วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 14:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 10:39
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันกับสามีแยกกันอยู่ 6 เดือนแล้วค่ะ ไม่ได้หย่าเราสองคนมุ่งหวังว่าจะกลับมาพร้อมหน้าครอบครัวในสักวัน ระหว่างที่แยกกันอยู่ดิฉันอยู่กับพ่อแม่ สามีเช่าห้องอยู่ในตัวจังหวัด ระหว่างแยกกันอยู่สามีคบผู้หญิงหลายคน เขาไม่เคยปิดบังดิฉัน และเขาไม่ยอมให้ผู้หญิงคนใหนมาปักหลักอยู่ประจำที่ห้องเขา (เมื่อตอนอยู่ด้วยกันไม่เคยมีปัญหาเรื่องเจ้าชู้) แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมารักเขาจริงมาดูแลมาให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องเงิน ด้วยเธอเข้าใจคิดว่าเราเลิกกันจริง สามีก็คงบอกเธอว่ามีลูกมีเมียแล้วประมาณว่าไม่ได้โกหกนะ สามวันก่อนดิฉันโทรคุยกับเธอ ตั้งใจว่าถ้าพูดไม่รู้เรื่องมีฉากด่าก็จะด่าให้สะใจ คิดว่าจะเป็นอย่างในละคร แต่ปรากฏว่าไม่รู้จะด่าเธอตรงใหนเธอพูดจาดีมาก ไม่มีก้าวร้าวเลย ดิฉันแนะนำตัวกับเธอว่าดิฉันเป็นอดีตแฟนกลัวเธอจะไม่คุยด้วยน่ะค่ะ เธอก็ยิ่งเข้าใจไปใหญ่ว่าเราเลิกกันแล้วคิดว่าดิฉันคืออดีต......
............เธอบอกดิฉันว่าเธอรักสามีดิฉัน อยากใช้ชีวิตกับเขา และรับได้ถึงจะมีลูกแล้ว(ใสซื่อแบบไม่รู้อะไรเลยจริงๆ)
ฝ่ายสามีดิฉันแคร์เธอบอกว่าเธอเป็นคนดีนิสัยดีก็เลยเกรงใจยิ่งไม่ไม่กล้าบอกและก็คงยังไม่พร้อม(แต่ก็คงเป็นนิสัยผู้ชายอยากเก็บเอาไว้ก่อน)..........
ฉันเชื่อว่าสามีพูดความจริงเรื่องมีฉันกับลูกจริง แต่พูดไม่หมด สรุปก็คือโกหกเธอ
ส่วนฉันรู้อยู่เต็มอก ครั้นจะบอกเธอก็กลัวเธอคิดว่าดิฉันละลานเธอ....และก็เหมือนเป็นการให้ร้ายสามี ใจหนึ่งก็เห็นใจเธอ เธอคิดว่าไม่ได้แย่งของของใครก็เธอเข้าใจว่าเราเลิกกันแล้วเป็นเพียงอดีต ดิฉันไม่อยากให้สามีเป็นบาปโดยเฉพาะการรับเงินจากเธอ(สามีดิฉันร้อนเงินมาก ภาระหนี้สินล้นพ้นตัว) ดิฉันควรต้องทำอย่างไร อยากบอกให้เธอถอนตัว แล้วเธอจะเชื่อมั๊ย อีกอย่างก็กลัวสามีถลำลึกเพราะความดีของเธอ ดิฉันก็ต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่อยากให้ลูกต้องขาดพ่อค่ะ ขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆช่วยแนะนำด้วยค่ะ.......ปัญหาของดิฉันกับสามีรุงรังมากค่ะ แต่ปรึกษาเรื่องที่เกิดขณะปัจจุบันก่อนนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 15:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 10:39
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเล่าต่อนะคะ อยากระบายทกข์
ระหว่างที่แยกกันฉันพยายามปะคับปะครองชีวิตเขา ให้กำลังใจเขาให้เขาดำเนินชีวิตด้วยดี ให้การช่วยเหลือเขาค้ำประกันสัญญาการทำงานของเขา ค้ำประกันเงินกู้ แต่เขาเป็นคนใจร้อนเขาต้องการให้ฉันกับลูกตามเขาออกไปอยู่ข้างนอกด้วย แต่ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะสมที่ตามเขาออกไป(ฉันอยู่กับพ่อแม่)แล้วพ่อแม่จะว่าอย่างไรที่ต้องทิ้งท่านไป เหมือนกับเราเป็นลูกอักตัญญู ฉันบอกให้เขารอให้เวลาเป็นเครื่องลบรอยแผลลบรอยร้าวภายในใจของทุกคนให้จางลงซะก่อน แล้วเรากลับมาอยู่ด้วยกัน(ในบ้านของพ่อแม่)


เขาทำตัวเป็นเพลบอย ดื่มเที่ยวทุกคืน(หนักมาก) คบผู้หญิงหลายคน แต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่แต่ห่างๆ ฉันพยายามเตือนเขาทั้งเรื่องดื่ม เรื่องผู้หญิงให้ป้องกันตัวบ้าง ทุกครั้งที่คุยกันก็คุยได้ไม่นานเขามักมีอารมณ์ฉุนเฉียวบอกว่าที่เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน
เขาผอมลงผิดหูผิดตา (คนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อนก็คงว่าเขารุปร่างดี โดยเฉพาะสาวๆ) ฉันปรึกษากับพี่ชายของสามี เขามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า พี่ชายเขาบอกว่าคงไม่มีอะไรหรอกเขาคงคิดมากที่ต้องแยกจากลูกเมีย
ช่วงปีใหม่เรานัดกันชมกายกรรม แล้วก็จะพาลูกเที่ยววันเด็ก แต่เขาหายไป ฉันโทรทวงเขาว่าเขาลืมอะไรหรือเปล่า เขาตอบว่าเปล่านี่ ไอ้เราก็น้อยใจงั้นไม่เป็นไร ต่อมาประมาณ 2-3 วัน ก็มีข่าวลือของเขาว่าเขาเล่นยา และก็คือสิ่งเดียวกับที่ฉันสงสัยมาตลอด ฉันพยายามหาคำตอบ พยายามโทรหาเขาคืนนั้นคุยกันเป็นชั่วโมงรู้เลยว่าเขาอยู่ในอาการเมา พยายามที่จะหรอกถามเขาก็ปฏิเสธ แต่ความรู้สึกฉันมั่นใจว่าใช่เลย ฉันบอกพ่อของเขาพ่อก็หัวเราะไม่เชื่อฉัน เพียงเวลาแค่วันสองวันอาการเขากำเริบให้เห็นชัด จิตหลอน หวาดระแวง ฉันพาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาล วันแรกเขายังไม่ยอมรับ หมอเจาะเลือดตรวจปัสสวะแล้วนัดอีกหนึ่งสัปดาห์ฟังผลและให้ยามาทาน ทานยา 1 สัปดาห์อาการดีขึ้น ผลตรวจออกมาหมอบอกว่ามีบ้าเพียบ...............หมอให้เลือกจะบำบัดที่บ้านหรือที่โรงพยาบาล ฉันเลือกที่จะให้เขามาบำบัดที่บ้าน เขาทานยาที่โรงพยาบาลทำให้หลับอย่างต่อเนื่องรู้สึกตัวแต่ลุกไม่ขึ้น พอหลายวันเขามีกำลังมากขึ้นก็อยากออกข้างนอก เนื่อกจากเราแยกกันอยู่จึงลำบากที่ฉันจะควบคุมเขาได้ อีกทั้งฉันต้องทำงานประจำด้วย ...............และที่ฉันโมโหหนักก็คือผู้หญิงคนนี้ติดต่อนัดเจอกัน .....เจ้าหล่อนช่างไม่รู้อะไรเลยจริง......จึงเป็นเหตุให้ฉันต้องโทรคุยกับหล่อนแต่พอคุยแล้วก็รู้สึกดีนิดๆ อย่างน้อยเขาอยู่ข้างนอกอยู่ไกลตายังมีคนช่วยดู......ไม่ใช่เวลาหึงหวง และก็อีกความรู้สึกหนึ่งก็อยากให้เธอถอนตัวเรา....อยากให้เธอรู้เธอเหตุที่ทำให้เขาไม่ปลอดภัยเขากำลังอยู่ในช่วงบำบัด....ไม่อยากให้สามีเป็นบาปไปมากกว่านี้ ..... ขอบคุณเธอที่ให้ความช่วยเหลือดูแลสามี ..... การที่เธอกับสามีฉันคบกันฉันเข้าใจภาพที่มันชื่นฉำ ...... แต่ความเป็นสามีภรรยา ฉันเหนื่อย เหมือนฉันต้องคอยเป็นหลักของทั้งเขาและก็ลูก ........ คลั้นจะปล่อยให้เขาไปดูแลกันเอง....ก็ที่ผ่านมาเธอกับปล่อยให้เขาอาหการหนักช่วยอะไรไม่ได้เลย เกือบเขาต้องเป็นคนบ้าเป็นการถาวร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2012, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เสพยาเข้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง ?

ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง หรือก็คือ "สมอง" นั่นเอง ทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
(ไม่ง่วงนอน ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน 24 ชม.โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้า)

เพิ่มการหลั่งโดปามีน (Dopamine)
ทำให้ผู้เสพ รู้สึกเคลิบเคลิ้ม สบายใจ หายเครียด มีสมาธิจดจ่อกับอะไรสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานเป็นพิเศษ

ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง (ซึ่งเป็นความรู้สึกลวงๆที่สร้างขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ)

กดการทำงานของสมองส่วนคิด กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนอยาก และส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์-ศิลปะ ทำให้ผู้เสพมักมีโลกส่วนตัวสูง

ลดความอยากอาหาร (เพราะไปกดศูนย์อยากอาหารในสมอง ทำให้มีหลายคนที่ใช้ยาเพื่อลดความอ้วน ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดมหันต์)

เพิ่มอารมณ์ทางเพศ ทำให้มีความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ (ทำให้หลายคนใช้เพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ)

เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (ส่วนมากชีพจรจะเต้นเร็วกว่าปกติ)

ในรายที่สูบบุหรี่ จะทำให้อยากบุหรี่มากขึ้นกว่าปกติมาก ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายมากเป็น 2 เท่า

ทำให้ม่านตาขยาย (ทำให้ไม่กล้าสู้แสงจึงมักเห็นผู้ใช้ยาใส่แว่นกันแดด)

การควบคุมอุณหภูมิในร่างกายผิดปกติ
(เหงื่ออกง่าย ร้อนๆ หนาวๆ ส่วนมากจะต้องเสพในห้องแอร์ เพราะพอเหงื่ออกมากๆ แล้วจะทำให้ฤทธิ์ยาหมดเร็วขึ้น เนื่องมาจากต้องดื่มน้ำในปริมาณมากทำให้ปัสสาวะบ่อย ซึ่งสาร Methamphetamine จะถูกทำลายและขับออกที่ไต)

การตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย (เช่นการขับรถ)

การควบคุมอารมณ์และการใช้เหตุผลลดลง เพราะสมองส่วนคิดถูกกด และเมื่อใช้ไปนานๆ สมองส่วนคิดที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญา การใช้เหตุผลถูกทำลาย กลายเป็นคนป่วยทางจิต

สุขภาพช่องปากย่ำแย่ (เรียกว่า "Meth-Mouth")

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1795.0

ปัญหาชีวิต หลากหลายรูปแบบจริงๆ ก็แก้กันไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 15:49
โพสต์: 20

ชื่อเล่น: ทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คงต้องคอยเอาธรรมะเ้ข้าช่วยในใจเราให้มากแล้วหละครับ เวลามีเรื่องซับซ้อนในใจเช่นใจหนึ่งก็ทุกข์ เห็นเรื่องเป็นภาระหนักใจ อีกใจก็หวังว่าทุกอย่างมันดีได้ ดูเหมือนจะเจอความรู้สึกอย่างนี้แทบทุกครอบครัว อาจจะใช้วิธีมองเรื่องแบบแยกองค์ประกอบ เข้าใจตามความเป็นไป ไม่เข้าข้างความหวังของเรา แล้วก็มีอุเบกขาเยอะๆ พอได้ไหมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร