้ผู้พูดจะยังไม่ถึงกับปฏิบัติได้จริงตามคำที่นำไปพูด แต่ถ้าพูดได้ตรงตามความจริง
จะเป็นเพียงท่องจำมา ก็ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดได้ ไม่มากก็น้อย

ผู้พูดจึงเป็นผู้มีบุญมีกุศลในระดับความตั้งใจที่เป็นบุญเป็นกุศล
ที่มุ่งเผยแผ่พระพุทธธรรม มุ่งให้ผู้ได้ยินได้ฟังได้มีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธธรรม
ที่นำออกพูดให้ใครๆ ทั้งหลายได้ยินได้ฟังได้รับรู้ด้วย

การพูดธัมมะสอนธัมมะในพระพุทธศาสนามีคุณได้ ก็มีโทษได้
เช่นเดียวกับการพูดเรื่องทั้งหลาย ที่มีได้ทั้งคุณ มีได้ทั้งโทษ

คำพูดหรือวาจาของเราผู้เป็นมนุษย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ควรที่จะให้ความสำคัญแก่วาจาของตนและวาจาของผู้อื่นทั้งหลายด้วย

คืออย่าสักแต่ว่าฟังแล้วก็เชื่อ หรือฟังแล้วก็ไม่เชื่อ
หรือสักแต่ว่าอยากพูดอะไรแล้วก็พูดออกไป จะเกิดผลดีผลร้ายแก่ผู้ใดอย่างไรไม่คำนึงถึง
พูดจริงก็เหมือนพูดไม่จริง คือที่อาจเข้าถึงนรกได้
การพูดมีโทษหนักหนาเพียงไรก็ได้ มีคุณหนักหนาเพียงไรก็ได้
เหตุก็เพราะการพูด สามารถเป็นมือนำคุณหรือโทษไปสู่ผู้ใดผู้หนึ่งได้ไปสู่หมู่คณะใหญ่โตเพียงไรก็ได้

พระพุทธภาษิตสำคัญยิ่งองค์หนึ่ง มีว่า “ริษยาพาโลกให้ฉิบหาย”

ริษยาจะไม่สามารถพาโลกให้ฉิบหาย ได้เลย แม้ไม่มีมือคือคำพูด
คือ วาจาเข้าไปช่วย ความริษยาที่ไม่มีมือคือวาจา คือ การแสดงออก
ย่อมไม่อาจทำลายโลกได้ ไม่อาจทำโลกให้ฉิบหายได้ อย่างมากอาจทำตนให้เร่าร้อนในจิตใจ
ไร้ความสงบสุขได้เท่านั้น นับว่ายังดี โทษของความริษยายังไม่รุนแรงเต็มที่
คือ ยังไม่อาจทำโลกให้ฉิบหายได้นั่นเอง

แต่ยากนักที่จะไม่ให้ความริษยาทีเกิดแล้วไม่มีมือส่งออกไปทำความฉิบหายให้แก่โลก
ยากนักจริงๆ จะมีหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ
ว่าความริษยาเกิดในใจผู้ใดแล้วจะมีขอบเขตอยู่ภายในจิตใจผู้นั้นเท่านั้น
จะไม่มีมือนำความริษยาที่เกิดแล้วให้ออกพ้นจากใจ ไปทำความฉิบหายให้เกิดขึ้น
มากน้อยหนักเบาตามกำลังของความริษยาในใจ


: แสงส่องใจ วันคล้ายวันประสูติ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

กระทู้บอร์ดเก่า โพสโดยคุณ I am
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15086

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus728.jpg
Lotus728.jpg [ 7.69 KiB | เปิดดู 2914 ครั้ง ]
rolleyes อย่ามัวแต่คิดริษยา " แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน " คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร " ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้ว เขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป rolleyes

ขอบคุณที่มา :: ท่าน ว.วชิรเมธี

:b44: ღ˚ •。* ♥♥ ˚ ˚ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ˚. ★ *˛ ✿◕‿◕✿•°°✿◕‿◕.ღ ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร