วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 09:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2012, 19:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 02:31
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ผมก็คือคนที่ทำผิดอาบัติสังฆาทิเสส รู้สึกแย่กับสิ่งที่ทำลงไปมากเพราะไม่รู้จักหักห้ามใจ เพิ่งมารู้ตอนสึกจากเพื่อนว่า การทำแบบนี้เป็นการผิดศีลมาก เสียใจมาก จึงอยากจะแก้ไขในสิ่งที่ทำมาทั้งหมด จึงเรียนมาเพื่อช่วยแนะนำวัดที่สามารถบวชแก้สังฆาทิเสส หน่อยครับ แล้วไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมาก เพราะรบกวนพ่อแม่เยอะมากแล้ว คือช่วงนี้ผมเรียนปีสามอยู่ (คือผมบวชตอนปิดเทอมปีสอง) เมื่อเรียนจบจึงอยากจะไปแก้ ไม่อยากให้มีบาปติดตัว ยอมรับว่าตอนนี้ รู้สึกเศร้าและเสียใจมาก อยากจะแก้ให้ไวๆ แต่ปิดเทอมปีสาม ติดฝึกงาน T___T


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2012, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสส ข้อแรก ??
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20801

หลวงพี่ บวชใหม่ มีเรื่องสังสัย สังฆาทิเสส
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=33569

สงสัยในพระวินัย สังฆาทิเสส
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=37564

ใครมีความรู้ช่วยตอบด้วยครับ สังฆาทิเสส
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25449

ตอนผมบวชเมื่อหลายปีก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำไงไม่ให้ตกนรก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=20875

:b47: วินัยสงฆ์-อาบัติ-ปาราชิก-สังฆาทิเสส
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=22785

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2012, 19:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 02:31
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


@สาวิกาน้อย ขอขอบคุณมากนะครับสำหรับคำสอนและคำแนะนำ แต่อยากจะให้ช่วยอีกอย่างคือว่า ช่วยแนะนำวัดที่สามารถแก้อาบัติสังฆาฑิเสสได้อ่ะครับ เอาแบบเคร่งครัด อยู่ใกล้กรุงเทพหรือเขตกรุงเทพก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2012, 20:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 02:31
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเป็นคนเพชรบุรีครับ แต่ตอนนี้เรียนอยู่นครปฐม แต่ก็คิดไว้แล้วว่าเรียนจบ จะบวชเพื่อแก้ในสิ่งที่ทำอะครับ ก่อนที่จะทำงานจะได้มีอะไรดีดีขึ้นไม่ติดตัว แต่ผมตั้งใจจะไม่บอกพ่อกับแม่ มันจะผิดไหมครับ เพราะผมอายและไม่กล้าบอกท่าน ไม่อยากให้ท่านเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2012, 09:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


อาบัติมีได้เฉพาะพระครับ ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์แล้วหามีอาบัติติดตัวไม่ อย่าว่าแต่สังฆาฑิเสสเลยครับแม้แต่ปาราชิกก็ไม่ได้มีโทษกับคฤหัสถ์ เว้นเสียแต่ในกรณีถ้าคุณกลับมาบวชเป็นภิกษุอีกคุณต้องกระทำคืนในกรณีสังฆาทิเสสต้องเข้าอยู่กรรม (ปริวาสกรรม) แต่ปาราชิกบวชไม่ได้ชาตินี้ ถึงบวชก็ไม่ถือว่าเป็นพระ ท่านห้ามบวชโดยเด็ดขาด แต่ชาติหน้าไม่ห้าม

ในอัคคิขันโธปมสูตร พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบ ภิกษุผู้ทุศีล (ปาราชิกแล้ว) กะอักเลือดและได้ละฐานะภิกษุไปดำรงเพศสามเณรบ้าง, คฤหัสบ้าง แล้วเจริญธรรมในฐานของตน ยังบรรลุธรรมได้ถึงชั้นอนาคามี

ฉะนั้น ตามความเห็นของผมถ้าภิกษุต้องสังฆาทิเสสแล้วลาสิกขาออกไปไม่มีผลอะไรครับ ไม่ต้องมาบวชใหม่เพื่อใช้กรรมอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นถ้าคุณตั้งใจมาบวชเป็นภิกษุใหม่ถึงจะมีผลต้องเข้าปริวาส ถ้าเป็นคฤหัสถ์ไม่มีกรรมติดตัวหรอกครับ แต่ก็มีบางข้อนะที่มีกรรมติดตัว เช่น ลักทรัพย์ ฆ่าสัตว์เป็นต้น พวกนี้แม้จะสึกก็ยังมีกรรม คืออกุศลกรรมบท ติดตัว

ถ้าใครมีหลักฐานในคัมภีร์ไหนที่พระพุทธองค์หรือหลักฐานที่ว่าผู้เคยเป็นพระภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสยังไม่ทันเข้าอยู่กรรม แล้วสึกมีกรรมติดตัวต้องกลับไปบวชเพื่อแก้อาบัติเอามาแสดงหน่อยนะครับ ผมไม่เคยทราบจริงๆ ทราบแต่ว่าภิกษุเท่านั้นที่ต้องอาบัติ คฤหัสถหามีอาบัติหรือมีโทษเพราะอาบัติไม่ s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2012, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


^ ทำความเข้าใจตามด้านบน

หากยังไม่สบายใจอยู่ดี ก็บวชได้ครับ แต่จะบวชเพื่อปลงอาบัติกระนั้นหรือ บวชอีกทีเอาตอนจบเลยครับเลือกวัดตามอัธยาศัย อยู่สักพรรษาสองพรรษาก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2012, 23:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 02:31
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว คือ สรุปว่าสึกแล้ว ไม่มีบาปติดตัวจริงหรอครับ แบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย แต่ที่ผมกลัวคือ เห็นในบอร์ดของเว็บอื่นเค้าบอกว่า มีกรรมติดตัวเลยกลัว และกังวลอะครับ จึงอยากจะกลับไปบวชใหม่เพื่อจะแก้อาบัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเห็นว่าควรกลับไปบวชแล้วแก้อาบัติให้เรียบร้อยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bank55555 เขียน:
อ้าว คือ สรุปว่าสึกแล้ว ไม่มีบาปติดตัวจริงหรอครับ แบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย แต่ที่ผมกลัวคือ เห็นในบอร์ดของเว็บอื่นเค้าบอกว่า มีกรรมติดตัวเลยกลัว และกังวลอะครับ จึงอยากจะกลับไปบวชใหม่เพื่อจะแก้อาบัติ

ความจริงท่านให้ปลงอาบัติก่อนสึกครับ เพื่อความสบายใจจะไม่ได้ต้องเทียวสึกเทียวบวช

ผมเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย ตอนสึกก็คิดว่ายังทำผิดอาบัติก่อนสึกอีก มีความไม่สบายใจ เลยมาต้องมาฝึกการทำความเห็นของตัวเองใหม่อีก ทุกวันนี้ไม่สบายใจน้อยลงแล้ว ถ้าต้องเทียวบวชเทียวสึกเพราะต้องการความสมบูรณ์ ชาตินี้บวชร้อยรอบจะพอใจหรือเปล่าก็ยังไม่ทราบได้ ทำศีลของฆราวาสของเราๆ ให้พอใจก็น่าจะสุขสบายใจแล้ว ศีลห้าถือได้เรื่อยๆ ถ้าคิดว่าขาดก็ขอถือใหม่ ไม่ต้องกลัวที่จะถือ มันก็เหมือนกับเราฝึกอะไรสักอย่างนั่นแหละ ตอนแรกๆ จะผิดพลาดมากกว่าถูก ขอแต่ทำไปเรื่อยๆ ผิดพลาดก็ลดลงเอง ขอแค่เราจะทำต่อรึเปล่าก็เท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนเป็นเด็ก พ่อแม่สั่งให้ทำอะไร ดื้อไม่ทำตาม
พอโตแล้วนึกขึ้นได้
มิต้องฆ่าตัวตายแล้วไปเกิดในท้องพ่อแม่คนเดิมเพื่อขอโทษหรือ
พุทโธ่! อย่าเพ้อเจ้อกันเลย ที่พูดมามันเป็นกิเลสศีลพรตปรามาส พระพุทธองค์ให้ทรงละ

จขกท. กำลังทุกข์ แทนที่จะมองสาเหตุแห่งทุกข์ ดันไปมองทุกข์แล้วก็หลง
ไปสร้างทุกข์ใหม่อีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 06:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


denchai เขียน:
อาบัติมีได้เฉพาะพระครับ ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์แล้วหามีอาบัติติดตัวไม่ อย่าว่าแต่สังฆาฑิเสสเลยครับแม้แต่ปาราชิกก็ไม่ได้มีโทษกับคฤหัสถ์ เว้นเสียแต่ในกรณีถ้าคุณกลับมาบวชเป็นภิกษุอีกคุณต้องกระทำคืนในกรณีสังฆาทิเสสต้องเข้าอยู่กรรม (ปริวาสกรรม) แต่ปาราชิกบวชไม่ได้ชาตินี้ ถึงบวชก็ไม่ถือว่าเป็นพระ ท่านห้ามบวชโดยเด็ดขาด แต่ชาติหน้าไม่ห้าม

ในอัคคิขันโธปมสูตร พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบ ภิกษุผู้ทุศีล (ปาราชิกแล้ว) กะอักเลือดและได้ละฐานะภิกษุไปดำรงเพศสามเณรบ้าง, คฤหัสบ้าง แล้วเจริญธรรมในฐานของตน ยังบรรลุธรรมได้ถึงชั้นอนาคามี

ฉะนั้น ตามความเห็นของผมถ้าภิกษุต้องสังฆาทิเสสแล้วลาสิกขาออกไปไม่มีผลอะไรครับ ไม่ต้องมาบวชใหม่เพื่อใช้กรรมอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นถ้าคุณตั้งใจมาบวชเป็นภิกษุใหม่ถึงจะมีผลต้องเข้าปริวาส ถ้าเป็นคฤหัสถ์ไม่มีกรรมติดตัวหรอกครับ แต่ก็มีบางข้อนะที่มีกรรมติดตัว เช่น ลักทรัพย์ ฆ่าสัตว์เป็นต้น พวกนี้แม้จะสึกก็ยังมีกรรม คืออกุศลกรรมบท ติดตัว

ถ้าใครมีหลักฐานในคัมภีร์ไหนที่พระพุทธองค์หรือหลักฐานที่ว่าผู้เคยเป็นพระภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสยังไม่ทันเข้าอยู่กรรม แล้วสึกมีกรรมติดตัวต้องกลับไปบวชเพื่อแก้อาบัติเอามาแสดงหน่อยนะครับ ผมไม่เคยทราบจริงๆ ทราบแต่ว่าภิกษุเท่านั้นที่ต้องอาบัติ คฤหัสถหามีอาบัติหรือมีโทษเพราะอาบัติไม่ s004

:b27: :b8:
สาธุ ขอบคุณ อนุโมทนากับคำชี้แจงของคุณ "denchai" ทำให้สบายใจกันไปเยอะเลยรวมทั้งตัวผมเองด้วยครับ
:b27:
โฮฮับก็พูดดีนะครับวันนี้ ......
:b39:
พุทโธ่! อย่าเพ้อเจ้อกันเลย ที่พูดมามันเป็นกิเลสศีลพรตปรามาส พระพุทธองค์ให้ทรงละ
:b38:
แต่ปนแขวะๆนิดๆตามสไตล์ของโฮฮับ ได้บุญเน้อ.......
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 08:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


bank55555 เขียน:
อ้าว คือ สรุปว่าสึกแล้ว ไม่มีบาปติดตัวจริงหรอครับ แบบนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย แต่ที่ผมกลัวคือ เห็นในบอร์ดของเว็บอื่นเค้าบอกว่า มีกรรมติดตัวเลยกลัว และกังวลอะครับ จึงอยากจะกลับไปบวชใหม่เพื่อจะแก้อาบัติ


กรรม...ที่คุณทำผิด....มันมีแน่ ๆ ...

ใช่.อยู่ที่ว่า...ความผิดเป็นของพระ....ไม่ใช่ของคฤหัถส์...

แต่ผู้รับดีชั่วก็ยังเป็นคนเดียวกัน....

ความผิดนี้..ยังมีอยู่กับผู้ทำเสมอ..

และ...กรรมก็แก้ไม่ได้...หมายถึงลบไม่ได้....

แต่สามารถผ่อนหนักเป็นเบา...รึไม่ก็รอลงอาญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สาธุ ขอบคุณ อนุโมทนากับคำชี้แจงของคุณ "denchai" ทำให้สบายใจกันไปเยอะเลยรวมทั้งตัวผมเองด้วยครับ
:b27:
โฮฮับก็พูดดีนะครับวันนี้ ......
:b39:
พุทโธ่! อย่าเพ้อเจ้อกันเลย ที่พูดมามันเป็นกิเลสศีลพรตปรามาส พระพุทธองค์ให้ทรงละ
:b38:
แต่ปนแขวะๆนิดๆตามสไตล์ของโฮฮับ ได้บุญเน้อ.......

เอาอีกแล้ววางมาดอีกแล้ว รู้อะไรก็บอกเขาไป อย่ามาตีขลุมสวมรอยชาวบ้าน
ไอ้แบบนี้บ้านผมเรียกชุบมือเปิบ ระวังไปพูดใกล้ๆคุณเด่นชัย
แกตบฟันปลอมกระเด็นไม่รู้น่ะโสกะ :b32:
โฮฮับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
และ...กรรมก็แก้ไม่ได้...หมายถึงลบไม่ได้....

แต่สามารถผ่อนหนักเป็นเบา...รึไม่ก็รอลงอาญา

กรรมผ่อนหนักให้เป็นเบาเนี่ยทำงัยคร้าบ
สมมุติผมโขมยเงินคุณร้อยบาท อีกหน่อยผมก็คงโดนโขมยเงิน
วันละบาทจนกว่าจะครบร้อยใช่มั้ยครับ :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย โฮฮับ เมื่อ 25 มิ.ย. 2012, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 20:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าลืมดอกเบี้ย...ด้วยซิ... :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
สึกอุปสมบทใหม่

[๕๐๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ไม่ได้ปิดบังไว้แล้วสึก
เธออุปสมบทใหม่ ไม่ปิดบังอาบัติเหล่านั้น พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ

[๕๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ไม่ได้ปิดบังไว้แล้วสึก
เธออุปสมบทใหม่ ปิดบังอาบัติเหล่านั้น

พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งหลัง แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ

[๕๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ปิดบังไว้แล้วสึก
เธออุปสมบทใหม่ ไม่ปิดบังอาบัติเหล่านั้น

พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งก่อน แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ

[๕๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ปิดบังไว้แล้วสึก
เธออุปสมบทใหม่ ปิดบังอาบัติเหล่านั้น

พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งก่อนและหลัง แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ

------------------------------------------------------
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๖ จุลวรรค ภาค ๑
มานัตหนึ่งร้อย สึกอุปสมบทใหม่
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 655&Z=7210

-ไม่ได้ปิดบัง สึกไปแล้ว กลับเข้ามาบวชใหม่ ไม่ปิดบัง ให้มานัต
-ไม่ได้ปิดบัง สึกไปแล้ว กลับเข้ามาบวชใหม่ ปิดบัง ให้ปริวาสในกองอาบัติครั้งหลัง แล้วให้มานัต
-ปิดบังไว้ สึกไปแล้ว กลับเข้ามาบวชใหม่ ไม่ปิดบัง ให้ปริวาสในกองอาบัติครั้งก่อน แล้วให้มานัต
-ปิดบังไว้ สึกไปแล้ว กลับเข้ามาบวชใหม่ ปิดบัง ให้ปริวาสในกองอาบัติครั้งก่อนและหลัง แล้วให้มานัต


เหลือให้เลือกสองกรณีนะครับ กลับเข้ามาบวชใหม่ แล้วเปิดเผยไม่ปิดบัง
สงฆ์ก็จะให้อยู่ปริวาส นับมานัต คือจำนวนวันเดือนปีที่เคยปิดบังไว้ในครั้งก่อน
ราตรีไม่ขาด อยู่กรรมครบ สงฆ์ก็จะอัภพาน ออกจากครุกาบัติสังฆาทิเสสให้

รายละเอียด ปริวาส มานัต อัภพาน ศึกษาเพิ่มเติมจาก link ที่โยมพี่สาวิกา
ทำ link ไว้ให้ได้เลยครับละเอียดดีแล้ว อนุโมทนาสาธุ ^^

ความจริงมีหลายความเห็นที่คิดว่า หากบอกคืนสิกขาบทแล้ว ก็แล้วกันไป
คือไม่มีอาบัติสำหรับฆราวาส อันนี้ก็ทรงมีข้อบัญญัติ
เรียกว่า มานัตหนึ่งร้อย เอาไว้แล้ว จะทำตามก็ได้ไม่ทำตามก็ได้
แต่กระนั้นก็เพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของพรหมจรรย์ของตนเอง
แม้จะสึกสิกขาลาเพศไปแล้ว ก็ยังได้รับผล ได้รับอานิสงส์


อ้างคำพูด:
ประโยชน์แห่งวินัยเป็นต้น

[วินัยเป็นข้อปฏิบัติให้บรรลุความหลุดพ้นจากกิเลสเป็นที่สุด]

ก็อีกประการหนึ่ง กุศลธรรมเหล่าใดซึ่งมีสังวรเป็นมูล อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้ว, บุคคลผู้ทรงวินัยนั่นแล ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งกุศลธรรมเหล่านั้น เพราะธรรมเหล่านั้นมีวินัยเป็นมูล.

สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

วินัย ย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่สังวร (ความสำรวม), สังวรย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่อวิปปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อน), อวิปปฏิสารย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่ความปราโมทย์, ความปราโมทย์ย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่ปีติ (ความอิ่มใจ), ปีติย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่ปัสสัทธิ (ความสงบ), ปัสสัทธิย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่ความสุข, ความสุขย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่สมาธิ (ความตั้งใจมั่น), สมาธิย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้เห็นตามเป็นจริง), ยถาภูตญาณทัสสนะย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่นิพพิทา (ความเบื่อหน่าย), นิพพิทาย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่วิราคะ (ความสำรอกกิเลส), วิราคะย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่วิมุตติ (ความหลุดพ้น), วิมุตติย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่วิมุตติญาณทัสสนะ (ความรู้เห็นความหลุดพ้น), วิมุตติญาณทัสสนะย่อมมีเพื่อประโยชน์แก่อนุปาทาปรินิพพาน (ความดับสนิทหาเชื้อมิได้), การกล่าว การปรึกษา กิริยานั่งใกล้ความเงี่ยโสตลงสดับ แต่ละอย่างๆ มีอนุปาทาปรินิพพาน คือ ความพ้นพิเศษแห่งจิต ไม่ถือมั่น นั่นเป็นผล. เพราะฉะนั้น ควรทำความพยายามโดยเอื้อเฟื้อในการเล่าเรียนพระวินัย ดังนี้แล.
----------------------------------------------------
อรรถกถา มหาวิภังค์ ปฐมภาค
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 8%E0%B8%94

เหตุผลที่หากกลับมาบวชก็ต้องทำคืน เพราะอาบัติท่านแบ่งไว้มีสองลักษณะ
คือ ที่ทำคืนได้ กับทำคืนไม่ได้ หรือมีเศษเหลือ กับไม่มีเศษเหลือ ก็นัยเดียวกัน
ที่เหลือเศษ คือยังมีความผิด ต่อกุศลกรรม ต่อความดีงามของตนเอง
[แม้ลดภาวะตนเอง เวียนไปสู่คฤหัสถ์] บอกลาสิกขา ไม่ถือ สังฆาทิเสสที่ ๑ แล้วก็ตาม
นั่นเพื่อมุ่งต่อความบริสุทธิ์ของจิตใจ ท่านจึงให้เราสามารถแก้ไขอาบัติหนัก
ชั่วหยาบ ได้ด้วยการ อยู่ปริวาส นับมานัต อัพพาน
ส่วนอาบัติเบา ไม่ชั่วหยาบ แสดงการปลงอาบัติ ก็ออกจากอาบัติได้ นับตั้งแต่วันสึก

ส่วนที่ติดที่ทำคืนไม่ได้ เช่น อาบัติสังฆาทิเสส ก็หมดไปทุกข้อบัญญัติเมื่อลาสิกขา
ส่วนกรรมน่าติเตียน ที่สมมติกันว่าเป็นสิ่งไม่ดีงามสำหรับพรหมจรรย์ หากไม่รักษา
กรรมที่ทำเอาไว้แล้ว ก่อเอาไว้แล้ว ย่อมมีวิบากตามมาแน่นอน เช่น ความเดือดเนื้อร้อนใจ
ความไม่สบายใจต่างๆ นาๆ หากคิดว่าคืน สิกขาบท จึงไม่มีผลแก่บุคคล ก็เท่ากับว่าปฏิเสธ
เรื่องของกรรมและผลของกรรมใน สัมมาทิฏฐิ ๑๐ ข้อ ๔
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA% ... 0%E0%B8%B4
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=30703

เป็นมิจฉาทิฏฐิบุคคลโดยแท้ ^^

ดังนั้น คืนแต่สิกขาบท (สีลสิกขา) ส่วนกรรมดีก็ตามชั่วก็ตามที่กระทำแล้ว
บุคคลนั่นเองย่อมเป็นทายาทแห่งกรรมนั้นๆ มีกรรมนั้นๆ เป็นกำเนิด มีกรรมนั้นเป็นเผาพันธ์ุ...

แต่เมื่อคืนกลับมา ถือประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น
ก็ต้องแก้โทษ ที่ตนได้ล่วงเกินไป แสดงความผิด ความละอาย
เพื่อความสำรวม เพื่อระวังในกาลต่อๆ ไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความเข้าใจคุณของการบวช มีน้อย
จึงอาจทำให้กุลบุตรประมาทขาดความระมัดระวัง

หากบุคคลที่เลือกที่จะปกปิดไม่ทำคืน ก็จะมีผลมีโทษต่อเฉพาะบุคคลนั้นๆ นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือ ฆราวาส เพราะ

[วินัยเป็นข้อปฏิบัติให้บรรลุความหลุดพ้นจากกิเลสเป็นที่สุด]

หากเดือดร้อน ไม่สบายใจ ไม่สงบ ตนเองก็ตำหนิติเตียนตนเองได้
ทั้งถูกผู้อื่นตำหนิติเตียน นี่แหละ โทษของ ความวิบัติแห่งศีล คือถูกปรามาส
เพราะความที่ตนไม่สามารถ รักษาพระธรรมวินัยไว้ได้

หากดูแคลนศีล ปล่อยศีล แล้วมีจิตใจชั่วหยาบ พุทธบัญญัติที่สมมติให้รักษา
ให้ศึกษา เพื่อพ้นไปจากกิเลส ถึงเป็นของสมมติที่ผู้รู้ วิญญูชนคนประเสริฐ
ทั้งหลายเขาต่างก็สมมติกันว่าดีงาม ยังประพฤติผิด ทำผิด ไม่เข้าใจโดยแท้

ป่วยการกล่าวไปถึงคุณธรรมขั้นอื่นๆ ที่อาศัยศีลเป็นบาทฐานยิ่งๆ ขึ้นไป
บุคคลเหล่านั้นย่อมห่างไกลจากพระสัทธรรม เป็นคนพาล
แต่สำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต มาทำความเอื้อเฟื้อใส่ใจ ศีล กันนะครับ เจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร