วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 05:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2011, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b8: :b8: :b8: ขออัญเชิญพระนิพนธ์แสงส่องใจ ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่อง “อุปกิเลส ๑๖” (อ่านว่า อุปะกิเหลด) คือโทษเครื่องเศร้าหมอง ๑๖ อย่าง หมายถึง สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่แจ่มใส ทำให้ใจหม่นไหม้ ทำให้ใจเสื่อมทรามไม่สะอาดบริสุทธิ์ เกิดจากความคิดปรุงแต่ง จึงเป็นจิตที่น้อมรับคุณธรรมได้ยาก

...มามอบเป็นธรรมบรรณาการแด่เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกท่าน เพื่อต้อนรับปีใหม่ ๒๕๕๕ หากเราได้ติดตามศึกษา จะทำให้เข้าใจอัธยาศัยนิสัยประจำตัวของเราดีขึ้น เราจะรู้ว่าปกติเรามักจะมีความคิดอะไรประจำเป็นอัธยาศัยเป็นนิสัย มี “อุปกิเลส” ตัวไหนตกค้างอยู่บ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการแก้ไขตัวของเราเองต่อไป...กระทู้โพสต์โดย คุณ I am แห่งลานธรรมจักร สาธุๆๆ ด้วยนะค่ะ


------> แสงส่องใจ คือแสงที่ส่องให้ใจสว่าง และไม่มีแสงใดที่จะส่องใจให้สว่างได้ นอกจากแสงคือธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะส่องใจให้สว่างได้ เพราะธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะอบรมให้ยิ่งปัญญารู้วิธีคุ้มครองใจมิให้ความมืดมนเข้าปกคลุมใจ ให้ไม่ปรากฏความบริสุทธิ์ประภัสสร

จิตทุกดวงมีธรรมชาติบริสุทธิ์ประภัสสร คือจิตทุกดวงมีความบริสุทธิ์เกิดขึ้นเองตามวิสัยของโลก แต่เศร้าหมองไปเพราะอุปกิเลสจรมาบัง ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกั้นอุปกิเลสให้พ้นจากจิตได้ ยังความบริสุทธิ์ประภัสสรออันเป็นธรรมชาติของจิตให้ปรากฏได้ ธรรมของพระพุทธเจ้าจึงวิเศษแท้ ไม่มีอื่นเสมอ

อุปกิเลสคือโทษเครื่องเศร้าหมอง ๑๖ อย่างนั้น เกิดจากความคิดปรุงแต่ง หยุดความคิดปรุงแต่งได้เพียงไร ย่อมยังความเศร้าหมองมิให้บดบังความประภัสสรแห่งจิตได้เพียงนั้น

(๑) อภิชฌาวิสมโลภะ อุปกิเลสข้อ ๑
ท่านแปลว่า “ความละโมบไม่สม่ำเสมอ คือความเพ่งเล็ง”

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10572

(๒) โทสะ อุปกิเลสข้อ ๒ ท่านแปลว่า “ความร้ายกาจ”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10589

(๓) โกธะ อุปกิเลสข้อ ๓ ท่านแปลว่า “โกรธ”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10610

(๔) อุปนาหะ อุปกิเลสข้อ ๔ ท่านแปลว่า “ผูกโกรธไว้”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10711

(๕) มักขะ อุปกิเลสข้อ ๕ ท่านแปลว่า “ลบหลู่คุณท่าน”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10732

(๖) ปลาสะ อุปกิเลสข้อ ๖ ท่านแปลว่า “ตีเสมอ คือยกตัวเทียมท่าน”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10753

(๗) อิสสา อุปกิเลสข้อ ๗ ท่านแปลว่า “ริษยา”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10779

(๘) มัจฉริยะ อุปกิเลสข้อ ๘ ท่านแปลว่า “ตระหนี่”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10848

(๙) มายา อุปกิเลสข้อ ๙ ท่านแปลว่า “มารยา เจ้าเล่ห์”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10855

(๑๐) สาเถยยะ อุปกิเลสข้อ ๑๐ ท่านแปลว่า “โอ้อวด”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10876

(๑๑) ถัมภะ อุปกิเลสข้อ ๑๑ ท่านแปลว่า “หัวดื้อ”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10876

(๑๒) สารัมภะ อุปกิเลสข้อ ๑๒ ท่านแปลว่า “แข่งดี”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10904

(๑๓) มานะ อุปกิเลสข้อ ๑๓ ท่านแปลว่า “ถือตัว”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10923

(๑๔) อติมานะ อุปกิเลสข้อ ๑๔ ท่านแปลว่า “ดูหมิ่นท่าน”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10973

(๑๕) มทะ อุปกิเลสข้อ ๑๕ ท่านแปลว่า “มัวเมา”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10990

(๑๖) ปมาทะ อุปกิเลสข้อ ๑๖ ท่านแปลว่า “เลินเล่อ”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10990


หมายเหตุ...พระรูปภาพประกอบ คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งทรงเป็น “พระอภิบาล” ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุและเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร


:b8: :b8: :b8: ขอบุญกุศลทั้งมวล ความดีทั้งมวล โปรดมารวมเป็นพลังเป็นปัจจัยได้หนุนนำคุ้มครองรักษา ให้แสงสว่างแห่งปัญญา ให้สติในการดำเนินชีวิต ให้ความเจริญรุ่งเรืองสงบเย็น จงบังเกิดแก่เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกท่านด้วยนะค่ะ สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ ค่ะ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2012, 13:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b20: :b20: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ธรรมโฆษ และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร