วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 00:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 07:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ในกรณีมีผู้บอกกล่าวว่า การกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ถูกต้องตามหลักการในพระไตรปิฏก
ในความเห็นของผม การกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป เป็นเรื่องสอดคล้องกับหลักการในพระไตรปิฏกอย่างยิ่ง
และในความเห็นของท่าน คิดว่าการกราบไหว้พระพุทธรูป สมควรหรือไม่ ผิดถูกอย่างไร เชิญมีความเห็นได้
ตามอัธยาศัยครับ

แก้ไข เพิ่มข้อความ

ผมจะตอบทุกความเห็นที่พิจารณาแล้วไม่เป็นเหตุวิวาทะหรือแตกแยกครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แก้ไขล่าสุดโดย กามโภคี เมื่อ 22 ก.ย. 2011, 11:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2730-19.jpg
2730-19.jpg [ 139.28 KiB | เปิดดู 10955 ครั้ง ]
พูดยากครับมันอยู่ที่เจตนา เพราะสมัยยังมีพระชนม์อยู่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญแค่การบูชาสังเวชนียสถาน เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพานใหม่ๆ ก็ยังไม่มีพระพุทธรูปในศาสนาพุทธแต่แกะสลักเป็นธรรมจักรแทน เป็นการแสดงถึงปํญญาของชาวพุทธว่าไม่มีอัตตาตัวตนที่ใหนมีแต่พระธรรม(พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นจึงชื่อว่าเห็นพระองค์)ต่อมาอีกหลายร้อยปีพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ จึงมีการแกะสลักรูปเคารพเกิดขึ้น จึงจะเห็นว่าพระพุทธรูปเป็นของเกิดใหม่เป็นวัตถุไม่ใช่ธรรมดั้งเดิม
แต่ก็นั่นแหละครับผมว่าถ้านับถือแล้วเป็นพุทธานุสติระลึกคุณของพระพุทธเจ้า เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ทำดีก็สมควรนับถือต่อไป จนเมื่อศึกษาธรรมจนจิตถึงพระพุทธเจ้าองค์แท้คือพระธรรมแล้วจิตย่อมคลายความยึดมั่นไปตามลำดับและปล่อยวางสมมุติได้ :b8:
แต่ถ้าถือแล้วยึดติดติดเป็นท่านนั่นเทพนี่มีอิทฤทธิ์ปาฏิหารนั้นนี้ต้องเซ่นสรวงบูชาเหมือนท่านมีอัตตา(เป็นองค์ หรือมีวิญญานอย่างคน)แล้วติดตังไม่ก้าวไปหาธรรมผมว่าถือแบบนี้เป็นอันตรายยิ่งถือยิ่งไกลจากธรรมแท้ :b14: อย่างว่าละ่ครับอยู่ที่ใจเจตนา

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แก้ไขล่าสุดโดย ขณะจิต เมื่อ 24 ก.ย. 2011, 20:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักษา เขียน:
สอดคล้องยังไงครับ คุณอธิบายได้มั้ย หรือแค่ความรู้สึก คิดจะอ่อยเหยื่อเหรอคุณ
เดี๋ยวคนก็ทะเลาะกันตาย องค์ประกอบของศาสนาพุทธมีอะไรบ้าง


ผมสามารถอธิบายได้ โดยใช้หลักทั่วๆไปในพระไตรปิฎก แต่ใครจะมีความเห็นแย้ง ก็สุดแท้แต่ข้อ
วินิจฉัยของคน เพราะแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

ถ้ามองผมได้แค่ตัวแดงๆที่ผมทำไว้ คุณก็จะเข้าใจแค่ที่คุณเข้าใจบอกไว้ละครับ

ทักษา เขียน:
เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคุณ กระทู้อย่างนี้ไม่สมควรตั้ง มันเป็นเรื่องของความเชื่อ
เรื่องของจิตใจ สิ่งเคารพบูชา เพราะมันจะเป็นการจุดประเด็นให้คนอื่นเขาทะเลาะกัน ผมว่าคุณ
รู้เรื่องนี้ดี แต่คุณก็ยังจะตั้งกระทู้ล่อตะเข้ คุณนำเรื่องสิ่งเคารพบูชามาโพสต์เป็นเรื่องตลกขบขัน
เฮฮาปาร์ตี้หวังจะให้กระทู้ได้รับความนิยมเยี่ยงนี้ มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง


ผมรู้ดีเลยว่าศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และคิดว่าเข้าใจในความละเอียดนั้นดีพอ และไม่ได้มี
เจตนาร้ายในประการต่างๆตามที่คุณเข้าใจ อย่าด่วนตัดสินคนในแง่ร้ายจนเกินพอดี

จริงๆแล้ว เรื่องการกราบไหว้พระพุทธรูปนี้ ก็มีความละเอียดอ่อนไม่ยิ่งหย่อนกว่าการปฏิบัติธรรมของ
สำนักต่างๆที่จะมีขัดมีแย้งกันไปตามหลักการและเหตุผลในแต่ละคนประสบมา ความสำคัญ ผู้ที่จะพูดคุย
ต้องวางจิตที่เป็นกลางจริงๆเท่านั้น

การขัดแย้ง การไม่ลงตัวของสำนักต่างๆ อาจจะน่ากลัวกว่าประเด็นนี้ก็ได้ เพราะแบบนั้นเนื่องด้วยความ
หลุดพ้นตรงๆ จะหลุดพ้นหรือไม่ จะถูกทางผิดทาง จะช้าจะไว จะทุกข์กันต่อไป อันนั้นน่ากลัวกว่าประ
เด็นที่ผมนำขึ้นมาสนทนาซะอีก แต่ก็ปล่อยให้นำมาพูดกันได้อย่างเสรีและไปตามเหตุตามผลกัน ข้อนี้
คุณว่าจริงไหม

ยังไม่รู้จักผมเลย อย่ามาด่วนสรุปว่าผมโพสไปเพื่อหาเรื่อง หรือเพื่อตลกขบขัน ถ้าใครก็ตามที่เข้ามาสนทนา แล้วไปในแนวทางนั้น ผมไม่ปล่อยให้มันยืดยาวหรอกครับ

ถ้าอ่านกระทู้ จะมีอยู่กระทู้หนึ่งที่พาดพิงถึงผมด้วยข้อความที่ไม่จริง และนับจากวันที่ผมบอกว่าผมไม่ยุ่ง
ผมหยุด ผมก็ไม่เคยคลิกเข้าไปอ่านเลย ใครจะมองผมในแง่ดีแง่ร้ายอย่างไร เป็นเรื่องของคนอื่น ผมมุ่ง
หยุดที่ตัวผม คนอื่นทำให้ผมดีไม่ได้ และ ผมเลือกที่จะคุยกับคนที่กลางๆโดยเหตุผล ผุ้ที่มองคนอื่นด้วย
เจตนาที่ดีโดยส่วนมากก่อนเท่านั้น

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แก้ไขล่าสุดโดย กามโภคี เมื่อ 23 ก.ย. 2011, 06:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
พูดยากครับมันอยู่ที่เจตนา


คุณคิดเหมือนผม อยู่ที่เจตนาแท้ๆ ให้มีหลักฐานอย่างไรแค่ไหน ก็คงไม่เกินเจตนาไปได้

ขณะจิต เขียน:
เพราะสมัยยังมีพระชนม์อยู่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญแค่การบูชาสังเวชนียสถาน เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพานใหม่ๆ ก็ยังไม่มีพระพุทธรูปในศาสนาพุทธแต่แกะสลักเป็นธรรมจักรแทน เป็นการแสดงถึงปํญญาของชาวพุทธว่าไม่มีอัตตาตัวตนที่ใหนมีแต่พระธรรม(พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นจึงชื่อว่าเห็นพระองค์)ต่อมาอีกหลายร้อยปีพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ จึงมีการแกะสลักรูปเคารพเกิดขึ้น จึงจะเห็นว่าพระพุทธรูปเป็นของเกิดใหม่เป็นวัตถุไม่ใช่ธรรมดั้งเดิม


ข้อที่คุณกล่าวมา พบหลายที่ ที่พระองค์ไม่ได้มุ่งหมายให้ยึดติดที่ตัวบุคคลหรือวัตถุเลย

ขณะจิต เขียน:
แต่ก็นั่นแหละครับผมว่าถ้านับถือแล้วเป็นพุทธานุสติระลึกคุณของพระพุทธเจ้า[/color] เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ทำดีก็สมควรนับถือค่อไป จนเมื่อศึกษาธรรมจนจิตถึงพระพุทธเจ้าองค์แท้คือพระธรรมแล้วจิตย่อมคลายความยึดมั่นไปตามลำดับและปล่อยวางสมมุติได้


ตรงที่ผมทำแดงๆไว้ ขออนุญาตมี คห.
กราบแบบนี้ละครับ กราบถึงองค์พระพุทธเจ้า :b8:
ถ้ากราบโดยคิดว่าเป็นสิ่งอื่น แม้ที่สุดว่าจะคุ้มครองป้องกันภัยได้ กราบให้ตายก็ไม่ถึงพระองค์

มีคำพูดหนึ่งว่า กราบพระพุทธ สะดุดทองคำ โดยนัยก็คือ เจตนากราบอะไร

ขณะจิต เขียน:
แต่ถ้าถือแล้วยึดติดติดเป็นท่านนั่นเทพนี่มีอิทฤทธิ์ปาฏิหารนั้นนี้ต้องเซ่นสรวงบูชาเหมือนท่านมีอัตตา(เป็นองค์ หรือมีวิญญานอย่างคน)แล้วติดตังไม่ก้าวไปหาธรรมผมว่าถือแบบนี้เป็นอันตรายยิ่งถือยิ่งไกลจากธรรมแท้ :b14: อย่างว่าละ่ครับอยู่ที่ใจเจตนา


เห็นด้วยครับ
ผมเชื่อว่ากราปลูกศรัทธาในบางคน จำต้องปูพื้นตั้งแต่เรื่องง่ายๆก่อน แล้วค่อยพัฒนาไปตามลำดับขั้น
ตอน จะไปห้ามการกราบไหว้บูชาก็กระไรอยู่ น่าที่จะอธิบายการกราบไหว้ให้ถูกต้องจะดีกว่า อุปมา
เช่นเดียวกับการกราบไหว้เถ้ากระดูกของพ่อแม่เราเอง เรามุ่งหมายกราบไหว้คุณความดีที่ท่านเลี้ยงเรามา
ไม่ได้มุ่งหมายว่าเถ้ากระดูกคือพ่อแม่เรา แต่ เมื่อเราเห็นเถ้ากระดูก ก็ได้อนุสสติ ระลึกรู้ถึงคุณท่าน

ขอบคุณครับที่สนทนา

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


อันนี้มันก็แล้วแต่คน การกราบมันอยู่ในใจ ยกตัวอย่างเช่น ผมกราบพระพุทธรูปร่างกายผมก็กราบไปแต่ว่าจิตของผมก็นึกถึงความบริสุทธิ์ของจิตท่าน บางคนก็กราบเฉยๆสักแต่ว่าทำตามกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมกราบพระพุทธรูปก็ได้ ไม่กราบก็ได้ ได้ทั้งสองทาง

ผมเป็นคนที่ยังไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆชักเริ่มไม่ค่อยได้กราบพระพุทธรูป แต่ว่ากราบหมอนก่อนนอนบ้างเป็นการถวายความเคารพด้วยกาย ทำเหมือนคนในสมัยพุทธกาล เสมือนว่าสมเด็จพ่อยังอยู่ คือกราบความดีของท่าน

แต่ถ้าประกาศว่า อย่าไปกราบปูนหรือทองเหลืองอันนี้ สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่ได้ศึกษา มันก็ต้องเป็นเรื่องแน่ เพราะถ้าเป็นผู้ปฏิบัติได้ระดับหนึ่งแล้วก็คงเข้าใจกันดีอยู่ ถ้าวิปัสนาแบบถึงผู้รู้แล้วก็ยิ่งจะไม่มีอะไรให้พูดใหญ่ แต่ว่าโดยการกระทบตามสังขารทังหลายแล้วก็ต้องว่ากันไปตามนั้น(คือว่าตามสมมุติ) แต่ผมเป็คนเล่นพุทธานุสติอยู่แล้ว อย่างเช่นนึกถึงบารมี 30 ทัศ หรือ ทศพลญาณ ความเป็นสัพพัญญูความเป็นศาสดาเอก ก็เป็นการถวายความเคารพอยู่แล้วไม่ต้องก้มกราบพระพุทธรูปก็ได้

ถ้ามองตามต้องการของสมเด็จพ่อสมณโคดมแล้ว ท่านคงไม่ต้องการ การบูชาด้วยการกราบหรือถวายดอกไม้หรือของหอมจากเราหรอกมั้ง ท่านคงต้องการสิ่งอื่นมากกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
อันนี้มันก็แล้วแต่คน การกราบมันอยู่ในใจ ยกตัวอย่างเช่น ผมกราบพระพุทธรูปร่างกายผมก็กราบไปแต่ว่าจิตของผมก็นึกถึงความบริสุทธิ์ของจิตท่าน บางคนก็กราบเฉยๆสักแต่ว่าทำตามกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมกราบพระพุทธรูปก็ได้ ไม่กราบก็ได้ ได้ทั้งสองทาง


เป็นท่านที่ ๒ ที่พูดโดยนัยยะเรื่องของเจตนา
คล้ายกับผมอย่างหนึงคือ กราบก็ได้ ไม่กราบก็ได้ มีก็กราบ ไม่มีก็กราบ มุ่งที่การปฏิบัติตนมากกว่า

tonnk เขียน:
ผมเป็นคนที่ยังไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆชักเริ่มไม่ค่อยได้กราบพระพุทธรูป แต่ว่ากราบหมอนก่อนนอนบ้างเป็นการถวายความเคารพด้วยกาย ทำเหมือนคนในสมัยพุทธกาล เสมือนว่าสมเด็จพ่อยังอยู่ คือกราบความดีของท่าน


คล้ายกับอ่านพบเหมือนกับว่า ท่านพระสารีบุตร ท่านก็กราบไปทางทิศที่พระพุทธเจ้าอยู่
ส่วนตัวผม ถ้าอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป ก็กราบไปทางพระพุทธรูป แต่ถ้าไม่มี ผมจะกราบไปทางทิศ
พายัพเสมอ นัยว่า ทิศนั้นเป็นภูมิประเทศที่พระพุทธเจ้าท่านอยู่

tonnk เขียน:
แต่ถ้าประกาศว่า อย่าไปกราบปูนหรือทองเหลืองอันนี้ สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่ได้ศึกษา มันก็ต้องเป็นเรื่องแน่ เพราะถ้าเป็นผู้ปฏิบัติได้ระดับหนึ่งแล้วก็คงเข้าใจกันดีอยู่ ถ้าวิปัสนาแบบถึงผู้รู้แล้วก็ยิ่งจะไม่มีอะไรให้พูดใหญ่ แต่ว่าโดยการกระทบตามสังขารทังหลายแล้วก็ต้องว่ากันไปตามนั้น(คือว่าตามสมมุติ) แต่ผมเป็คนเล่นพุทธานุสติอยู่แล้ว อย่างเช่นนึกถึงบารมี 30 ทัศ หรือ ทศพลญาณ ความเป็นสัพพัญญูความเป็นศาสดาเอก ก็เป็นการถวายความเคารพอยู่แล้วไม่ต้องก้มกราบพระพุทธรูปก็ได้


อนุโมทนาครับ พูดแบบกลางๆดี การศึกษา เข้าใจ และการเข้าถึงในศาสนาสำคัญมาก

tonnk เขียน:
ถ้ามองตามต้องการของสมเด็จพ่อสมณโคดมแล้ว ท่านคงไม่ต้องการ การบูชาด้วยการกราบหรือถวายดอกไม้หรือของหอมจากเราหรอกมั้ง ท่านคงต้องการสิ่งอื่นมากกว่า


ท่านตรัสไว้ครับ สรรเสริญการปฏิบัติบูชา

ขอบคุณมากครับสำหรับการสนทนา :b8:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


เราซื้อทุเรียนมากินนั้นเราแกะกินแต่เนื้อทุเรียน ไม่ได้กินเปลือกทุเรียน แต่ถ้าไม่มีเปลือกทุเรียนเราจะได้กินเนื้อทุเรียนได้อย่างไรกัน onion

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เก็บเกี่ยว เขียน:
เราซื้อทุเรียนมากินนั้นเราแกะกินแต่เนื้อทุเรียน ไม่ได้กินเปลือกทุเรียน แต่ถ้าไม่มีเปลือกทุเรียนเราจะได้กินเนื้อทุเรียนได้อย่างไรกัน onion


นับถือเลยครับ ชัดเจนจริงๆ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 16:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2011, 16:42
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตลงเรื่องอานิสงส์การทำบุญ จาก www.84000พระธรรมขันธ์.com

39 อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป
...... นัยว่าพระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนคร
เป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช
พระเจ้ามหารถราช ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา
เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่ง
ใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆจะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี
จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้า
ลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณมีขนาดองค์ประมาณ 1 ศอก
แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป
พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ
ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด
พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม
มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว
ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"
อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ(พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือ
ท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชา
พระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว 7 ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น
เหนือพื้นน้ำพญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้
ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่ง
ให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอ
ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้วทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช
พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี 6 ประการ
จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิคย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้น
ในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์
พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียร
แล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก
ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค
แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น
เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส
แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง
พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทอง
ปิดพระพุทธรูป
เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน "
ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์
เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา
เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ
เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป
พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากร "
ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์
ในอนาคต " แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน
พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์
เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากครับคุณแก้วเก้า

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 00:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เพราะคนโบราณ ศรัทธาก่อนจึงเห็น
แต่คนสมัยนี้ต้องอาศัยการเห็นก่อน จึงศัทธา
พระพุทธรูปจึงเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เกิดความศรัทธา

เป็นแค่ความเห็นที่คิดเอง ไม่มีที่อ้างอิงค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 06:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทักทาย เขียน:
เป็นแค่ความเห็นที่คิดเอง ไม่มีที่อ้างอิงค่ะ :b8:


ก็ถูกตามวิธีการแล้วเจ้าคะ

เรียงแบบนี้ๆ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ----------> ปัญญา (ท้ายสุดเลยนะเนี่ย)

พอความสามารถทางปัญญาเริ่มกล้าขึ้นก็จะ

ศรัทธา + ปัญญา
วิริยะ + ปัญญา
สติ + ปัญญา และ
สมาธิ + ปัญญา

ตนอิงตนที่ปฏิบัติ ไม่ต้องอิงอื่น

:b12: :b12: :b12:

ปล. ระวังภัยธรรมชาติหน่อย ดูข่าว ตปท.โดนอ่วมกว่าบ้านเราเยอะเลย :b5:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 07:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช้าๆอากาศสดใสดี เพราะมีฝนโปรยไปทั่ว ไม่อยากอ่านมหาปรินิพพานสูตรเลย ธรรมสังเวคในใจเกิด
ทำให้ต้องนั่งกำหนดรู้พอควร

สุต.ทีฆ.มหา.

ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวก
เราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ
ฯลฯ. (เนื้อความต่อไปมีเนื้อหาไม่ข้องกัน)


:b7: :b7: :b7:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 07:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: เช้านี้ที่บ้านอากาศดีเช้ามาเติมธรรมให้ชีวิตเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี ตื่นมาปั๊บผัสสะวิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร ขันธ์ทั้ห้าทำงานปุ๊บ การปรุงแต่งเริ่มแล้ว เจริญสติเจริญธรรมต่อไป ความทุกข์เอยเราจะปลดเปลื้องเจ้า ดับเจ้าต่อไป สาธุ :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แก้ไขล่าสุดโดย ขณะจิต เมื่อ 23 ก.ย. 2011, 11:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2011, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
:b9: ความทุกข์เอยเราจะปลดเปลื้องท่าน ดับท่านต่อไป สาธุ :b8:


:b2: เผลอหน่อยโดนทุกข์ขบแง๊บๆเลย :b9:

เผลอไม่ได้จริงๆคุณขณะฯ ยิ่งใครไปอ่านข่าวเรื่องพระเรื่องเจ้าตอนนี้ ห้ามเผลอ

ทุกข์ขบแง๊บๆเลย :b9:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 87 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร