วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
โฮฮับ..ถาม มีเรื่องจะถามเจ๊ศรีอยู่แล้วล่ะ ไม่ยากด้วยมันเป็นเรื่องตัวเจ๊เลยล่ะ
คืองี้ เจ๊ศรีชอบด่าผมว่า เป็นพวกนอกศาสนาพุทธ แสดงว่าเจ๊เป็นชาวพุทธ
มันแปลกตรงที่เจ๊ศรีบอกว่า "เจ๊เป็นพระศรีอาริย์" ผมสงสัยครับว่า ศาสนาพุทธของ
พระโคดมตาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีอายุ5000ปี นี่แค่2500กว่าปีเอง
ทำไมครับทำไมเจ๊ศรีถึงบอกว่าเจ๊เป็นพระศรีอาริย์แล้ว เจ๊ช่วยบอกหน่อยครับ
การเป็นพระศรีอาริย์เขาเป็นอย่างไรครับ เหาะได้หรือเปล่าครับ หนังเหนี่ยวมั้ยครับ
ดูหวยแม่นมั้ย :b9:


ฮ่า...ฮ่า ...ฮ่า..เอ จำไม่ได้ซิว่าข้าพเจ้าเคยกล่าวว่า เจ้าโง่งับ เป็นพวกนอกศาสนาพุทธ จำได้แต่ว่า ข้าพเจ้ากล่าวว่า เจ้าเป็นพวกนอกศาสนา หรือ เดียรถีย์ เท่านั้น
ข้าพเจ้าไม่ใช่ชาวพุทธ แต่เป็นชาวไทยจ๊ะ แถมยังถูกอบรมขัดเกลามาทาง พุทธศาสนา ทั้งดุ้นเลยจ๊ะ

ที่เอ็งว่าแปลกนะ ตัวเอ็งมากกว่า สมองเอ็งมากกว่า เพราะสมองของเอ็งมันได้แต่คิดในเรื่องที่เลวทราม เอ็งจึงมองเหรียญด้านเดียวอยู่อย่างนั้น
ถ้าเอ็ง่ไม่มีหลักธรรม ศรีอาริยเมตไตรย ค้ำจุนอยู่เอ็งมันก็แค่ เดรัจฉานในร่างมนุษย์เท่านั้น ไม่อธิบายต่อนะว่า เหล่าเดรัจฉานมีพฤิตกรรมอย่างไรบ้าง ดีนะข้าพเจ้ารู้ตัวทันก่อน พวกเอ็งจึงยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง

ศาสนาพุทธ สมณโคดม จะมี อายุ กี่ ร้อย กี่ พัน กี่ล้านปี ก็ไม่เกี่ยวกับข้าพเจ้านี่นา ข้าพเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่ข้าพเจ้าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย"
ศาสนาอื่นๆ เกิดขึ้นหลังจากพุทธศาสนาปรากฎขึ้น ก็มี แล้วเอ้งเห็นเป็นเรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องแปลกดอกนะ
แล้วคำถามของเอ็งที่ถามว่า เหาะได้ไหม หนังเหนื่ยวมั้ย ดูหวยแม่นมั้ย เอ้งถามทำไม มันเกี่ยวอะไรกับศาสนา เอ็งไปพิจารณาความคิด ความรู้ ความเข้าใจของเอ็งเถอะ เจ้าโง่งับ ผู้เบาปัญญา เอ๋ย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ทุเรศ...ในความคิด ความอวดดี อวดฉลาด ข้าพเจ้าจะกล่าวตามตรงเลยนะว่า เจ้าโง่งับ ไม่เขลาธรรมดา แต่เขลาแล้วยังอวดฉลาด ไม่รู้แต่ทำเป็นอวดรู้ ระดับเอ็ง มันก็แค่ ขี้ฝุ่นใต้ฝ่าเท้าของข้าพเจ้าเท่านั้น เอ็งมันไม่รุ้จักภาษาไทย ไม่รู้จักคำว่า อุปมาอุปมัย แถมยังไม่รู้จักสิ่งที่เอ็งตั้งคำถามมา เอ็งไม่รู้จัก คำว่า "สังขาร" แถมยังไม่เข้าใจอีกด้วย
กล้วยบวชชี ไม่ปรุงแต่งหรือ ฮ่า ฮ่า ....เจ้าโง่งับเอ๋ย ทำเป็นเอาหนังราชสีห์มาห่มความเป็นสุนัขความเป็นเดรัจฉานของเจ้า เอาไว้

โฮ...โฮ.....โฮ เจ๊ศรีอาริยาจ๋า ถามเจ็หน่อยว่า ไอ้ราชสีห์ที่เจ๊พูดมันหมายถึงสิงโตหรือเปล่า
สิงโตมันไม่ใช่เดียรัจฉานหรอกหรือ เจ๊อุปมาอุปไมยปะสาอะไรกันจ๊ะ

อิเจ๊ศรี เดี๊ยนถามเจ๊อีกว่า ถ้าเจ๊ตายตัวเจ๊เป็นซากศพไม่มีจิตวิญาณ
ซากที่ขึ้นอืดของเจ๊มันสามารถปรุงแต่งได้มั้ย มันยังคิดว่ามันเป็นพระศรีอาริย์มั้ย
กล้วยมันไม่มีจิตวิญญาณมันจะไปปรุงแต่งได้ไง ที่กล้วยมันเป็นยายชีก็เพราะ
เจ๊ไปปรุงแต่งให้มัน ไม่ใช่กล้วยมันปรุงแต่ง


sriariya เขียน:
ระดับสมองสติปัญญาของเอ็ง ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายต่อดอกนะ เอ็งไปคิดดูซิว่า ที่เอ็งว่า กล้วยบวชชี ยังคงสภาพเดิมนั้น ความจริงแล้ว ส่วนผสมต่างๆของ กล้วยบวชชี เมื่อมันสุกแล้ว มันคงสภาพเดิมหรือว่ามันเปลี่ยนไป .....เอาเรื่องเดียวแค่นี้แค่ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากนัก ปล่อยให้เอ็งรู้สำนึกตัวเองน่าจะดีกว่า

สสารต่างๆ ถ้ามันแปรเปลี่ยนไปจากสภาพเดิม เขาไม่เรียกการปรุงแต่งหรือสังขาร
แต่เขาเรียก สารประกอบ

ส่วนไอ้กล้วยที่เจ๊ว่า มันก็ไม่เปลี่ยนเราก็รู้ว่ามันเป็นกล้วย มีน้ำ มีกะทิ น้ำตาล
รู้ว่ามีน้ำเพราะมันเหลว รู้ว่ามีกะทิเพราะมันมีสีขาวขุ่น รู้ว่ามีน้ำตาลเพราะมันหวาน
เขาถึงเรียกว่า ของผสม
sriariya เขียน:
ข้าพเจ้าจะโปรดสัตว์เดรัจฉานในร่างมนุษย์ของเจ้าเอาไว้ว่า สังขาร คือ การปรุงแต่ง ,การปรุงแต่ง คือการ ผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน การผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน ก็จะเกิดสิ่งอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา หรืออาจจะเป็นสิ่งเดิมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปเล็กน้อย ฯลฯ ใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้า จดจำเอาไว้เถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

การปรุงแต่งเป็นเรื่องของจิต จิตใดมีคุณภาพก็จะรู้ทันการปรุงแต่ง
ถ้าจิตไม่มีคุณภาพ จะไม่ทันการปรุงแต่ง จิตมันจะปรุงแต่งให้ตัวเอง
เป็นพระศรีอาริย์ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่ทหารชั้นประทวน
อาจเป็นได้ว่าเคยพยายามปรุงแต่งให้ตัวเองเป็นสัญญาบัตร จนลืมตัวไปนั่งโต๊ะเจ้านาย
แล้วโดนเจ้านายถีบตกโต๊ะ ตั้งแต่นั้นมาเลยเข็ดขยาด หันเหมาปรุงแต่ง
ว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริย์แทน ด้วยเห็นว่า มันปลอดภัยจากส้นเท้าเจ้านาย
เรื่องใครจะว่าบ้าๆบอๆก็ไม่เป็นไรเรื่องเล็ก :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 05:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:


ท่านพี่โฮฮับก็ช่วยบอกเบอร์ให้หน่อยซิ...นังนู๋มันเหงาเหลือเกินจะได้ไม่ต้องรอนานถึงยุค กตยุค

อุ้ย! ลุงหมานเล่นแรง :b9:


แล้วมันบอกเองหรือไงว่าข้าเล่นแรง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อิเจ๊ศรี เดี๊ยนถามเจ๊อีกว่า ถ้าเจ๊ตายตัวเจ๊เป็นซากศพไม่มีจิตวิญาณ
ซากที่ขึ้นอืดของเจ๊มันสามารถปรุงแต่งได้มั้ย มันยังคิดว่ามันเป็นพระศรีอาริย์มั้ย
กล้วยมันไม่มีจิตวิญญาณมันจะไปปรุงแต่งได้ไง ที่กล้วยมันเป็นยายชีก็เพราะ
เจ๊ไปปรุงแต่งให้มัน ไม่ใช่กล้วยมันปรุงแต่ง


sriariya เขียน:
ระดับสมองสติปัญญาของเอ็ง ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายต่อดอกนะ เอ็งไปคิดดูซิว่า ที่เอ็งว่า กล้วยบวชชี ยังคงสภาพเดิมนั้น ความจริงแล้ว ส่วนผสมต่างๆของ กล้วยบวชชี เมื่อมันสุกแล้ว มันคงสภาพเดิมหรือว่ามันเปลี่ยนไป .....เอาเรื่องเดียวแค่นี้แค่ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากนัก ปล่อยให้เอ็งรู้สำนึกตัวเองน่าจะดีกว่า

สสารต่างๆ ถ้ามันแปรเปลี่ยนไปจากสภาพเดิม เขาไม่เรียกการปรุงแต่งหรือสังขาร
แต่เขาเรียก สารประกอบ

ส่วนไอ้กล้วยที่เจ๊ว่า มันก็ไม่เปลี่ยนเราก็รู้ว่ามันเป็นกล้วย มีน้ำ มีกะทิ น้ำตาล
รู้ว่ามีน้ำเพราะมันเหลว รู้ว่ามีกะทิเพราะมันมีสีขาวขุ่น รู้ว่ามีน้ำตาลเพราะมันหวาน
เขาถึงเรียกว่า ของผสม
sriariya เขียน:
ข้าพเจ้าจะโปรดสัตว์เดรัจฉานในร่างมนุษย์ของเจ้าเอาไว้ว่า สังขาร คือ การปรุงแต่ง ,การปรุงแต่ง คือการ ผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน การผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน ก็จะเกิดสิ่งอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา หรืออาจจะเป็นสิ่งเดิมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปเล็กน้อย ฯลฯ ใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้า จดจำเอาไว้เถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

การปรุงแต่งเป็นเรื่องของจิต จิตใดมีคุณภาพก็จะรู้ทันการปรุงแต่ง
ถ้าจิตไม่มีคุณภาพ จะไม่ทันการปรุงแต่ง จิตมันจะปรุงแต่งให้ตัวเอง
เป็นพระศรีอาริย์ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแค่ทหารชั้นประทวน
อาจเป็นได้ว่าเคยพยายามปรุงแต่งให้ตัวเองเป็นสัญญาบัตร จนลืมตัวไปนั่งโต๊ะเจ้านาย
แล้วโดนเจ้านายถีบตกโต๊ะ ตั้งแต่นั้นมาเลยเข็ดขยาด หันเหมาปรุงแต่ง
ว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริย์แทน ด้วยเห็นว่า มันปลอดภัยจากส้นเท้าเจ้านาย
เรื่องใครจะว่าบ้าๆบอๆก็ไม่เป็นไรเรื่องเล็ก :b32:[/quote]


อพิโธ่..เจ้าสุนัขที่เห็นอาจมเป็นของหอมของดี ที่ใช้ชื่อว่า "โง่งับ"เอ๋ย เจ้าถามเรื่องอะไรข้าพเจ้า เจ้าถามเรื่อง "สังขาร"ใช่ไหม ที่ข้าพเจ้าอุปมาอุปมัย ก็อุปมาอุปมัยเกี่ยวกับ สังขาร คือ การปรุงแต่งนั่นแหละ เอ็งกลับไปอ่านกระทู้คำสอนนี้ใหม่ซิ เจ้าอาจจะหายโง่เขลาเบาปัญญา แล้วยังอวดฉลาด
ไปเป็นไร จะโปรดเดรัจฉานในร่างมนุษย์อย่างเจ้าอีกครั้งว่า
สังขาร คือ การปรุงแต่ง เป็นเรื่องของจิต เป็นเรื่องของความจำ เป็นเรื่องของระบบการทำงานของร่างกาย ทุกส่วน เมื่อได้รับการสัมผัสจากอายตนะทั้งหลายทั้งภายนอกภายใน ร่างกายมนุษย์ย่อมมีการปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา เอ็งกลับไปอ่านกระทู้ให้ดีว่าการปรุงแต่งมันมีกี่อย่าง การปรุงแต่งแต่ละอย่าง ก็ล้วนเกิดจากการผสมผสานของระบบการทำงานต่างๆ รวมไปถึง อาหาร อากาศ น้ำ แสงแดด ดิน การได้รับการสัมผัสต่างๆ ที่เข้าไปผสมผสาน หรือเป็นปัจจัยในการปรุงแต่ง ที่ข้าพเจ้ายกเอาเรื่อง "กล้วยบวชชี"มาอธิบายอุปมาอุปมัย เพื่อให้เจ้ามองเห็นภาพ และเกิดความเข้าใจได้โดยง่าย เพราะเจ้าต้องการคำตอบอย่างนั้น แต่ทว่า ด้วยสภาพสภาวะจิตใจที่เป็นเดรัจฉานของเจ้า เจ้ากลับ โอ้อวด ด้วยความโง่ อวดฉลาด
ทำเป็น เอาหนังราชสีห์มาห่มตัวสุนัขของเจ้า ทำเป็๋นโอ้อวดว่า " จิตใดมีคุณภาพก็จะรู้ทันการปรุงแต่ง
ถ้าจิตไม่มีคุณภาพ จะไม่ทันการปรุงแต่ง จิตมันจะปรุงแต่งให้ตัวเอง" อย่างเอ็งนะหรือจะรู้ว่าจิตใดมีคุณภาพ จิตใดไม่มีคุณภาพ แค่เขียนมา ก็รู้แล้วว่า โง่แล้วอวดฉลาด ทำเป็นกล่าวคลุมเคลือ เพื่อจะได้โอ้อวดหนังราชสีห์ที่ห่มจิตใจที่เป็นเยี่ยงเดรัจฉานของเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2012, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


กฎกติกา มารยาท ในการแสดงความคิดเห็น

(๑) โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ใส่ความ
กล่าวหาให้ร้าย ดูหมิ่น หมิ่นประมาท สร้างความแตกแยก
หรือกระทบถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
หรือครูบาอาจารย์ ตลอดจน บุคคลอันเป็นที่เคารพในสังคม


(๒) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความที่ลบหลู่ จาบจ้วง
ดูหมิ่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดๆ ก็ตาม


(๓) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความอันส่อไปในทางลามก
อนาจาร น่ารังเกียจ หยาบคาย หรือแสดงถึงความรุนแรง

(๔) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่เป็นการนินทา
ใส่ร้าย วิพากษ์วิจารณ์บุคคลอื่น หรือต้องการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเกลียดชัง

(๕) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่เป็นการท้าทาย
ชักชวน หรือเจตนาที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่สังคม

(๖) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความพาดพิง
อันจะทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง


(๗) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เกี่ยวข้อง
กับเนื้อหาหรือหัวข้อที่สนทนา ยกเว้นใช้อ้างอิงประกอบเป็นตัวอย่าง


(๘) โปรดงดเว้น การใช้ข้อความอวดอ้าง หรือบิดเบือนคัดค้าน
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นในกรณีเกิดข้อสงสัย


(๙) โปรดงดเว้น การนำข้อความโฆษณาขายสินค้า และบริการทุกชนิด

(๑๐) คณะทีมงานผู้ดูแลขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น
โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
เพราะถือว่าได้ทำการตกลงเห็นชอบร่วมกันแล้ว


(๑๑) ลานธรรมจักรเป็นบอร์ดธรรมะ คณะทีมงานผู้ดูแลจึงขอความร่วมมือ
ให้สมาชิกทุกท่านแสดงความเห็นในเรื่องที่สร้างสรรค์ และจรรโลงหลักธรรมความดีงาม
อันจะก่อให้เกิดความอาจหาญ ร่าเริงในสัมมาปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
สมาชิกไม่พึงประทุษร้ายผู้อื่นด้วยวาจาอันประกอบด้วย วจีทุจริต ๔ ประการ
กล่าวคือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล
สมาชิกพึงพูดคุยกันเยี่ยงบัณฑิตทั้งหลายคุยกัน มีเมตตามีความปรารถนาดีต่อกัน
ตลอดจน เคารพในเหตุผลของกันและกัน พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน


(๑๒) ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านช่วยกันรณรงค์ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

บทลงโทษ

๑) ตักเตือน
๒) ระงับการใช้ ๗ วัน
๓) ระงับการใช้ตั้งแต่ ๑ เดือนขึ้นไป
๔) ระงับการใช้ถาวร

หมายเหตุ : สมาชิกท่านใดกระทำการละเมิดกฎกติกา มารยาท
ในการใช้บอร์ดดังกล่าว บางกรณีอาจมีผลทำให้ต้องรับโทษตาม
พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
และ/หรือ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ
:b8: ทางคณะทีมงานผู้ดูแลจึงขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกท่าน
ให้พึงสังวร และสำรวมระวังในการแสดงความคิดเห็นด้วย


การลงโทษในกรณีละเมิดกฎกติกา มารยาทในการใช้บอร์ด ถ้าพิจารณาเห็นว่าควรตักเตือน ก็จะส่งข้อความด้วยระบบของบอร์ดไปยังสมาชิกท่านนั้นให้รับทราบเป็นการส่วนตัว ถ้าตักเตือนแล้ว ยังละเมิดกฎกติกา มารยาท ในกรณีเดียวกันนั้นซ้ำอีก จะใช้วิธีการระงับการใช้งาน หรือแบนแบบชั่วคราว ๗ วัน, ตั้งแต่ ๑ เดือนขึ้นไป หรือแบบถาวร ตามแต่ทางคณะทีมงานผู้ดูแลจะพิจารณาเห็นสมควรลงโทษหนักเบาเพียงไร โปรแกรมเว็บบอร์ดมีระบบการแบน และมีการบันทึกการตักเตือนของสมาชิกแต่ละท่านไว้ นอกจากนี้ ยังแสดงรายชื่อของผู้ที่ถูกแบน โดยทุกท่านสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อ วัน เวลา และเหตุผลของการแบนซึ่งได้แสดงไว้อย่างชัดเจน

ประกาศ ณ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔
admin/คณะทีมงานผู้ดูแลบอร์ดลานธรรมจักร



----------------------------------------------------------------
กฎกติกาที่นำมาแสดงข้างต้นนั้น ได้นำมาจากเว็บต่างๆ และผสมกับความคิดเห็นของสมาชิกที่ได้เสนอเข้ามา บางอย่างอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับความคิดเห็นส่วนตัวของบางท่าน หรือต้องการให้เพิ่มเติมตรงจุดนั้นจุดนี้ ก็กรุณาเสนอแนะเพิ่มเติมได้ครับ



ยังมีกฎกติกาหนึ่งที่ได้ไปเจอมาจากเว็บไซต์ดอยแสงธรรม พิจารณาเห็นว่าดีมาก และน่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับเว็บบอร์ดลานธรรมจักร จึงขออนุญาตนำมาโพสเป็นตัวอย่างดังนี้

“เว็บบอร์ดนี้ สำหรับสมาชิกเว็บไซต์ดอยแสงธรรม ใช้แลกเปลี่ยนความรู้ความเห็นในทางธรรม โดยมุ่งเน้นความรู้ความเห็นอันเกิดจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวคำสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ธรรมะ จึงขอความร่วมมือให้สมาชิกทุกท่านแสดงความเห็นในเรื่องที่สร้างสรรค์ และจรรโลงหลักธรรมความดีงาม อันจะก่อให้เกิดความอาจหาญ ร่าเริงในสัมมาปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สมาชิกไม่พึงประทุษร้ายผู้อื่นด้วยวาจาอันประกอบด้วย วจีทุจริต ๔ ประการ กล่าวคือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล สมาชิกพึงพูดคุยกันเยี่ยงบัณฑิตทั้งหลายคุยกัน มีเมตตามีความปรารถนาดีต่อกัน เคารพในเหตุผลของกันและกัน พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกทุกท่านจะใช้เว็บบอร์ดนี้ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของทางเว็บไซต์ อนึ่ง ทางเว็บไซต์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะลบข้อความใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมเป็นวินัย ไม่สร้างสรรค์ ไม่มีมูลความจริง และเป็นเหตุกระทบกระเทือนต่อบุคคลอื่น อันจะก่อให้เกิดความแตกร้าวสามัคคี ทางเว็บไซต์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะลบข้อความนั้นๆ ทิ้งไป โดยไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผล

เว็บบอร์ดเป็นสื่อสาธารณะอาจมีเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ในทุกกรณี ความเห็นที่แสดงในเว็บบอร์ดเป็นเรื่องของสาธารณชน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์แต่อย่างใด หากท่านพบข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานเว็บมาสเตอร์เพื่อลบข้อความดังกล่าว อนึ่ง ทางเว็บไซต์ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ อันอาจจะเกิดขึ้นจากการแสดงความเห็นของผู้ใช้เว็บบอร์ด”


:b1:


- กฏกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=39777

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร