เชียงราย เป็นจังหวัดในฝันของผู้คนหลายๆ คน เมืองแห่งนี้เล่าขานกันว่าอิ่มเอิบไปด้วยวัฒนธรรมล้านนาที่งามล้ำและ ภูมิประเทศสวยงามยากที่หาใดจะเหมือน เบื้องหลังม่านหมอกของเชียงราย ยังเต็มไปด้วยพุทธสถานแผ่นดินธรรมที่สวยงามและมีความสำคัญอยู่หลายแห่ง

ภูมิประเทศที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เชียงรายยังเป็นประตูสันทวไมตรี สู่กลุ่มประเทศอินโดจีนอันมี พม่า ลาว และเวียดนาม

ภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนเป็นที่อยู่ของชาวเขาซึ่งมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง เป็นที่น่ายินดีว่าบนยอดเขาหรือดอยต่างๆ ปัจจุบันพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ไปถึง ชาวเขาจำนวนไม่น้อยนับถือพุทธศาสนา การเดินทางแบบประทักษิณรอบจังหวัดเชียงราย เริ่มต้นจากกราบนมัสการพระธาตุดอยตุง พระธาตุที่สำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัด เรื่อยเลาะไปยังอำเภอต่างๆ เพื่อสักการะพระธาตุที่สำคัญในจังหวัดซึ่งอยู่บนที่ราบบ้าง อยู่บนดอยบ้าง พร้อมทั้งไปกราบนมัสการพระธาตุของประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางม่านหมอกกับสายลมหนาว เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และรับประกันได้ถึงความสุขทั้งจากการที่ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และความปิติในบุญตลอดเส้นทาง

ทริปทำบุญนี้ ขอเปิดม่านหมอกแห่งเชียงราย กลางดือนธันวาคม ปี 54 พาท่านไปสักการะพระธาตุ ข้ามโขงไปทำบุญต่างประเทศ และแถมด้วยขี่ม้าขึ้นดอยชมทะเลหมอกแบบพาโนราม่า

ค่อยๆ ทยอยลงภาพวันละเล็กละน้อย และขอเชิญท่านไปชมภาพความประทับใจด้วยกันเลยค่ะ

พระธาตุดอยตุง

พุทธศาสนิกชนที่ได้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดเชียงราย คงจะต้องไปกราบนมัสการพระธาตุดอยตุงก่อนเป็นอันดับแรก

พระธาตุดอยตุงเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงรายที่มีความสำคัญอันดับหนึ่ง ซึ่งพระธาตุแห่งนี้ตั้งอยู่บดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง

คำว่า”ตุง”หมายถึงธง หรือ ตามตำนานเล่าว่า "สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองนครโยนกนาคพันธ์ เมื่อพระองค์ได้ทำตุง (ธง) มีความยาว 1,000 วา ปักบนยอดเขา หากตุงปลิวไปถึงที่ใดก็ให้กำหนดเป็นฐานขององค์พระเจดีย์ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่บรรจุพระรากแก้วขวัญเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า"

"ต่อมาพระมหาวชิรโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายพระเจ้ามังรายะนธิราช (โอรสของพระเจ้าอชุตราช) พระองค์จึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับพระเจดีย์องค์เดิม นับจากนั้นเป็นต้นมาพระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้"

ตุงมีความหมายว่า ธง ซึ่งเป็นเครื่องบูชาของชาวล้านนา
การปักธงตะขาบหรือตุงไว้บนยอดเขาเพื่อแสดงถึงดินแดนของพระพุทธศาสนาเป็นที่มาของคำว่า "ดอยตุง"

การขึ้นนมัสการพระธาตุดอยตุงทำได้ตลอดปี ถ้ามาดอยตุงปลายปีจะได้สัมผัสอากาศหนาว และชมดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข1 ไปทางอำเภอแม่สาย ก่อนถึงอำเภอแม่สายระหว่างกมที่870-871 มีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข1149 ระยะทาง17กม ถึงดอยตุง

เจดีย์สีทองอร่ามแท้จริงได้บูรณะขึ้นมาใหม่โดยสร้างครอบเจดีย์เดิมในปี 2470,เป็นทรงระฆังสององค์บนฐานแปดเหลี่ยม สร้างแบบศิลปะล้านนา เป็นที่เคารพรักยิ่งของ ทั้งชาวไทย ชาวพม่าและพุทธศาสนิกชนชาวลาว

พระเจดีย์ทั้งสองมีประวัติยาวนาน ผ่านวันเวลามาแล้วหลายร้อนหนาวและเป็นหลักฐานสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนา ทั้งยังเป็นปูชนียสถานทำให้ได้เห็นร่องรอยของเรื่องราวในอดีต

การสักการะพระดอยตุงในยามเช้าทำให้ได้สูดบรรกาศอันสดชื่น และได้ชมพันธุ์ไม้สสวยๆทั้งรถยนต์ก็ไม่มากนักทำให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่ชื่นชอบดอกไม้ ควรแวะไปสวนแม่ฟ้าหลวงและพระตำหนักดอยตุง ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง

ขอเชิญติดตามทริปทำบุญเต็มอิ่มของเชียงรายในม่านหมอกในวันถัดๆไปค่ะ

สถานที่แห่งนี้ ดุสิตธานี เองเคยไปกราบมาหลายครั้ง หากแต่กว่าก็เว้นช่วงไปนานมากๆ ได้มาชมภาพชุดนี้แล้วคิดถึงเป็นที่สุด ขอบพระคุณมากนะคะที่นำมาฝากกัน จะรอติดตามภาพต่อไปเรื่อยๆค่ะ

[size=150]พระธาตุต่างๆเมืองท่าขี้เหล็ก [/size]

ด้วยภูมิประเทศที่มีข้อได้เปรียบเรื่องการซ่อนเร้น และยากแก่การค้นหา ทั้งยังเป็นจังหวัดเดียวที่มีอาณาเขตติดถึงสามประเทศ อันเรียกว่า”สามเหลี่ยมทองคำ” สมัยอดีตดินแดนเหนือสุดแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่หลบซ่อนของเหล่าผู้ค้ายาเสพติดข้ามประเทศอย่าง “ขุนส่า” ที่มีชื่อเสียง แต่ก็นั่นเองภายใต้กฎแห่งธรรมชาติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ทุกสิ่งล้วนแต่มีความเปลี่ยนแปลงไปโดยเสมอ เมื่อฉากชีวิตของขุนส่าจบลง พร้อมกับการปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดขึ้น เชียงรายจึงเปิดตัวใหม่ ในฐานะนางหงส์แห่งเมืองทะเลภูเขา อันสลับซับซ้อนทั้งยังเป็นประตูสันทวไมตรีสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการค้ายุคใหม่

อำเภอแม่สายนอกจากมีชื่อว่าเป็นดินแดนเหนือสุดในสยาม วันนี้แม่สายยังเป็นประตูสู่ประเทศพม่าพุทธจักรอันเจริญรุ่งเรืองสูงสุดอีกแห่งหนึ่ง เดินทางประทักษิณเรื่อยมาจากดอยตุงถึงแม่สาย เพียงแค่มีบัตรประชาชนใบหนึ่งทีรับรองว่าถือสัญชาติไทยก็สามารถเข้าไปกราบนมัสการพระธาตุในเมืองท่าขี้เหล็กชายแดนพม่าได้ เสร็จแล้วยังสามารถกลับมาทำบุญที่วัดไทยต่อได้ภายในวันเดียวกัน

ข้ามแดนผ่านไปทำบุญประเทศเพื่อนบ้าน เชิญชมภาพความประทับใจได้เลยค่ะ

โดยสามล้อท้องถิ่นที่พูดภาษาไทยได้ ผ่านเส้นทางที่อาจจะไม่ราบเรียบนักเหมือนถนนในประเทศไทย การเที่ยวชมวัฒนธรรมแปลกใหม่ พร้อมกับขนมพื้นเมืองในมือร้อนๆ อย่างซาโมซาเพื่อคั่นเวลา
ระยะทาง 8 กิโลเมตรบนทางขรุขระก็ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมนักและก็มาถึงวัดพระธาตุโมนิน - โมนิล หรือเรียกอีกชื่อว่าวัดบ้านลม ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดท่าขี้เหล็กประมาณ 8 กม. นมัสการพระมหาเมี๊ยจำลอง ชมพุทธเจดีย์อันประดิษฐานเรียงรายซับซ้อน อันเป็นวัดที่ชาวไทใหญ่และชาวไทยนิยมมาสักการะ

เมื่อมองไปโดยรอบก็จะเห็นวิหารทาสีแดงและสีทองดูยิ่งใหญ่และอร่ามมตา ลือชื่อช่างศิลป์พม่าลูกหลานนักรบกล้าบุเรงนอง...

พระเจดีย์องค์กลางคือพระเจดีย์ตั้งเดิม แต่พระเจดีย์ที่รายรอบองค์กลางนั้น สร้างขึ้นมาใหม่โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทย ผู้มีความศรัทธามาสร้างร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวพม่า