เข้าไปกำหนดรู้ขันธ์5ครับ หมั่นตั้งความสงสัยในการปฏิบัติ เช่นสงสัยว่าทำไมเราอึดอัดจากการกำหนดลมหายใจ มีอะไรเป็นเหตุ เหตุเพราะประกอบกันของวิญญาณกับรูป คืออาจจะไม่ได้มีวิญญาณที่ลมหายใจ แต่มีวิญญาณที่รูป (ขบวนการหายใจของร่างกาย)ผัสสะที่เกิดมีผลทำให้เกิดเวทนาคือความอึดอัด แต่มีความอยากควบคู่อยู่คืออยากสงบ ไม่อยากอึดอัด จึงเป็นตัวแปรว่าความสงบเกิดขึ้นได้ยากเพราะมีความอยากเป็นอารมณ์

ความเห็นของการปฏิบัติส่วนตัวนะครับ ควรพิจารณา

ใจเย็นๆ อย่าพึ่งรีบอยากได้ ถ้าอยากได้มากๆ เดี๋ยวมันจะสับสนท้อแท้ถึงความคลุ้มคลั่ง
๑.ต้องเรียนก่อน ว่าต้องทำอย่างไรเป็นลำดับ หนึ่ง สอง สาม ถูกต้องหรือไม่

๒.ต้องย้อนไปย้อนมาดูว่าข้ามขั้นตอนหรือมีข้อบกพร่องตรงไหนที่จะต้องแก้ไขเพราะอะไรกรรมฐานจึงไม่เจริญ ตัดปลิโพธแล้วหรือยัง อานาปานสตินั้นมีกี่วิธี มีวิธีใดบ้าง วิธีเจริญนั้นเจริญอย่างไร กรรมฐานใดเหมาะกับตน

๓.แนะนำพระสูตร
๓.๑ คณกโมคคัลลานสูตรhttp://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=1571&Z=1734
๓.๒ เสขปฏิปทาสูตรhttp://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=13&A=480&Z=659

ลองใช้วิธีทำอานาปาณสติของท่านพุทธทาส อ่านเข้าใจง่ายเคยทำแล้วได้ผลดี ไม่เครียด ลองหาข้อมูลในเว็บก็ได้

เรื่องบางเรื่อง ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้

ฌาน กับนิวรณ์ก็เป็นแบบนี้

ขณะที่จิตเป็นฌาน จิตจะไร้นิวรณ์ ในทางกลับกัน ขณะที่จิตเต็มไปด้วยนิวรณ์ก็จะไม่มีทางเข้าถึงฌานไปได้

ท่านอยากได้ฌาน อยากเข้าฌานได้ดังใจ แต่ว่าความอยากนี่ละ เป็น 1 ในนิวรณ์ 5 จิตใดมีความอยาก จิตนั้นจะกระวนกระวาย ฟุ้งกระจาย ไม่มีความสงบสุข ซึ่งเป็นลักษณะตรงข้ามกับจิตที่เป็นฌาน ซึ่งจะมีลักษณะรวมนิ่ง ตั้งมั่นแน่วแน่

นั่นหมายความว่า ขณะใดที่ยังอยากอยู่ จะไม่มีทางเข้าถึงฌานได้เลย

สิ่งที่ท่านอยากได้ ไม่อาจได้มาด้วยความอยาก แต่ต้อง"หยุดอยาก"อย่างน้อยแค่ในขณะที่นั่งสมาธิ ลองคิดเทียบกับการหายใจดู เราหายใจไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความอยากหากใจ หรืออยากเลิกหายใจ เราทำไปเพราะว่าเป็นเรื่องปกติ ท่านลองคิดแบบเดียวกันกับการนั่งสมาธิ ทำไปสบายๆ ปกติอย่างนั้น คิดเสียว่า ขณะนั่งสมาธินี้เราจะไม่เอาอะไรทั้งนั้น นิมิตไม่เอา ปิติไม่เอา สุขไม่เอา คิดโน่นนี่ก็ไม่เอา เราจะเอา"รู้"อย่างเดียว

ผิดถูกอย่างไรโปรดพิจารณา

นิมิตไม่เอาไม่ได้! พระอรหันต์ท่านว่าต้องฉลาดในการถือ
การเพ่งฌานระดับสูงๆเช่นเพ่งอากาศๆว่างๆ อากศว่างๆนั้นแหละเป็นนิมิต

การเจริญภาวนา จำเป็นต้องผ่านนิมิตหรือไม่ ? | วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
[url]www.dhammakaya.org/.../การเจริญภาวนา-จำเป็นต้องผ่านนิ... -[/url]

เคยรู้เรื่องการท่องคาถาเป็นคาบๆ อย่างที่ขุนแผนเคยใช้ไหมครับ นั่นเป็นวิธีลัดที่จะทำให้เกิดฌาณ เร็วที่สุด
วิธีฝึกหัด
เริ่มต้นด้วยคาถาที่สั้นๆก่อนเช่น หัวใจอิติ ปิโส

อิ.......สวา.......สุ

ให้ท่องกลับไปกลับมาโดยกำหนดในใจว่าจะท่องกี่คาบ เช่น 10 คาบ แล้วท่องกลับไปมาอย่าให้ผิดอย่าให้หลงคาบ ถ้าหลง ลืมต้องเริ่มต้นนับคาบที่หนึ่งใหม่ทันที

อิ.....สวา.....สุ****สวา.....สุ....อิ****สุ.....อิ.....สวา****อิ.....สวา.....สุ เท่ากับ 1 คาบ

ได้ 10 คาบแล้วลองเพิ่มเป็น 20 - 30 คาบ ถ้าไม่ผิดไม่หลงแล้วก็เพิ่มจำนวนคำในคาถาขึ้นไปเช่น
หัวใจอริยสัจ 4 ทุ.....สะ.....นิ.....มะ
หัวใจโพชฌงค์ 7 สะ....ธะ....วิ....ปี....ปัส...สมา...อุ
หัวใจพระเจ้าสิบชาติ เต.....ชะ...สุ...เน...มะ...ภู...จะ...นา...วิ...เว

เมื่อครบจำนวนคาบที่กำหนดแล้วให้นิ่งอยู่เฉยๆมีแต่ตัวรู้ตั้งอยู่อย่างเดียว จิตจะรวมเข้าไปถึงฌาณ 4 เลยทีเดียวแต่เป็นเพียงระยะสั้นๆ แล้วหมดกำลังไป (ขุนแผนจะท่องครบคาบที่กำหนด จิตรวม ถอนออกมาอธิษฐาน เสกเป่าให้เป็นไปดั่งใจ ขณะที่จิตยังทรงพลังฌาณ)

สิ่งสำคัญเมื่อตอนฝึกใหม่ๆปีติจะเกิดขึ้นเร็วมากจนอาจเกิดตัวสั่นโยกคลอนหรือเต้นอย่างรุนแรง ไม่ต้องตกใจให้รู้ตัวไว้กำกับตัวใจให้สงบ ไม่ช้าถ้าชำนาญปีติจะไม่แสดงออกนอกกาย

ลองดูนะครับ ได้ผลเป็นประการใดหรือมีปัญหาสงสัยก็เข้ามาคุยประสบการณ์จริงกันดูนะครับ

ไม่ต้องห่วงเรื่องผล เพราะผู้แนะนำทำมาด้วยตัวเอง ได้ผลเห็นผลมาเป็นอย่างดีแล้วจึงกล้าบอกกล่าวแบ่งปัน แล้วที่อ้างอิงก็คือ ท่านหลวงวิจิตรวาทการ ในหนังสือ กำลังใจ มโนมยิทธิ มันสมอง ฯลฯ

ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปครับ ใจเย็น ๆ ทำไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ ครับ ความอยากจะเป็นเครื่องกั้นนะครับ

อนุโมทนาสำหรับความตั้งใจนะคะ ขอให้ได้ฌาณดั่งที่ตั้งใจเร็วๆนะคะ

ดิฉันเองนั่งสมาธิ แต่ไม่เคยเห็นนิมิต ไม่เคยเห็นอะไร ทุกอย่างว่าง สงบ เบาสบาย ออกสมาธิแล้วก็รู้สึก
ว่าใจสบายค่ะ ดิฉันเองไม่อยากได้ฌาณ ไม่อยากได้อะไร ขอแค่จิตใจมีแต่ความสงบและเบาสบายไร้
กังวลใดๆ ก็พอแล้วค่ะ

ก็ขอให้ท่านสมหวังโดยเร็วนะคะ

นั่งสมาธิแบบยอมตายได้มั้ยล่ะ ถ้านั่งได้ ผมว่าไม่เกิน
1อาทิตย์จิตก็รวม ได้ฌานแน่นอน แต่จะเอาไปทำอะไรล่ะ

อัน"ฌาน"นี้ ถ้าเอาไปเทียบกับ"นิพพาน"มันก็กลายเป็นของไม่ดีไป...แต่ถ้าเอาไปเทียบกับของไม่ดีหรือของดีอื่นๆ มันก็เป็นของดี...เพราะ"ฌาน"มันก็เป็นสุขสงบยิ่งและทำได้ยากนะครับ...แต่ไอ้ความอยากได้เร็วๆนี่แหละที่มันไม่ดีเพราะมันเป็นกิเลส