วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2012, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


จิตปรุงแต่ง หรือ จิตไม่ปรุงแต่ง
ในร่างกายของมนุษย์(ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์) ล้วนประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆทั้งภายในภายนอก และในทางพุทธศาสนานั้นได้จำแนกแยกแยะเป็นรายละเอียดของอวัยวะทั้งหลายเหล่านั้น เป็น ดวงจิต ในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็น อกุศลจิต, กุศลจิต
อัพยากตา จิต(คือจิตที่เป็นกลาง ไม่ดีไม่ชั่ว ไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล ) ซึ่งก็ล้วนเป็น ชวนจิต(จิตที่ทำหน้าที่เสพอารมณ์)
จิต ทั้งหลาย ย่อมรวมกันเป็น ร่างกายเรา จะประกอบไปด้วย จิตวิญญาณ หรือ ชวนจิต หรือจิตในส่วนใดใดก็ตาม ล้วนมีการปรุงแต่งทั้งสิ้น แต่การปรุงแต่งของ จิตทั้งหลายเหล่านั้น มีการปรุงแต่งหลายรูปแบบหลายสถานะ หลายระบบหรือในหลากหลายแห่ง"ภวังคจิต"อันหมายถึงระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์(ในที่หมายเอาเฉพาะมนุษย์)

การปรุงแต่งของ จิต ในรูปแบบแรก คือ การปรุงแต่งแห่งการขับเคลื่อนพลังงานให้กับร่างกาย โดยอาศัย อาหาร , น้ำ ,อากาศ,แสงแดด,ลม,ดิน, เป็นปัจจัยในการปรุงแต่ง

การปรุงแต่งของ จิต ในรูปแบบที่สอง คือ การปรุงแต่งอันเกิดจากผลของการปรุงแต่งของจิต ในรูปแบบแรก ทำให้เกิดการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ยืน เดิน นั่ง นอน พูด มอง ได้ยิน ได้ทำ หรือสัมผัส ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น

การปรุงแต่งของ จิต ในรูปแบบ ที่ สาม คือ การปรุงแต่งอันเกิดจากผลของการปรุงแต่งของจิตในรูปแบบ ที่หนึ่ง และที่สอง ทำให้เกิด การปรุงแต่ง ทางความคิด อารมณ์ ความรู้สึก รวมไปถึง การ ระลึกนึกถืง ฯลฯ

การปรุงแต่งของ จิต ทั้งสามรูปแบบ ย่อมมีในมนุษย์ทั้งหลายโดยธรรมชาติ การปรุงแต่งทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมสามารถขจัดเอาสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกจากร่างกายไปได้

สิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ ใน การปรุงแต่งรูปแบบแรก ก็คือ ของเสียต่างๆที่ร่างกายได้ขจัดหรือขับออกมา ทางทวารทั้งหลาย

สิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ ในการปรุงแต่งรูปแบบที่สอง ก็คือ ของเสียต่างๆที่ร่างกายได้สำรอก ออกมาทางพฤติกรรมต่างๆทั้งทางกาย วาจาและใจ

สิ่งที่ร่างกายไม่ต้อง ในการปรุงแต่งรูปแบบที่สาม ก็คือ ของเสียต่างๆที่ร่างกายได้ขจัด ได้สำรอกออกจากร่างกายโดยตัวของจิตเอง เหตุเพราะ จิตทั้งหลายเหล่านั้นสามารถขจัดเอาของเสียที่นอกเหนือจากรูปแบบที่หนึ่งและที่สอง ออกจากร่างกายได้ ด้วย วาโย อาโป เตโช ปฐวี เพราะทั้ง สี่ธาตุ ล้วนเป็นส่วนประกอบแห่ง จิตทั้งหลายเหล่านั้น
ดังนั้น จิตวิญญาณ หรือจิตทั้งหลายของมนุษย์ ล้วนมีการปรุงแต่ง ไม่ขั้นตอนใดก็ขั้นตอนหนึ่ง หากไม่มีการปรุงแต่งในรูปแบบที่หนึ่ง ร่างกายย่อมมีการเจ็บป่วย หากไม่มีการปรุงแต่ง ในรูปแบบที่สอง นั่นหมายถึงร่างกายของบุคคลนั้นๆย่อมไม่สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสใดใด อาจไม่พูด ไม่เดิน ไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ประสิทธิภาพ ไร้สมรรถภาพในการประกอบกิจกรรมต่างๆ เพราะไม่สามารถปรุงแต่งทางความคิด ความจำฯลฯหากไม่มีการปรุงแต่ง ในรูปแบบที่สาม ซึ่งสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการปรุงแต่งในรูปแบบที่สฮง

แลถ้า การที่บุคคลนั้นสามารถขจัดหรือบังคับหรือควบคุมมิให้เกิดการปรุงแต่งในรูปแบบที่สาม เมื่อได้รับการสัมผัสอันก่อให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ในรูปแบบต่างๆ การไม่ปรุงแต่งในรูปแบบที่สามนี้ จะเป็นวิธีการขจัดอาสวะทั้งปวง ให้กิเลสตัณหาทุเลาเบาบางลงไปได้ แต่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปรุงแต่งในรูปแบบที่สาม ร่างกายของมนุษย์ก็ยังคงมีการปรุงแต่งในรูปแบบที่หนึ่งและรูปแบบที่สองอยู่เนืองๆ มิเช่นนั้น บุคคลนั้นๆก็เสมือนคนที่ไร้สมอง ไร้จิตวิญญาณ ฉะนี้
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
ผู้สอน
6 มิ.ย.2555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 04:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีเอ้ยศรี! แม่ศรีอาริยาจ๊ะ แม่ศรีรู้จักสภาวะที่เรียกว่า...
สังขารกับวิสังขารมั้ย

เนี่ยพระพุทธเจ้าทรงสอนมาอย่างนี้

ไอ้ที่เจ๊ศรีอาริยาแร่ฟมานั้นน่ะถามหน่อยเป็น
คำสอนของใครกัน หรือว่าเป็นคำสอนของ
เจ้าแม่ศรีอาริยา :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ศรีเอ้ยศรี! แม่ศรีอาริยาจ๊ะ แม่ศรีรู้จักสภาวะที่เรียกว่า...
สังขารกับวิสังขารมั้ย

เนี่ยพระพุทธเจ้าทรงสอนมาอย่างนี้

ไอ้ที่เจ๊ศรีอาริยาแร่ฟมานั้นน่ะถามหน่อยเป็น
คำสอนของใครกัน หรือว่าเป็นคำสอนของ
เจ้าแม่ศรีอาริยา :b32:


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....เจ้าโฮฮับ เอ็ย ระดับเจ้า มันก็แค่ "สุนัขตัวหนึ่งที่ชอบเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวไว้" ทำเป็นมาถามเรื่องสังขาร,วิสังขาร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างเอ็งนะ มันก็แค่ สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ธรรมของพระสมณโคดมก็เข้าไม่ถึงจิตใจของเอ็งอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เอ็งกลับไปอ่านคำสอนของข้าพเจ้า และคิดพิจารณาให้ดี ว่าข้าพเจ้าสอน และสื่อถึงเรื่องใด ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่เอาศัพท์ภาษาในบาลีมาเขียนก็ได้ แต่ที่นำมาเขียน ก็เพื่อสื่อให้เห็นว่า ยุคสมัยมันแปรเปลี่ยนไปแล้ว นะ "ไอ้โง่งับ" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2012, 04:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ศรีเอ้ยศรี! แม่ศรีอาริยาจ๊ะ แม่ศรีรู้จักสภาวะที่เรียกว่า...
สังขารกับวิสังขารมั้ย

เนี่ยพระพุทธเจ้าทรงสอนมาอย่างนี้

ไอ้ที่เจ๊ศรีอาริยาแร่ฟมานั้นน่ะถามหน่อยเป็น
คำสอนของใครกัน หรือว่าเป็นคำสอนของ
เจ้าแม่ศรีอาริยา :b32:


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....เจ้าโฮฮับ เอ็ย ระดับเจ้า มันก็แค่ "สุนัขตัวหนึ่งที่ชอบเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวไว้" ทำเป็นมาถามเรื่องสังขาร,วิสังขาร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างเอ็งนะ มันก็แค่ สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ธรรมของพระสมณโคดมก็เข้าไม่ถึงจิตใจของเอ็งอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เอ็งกลับไปอ่านคำสอนของข้าพเจ้า และคิดพิจารณาให้ดี ว่าข้าพเจ้าสอน และสื่อถึงเรื่องใด ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่เอาศัพท์ภาษาในบาลีมาเขียนก็ได้ แต่ที่นำมาเขียน ก็เพื่อสื่อให้เห็นว่า ยุคสมัยมันแปรเปลี่ยนไปแล้ว นะ "ไอ้โง่งับ" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าพเจ้าเปลี่ยนคำพูดใหม่ก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เชิญฟังนะ พะยะครับเจ้าแม่

สิ่งที่ปรุงแต่งต่างกับสิ่งที่ไม่ปรุงแต่งตรงไหนอย่างไร :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2012, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
sriariya เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ศรีเอ้ยศรี! แม่ศรีอาริยาจ๊ะ แม่ศรีรู้จักสภาวะที่เรียกว่า...
สังขารกับวิสังขารมั้ย

เนี่ยพระพุทธเจ้าทรงสอนมาอย่างนี้

ไอ้ที่เจ๊ศรีอาริยาแร่ฟมานั้นน่ะถามหน่อยเป็น
คำสอนของใครกัน หรือว่าเป็นคำสอนของ
เจ้าแม่ศรีอาริยา :b32:


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ....เจ้าโฮฮับ เอ็ย ระดับเจ้า มันก็แค่ "สุนัขตัวหนึ่งที่ชอบเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวไว้" ทำเป็นมาถามเรื่องสังขาร,วิสังขาร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างเอ็งนะ มันก็แค่ สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง ธรรมของพระสมณโคดมก็เข้าไม่ถึงจิตใจของเอ็งอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เอ็งกลับไปอ่านคำสอนของข้าพเจ้า และคิดพิจารณาให้ดี ว่าข้าพเจ้าสอน และสื่อถึงเรื่องใด ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่เอาศัพท์ภาษาในบาลีมาเขียนก็ได้ แต่ที่นำมาเขียน ก็เพื่อสื่อให้เห็นว่า ยุคสมัยมันแปรเปลี่ยนไปแล้ว นะ "ไอ้โง่งับ" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าพเจ้าเปลี่ยนคำพูดใหม่ก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เชิญฟังนะ พะยะครับเจ้าแม่

สิ่งที่ปรุงแต่งต่างกับสิ่งที่ไม่ปรุงแต่งตรงไหนอย่างไร :b13:


เฮ้อ...เจ้าโง่งับ เอ๋ย เจ้าจะทำเป็นอวดเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวสุนัขของเข้าทำไมกัน แค่คำถามของเจ้าก็ลวดลาย กำกวมแล้ว เจ้าจะให้ข้าพเจ้าตอบอย่างไรกันละ
ที่เจ้าถามว่า สิ่งที่ปรุงแต่ง แตกต่าง กับ สิ่งที่ไม่ปรุงแต่ง ตรงไหนอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องย้อนถามเจ้าซะหน่อยว่า อะไรที่ปรุงแต่ง หมายความ ที่เจ้าว่าปรุงแต่ง อะไรที่ว่ามันปรุงแต่ง
ถ้าเจ้าหมายถึง การปรุงแต่ง ภายนอกร่างกาย ทั่วๆไป การปรุงแต่ง ก็คือ การเอาสิ่งต่างๆมาผสมผสานกัน เกิดเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ส่วนการไม่ปรุงแต่ง ก็หมายความว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น อยุ่ของมันอย่างเป็นเอกเทศ เช่น ถ้าเอ็งจะทำ กล้วยบวชชี
ถ้าเอ็งไม่ปรุงแต่ง ก็จะมี กล้วยน้ำว้า,น้ำตาล,กะทิ,น้ำเปล่า,เตาไฟ,ถ่าน,หรือแก๊ส,ฯ อันนี้ไม่ปรุงแต่ง ถ้าเอ็งจะปรุงแต่ง เป็น กล้วยบวชชี ก็เอาสิ่ง กล้วยน้ำว้า มาทำกรรมวิธี แล้ว ผสมน้ำตาล ,กะทิ น้ำเปล่า ฯลฯ มาผสมกันตามส่วน ก็จะเป็นการปรุงแต่ง "กล้วยบวชชี"
เช่นเดียวกัน อุปมาอุปมัย การปรุงแต่งในร่างกายของมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งชั้นสูงและชั้นต่ำ ก็เช่นเดียวกัน จะต่างกันตรงขั้นตอนในการดำเนินกรรมวิธี
จบละนะ ถามแบบปัญญานิ่มเกินไปนะเจ้า "โง่งับ"
เอาที่เอ็งคิดว่ายาก มาถามซิ เอาในพระไตรปิฎกก็ได้ แต่ต้องแปลเป็นภาษาไทย และยกมาทั้งบท ไม่ใช่ถามเพียงประโยคเดียวแล้วจะให้ข้าพเจ้าตอบ ...เฮ่อ..เฮ่อ...ตอบไม่ได้วะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2012, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
เฮ้อ...เจ้าโง่งับ เอ๋ย เจ้าจะทำเป็นอวดเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวสุนัขของเข้าทำไมกัน แค่คำถามของเจ้าก็ลวดลาย กำกวมแล้ว เจ้าจะให้ข้าพเจ้าตอบอย่างไรกันละ


โฮ่...โฮ่....โฮ่(ไม่ใช่ร้องไห้แต่หัวเราะแบบซานตาคลอส)
ผมสงสัยว่าเจ๊ศรีชอบอ่านนิทานอีสป จะกระทบกระเทียบใครเลย
ยกแต่เรื่องราชสีห์กับหมาอยู่อย่างเนี่ย คิดอะไรที่มันยากๆบ้างไม่เป็นหรือ

ผมจะสอนและยกตัวอย่างให้ดูน่ะ อย่างเช่นเจ๊ศรีอาริยามาตั้งกระทู้สอนชาวบ้าน
และสอนผม ผมจะกระทบกระเทียบเจ๊ศรี ผมก็จะบอกเจ๊ว่า....
"ไอ้เด็กวัดริจะมาสอนหนังสือสังฆราช"
แบบนี้ผมว่าจะดูเท่มีชาติตระกูลกว่านะครับ
sriariya เขียน:
ที่เจ้าถามว่า สิ่งที่ปรุงแต่ง แตกต่าง กับ สิ่งที่ไม่ปรุงแต่ง ตรงไหนอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องย้อนถามเจ้าซะหน่อยว่า อะไรที่ปรุงแต่ง หมายความ ที่เจ้าว่าปรุงแต่ง อะไรที่ว่ามันปรุงแต่ง
ถ้าเจ้าหมายถึง การปรุงแต่ง ภายนอกร่างกาย ทั่วๆไป การปรุงแต่ง ก็คือ การเอาสิ่งต่างๆมาผสมผสานกัน เกิดเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ส่วนการไม่ปรุงแต่ง ก็หมายความว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น อยุ่ของมันอย่างเป็นเอกเทศ เช่น ถ้าเอ็งจะทำ กล้วยบวชชี
ถ้าเอ็งไม่ปรุงแต่ง ก็จะมี กล้วยน้ำว้า,น้ำตาล,กะทิ,น้ำเปล่า,เตาไฟ,ถ่าน,หรือแก๊ส,ฯ อันนี้ไม่ปรุงแต่ง ถ้าเอ็งจะปรุงแต่ง เป็น กล้วยบวชชี ก็เอาสิ่ง กล้วยน้ำว้า มาทำกรรมวิธี แล้ว ผสมน้ำตาล ,กะทิ น้ำเปล่า ฯลฯ มาผสมกันตามส่วน ก็จะเป็นการปรุงแต่ง "กล้วยบวชชี"

ผมเห็นเจ๊อธิบายความเป็นวิทยาสตร์ฉอดๆๆๆเจี๊ยกๆๆ ไอ้ที่เจ๊อธิบายความมาทั้งหมดนั้นน่ะ
เขาเรียก"ของผสม"

การปรุงแต่งจะต้องให้ของสิ่งนั้น ไม่เหลือสภาพเดิมไว้เข้าใจมั้ย
อย่างกล้วยบวดชี กล้วยมันก็ยังเป็นกล้วย น้ำก็เป็นน้ำที่ผสมกะทิเห็นๆ

แต่ถ้าจะให้กล้วยบวดชี เป็นเรื่องของการปรุงแต่ง คนที่ได้ยินเจ๊บอกว่า
จะทำกล้วยบวดชีให้กิน คนที่ฟังต้องเข้าใจว่า ...
เจ๊จะเอากล้วยน้ำหว้าที่เกิดจากเกษรตัวเมีย ไปวัดเพื่อให้สมภารบวชกล้วยหวีนั้น
และให้กล้วยหวีนั้นถือศีลแปด เสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาให้กิน :b9:


คุยกับเจ๊ศรีมากๆผมก็เริ่มเพี้ยนแล้วน่ะ :b22:


บอกธรรมเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย เจ๊ศรีครับ
ความหมายของคำว่า วิสังขารและสังขาร หรือการปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่ง
มันแตกต่างกันตรงที่

สรรพสิ่งภายนอกกายใจเรา ถ้าเราไม่ไปสนใจมันหรือไม่ไปทำให้เกิดผัสสะ
กับสรรพสิ่งภายนอกนั้น มันก็เป็นเพียงวิสังขารหรือการไม่ปรุงแต่ง
มันจะเป็นวิสังขารก็ต่อเมื่อ เราเอากายใจไปกระทบให้เกิดผัสสะขึ้น
สังขารหรือการปรุงแต่งมันจึงเกิดขึ้น
:b13:
sriariya เขียน:
จบละนะ ถามแบบปัญญานิ่มเกินไปนะเจ้า "โง่งับ"
เอาที่เอ็งคิดว่ายาก มาถามซิ เอาในพระไตรปิฎกก็ได้ แต่ต้องแปลเป็นภาษาไทย และยกมาทั้งบท ไม่ใช่ถามเพียงประโยคเดียวแล้วจะให้ข้าพเจ้าตอบ ...เฮ่อ..เฮ่อ...ตอบไม่ได้วะ

มีเรื่องจะถามเจ๊ศรีอยู่แล้วล่ะ ไม่ยากด้วยมันเป็นเรื่องตัวเจ๊เลยล่ะ
คืองี้ เจ๊ศรีชอบด่าผมว่า เป็นพวกนอกศาสนาพุทธ แสดงว่าเจ๊เป็นชาวพุทธ
มันแปลกตรงที่เจ๊ศรีบอกว่า "เจ๊เป็นพระศรีอาริย์" ผมสงสัยครับว่า ศาสนาพุทธของ
พระโคดมตาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีอายุ5000ปี นี่แค่2500กว่าปีเอง
ทำไมครับทำไมเจ๊ศรีถึงบอกว่าเจ๊เป็นพระศรีอาริย์แล้ว เจ๊ช่วยบอกหน่อยครับ
การเป็นพระศรีอาริย์เขาเป็นอย่างไรครับ เหาะได้หรือเปล่าครับ หนังเหนี่ยวมั้ยครับ
ดูหวยแม่นมั้ย :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2012, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 06:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12:
อีกตั้งหลายกัปป์หลายกัลป์เชียวนะน้องคง เสี่ยงกินไป อย่าได้อยากเกิดในยุคพระศรีอารย์เลย ให้คุณSriariyaเขาไปคนเดียวเถิด อย่าชวนใครสหายธรรมอื่นไปด้วยเดียวจะบาป มาฉุดรั้งกันไว้ไม่ให้ นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้
:b12: :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12: :b12:
อีกตั้งหลายกัปป์หลายกัลป์เชียวนะน้องคง เสี่ยงกินไป อย่าได้อยากเกิดในยุคพระศรีอารย์เลย ให้คุณSriariyaเขาไปคนเดียวเถิด อย่าชวนใครสหายธรรมอื่นไปด้วยเดียวจะบาป มาฉุดรั้งกันไว้ไม่ให้ นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้
:b12: :b12: :b12: :b12:

คุนน้องแซวจ่าศรีกับท่านพี่โฮ ไม่เกี่ยวกับท่านอโสกะ ไม่มีใครสามารถฉุดรั้งใครไม่ให้นิพพานได้หรอก แล้วแต่วาสนาบารมีของใครของมัน อย่ามั่วไปเรื่อยนะท่านอโสกะ :b13: :b46:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:


ท่านพี่โฮฮับก็ช่วยบอกเบอร์ให้หน่อยซิ...นังนู๋มันเหงาเหลือเกินจะได้ไม่ต้องรอนานถึงยุค กตยุค

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:


ท่านพี่โฮฮับก็ช่วยบอกเบอร์ให้หน่อยซิ...นังนู๋มันเหงาเหลือเกินจะได้ไม่ต้องรอนานถึงยุค กตยุค

อุ้ย! ลุงหมานเล่นแรง :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมานเข้ากระทู้มาทีไร..จากกระทู้ดีๆ ..กลายเป็นกระทู้ถังขยะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ลุงหมานเข้ากระทู้มาทีไร..จากกระทู้ดีๆ ..กลายเป็นกระทู้ถังขยะ :b32:

กระทู้เขาดีแต่คนนะซิมันเป็นขยะ จึงเข้ามากวาดขยะให้เจ้าของกระทู้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 17 มิ.ย. 2012, 05:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
sriariya เขียน:
เฮ้อ...เจ้าโง่งับ เอ๋ย เจ้าจะทำเป็นอวดเอาหนังราชสีห์มาห่มตัวสุนัขของเข้าทำไมกัน แค่คำถามของเจ้าก็ลวดลาย กำกวมแล้ว เจ้าจะให้ข้าพเจ้าตอบอย่างไรกันละ


โฮ่...โฮ่....โฮ่(ไม่ใช่ร้องไห้แต่หัวเราะแบบซานตาคลอส)
ผมสงสัยว่าเจ๊ศรีชอบอ่านนิทานอีสป จะกระทบกระเทียบใครเลย
ยกแต่เรื่องราชสีห์กับหมาอยู่อย่างเนี่ย คิดอะไรที่มันยากๆบ้างไม่เป็นหรือ

ผมจะสอนและยกตัวอย่างให้ดูน่ะ อย่างเช่นเจ๊ศรีอาริยามาตั้งกระทู้สอนชาวบ้าน
และสอนผม ผมจะกระทบกระเทียบเจ๊ศรี ผมก็จะบอกเจ๊ว่า....
"ไอ้เด็กวัดริจะมาสอนหนังสือสังฆราช"
แบบนี้ผมว่าจะดูเท่มีชาติตระกูลกว่านะครับ
sriariya เขียน:
ที่เจ้าถามว่า สิ่งที่ปรุงแต่ง แตกต่าง กับ สิ่งที่ไม่ปรุงแต่ง ตรงไหนอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องย้อนถามเจ้าซะหน่อยว่า อะไรที่ปรุงแต่ง หมายความ ที่เจ้าว่าปรุงแต่ง อะไรที่ว่ามันปรุงแต่ง
ถ้าเจ้าหมายถึง การปรุงแต่ง ภายนอกร่างกาย ทั่วๆไป การปรุงแต่ง ก็คือ การเอาสิ่งต่างๆมาผสมผสานกัน เกิดเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ส่วนการไม่ปรุงแต่ง ก็หมายความว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น อยุ่ของมันอย่างเป็นเอกเทศ เช่น ถ้าเอ็งจะทำ กล้วยบวชชี
ถ้าเอ็งไม่ปรุงแต่ง ก็จะมี กล้วยน้ำว้า,น้ำตาล,กะทิ,น้ำเปล่า,เตาไฟ,ถ่าน,หรือแก๊ส,ฯ อันนี้ไม่ปรุงแต่ง ถ้าเอ็งจะปรุงแต่ง เป็น กล้วยบวชชี ก็เอาสิ่ง กล้วยน้ำว้า มาทำกรรมวิธี แล้ว ผสมน้ำตาล ,กะทิ น้ำเปล่า ฯลฯ มาผสมกันตามส่วน ก็จะเป็นการปรุงแต่ง "กล้วยบวชชี"

ผมเห็นเจ๊อธิบายความเป็นวิทยาสตร์ฉอดๆๆๆเจี๊ยกๆๆ ไอ้ที่เจ๊อธิบายความมาทั้งหมดนั้นน่ะ
เขาเรียก"ของผสม"

การปรุงแต่งจะต้องให้ของสิ่งนั้น ไม่เหลือสภาพเดิมไว้เข้าใจมั้ย
อย่างกล้วยบวดชี กล้วยมันก็ยังเป็นกล้วย น้ำก็เป็นน้ำที่ผสมกะทิเห็นๆ

แต่ถ้าจะให้กล้วยบวดชี เป็นเรื่องของการปรุงแต่ง คนที่ได้ยินเจ๊บอกว่า
จะทำกล้วยบวดชีให้กิน คนที่ฟังต้องเข้าใจว่า ...
เจ๊จะเอากล้วยน้ำหว้าที่เกิดจากเกษรตัวเมีย ไปวัดเพื่อให้สมภารบวชกล้วยหวีนั้น
และให้กล้วยหวีนั้นถือศีลแปด เสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาให้กิน :b9:


คุยกับเจ๊ศรีมากๆผมก็เริ่มเพี้ยนแล้วน่ะ :b22:


บอกธรรมเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย เจ๊ศรีครับ
ความหมายของคำว่า วิสังขารและสังขาร หรือการปรุงแต่งและไม่ปรุงแต่ง
มันแตกต่างกันตรงที่

สรรพสิ่งภายนอกกายใจเรา ถ้าเราไม่ไปสนใจมันหรือไม่ไปทำให้เกิดผัสสะ
กับสรรพสิ่งภายนอกนั้น มันก็เป็นเพียงวิสังขารหรือการไม่ปรุงแต่ง
มันจะเป็นวิสังขารก็ต่อเมื่อ เราเอากายใจไปกระทบให้เกิดผัสสะขึ้น
สังขารหรือการปรุงแต่งมันจึงเกิดขึ้น
:b13:
sriariya เขียน:
จบละนะ ถามแบบปัญญานิ่มเกินไปนะเจ้า "โง่งับ"
เอาที่เอ็งคิดว่ายาก มาถามซิ เอาในพระไตรปิฎกก็ได้ แต่ต้องแปลเป็นภาษาไทย และยกมาทั้งบท ไม่ใช่ถามเพียงประโยคเดียวแล้วจะให้ข้าพเจ้าตอบ ...เฮ่อ..เฮ่อ...ตอบไม่ได้วะ

มีเรื่องจะถามเจ๊ศรีอยู่แล้วล่ะ ไม่ยากด้วยมันเป็นเรื่องตัวเจ๊เลยล่ะ
คืองี้ เจ๊ศรีชอบด่าผมว่า เป็นพวกนอกศาสนาพุทธ แสดงว่าเจ๊เป็นชาวพุทธ
มันแปลกตรงที่เจ๊ศรีบอกว่า "เจ๊เป็นพระศรีอาริย์" ผมสงสัยครับว่า ศาสนาพุทธของ
พระโคดมตาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีอายุ5000ปี นี่แค่2500กว่าปีเอง
ทำไมครับทำไมเจ๊ศรีถึงบอกว่าเจ๊เป็นพระศรีอาริย์แล้ว เจ๊ช่วยบอกหน่อยครับ
การเป็นพระศรีอาริย์เขาเป็นอย่างไรครับ เหาะได้หรือเปล่าครับ หนังเหนี่ยวมั้ยครับ
ดูหวยแม่นมั้ย :b9:


ทุเรศ...ในความคิด ความอวดดี อวดฉลาด ข้าพเจ้าจะกล่าวตามตรงเลยนะว่า เจ้าโง่งับ ไม่เขลาธรรมดา แต่เขลาแล้วยังอวดฉลาด ไม่รู้แต่ทำเป็นอวดรู้ ระดับเอ็ง มันก็แค่ ขี้ฝุ่นใต้ฝ่าเท้าของข้าพเจ้าเท่านั้น เอ็งมันไม่รุ้จักภาษาไทย ไม่รู้จักคำว่า อุปมาอุปมัย แถมยังไม่รู้จักสิ่งที่เอ็งตั้งคำถามมา เอ็งไม่รู้จัก คำว่า "สังขาร" แถมยังไม่เข้าใจอีกด้วย
กล้วยบวชชี ไม่ปรุงแต่งหรือ ฮ่า ฮ่า ....เจ้าโง่งับเอ๋ย ทำเป็นเอาหนังราชสีห์มาห่มความเป็นสุนัขความเป็นเดรัจฉานของเจ้า เอาไว้
ระดับสมองสติปัญญาของเอ็ง ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายต่อดอกนะ เอ็งไปคิดดูซิว่า ที่เอ็งว่า กล้วยบวชชี ยังคงสภาพเดิมนั้น ความจริงแล้ว ส่วนผสมต่างๆของ กล้วยบวชชี เมื่อมันสุกแล้ว มันคงสภาพเดิมหรือว่ามันเปลี่ยนไป .....เอาเรื่องเดียวแค่นี้แค่ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากนัก ปล่อยให้เอ็งรู้สำนึกตัวเองน่าจะดีกว่า

ข้าพเจ้าจะโปรดสัตว์เดรัจฉานในร่างมนุษย์ของเจ้าเอาไว้ว่า สังขาร คือ การปรุงแต่ง ,การปรุงแต่ง คือการ ผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน การผสมผสานสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน ก็จะเกิดสิ่งอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา หรืออาจจะเป็นสิ่งเดิมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปเล็กน้อย ฯลฯ ใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้า จดจำเอาไว้เถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2012, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ยุคของพระศรีอริยเมตรไตร เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุหลายหมื่นหลายแสนปี ใครๆก็ปราถนาอยากจะเกิดเป็นมนุษย์ยุคนั้น
รวมถึงจ่าศรีอาริด้วยมั้ง ถ้าคุนน้อง หลุดพ้นไม่ได้ชาตินี้ คุนน้องก็อยากเกิดในยุคพระศรีอาริยเมตไตรเหมือนกัน อยากเจอท่านพี่โฮฮับและกัลยามิตรท่านอื่นๆด้วย :b32:


ข้าพเจ้า ไม่อยากเถียงอะไรกับคุณให้มากนักดอกนะขอรับ คุณสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงกล่าวตามตรงว่าคุณ"ตอแหล" คุณอ่านขัอความที่คุณเขียนมาซิ นั่นแหละ เขาเรียกว่า "ตอแหล" ละนะ
คุณรู้ได้อย่างไรว่า มนุษยในยุคศรีอาริยเมตไตรย มีอายุลหายหมื่นหลายแสนปี คุณรู้ได้อย่างไร คุณไปเอาที่ไหนมา

ข้าพเจ้ายังทำการ ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และทดลองปฏิบัติอยู่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ตามที่พระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า มีพระพุทธเจ้าหลายองค์ที่มีอายุ อสงไขย
แลด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าพบว่า ลำดับชั้นของพระอริยบุคคลตามพุทธศาสนากล่าวไว้นั้น ยังมีชั้นหรือลำดับชั้นที่สุงกว่า นิพพาน อยู่อีกหนึ่งชั้น และกำลัง วิจัย ค้นคว้า ศึกษา ทดลองปฏิบัติ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา และอุปสรรคอยู่บ้าง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร